คุณนายตกสวรรค์ พร้อมกับหนี้ 4 ล้านบาท

แก้วจ๋า ติดหนี้คุณอาไพโรจน์เพราะรับปากว่าจะเล่า (ประจาน) ชีวิตหนี้ของตัวเอง ให้สมาชิกรุ่นอื่นๆ ได้ใช้เป็นแนวทางหรืออุทาหรณ์ว่า อย่าทำแบบนี้เลย ตั้งไข่มาหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จค่ะ เพราะเป็นคนใจร้อน เขียนไม่เก่ง กลัวเขียนแล้ววกไปวนมา คนอ่านอาจให้ก้อนหินมากกว่าดอกไม้ เพราะอ่านไม่รู้เรื่อง วันนี้ว่าง เครื่องติดแล้วก็ไปโลดค่ะ

ทำไมกระทู้ชื่อนี้
ส่วนว่า ทำไมต้องตั้งชื่อกระทู้แบบนี้ ก็เพื่อให้เข้ากับตัวเองมากที่สุดค่ะ โดยลักษณะภายนอกของตัวเอง คนส่วนมากๆๆ ไม่คิดว่า จะเป็นลูกหนี้สร้างหนี้ได้ขนาดนี้ เคยบอกเพื่อนที่สนิทว่า ฉันเป็นหนี้ ยังถูกหัวเราะใส่ ว่ามาอำ บอกคนเคยชิดใกล้ก็ยังถูกดุ มาล้อเขาเล่น ครั้งหนึ่งเคยมีปัญหาเงินฝากถูกยึดโดยดอกบัวเน่า เลยนัดเจรจากับผู้จัดการปากจัดประจำแบงค์ดอกบัวเน่า เขาก็ปล่อยให้เรานั่งรอ พอเขาเดินเข้ามาเห็นเรานั่งอยู่ ก็ยิ้มแต่เฉยแล้วไปไล่ถามผู้จัดการสาขาว่า ลูกหนี้ที่นัดอยู่ไหน เราก็เลยยืนขึ้นตอบว่า ฉันอยู่นี้ เป็นลูกหนี้ เขาบอกว่า ไม่น่าเชื่อแถมพูดดีกว่าตอนโทรศัพท์ มันคือ สัจจธรรมว่า ดูแต่ภายนอกไม่รู้ถึงภายใน

ที่มาของหนี้
ตั้งแต่เล็กจนโต และจนทำงาน ชีวิตก็ประมาณคุณหนู อยากได้อะไรก็ได้อย่างนั้น เคยมีบัตรเครดิตใบแรกเมื่อตอนคุณพ่อส่งออกนอกราชอาณาจักรไทยไปอยู่เกาะใกล้ๆๆ จำได้ว่าเป็นบัตรเครดิต AMEX (วีรกรรมกับแบงค์นี้จำจนตาย) เป็นบัตรเสริมจำกัดวงเงิน เผื่อลูกตกระกำลำบาก ส่งเงินให้ไม่ทัน จะได้รูดสบายๆๆ พอเข้าทำงานก็ทำงานกับบริษัทระดับชาติ สารพัดแบงค์จึงกรูเข้ามาเชิญทำบัตรพลาสติก ต่างก็บอกว่า พี่ไม่ต้อง น้องทำให้ พี่แค่เซ็นชื่อและเตรียมเอกสารให้น้อง ทุกอย่างเป็นอันสำเร็จน้องๆ นักขาย จนบางครั้งเรายังบอกว่า พี่มีมากแล้วนะ น้องบอก ไม่เป็นไร ช่วยน้องทำยอด จนสุดท้าย พี่ก็ตายเพราะความใจอ่อน ทำให้พี่ได้บัตรเครดิตรวมสินเชื่อทั้งหมด 33 บัญชี กับ 18 ธนาคาร ทะลุเป้ามากค่ะ นี้คือคำตอบของที่มาของมูลหนี้ 4ล้านกว่าบาท เหตุผลที่ตกผลึกวันนี้ เพราะแก้วจ๋าทำผิดวินัยการเงินแบบนี้ค่ะ

1 ทุกบัญชีใช้อย่างเต็มที่ คิดดูว่า ถ้าบัตรใบหนึ่งวงเงิน 100000 บาท ใช้เต็มที่ หนี้ก็คงประมาณนี้ค่ะ เพราะตัวเองไม่ได้เป็นเจ้าของธุรกิจ ไม่ใช่นักลงทุน ไม่ได้ซื้อทรัพย์สิน บ้าน ที่ดิน เลยสักนิด (มีแต่ของใช้ส่วนตัวที่ไม่มีค่า ที่ซื้อมาอย่างไร้สติตอนนั้น)
2 แก้วจ๋าก็เป็นเช่นสมาชิกท่านอื่นๆ ที่หลงทาง เลือกที่จะแก้หน้ามากกว่าแก้ไข พอจนตรอกก็ใช้บัตรเหล่านี้มากดเงินครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งที่รู้ว่า กด 1ครั้ง แบงค์ก็กินดอกไปแล้ว 3% แต่ตอนนั้นหน้ามืด มีแต่ความกลัว แทนที่จะหาข้าวใส่ท้องตัวเองกลับนั่งเครียดนอนเครียดหาเงินไปจ่ายให้แบงค์รวยๆ พวกนี้ให้ทันกำหนดเส้นตายในแต่ละเดือน
3 การรวมหนี้หวังหมดหนี้ กลายเป็นเพิ่มหนี้ค่ะ ไปขอสินเชื่อเพิ่ม และ refinance รถ เพื่อหาเงินมาปิดกลับปิดไม่ได้ ทำให้หนี้งอกงามมากค่ะ และ
4 การจ่ายขั้นต่ำ ทำให้ดอกเบี้ยได้ปุ๋ยดี แบงค์ชอบค่ะ แต่เรากรอบ หนี้บาน
ส่วนทำไมต้องใช้จ่ายเกินตัวขนาดนี้ คงตอบว่า ถ้าตัวคนเดียวคงไม่สร้างหนี้ขนาดนี้ แต่ไม่โทษคนอื่น โทษตัวเองที่คิดว่า เอาอยู่ (ขอใช้วาทะคำพูดแห่งปี)แต่สุดท้ายไม่อยู่ เมื่อวันที่วิกฤติปี 52 มาเยือน จึงทำให้ล้มทั้งยืน

บุญยังมี
แต่เหมือนพรหมลิขิตแบบคุณ Titan บอก หรือบุญที่ทำไว้ยังมีอยู่ ทำให้เจอชมรมฯ นี้ จำได้ว่า วันนั้น จนปัญญาจะหาเงินมาจ่ายบัตรตามกำหนดแล้ว คิดสั้นๆ ว่า จะหางานเสริมตามเน็ทบอกดี (ดีที่ไม่ทำ ล่อให้ไปหาแล้วต้องเสียเงินซื้อของก่อนจะได้เงินมาอีก) หรือเงินตามเสาไฟหรือตู้โทรศัพท์ดี (ตอนนี้หาไม่ค่อยมีแล้วละ) ทั้งกลัวจะหนีเสือปะเข้ แต่ไม่รู้จะหาเงินจากไหนได้อีก เต็มและตันหมดแล้ว ก็นั่งพิมพ์คำว่า หนี้ ก็ออกมาให้เห็นชมรมหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ลองอ่านดู เออ มันใช่ มันโดนใจมาก เรารอดแล้ว โทรหา HOT LINE แต่ตอนนั้นคงผิดเวลาค่ะ ไม่มีคำตอบ เลยตั้งกระทู้ถาม และคุณเก่งเป็นคนชี้ทางสว่างให้ค่ะ (แม้จะดูเข้ม แต่ก็โอเคค่ะ) เข้ามาตอบกระทู้ เพียงสั้นๆและคำเดียวเท่านั้น อย่างคุณคือ ต้องหยุด มีหนี้เกินรายได้ หลายสิบเท่า ติดลบจนตกขอบเลยละ (แค่เกิน 10เท่าก็แย่แล้ว แต่ของแก้วจ๋านี้ สุดแย่ค่ะ)

แต่กว่าจะมั่นใจ หยุด (วิธี second-way out) ก็มีคำถามในใจคล้ายทุกคนค่ะ กลัว จะทำได้จริงหรือ เจ้าหนี้จะทวงหนี้ประจานหนี้เราที่ทำงานไหม นายรู้จะไล่ออกไหม จะเอาเงินที่ไหนมาปิด ในเมื่อวันนี้ ยังไม่มีกินเลย กลัวถูกฟ้อง กลัวถูกอายัดเงินเดือน กลัวที่บ้าน เพื่อนๆ รู้ จะทำไง ทั้งกลัวทั้งอาย ไปคุยกับคุณอาประพัฒน์และคุณอาไพโรจน์ที่ปรึกษาของชมรมฯ ที่สวนลุมต่อ จนมั่นใจจึงตัดสินใจ หยุด โดยเหลือเพียง 1ใบไว้ใช้ยามฉุกเฉินค่ะ และพยายามจ่ายมากกว่าขั้นต่ำค่ะ ตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ ตั้งใจอ่าน แล้วนำมาปรับใช้กับตัวเองค่ะ ใช้สารพัดวิธีปลดหนี้เอาไว้เล่ารายละเอียดแต่ละหนี้ที่ปิดทีหลังค่ะ ขอรวบรวมตัวเลขให้แน่นอนก่อนค่ะ

ทวงหนี้ไร้จรรยาบรรณร้องเรียนได้

เมื่อคุณคิดจะหยุด สิ่งที่ต้องเตรียมตัวเตรียมใจรับมือคือ พวกทวงหนี้ค่ะ เขาเรียกเนื้อคู่ค่ะ มีลูกหนี้ก็ต้องมีเขา แก้วจ๋าโชคดีไม่ค่อยเจอพวกโหด หยาบคาย เจอแค่ 2ครั้ง และเป็นกรณีแรกที่ใช้วิธีประจานทวงหนี้โหดกับธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ผลค่ะ เช่นกรณีของ Cetelem เล่นส่ง postcard เขียนข้างหน้า ไม่มีปิด โชว์ให้ทุกคนเห็นว่า ด่วนมาก เตือนครั้งสุดท้ายก่อนฟ้องคดีอาญา/แพ่ง แล้วจะส่งเจ้าหน้าที่มาอายัดทรัพย์สินเพื่อขายทอดตลาด โกรธมาก ส่งฟ้องธปท. พร้อมหลักฐาน ซึ่งก่อนหน้านี้ คนทวงก็ไม่ค่อยพูดดีอยู่แล้วค่ะ ไม่ยอมลดทั้งที่ตัวเองก็ปิดกิจการไปแล้ว ผลออกมา ได้ลดค่ะ ตั้งแต่นั้นมา ใครพูดหรือบริการแย่ ส่งเข้าธปท. ให้อบรมมารยาทตลอด ซึ่งธปท.ก็ให้ความร่วมมือดีมาก ติดตามงานตลอดเวลา ส่งหนังสือไปก็ตอบกลับ พร้อมโทรมาถาม เป็นไง เจรจาได้ไหม ลดไหม จนเป็นเพื่อนกันไปแล้ว อีกคนย้ายหน้าที่ ก็มีคนใหม่มาบอกว่า ผมมารับหน้าที่ดูแลพี่แทนครับ สามารถไปร้องเรียนได้ที่ www.bot.or.th เหมือนที่คุณปูเป้เจ้าแม่ที่เคยเล่าการทวงหนี้โหดร้องเรียนได้ค่ะ คุณจะร้องผ่านทางเวปไซด์หรือการเขียนหนังสือส่งทางไปรษณีย์ก็แล้วแต่ค่ะ ของแก้วจ๋า เขียนผ่านเวปของ BOT ค่ะ

นับจนถึงเดือนนี้ ก็หยุดมาเกือบ 2ปีกับ 9เดือนค่ะ(หยุดประมาณมีนาคม 52ค่ะ) เจรจาไปจนหมดแล้ว มีทั้งจบกันง่ายๆ ลดมากๆ จบก่อนฟ้อง ซึ่งแก้วจ๋าถูกฟ้องไป 11 เจ้าหนี้แต่หลายบัตร ไม่มีการฟ้องอีกต่อไป แต่คุณอาประพัฒน์ยังขออย่าเพิ่งย้ายสำมะโนครัวกลับ ให้รอปิดสนิท ไร้กังวลก่อนค่ะ แก้วจ๋าสามารถปิดจบกันระหว่างฟ้องหรือหลังฟ้อง และขอยืนยันว่า การขอส่วนลดทำได้ตลอดเวลาที่เรามีเงินพร้อมค่ะ และจะลดกี่เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่เรื่องหลักค่ะ ขอให้ลดและไม่เวอร์ก็พอค่ะ แก้วจ๋าไม่ติดที่ต้องลด 50% ตลอดทุกเจ้า ปิดไป 1 ก็หมดไป 1 ค่ะ แต่หากใครอยากได้ลดมากๆๆ ต้องทำใจว่า คุณต้องเป็นคนที่มีความเสี่ยงสูงที่เจ้าหนี้เขาต้องกลัวว่า ไม่มีทางได้คืนค่ะ (ไม่พร้อมก็ต่อค่ะ ต่อไว้ก่อนแต่รู้ในใจว่า จะเอาเงินมาจากทางไหนค่ะ) แก้วจ๋ายังมีเหลือยอมความกันอีก ซึ่งคงรอผ่อนไปอีกสักพัก ประมาณกลางปีหน้า จึงค่อยขอส่วนลดปิดจบกันเสียทีค่ะ แต่รอเงินมาก่อนค่ะ

เป็นกำลังใจให้กับมิ่งมิตรผู้อารีย์ของอังเสมอ...

ขอบคุณค่ะพี่อัง ผู้สวยประหารใจเจ้าหนี้ ชีวิตของพี่ก็ครบรสเหมือนกันนะค่ะ
เมื่อไร จะฟื้นคืนชีพค่ะ รักษาสุขภาพก่อนนะค่ะ เรายังต้องเก็บแรงสู้เจ้าหนี้อีกปี
หน้าค่ะ

ชอบคุณแก้วจ๋า อ่านของคุณแก้ว ดีจัง เหมือนเราก็มีกัลยามิตร

ขอบคุณค่ะ ที่กด LIKE ที่นี่ให้ความรู้สึกเหมือนเกิดมาเป็นคนเผ่า
เดียวกัน พูดจาภาษาเดียวกันค่ะ มีอะไรช่วยได้ ขอให้บอกมานะค่ะ ว่างๆลองส่ง
เรื่องราวของคุณมาบ้างนะค่ะ รออ่านค่ะ

ขอบคุณนะคุณอนาคิน ที่มากด LIKE ผู้คุมกฎของชมรม ทำหน้าที่
ได้เยี่ยมมากค่ะ
แต่น้อง อย่าลืม ของฝากคุณอาประพัฒน์นะค่ะ ขอบคุณอีกทีค่ะ

ขอเล่าต่อนะค่ะ ที่เล่ามาแก้วจ๋า แค่ตกมาขั้นที่ 1 ค่ะ คือ รู้ว่ามีหนี้หลักล้านแล้ว
รู้แล้วว่า ต้องหยุดค่ะ ตามที่คุณอาได้บอกว่า
ถ้าถังน้ำเธอรั่วทั้งถัง ใส่น้ำไปเท่าไร น้ำก็ไม่เต็มถัง รั่วออกมา ยิ่งรูมากก็รั่วเร็วมาก
สิ่งที่ต้องทำคือ หยุดเติมน้ำ แล้วมาซ่อมถังหรือกระเป๋าเงินของเธอก่อน
หลังจากนั่งคิดนอนคิดว่า หนี้ตั้งหลายล้านจะเอาจากไหนมาจ่าย ตอนนั้น
ก็เริ่มจาก 0 มีแต่เงินเดือน ซึ่งดีหน่อยว่า เงินเดือน 5 หลักค่อนข้างสูง
แต่ทรัพย์สินมีค่าไม่มีแล้ว (ที่เคยมีจากมรดกคุณพ่อคุณแม่ก็ไปนอนใน
โรงจำนำหมดแล้ว) เรื่อง รถ ซึ่งยังผ่อนจากการ Refinance อยู่ และ
ยังต้องใช้รถอีกค่ะ จึงเป็นที่มาของการทำ ตารางหนี้ และรายรับรายจ่าย
ประจำวันประจำเดือนของแก้วจ๋า และเป็นที่มาของการหักดิบชีวิตประจำ
วันของตัวเองค่ะ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น

ก่อน /หลัง
ซื้อหนังสืออ่านเล่น หนังสือพิมพ์ทุกวัน / งด (อ่านใน internet)
เคยทำผมครั้งละ 500-5000 / 250 (ก็สวยได้)
มือถือ เคยจ่ายเดือนละ 1000-2000 / 400 (โปรโมชั่นต่ำสุด ขอแค่โทรเข้าออกได้ค่ะ)
ค่าอาหาร วันละ 500-1000 / 200 (พยายามไม่เกินค่ะ กินเพื่ออยู่ค่ะ)
เสื้อผ้า ครั้งหลายพัน ซื้อแต่ในห้าง / 50-199 (เลือกที่ดูดีค่ะ)
ดูหนัง ฟังเพลง ซื้อ CD/DVD / งด (รอTrue Vision)
ของขวัญ เพื่อน ญาติ / พยายามใช้ Face Book หรือมือถือส่งอวยพร
กาแฟ ขนม เช่น Starbuck / งด (รอคนมาให้)

ที่เล่ามาคือ ตัวอย่าง การหักดิบเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกให้หมดค่ะ และเก็บ
เงินให้มากและเร็วที่สุดค่ะ ไม่เคยดีใจเท่ากับวันที่เห็นมีเงินเก็บกับเขาในบัญชีเพิ่ม
ขึ้นเรื่อยๆ แม้จะต้องเก็บไว้เพื่อจ่ายหนี้เขาต่อไปก็ตามค่ะ นี้คือ การตกสวรรค์ขั้นที่ 2ค่ะ

อุ๊ย...!!!!

ขอโทษนะจ๊ะ...รีบๆ คิดว่าเรื่องเล่าของใครกัน...เพิ่งได้อ่าน...

เอาจริงๆซะทีีนะ...ใครว่าใจร้อน พูดเนิบๆ...

รอดไปนะ งานนี้...มหาภัย ยินดีด้วย

ขอเวอร์ชั่นเต็มเลยนะ....เรื่องเล่าขั้นมหากาพย์..ว่าไปเลย เดี๋ยวจะเล่ามั่ง...

ปีใหม่นี้ไปเที่ยวไหน?..บางแสนมั้ย...ซักวัน?

ท่านพี่ ....หลุดจากน้องน้ำมานานแล้วใช่ไหมค่ะ...ไปขายของเหมือนเดิมแล้วใช่ไหมค่ะ
เข้าใจว่า บ้านตอนนี้ทำความสะอาดหมดแล้วสินะค่ะ....พี่เหนอสะอย่าง...เปลี่ยนวิกฤติ
ให้เป็นโอกาสหาบ้านใหม่เลยสิค่ะ เขาว่า ปีหน้ามาใหม่นะ คนกรุงต้องมี 2บ้าน แทนที่
จะช่วยกลับพาออกทะเล
ขอบคุณค่ะ ที่มาเยี่ยมบ้านเฮา หลังจากร่อนเรไปหลายบ้าน ถูกคุณอาขอมา ให้มีบ้าน
ของตัวเอง แล้วคุณอาอาจจะมาร่วมเปิดบ้านของตัวเอง แบบให้ข้อมูลวิชาการด้าน
คำนวณดอกเบี้ยกับเราด้วยนะค่ะ คงรอชมปีหน้าค่ะ
ว่างๆ ก็มาคุยกันที่บ้านเรานะ...ไปบางแสน ขอคิดก่อนนะ ตอนนี้ตั้งหน้ารอวันหยุด
เหนื่อยเหลือเกิน...ทำงานปริมณฑล กว่าจะวิ่งกลับบ้านในเมืองก็ประมาณ 1ทุ่ม
ถึงบ้านก็แปลงกายยายแจ๋ว กว่าจะเสร็จก็ประมาณ 3ทุ่ม เสาร์อาทิตย์ทำงานบ้าน
ทั้งวัน ไม่รู้ว่า งานบ้านทำไมถึงมากมาย ไม่น่าคนงานถึงลาจากกลับพม่า ไม่ได้ไปหา
คุณอาที่สวนลุมเลยละ อาจไปปีหน้าฟ้าใหม่ค่ะ

คิดถึง คุณแก้วจ๋ามิ่งมิตรผู้อารี อย่างที่ซู๊ดดดดดดดดดดด.......

เช่นกันค่ะ

หมั่นใส้...พี่เหนอ...ขวาง...เราอยู่ทั้งคนไม่ชวน..มาชวนคุณแก้ว..ไปเที่ยวบางแสนซะงั้น..

มีอะไรจะแก้ตัว..รีบเลย..

อะ.อะ..เขาล้อเล่งน่า....

คุณแก้วมาแล้ว...พี่ลีดีใจจัง..

เรื่องราวของคุณแก้วเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับลูกหนี้และคนที่กำลังจะเป็นลูกหนี้....

ให้รู้จักคิดก่อนที่จะตัดสินใจเป็นหนี้ โดยเฉพาะหนี้บัตรพลาสติก..

ณ วันนี้...พี่ลีคิดว่ามันค่อนข้างจะสายไปสักหน่อยที่หยุดจ่าย...

แต่ไม่สายที่จะกลับใจ..เลิกกันที..พอกันที..เครดิตทั้งหลาย..จบกัน...

คิดถึงคุณแก้วนะ....ปีใหม่นี้ขอให้โชคดี....อย่าเจ็บอย่าไข้นะคะ...

ปล..พี่ลี..โดนไอ้นำโชคมันกัด...ที่เดียวกับมือคุณลุงเลย...ตีซะน่วม...ไว้จะเล่าให้ฟังวันหลังนะ


หายไวๆๆนะค่ะ พี่เหนอ เขาชวนไปทั่วค่ะ ไม่มีวันลืมพี่ลีคนสวยอยู่แล้วค่ะ
ขอให้พรพี่ลีเป็นจริงจัง แก้วจ๋าอยากหายค่ะ

นึกถึงพี่ลีตอนใส่ชุดว่ายน้ำได้เลยละ นางงามทุกเวทีชิดซ้ายตกขอบไปเลย

Angsuu เขียน: เป็นกำลังใจให้กับมิ่งมิตรผู้อารีย์ของอังเสมอ...

ขอบคุณค่ะพี่อัง ผู้สวยประหารใจเจ้าหนี้ ชีวิตของพี่ก็ครบรสเหมือนกันนะค่ะ
เมื่อไร จะฟื้นคืนชีพค่ะ รักษาสุขภาพก่อนนะค่ะ เรายังต้องเก็บแรงสู้เจ้าหนี้อีกปี
หน้าค่ะ

ขอบคุณคะที่ติดตามเรื่องราวของอัง (แฟนพันธุ์แท้ของอัง) ...กระทู้เดิมจะกลับคืนมาได้ไหม อังขอให้คุณแก้วมีเงินมีทองใช้ไม่ขาดมือนะคะ
รักษาสุขภาพด้วยนะ โชคดีตลอดไป สวัสดีปีใหม่ 2555 คะ เป็นกำลังใจให้และคิดถึงมิ่งมิตรผู้อารีย์ของอังเสมอคะ...

รออ่านรายละเอียดของแต่ละเจ้าอยู่นะครับ พี่แก้ว

ขั้นที่ 3 การจัดการหนี้แต่ละเจ้าค่ะ

ตามใจน้องชายสุดหล่อหน้าใส มาดเข้มแต่ใจดีที่สุดหน่อยค่ะ



เจ้าแรกที่ปิดได้และประเดิมด้วยส่วนลด 50% ค่ะ ที่นี่ให้ส่วนลดดี คุยไม่ยากแต่รอเวลาค่ะ
1. UOB Cash เป็นบัญชีแรกที่ปิดได้ ยอดตอนหยุด มีนา 52 อยู่ที่ 16700กว่าบาท โทรมาแบบนิ่มๆทุกเดือน ไม่ลดมากกว่า 13000 บาท จนถึงส.ค. 52 บอกว่ายอมให้ปิดที่
9900 บาทจากยอด ณ วันเจรจา 20600 บาทดีใจมากที่ทำสำเร็จค่ะ ลดไป 52% ค่ะ แม้ตอนแรกยังมีคำถามคาใจ เพราะเขาเสียงแข็งมาตลอดว่า ไม่ลดจากที่บอกว่า 13000 บาท ใจหนึ่งก็อยากจ่าย เพราะเงินเก็บมีพร้อมปิดค่ะ หรือจะรอต่อไปให้ได้ 50% แล้วค่อยจ่าย 2จิต2ใจ แต่เอาละ สู้มาหลายเดือน รอต่อไปให้ได้ตามเป้าหมาย ทำใจฟ้องเป็นฟ้อง พอรอต่อ เออ เขาลดให้เราจริง ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นว่า วิธีปลดหนี้แบบนี้ทำได้แน่ค่ะ

สำหรับค่ายนี้ แก้วจ๋ามีอีก 3 บัญชีค่ะ (เก่งไหม555)

2. UOB บัตรกดเงินสด ยอดหยุดเดือนเมษา 52ที่ 103000 บาท มาจบที่
50000 บาท เกือบ 1ปีค่ะ ปิดตอนมี.ค 53 จากยอด 125000 บาท
(ลดประมาณ 51%)
3. UOB VISA/MASTER อีก 2ใบ เสียงแข็งตลอด ว่าลดให้ 15-30% ยอดตอนหยุดเมื่อเมษา 52 รวมกันที่ 151000 2ใบนี้ ยื้อมานานกว่าใบที่ผ่านมาค่ะ จนส่งฟ้องที่ 186000
ไปศาลกับคุณอา เมื่อพ.ค 53 สำนักงานสมเกียรติ์ก็ยังพูดเหมือนเดิม ไม่มีนโยบายลด ไม่ลดก็อย่าเอาเงินฉันไปเลย จนถึงวันสืบพยาน สนง.นี้โทรมาบอกว่า พี่ ธนาคารเสนอลดให้พี่เอาไหม 50% ให้จ่าย 93000 บาท พี่ปิดไหม แจ้งกลับไปว่า มีแค่ 80000 บาท ขอใบละ 40000 บาท ถ้าได้ปิดทันที สักพักโทรกลับ ตกลงตามที่ขอไปค่ะ จบที่ 80000 บาทค่ะ (ลดประมาณ 57%)
หมดหนี้กับ UOB ไป 4 บัญชีค่ะ

ของพี่ลี...วีรกรรมกันสำนักงานกฏหมายสมเกียรติ..เป็นคนทวงหนี้ให้ ซิตี้แบ็งค์เรดดี้..

..ไม่มีนโยบาย...ไม่มีส่วนลด...ถ้าจะปิดจะตัดดอกเบี้ยให้..ให้จ่ายเฉพาะเงินต้น

เงินต้น 77000 ตอนนี้ รวมดอกก็เก้าหมื่นกว่า...ถ้าฟ้องจะฟ้องที่ แสนกว่า...

แต่ถ้าจะปิดให้ปิดที่ 77,000 บาท

เหรอคะ...ฟ้องเลยน้อง..พี่รออยู่...ลดมาได้.....เจอกันที่ศาลแล้วกัน..

เจ้านี้..พี่บอกเลย..ถ้าไม่ได้ 55 ไม่ปิด..

เพราะเป็นสมาชิกมานานมาก 7 ปีได้มั๊ง...ได้ดอกไปบานตะไทแล้ว..ยังจะงกอีก...สู้กันยันฎีกาเลย...ไม่กลัวเว้ย

ชอบคำตอบพี่ลี สุดยอดครับ

พอมีความมั่นใจ อะไรๆ ก็เอาอยู่ ไม่กลัวค่ะ 2 รายต่อจากนี้ติดอันดับ Top ของพวกชอบขู่ ชอบประจาน
หยาบคาย และรังควานไม่เลือกเวลา
1 PowerBuy


ตอนหยุดมี.ค 09 ยอดอยู่ที่ 52000 บาท ใช้เบิกเงินสดไปเต็มๆๆ พอบวกดอกเบี้ยไปจนถึงก.ย 09 ยอดเด้งมาที่ 62600 บาท ต่อรองมาหลายสำนักงาน จนมาเจอเหตุที่พนักงานทวงหนี้ โทรมารังควานไม่ยอมหยุด เซ้าซี้ว่า เราสารพัด ตอนนั้นกำลังขับรถอยู่ บอกว่า ขับรถ ตอนนี้ไม่มี เดี๋ยวค่อยคุย เธอไม่ยอม วางสายก็ต่อมาใหม่ จนต้องเลี้ยวเข้าโรงพัก แจ้งความลงบันทึกประจำวันว่า ผู้หญิงที่ไหนไม่รู้จัก เจ้าของเบอร์มือถือนี้ โทรเข้ามาก่อกวนไม่ยอมวางสาย หลังจากได้ใบแจ้งความก็ส่งให้บริษัท เจ้าหนี้โทรกลับมา ขอโทษ สักพักสนง. ศักยภาพโทรมาเสนอปิดที่ 31000 บาทพร้อมใจดีให้ผ่อน พอดีตอนนั้นมีเงินเก็บพอประมาณ เลยเสนอไปที่ 25000 บาท ได้รับอนุมัติที่ 26000 บาทค่ะ

2 Cetelem



ส่วนรายนี้ ตามที่ได้เกริ่นไว้ข้างต้น เป็นเจ้าหนี้ที่ใช้คนทวงหนี้ที่สุดถ่อยและหยาบคายที่สุด เป็นเจ้าแรกที่ใช้บริการของธปท. ส่งเรื่องร้องเรียนเพราะส่งการ์ดมาประจานลูกหนี้ เจ้าหนี้รีบโทรมาขอโทษ พร้อมทั้งขอเสนอปิดที่ฟังดี ตอนหยุดยอดอยู่ที่ 20600 บาท รวมดอกเบี้ย 8เดือน อยู่ที่ 24000 บาท ยอมให้ปิดที่ 11000 บาทผ่อน 2งวดค่ะ

ผู้คุมกฎมาแล้ว เล่นใส่รูปนานเกินไปหน่อย เพราะระบบรวน ขอจรลีไปก่อนนะ ขอโทษค่ะ

พี่ลี เขียน: ของพี่ลี...วีรกรรมกันสำนักงานกฏหมายสมเกียรติ..เป็นคนทวงหนี้ให้ ซิตี้แบ็งค์เรดดี้..

..ไม่มีนโยบาย...ไม่มีส่วนลด...ถ้าจะปิดจะตัดดอกเบี้ยให้..ให้จ่ายเฉพาะเงินต้น

เงินต้น 77000 ตอนนี้ รวมดอกก็เก้าหมื่นกว่า...ถ้าฟ้องจะฟ้องที่ แสนกว่า...

แต่ถ้าจะปิดให้ปิดที่ 77,000 บาท

เหรอคะ...ฟ้องเลยน้อง..พี่รออยู่...ลดมาได้.....เจอกันที่ศาลแล้วกัน..

เจ้านี้..พี่บอกเลย..ถ้าไม่ได้ 55 ไม่ปิด..

เพราะเป็นสมาชิกมานานมาก 7 ปีได้มั๊ง...ได้ดอกไปบานตะไทแล้ว..ยังจะงกอีก...สู้กันยันฎีกาเลย...ไม่กลัวเว้ย

สุดยอดพี่ ... ขอด้วยคนค่ะ

อู้ว !!! มิน่าพิมพ์เต็มหน้าแถมใส่รูปอีก กด ENTER ปุ๊บหายปั๊บในบัดดล...แง แง แง...

จะบอกว่าพี่ลีนะเธอเป็นตัวแม่ของเวทีนางงามเลยล่ะ หากใครจะแจ้งเกิด...

ขอบอกกลับไปคิดให้ดีๆ นะจ๊ะ...

ส่วนพี่เหนอเธอเป็นเจ้าชายคาสโนว่า ชวนสาวออกเดทได้ตลอด นี่ก็ไปตามน้องนุ้ยป่านนี้ไม่รู้อยู่ไหนแล้ว

นัดกันไว้ว่าทุกอย่างลงตัวหายยุ่งขิงเมื่อไร จะไปลั่นล้าที่ตลาดน้ำตลิ่งชันกัน...ยังไม่ทันจะได้ไปเลย

จะไปเที่ยวบางแสนซะอีกแล้ว ยังไงก็อย่าลืมชวนท่านประธานด้วยล่ะ น้องอนาคินอีกคน ส่วนท่านรอง

น้องกอบัวเธอคงไม่พลาดอยู่แล้ว...

คุณแก้วจ๋า "ไฮโซสาวสุดสวย" ย่างก้าวเข้าปีใหม่เป้ขออวยพรให้คิดเงินได้เงิน คิดทองได้ทอง

คิดหวังสิ่งใดๆ ขอให้สมปราถนา มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง ปราศจากภัยอันตรายใดๆ....

และมีความสุขทั้งครอบครัวนะคะ...

ขอบคุณค่ะพี่ลี พี่เป้คนสวยเสมอค่ะ เล่าต่อนะค่ะ



รายต่อไป Standard Chartered Bank มี 2 ใบวีซ่าและมาสเตอร์ ยอดตอนหยุดมี.ค 52 ที่ 98000 บาท ถูกกระหน่ำทวงหนี้พอสมควรจากเชษฐ์ ทั้งยั่วยุว่า เรามีเจตนาเบี้ยว ข่มขู่ว่า จะส่งฟ้อง อยู่บ้านเลขที่อะไร จะส่งหมายไป ขอส่วนลดไม่ให้ จะคิดดอกเบี้ย 14.99% (น้อยกว่าปกติแค่ 0.01) ก็เวียนไปที่สำนักงานทวงหนี้อื่นอีกมากมาย จนวนกลับมาที่เชษฐ์เมื่อเม.ย 53 ต่อรองจากที่เสนอมา 64000 ว่าไม่มี เสนอ 55000 ไม่พอ จนจบกันที 52000 บาท จากยอดหนี้ 113000 บาท เลยปิดกันไปค่ะ




รายนี้ดอกบัวเน่าที่วุ่นวายมาก แก้ไขสัญญากันหลายหน เป็น 1ใน 2เจ้าหนี้ที่ยอมประนอมหนี้ เพราะเงินเดือนผ่านแบงค์นี้ค่ะ แต่หลังจากนี้ก็เผ่นไปปิดแล้วเปิดบัญชีใหม่กับแบงค์ที่ไม่มีหนี้ค่ะ กลัวใจ
แก้วจ๋าเซ็นสัญญาส่งกันเรียบร้อย แต่โชคดีหรือร้ายไม่ทราบได้ คนไม่คีย์หรือระบบไม่รับ ไม่มีการแจ้งในระบบว่า เราเซ็นสัญญาประนอมหนี้ มี.ค 52 ยอดหยุดอยู่ที่ 132000 บาท 2 บัญชี อีกบัญชีเหลือ 7000 กว่าบาทยอมจ่ายปิด จึงโดนยึดเงินในบัญชีเงินฝากเมื่อก.ค 52 โทรด่วนไปที่ผู้จัดการจอมกวนของฝ่ายทวงหนี้ เจรจาจนได้ผลสรุปว่า จะเริ่มประนอมกันใหม่ หักที่ยึดไป แล้วลดดอกเบี้ยให้และบอกจะล้างดอกเบี้ยที่เกิดระหว่างหยุดอีก แต่ก็ไม่จบ ระบบไม่ปฏิบัติตามสัญญา โวยวายไปหาถึงที่แบงค์ออกมาขอโทษไม่รู้กี่ครั้ง สุดท้ายได้ลดดอกเบี้ยจาก 11 %เหลือ 8 % เสียเวลาเสียอารมณ์ ต้องเข้าไปที่แบงค์หลายรอบ แบงค์ที่ไม่เคยเป็นคู่คิด มิตรคู่ใจตามสโลแกนเลย หลังจากผ่อนเดือนละ 5000 บาทมาระยะหนึ่ง ประมาณ 1ปี เหลือหนี้อีก 90000 บาท ลองโทรไปหาว่า อยากปิดลดให้ไหม เพราะเคยรับปากว่า ผ่อน 1ปีแล้ว อยากปิดจะลดให้ ตอนแรกบอกว่า ไม่มีนโยบายลด (เบื่อคำนี้มาก) เลยบอกไปว่า จะถูกอายัดเงินเดือน จึงนึกถึงและคิดว่า ควรจัดการปิดที่นี่เป็นแห่งแรกดีกว่า กลัวแบงค์ไม่ได้เงินหากเราถูกอายัดเงินเดือนไป พนักงานแบงค์เธอก็ดีใจหาย ขอให้เรา FAX หมายศาล เราก็ FAX ไป(แต่เรื่องอายัดนะ -ขอขู่กลับบ้างค่ะ) เธอรีบไปขอส่วนลดมาให้ อนุมัติให้ปิดที่ 50000 บาทค่ะ สรุปเจ้านี้ จ่ายปิดที่ 110000 จากยอดหยุด 132000 บาทแต่คิดอกเบี้ยก็น่าจะประมาณ 142000 บาทค่ะ
แก้วจ๋าคิดว่า การประนอมหนี้ไม่ได้ช่วยอะไรมาก ถ้าเลือกใหม่ได้ก็จะไม่ประนอมหนี้ค่ะ ปล่อยให้มันเน่าไปแล้วต่อรองง่ายกว่าค่ะ แต่ตอนนั้นตัวเลขหนี้สูงมาก จะลดมามากแค่ไหนก็ไม่มีปัญญา เลยคิดว่าจะชะลอการฟ้องก่อนด้วยการทำประนอมหนี้บางเจ้าที่จำเป็นค่ะ ก่อนที่แก้วจ๋าทำประนอมหนี้ จะต้องดูเงื่อนไขที่ดีที่สุดค่ะ สำหรับลูกหนี้ โดยเฉพาะเรื่องดอกเบี้ย 0% ดีที่สุดค่ะ

อังขอมอบเพลงนี้ให้กับคุณแก้วมิ่งมิตรผู้อารีย์ของอัง...สวัสดีปีใหม่คะคุณแก้ว

ถูกใจมากที่สุดค่ะ ชอบเพลงนี้ค่ะ I LOVE YOU TOO....

ส่งความสุขในวันปีใหม่ 2555 ให้คุณแก้วจ๋าที่น่ารัก ปราถนาสิ่งใด ขอให้สมหวังในทุกๆสิ่งค่ะ

ขอบคุณค่ะ พี่เป้แสนสวยและแสนดีค่ะ แต่แสนโหดกับเจ้าหนี้เท่านั้นค่ะ
ขอให้พี่เป้สมดั่งใจหวังเช่นกันค่ะ และสุขภาพแข็งแรงมากๆ ตลอดปี55
และตลอดไปค่ะ

ขอเริ่มปีใหม่ด้วยเรื่องรถนะค่ะ

TISCO

เนื่องจากคิดสั้น ไป REFINANCE รถ โดยจำนองทะเบียนรถ เพราะตอนนั้นต้องการเงินไปปิดบัตรค่ะ แต่ตามกรรม ปิดไม่หมดค่ะ ก็ส่งค่างวดมาเรื่อยแต่เริ่มช้าหรือไม่ตรงงวดมากขึ้น จนเขาโทรมาว่า ต้องเสียค่าปรับแล้วหลังจากที่เขาอนุโลมยกเว้นให้ เราเลยโทรขอเจรจาหารือให้เขาช่วยบรรเทาปัญหาว่า 1 ยังไม่อยากให้ยึดรถ 2 กำลังจ่ายยังได้แต่ต้องรอเงินเดือนออก ซึ่งตามกำหนดของสัญญาที่ทำไว้ ต้องจ่ายกลางเดือน จึงทำให้ติดขัด สรุปได้ว่า โน้มน้าวขอทำสัญญาแนบท้ายเปลี่ยนวันครบกำหนดชำระให้เป็นประมาณวันเงินเดือนออกค่ะ แต่เสียค่าเปลี่ยนสัญญา 2000 บาท หลังจากที่เขายอมยกเว้นเรียกเก็บค่าปรับค่ะ ก็จ่ายมาได้สักพักจนคิดว่า คงถึงเวลาที่ลาจากรถอันเป็นที่รักแล้ว ก็เข้าไปคุยว่า ถ้าปิดบัญชี จะลดหนี้ให้ไหม ก็ได้คำตอบว่า เราเหลืออีกไม่ถึง 10งวด จึงไม่สามารถลดหย่อนได้ แต่จะพยายามไม่คิดเพิ่ม ขอให้รีบขายดาวน์และมาปิด แก้วจ๋าได้ลงประกาศในเวปขายรถ ไม่กี่นาที ก็มีคนโทรเข้ามาขอซื้อ ให้ราคาไม่ต่อมากแต่กลัว เพราะแต่ละคนที่โทรมาอยู่ต่างจังหวัด และขอลองรถก่อนหมด เคยได้ข่าวว่า ลองเอารถไปขับแล้วหายไปเลย จึงทำให้ไม่กล้าปล่อย จนสุดท้ายไปขายศูนย์ของรถ ได้ราคาพอให้ 3แสนกว่าบาท (รถอายุ 5ปีกว่าค่ะ) ที่ขายเพราะเราสามารถมาทำงานโดยระบบรถไฟฟ้าแล้ว และคิดว่า ค่าเดินทางน่าจะถูกลง และก็ถูกลงค่ะ อีกทั้งไม่มีปัญญาบำรุงรักษา และจ่ายค่าประกันรถอีกแล้วค่ะ ได้เงินมาปิดค่ารถ 7หมื่นกว่า ที่เหลือไปจ่ายหนี้ต่อค่ะ
หากท่านใด Refinance รถ หรือผ่อนรถแล้วเจอปัญหาแบบนี้ ขอแนะนำว่า ควรไปเจรจาเจ้าหนี้ค่ะ เจ้าหนี้เขาไม่อยากยึดรถถ้าไม่จำเป็นค่ะ เขาสามารถผ่อนปรนได้ ถ้าเราแสดงเจตนาจ่ายหนี้ค่ะ

Central Card

เป็นอีกบัตรที่ไม่ค่อยค้าคดีความค่ะ ไม่ค่อยตามราวีมากนักค่ะ ยอดหยุดอยู่ที่ 250000 บาท และก็ยอมลดให้ 50% ตั้งแต่ 6เดือนแรกที่หยุด แต่จนปัญญา ไม่มีเงิน ก็รอไปเรื่อยๆๆ สำนักงานทวงหนี้สำหรับที่นี่ มีเจ้าหลักคือ ประชาชนค่ะ สุดท้ายก่อนหมดอายุความฟ้องเพียงไม่กี่อาทิตย์ เสนอให้ปิดที่ 120000 บาท 1งวด แต่ต่อไปขอ 1 แสนถ้วน 1 งวด จากยอดหนี้ล่าสุด ที่ 280000 บาทค่ะ ผลออกมาว่า ยอมให้ปิดที่ 101000 บาท (เธอขอให้ช่วย 1พันค่ะ) ก็ยอมปิดกันไปค่ะ ที่นี่ได้ลดมากสุดแม้จะต้องร้องเพลงรอกันมานานแสนนานค่ะ

ส่วนหนี้ที่เหลือต่อไปนี้จะเป็นหนี้ที่ได้ถูกส่งฟ้องค่ะ

เริ่มด้วย AMEX (American Express) ค่ะ

เป็นบัตรแรกที่ฟ้องและสุดแสบมากค่ะ รวมทุกแบบทั้งพิพากษา หักคอจ่าย อายัดเงินเดือน และถอนอายัดเงินเดือน

ยอดหยุดที่ 192000 บาท แต่ฟ้องที่ยอด 244000 บาท เป็นอีกบริษัทฯ ที่ใช้บริการทวงหนี้ที่ชอบขู่อย่างเดียว ในฐานะมือใหม่ ก็โดนขู่ว่า ถ้าไม่จ่ายตามยอดที่เรียกเก็บ คือไม่มีลด จะส่งฟ้องแล้ว จะไม่มีการลดหย่อน ต้องเสียค่าทนาย ค่าธรรมเนียมสารพัดเป็นหมื่น คุยกับทนายก็บอกแบบใจเย็นมากๆๆ ว่า ทำงานมา 5ปี ไม่เคยลดให้ใคร บอกกี่ครั้งก็เหมือนเดิม คือเสนอให้

1 จ่ายขั้นต่ำเดือนละ 20000 บาท 10งวด หรือ
2 จ่ายเดือนละ 13000 บาทบวกดอกเบี้ย 12% เป็นเวลา 24เดือน

แต่เหตุการณ์กลับพลิกล็อก ทางโจทก์ถอนฟ้องหลังจากขอเลื่อนนัดศาลมาเจรจาใหม่ค่ะ เพราะเอกสารไม่ครบค่ะ อุตส่าห์เขียนคำให้การสู้เลยอดใช้ค่ะ หลังจากนั้นแก้วจ๋าก็ถือโอกาสย้ายสำมะโนครัวไปที่อื่นค่ะ อีกปีถัดไป ก็มาฟ้องใหม่ค่ะ ข้อเสนอแบบแผ่นเสียงตกร่อง เธอคนเดิมพูดเหมือนเดิมค่ะ เราคุยกันคนละภาษาค่ะ ในเมื่อเราทำไม่ได้ ก็ไม่รับค่ะจึง เป็นเคสเดียวที่ยอมให้ศาลพิพากษาคดีไปค่ะ คิดว่าจะได้รับความเมตตาบ้างค่ะ และท่านก็ให้ความเมตตาด้วยการพิพากษาให้เราจ่าย

เงินต้น 210000 บาท บวกดอกเบี้ย 13% จากยอด 203000 บาท นับจากเม.ย 52 (2ปี) ค่าทนายอีก 6000 บาท แพงกว่าที่อื่นยอดรวมประมาณ 270000 บาท

และก็ไม่มีการคุยเหมือนเดิม โทรหาก็โยนไปมาระหว่าง AMEX และสำนักงาน VR จนต้องใช้วิธีหักคอ และก็ได้เรื่อง จ่ายหักคอไปเดือนละ 5000 บาทเป็นเวลา 4เดือน ก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ ว่า เงียบจัง จึงโทรสอบถามกรมบังคับคดี จึงได้เรื่องว่า เพิ่งถูกส่งอายัดเงินเดือนเดือนแรก ตกใจที่ถูกอายัดเงินเดือนค่ะ ถามว่า ยอมให้อายัดคุ้มกว่าไหม ถ้าไม่ติดว่า เรายังไม่พร้อมที่จะให้อายัดและยังมีทางดิ้นรนได้ แก้วจ๋าอาจยอมให้อายัดเงินเดือน ซึ่งจะคุ้มกว่าค่ะ เพราะหนี้อื่นที่ยอมความไปก็ต้องแห้วค่ะ หลังจากเจรจาคุยกันหลายรอบกับ VR จึงได้ข้อสรุปให้จ่ายปิด โดยจ่าย 200000 บาท งวดแรก และอีก 5 หมื่นกว่า งวดที่ 2 (ได้รวมที่จ่ายไปแล้ว 20000 บาทแล้วค่ะ) ยอดทั้งหมดที่ต้องจ่ายมัน 271000 บาทค่ะ ไม่ลดสักบาทค่ะ แต่หากยอมให้อายัดเงินเดือนไป เราจะต้องถูกหักค่าดอกเบี้ยที่ค้างจนครบก่อน (5หมื่นกว่าบาท) แล้วถึงไปหักเงินต้นใหม่ บวกดอกเบี้ย ซึ่งคิดว่า ยอดจะสูงกว่านี้ จึงยอมหาเงินมาจ่ายมันไป และไปรอรับหนังสือปิดถึงบริษัท ฯ AMEX ก่อนหน้านี้ ก็ไปถอนอายัดที่กรมบังคับคดีกับ VR ค่ะ ใช้เวลา ครึ่งวันค่ะ ถือเป็นประสบการณ์ทั้งพิพากษา หักคอ อายัดเงินเดือน และถอนอายัด ในหนึ่งเดียวจริงๆค่ะ ไม่มีเจ้าไหนทำให้เหนื่อยได้มากเท่าเจ้านี้เลยค่ะ
ลืมเล่าว่า การไปศาลครั้งแรกคนเดียว ทั้งกลัวๆๆกล้าๆๆค่ะ แต่ได้คาถาชั้นดีจากคุณอา สู้ตายค่ะ ไม่เหมือนที่เราเคยเห็นในทีวี หรือข่าว หรือคำบอกเล่าคำขู่จากพวกทวงหนี้ เหมือนไปเขตค่ะ ไปดูห้อง แล้วนั่งรอเวลา คุยกัน ตกลงยังไม่ได้ก็เลื่อน ตกลงได้ก็รอเอกสาร ไม่มีอะไรน่าสพรึงกลัวแน่ๆค่ะ

CIMB

เป็นแบงค์ที่ไม่ค่อยตามทวงหนี้มากนัก หลังหยุดประมาณเกือบ 1ปี แบงค์ก็เสนอลด 50% แล้วค่ะ แต่ความที่ยอดหนี้ค่อนข้างสูงก็ปล่อยไปจนฟ้องค่ะ ยอดหนี้ตอนหยุด มี.ค 52 ประมาณ 250000 บาท แต่ยอดฟ้องกระโดดไปประมาณ 330000 บาท ทำให้ได้ไปขึ้นศาลแพ่งครั้งแรกค่ะ ก็ยื่นคำให้การสู้คดีไปจนต่อรองได้ส่วนลด 55% โดยให้จ่ายขั้นต่ำจาก หลักพัน (ไม่ต่ำกว่า 3000 บาทต่องวด) ไปปิดจบกันในเดือนที่ 6 ค่ะ ทั้งหมดจ่าย 150000 บาทค่ะ

(หากยอดฟ้อง 3แสนบาทขึ้นไป ต้องขึ้นศาลแพ่งค่ะ สูงกว่าศาลแขวง ดูน่าเกรงขามมากกว่า เพราะคนมาที่นี่ถูกฟ้องหรือฟ้องด้วยยอดหนี้หลักแสน หลักล้านค่ะ แต่แก้วจ๋าโชคดี เจอผู้พิพากษาอารมณ์ดีๆๆมากค่ะ ชวนคุย ส่งท้ายก็ถามว่า ทำยังไงถึงต่อรองลดได้เยอะจัง และแถมฝากบอกทุกคน อยากเห็นลูกหนี้มาศาลเยอะ ไม่มีอะไรน่ากลัว ก็ถ้าผู้พิพากษาเป็นแบบท่านทุกคนก็ดีนะค่ะ แถมมายอว่า ขอยกแก้วจ๋าเป็นลูกหนี้ดีเด่น ว่า ไม่หนี ก็จะหนีทำไม เจ้าหนี้ก็คนเหมือนกัน จะกลัวทำไม)

AIG

ลืมอักษร A อีกราย คือ AIG เป็นบัตรเครดิตค่ะ หนี้ตอนหยุด 12x,xxx บาท แบงค์นี้ไม่ค่อยโทรมาทวงแต่ขยันส่ง SMS ตลอดเวลา ส่วนลดตั้งแต่หยุดปี 52 จนถึง 54 ก็ไม่มาก ประมาณ 30-40% จนมาถึงสนง eco law ที่ทำเก๋มาขู่ว่า จะส่งฟ้องแล้วจะอัพยอดให้สูงมากๆ หาว่าไม่ยอมจ่ายหนี้ แล้วก็ถูกฟ้องจากสนง property ที่ยอด 16x,xxx บาท ทางฝ่ายทวงหนี้มักโทรมาเซ้าซี้ว่า จะจ่ายได้ไหม พอถามข้อเสนอก็เล่นแง่มากว่า ไม่มี ให้จ่ายเต็ม แต่ถ้าจ่ายทันทีก็ลด 20% คงยังไม่อยากได้เงินเรา ก็รอต่อไป ด้วยการยื่นคำให้การสู้คดี ทนายทางโจทก์ดูจะเข้าใจเห็นใจลูกหนี้มากกว่าแบงค์ พอนัดสืบ ขอเลื่อนเพื่อคุยกับแบงค์ก็ตกลงแต่โดยดี หลังจากที่แก้วจ๋าได้พยายามติดต่อเจรจากับสนง property ขอข้อเสนอ ทางตัวแทนบอกมีอำนาจลดได้แค่ 30% แต่เราขอลด 80,xxx ซึ่งเธอรับปากจะช่วยเสนอแบงค์ให้ พอน้ำท่วม เธอเลยหายไปกับน้องน้ำ ก่อนที่จะขึ้นศาลนัดที่ 3 จึงทราบว่าเธอลาออกไปแล้วและทิ้งเรื่องเรากลางอากาศ จึงสานต่อกับแบงค์โดยตรง ด้วยการขอจ่าย 80,xxx ระยะเวลา 2เดือนๆ ละ 40,xxx บาท เป็นอันจบปิดหนี้ตามที่เราเสนอไปอีกเจ้าค่ะ


CITI Bank

เป็นมหากาพย์สำหรับแก้วจ๋าค่ะ เพราะยอดหนี้สูงที่สุด เพราะมีทั้งหมด 4 ใบ ค่ะ 1 VISA 2 MASTER 3 Ready Credit 4 Diner รวมทั้งหมด ณ วันหยุด เม.ย ปี52 = 57x,xxx บาท ยอดฟ้อง ณ ปี 54 ทั้งหมด 557,xxx บาท เนื่องจากแก้วจ๋าตัดสินใจทำประนอมหนี้ แบบผ่อนสบาย 0% เป็นเวลา 1ปี ค่ะ แบบที่เคยบอกไม่ประนอมดีกว่า เพราะพอครบ 1 ปี หนี้เราเหลือประมาณ 5 แสนบาท คิดจะขอปิดที่ 50% ตามที่เคยรู้ว่าที่นี่ให้ส่วนลดประมาณนี้ กลับได้คำตอบแบบเจ็บใจจี๊ดๆว่า ไม่ได้ เพราะบัญชีคุณกลับมาปกติ ไม่เน่าแล้ว หากจะปิด ก็ลดอย่างมาก 30% เซ็งมากที่สุด เลยทะเลาะกับแบงค์แล้วหยุดจ่าย ปล่อยให้เน่าสมใจ ไม่ทวงหนี้แต่จัดฟ้องมาเป็นชุดๆๆ แล้วสุดซวยไปเจอสนง กฎหมายที่ไม่ค่อยอยากช่วย อยากได้เยอะๆ ก็เลยไม่ทำอะไรให้เลย ไม่ต่อรองไม่วิ่งขอส่วนลดให้ ทำใจปล่อยมันเข้าสู่ระบบยุติธรรม (ไม่รู้ยุติธรรมสำหรับใคร?) คุณอาท่านน่ารักมากจัดคำให้การอย่างดีมากเลย แก้วจ๋าชำระเกินไป 3 บัตร และขาดชำระไม่กี่หมื่นอีก 1บัตร แถมสัญญา call for cash มารวมกับบัตรเครดิตไม่ถูกต้อง การฟ้องน่าจะเป็นโมฆะตามที่เคยมีศาลอื่นเคยวินิจฉัยมาแล้ว แต่คนละศาลคนละผู้พิพากษาก็เสี่ยงดวงเอา พรุ่งนี้ขอมาต่อการฟ้องและจุดจบหนี้ของแต่ละตัวนะค่ะ

Hello!!!!

Happy New Year.2012

"Heaven must be missing an angel.!!!

'Cause now she's on Earth.!!...Ha Ha !!!


ปิดได้ตั้ง 7ใบ เสือซุ่มเงียบนะ

Angsuu เขียน: อังขอมอบเพลงนี้ให้กับคุณแก้วมิ่งมิตรผู้อารีย์ของอัง...สวัสดีปีใหม่คะคุณแก้ว

พี่ลี..ก็ชอบเพลงนี้...เหมือนกัน...ชอบมาก

คุณแก้ว..ขา...พี่ลี...รออ่านต่อ...เรื่องซิตี้แบ็งค์..อยู่ค่ะ...ของพี่ลีก็ใกล้แล้ว...

นี่ คุณพี่ลีขา..

เห็นแว๊บๆ จะปิดอะไรทีเดียวสามใบ?จะไปเล่าตรงไหน?

devil angel เขียน: นี่ คุณพี่ลีขา..

เห็นแว๊บๆ จะปิดอะไรทีเดียวสามใบ?จะไปเล่าตรงไหน?

นี่..คุณพี่เหนอ..ขา..ๆๆๆ

เมื่อไหร่จะมีบ้านของตัวเองซะที้....เที่ยวปีนบ้านคนโน้น..คนนี้..ระวังเขาจะยิงเอา...ร่วง

ยังไม่ว่าง...เรื่องมันยาว...นี่ก็แอบเข้ามานะ...งานยุ่งโค..ตร...

devil angel เขียน: Hello!!!!

Happy New Year.2012

"Heaven must be missising an angel.!!!

'Cause now she's on Earth.!!...Ha Ha !!!

พี่ลี เขียน: คุณแก้ว..ขา...พี่ลี...รออ่านต่อ...

เรื่องซิตี้แบ็งค์..อยู่ค่ะ...ของพี่ลีก็ใกล้แล้ว...

devil angel เขียน: นี่ คุณพี่ลีขา..

เห็นแว๊บๆ จะปิดอะไรทีเดียวสามใบ?จ ะไปเล่าตรงไหน ?

พี่ลี เขียน: นี่..คุณพี่เหนอ..ขา..ๆๆๆ

เมื่อไหร่จะมีบ้านของตัวเองซะที้....เที่ยวปีนบ้านคนโน้น..คนนี้..ระวังเขาจะยิงเอา...ร่วง

ยังไม่ว่าง...เรื่องมันยาว...นี่ก็แอบเข้ามานะ...งานยุ่งโค..ตร...

อิ อิ...ปล่อยให้พี่ชายกับพี่สาว บุกรุกเข้าบ้านคุณแก้วเธอไป ถ้าคุณน้องแก้วจ๋า

เธอเล่าเสร็จเมื่อไร เป้จะสั่ง print มานอนอ่านให้สบายใจเฉิบเลยทีเดียว คริ คริ... love love

แล้วก้ออีกอย่างนึง...พี่เหนอไม่รู้หรือว่าแกล้งไม่รู้...พี่ลีเธอจะเก็บเรื่องเล่าเช้านี้ เอ๊ย !!! ปิดบัตรนี้

ไว้เป็นหมัดเด็ดเก็บไว้เล่าให้สมาชิกที่เข้าอบรมหนี้ฟัง...เพราะพี่ลีของเราได้รับการคัดตัว

อึ๊บ !!! คัดเลือกเป็นวิทยากร...อบรมหนี้ให้กับสมาชิกชมรม...ขืนเธอมาเล่าตอนนี้เดี๋ยว

ถึงวันนั้น...เธอจะไม่มีทีเด็ดน่ะสิจ๊ะ...

welcome ค่ะ พี่เหนอขา อย่าโทษคอมพ์เลยค่ะ พี่ไปหาแผ่นอะไรมาใส่
เดี๋ยวโดนท่านไวรัสลงเครื่องหรอกค่ะ
พี่ลี เตรียมขึ้นเวทีหรือยังค่ะ โปรโมทได้เลยค่ะ เหลืออีก 3อาทิตย์เองค่ะ

พี่ปูเป้ เป็นไงบ้างค่ะ คิดถึงค่ะ

CITI Bank เป็นแบงค์สุดท้ายยื่นฟ้อง และกำลังผ่อนจ่ายปิดหนี้ค่ะ ต่อจากนี้แก้วจ๋าก็อดไปเยี่ยมเยียนศาลแขวงเหนือแล้วค่ะ

1. ขอเริ่มด้วย Ready Credit ยอดหยุด 227,xxx ยอดฟ้อง 222,xxx บาท หลังจากผ่อนมา 1ปี จ่ายไปแล้ว 3หมื่นบาท คุยกันตลอดแต่เจ้าหนี้ยังไม่ยอมลดให้ตามที่ขอไป แม้บางครั้งลดได้แล้วแต่ต้องจ่ายทันทีงวดเดียว ลุกหนี้อย่างเราก็ทำไม่ได้ค่ะ จึงปล่อยตามกระบวนการให้ท่านผู้พิพากษาวินิจฉัย โดยหวังว่าผลจะดีสำหรับลูกหนี้ ว่าการฟ้องเป็นโมฆะ (แม้ทำใจว่า ท่านแถวแขวงเหนือ มักจะทำเป้ามากกว่าดูคำให้การเรา) และผลการพิพากษาก็ออกมาแบบเดิมๆ ให้จ่าย
ต้นเงิน 199,xxx บาท บวกดอกเบี้ย12% ของต้นเงิน ตั้งแต่ก.ยปี53 (1ปี) บวกค่าทนาย3000บาท คำนวณคร่าวก็เท่ากับยอดฟ้อง ฮิ ฮิ เซ็งเป็ด กว่าจะเจรจาได้ข้อยุติที่แก้วจ๋าสามารถทำได้และเขายอมรับก็เหนื่อยโคตร เพราะชอบเล่นลูกโยน ระหว่างแบงค์กับสนงทวงหนี้ อีกทั้งไม่ยอมลดเกินกว่า 30% สุดท้ายจึงต้องจ่าย 15x,xxx บาท โดยแบงค์เสนอ
1. สูตร 1 จ่าย 1แสน เดือนแรกแล้ว ปิดอีก 5หมื่นเดือนถัดไป พอบอกว่าไม่มีเงินก้อนขนาดนั้นก็เปลี่ยน
2. สูตร 2 จ่าย 4หมื่นแรก แล้วตามด้วย ที่เหลือเดือนถัดไป
แต่สุดท้าย เมื่อเงินไม่พอก็ต้องขอเลื่อนการจ่ายเป็นเดือนถัดไป อ้อ ก็ยังดีที่รอกัน
เดือนถัดไป คุยใหม่ คราวนี้แบงค์เริ่มงอแง หาว่า คราวที่แล้วอนุมัติไปแล้วไม่ทำ คราวนี้ก็กลัวไม่ทำอีก จึงไม่ลดแล้ว เออ ชักมีน้ำโห จึงบอกกลับว่า ถ้าคิดจะไม่จ่ายจะไม่โทรมาให้เสียเวลาหรอก และคราวที่แล้วทำไม่ได้ก็มีเหตุผลชี้แจงก่อนมีมติอนุมัติ ไม่ใช่เงียบหาย หากไม่เห็นใจลูกหนี้ ไม่คุยเจรจากันดีๆๆ ก็จะได้บอกแบงค์ชาติว่า ลูกหนี้พยายามเต็มที่ที่จะจ่ายแต่แบงค์ไม่เห็นใจ พยายามขูดรีดเงินจากคนไม่มี ไม่ปฏิบัติตามที่ธปท บอกว่า ให้ช่วยบรรเทาทุกข์ลูกหนี้ในช่วงน้ำท่วม (อ้างสารพัด) ถ้าไม่ลองให้เรา จะรู้หรือว่าเราจะจ่ายจริงหรือเปล่า ถ้าเราเบี้ยว แบงค์ก็ต้องรอ เพราะเราขู่ว่า เราถูกอายัดเงินเดือนไปแล้ว ไม่มีอะไรให้อายัดอีก

สรุปมาถึงสูตร 3 ที่ตกลงกันได้ว่า จ่าย เดือนละ 1หมื่น 3 เดือน ปิดที่เหลือ เดือนที่ 4 ซึ่งเดือนนี้เป็นเดือนที่ต้องปิดหนี้สำหรับ RC และ VISA/MASTER ค่ะ


กลับเข้าสู่เรื่องหนี้ที่ยังไม่จบ ขอท้าวเรื่องเดิม เรื่อง Ready Credit ที่ยอดหยุด 227,xxx
ยอดฟ้อง 222,xxx บาท หลังจากได้ข้อสรุปสูตร 3 ที่ตกลงกันได้ว่า จ่ายปิดที่ 1 แสน 5หมื่น
บาท โดย จ่าย เดือนละ 1หมื่น 3 เดือน ปิดที่เหลือ ประมาณ 1แสน 2 หมื่น เดือนที่ 4 (มกราคม55)
เป็นเดือนที่ต้องปิดจบหนี้ทั้งหมด รวมทั้ง VISA/MASTER สำหรับ CITIBANK ค่ะ (ขาดDINER
ยังรออีก 2เดือนถึงจะปิดค่ะ)

หลังจากแน่ใจแล้วว่า หาเงินมาปิดได้ไม่ครบ เมื่ออังคารที่ผ่านมา แก้วจ๋าได้โทรขอความเห็นใจ
จากแบงค์และสำนักงานกฎหมายที่ดูแล ว่าตอนนี้ไม่สามารถทำตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้สำหรับ
Ready Credit เนื่องจากบริษัท ฯ ขาดทุน ไม่จ่ายโบนัส ไม่ปรับเงินเดือน (แต่ไปจ่ายน้ำท่วม ทำใจ)
ขอปิดเฉพาะ VISA/MASTER ไปก่อน ส่วนตัว Ready ขอแบ่งจ่ายครึ่งๆ เดือนนี้ 6หมื่น ที่เหลือจ่ายปิดเดือนหน้า เพื่อไม่ให้หนักจนเกินกำลังค่ะ วันนี้เขาตอบตกลงตามข้อเสนอของแก้วจ๋า จะส่งหนังสือยืนยันเงื่อนไขใหม่พรุ่งนี้ค่ะ

อยากบอกว่า ทุกปัญหาแก้ไขได้ ถ้าเรามีเจตนาที่ดีที่จะจ่ายค่ะ การคุยเป็นสิ่งที่ดีที่สุดค่ะ เพื่อหาทางออกของทุกปัญหา ขอแค่อย่าหนีค่ะ (ยกเว้น ไปเจอคนงี่เง่าค่ะ แต่ก็อย่าละความพยายามนะค่ะ คงไม่มีคนงี่เง่าไม่รับฟังคนทั้งบริษัทค่ะ)

2 Visa/Master
ยอดหยุด 12x,xxx ยอดฟ้อง 115,xxx บาท เพราะผ่อนสบายไปแล้ว 16,xxx บาท ฟ้องโดยสนง เดียวกับ RC แต่แยกฟ้อง ดังนั้น พอคุยRC ได้ เขาเลยพ่วงอีก 2บัตรให้จ่าย ก่อนนัดสืบพยาน จากยอดฟ้องเสนอให้ปิด 7หมื่น ผ่อน 4 เดือนๆละ 5,000 ปิดจบเดือน 4 ก็คาดหวังว่า น้องโบนัสจะมาช่วยชีวิต จึงยอมตกลงจ่าย ทางทนายจึงไปเลื่อนศาลไปเป็น ก.พ 55 หลังได้เงินครบ ก็ถอนฟ้องให้

3 DINER
ตัวสุดท้ายตัวที่พูดยาก ยอดหยุด 22x,xxx ยอดฟ้อง 21x,xxx บาท ผ่อนไปแล้ว 28,xxx บาท ฟ้องโดยสนง กฏหมายคนละที่กับ 3 บัตรข้างต้น ไม่เคยเสนอส่วนลด บอกว่า งวดเดียว 150,xxx ถ้าผ่อน 180,xxx ยืนยัน ไม่มีเงินจ่ายขนาดนั้น สุดท้าย โทรหาแบงค์ เจ้าหนี้ตัวจริง และได้ข้อสรุปว่า ให้เท่ากับ RC แก้วจ๋าจึงต่อว่า ถ้างั้นก็เงื่อนไขเดียวกัน แต่มัวแต่ยุ่งตอนต่อรอง เพราะตอนต่อรองเป็นเช้าวันนัดสืบพยาน น้องที่ไปว่าความให้แทนคุณอาโทรมาอีกสาย ถามว่า เขาให้จ่ายเดือนละ 3หมื่นกว่า คือ หาร 4งวด อีกสายก็คุยกับแบงค์ จึงบอกว่า มากไป ต่อรองลงมา บัตรนี้เลยต้องจ่ายเดือนละ 2หมื่นแทน และปิดจบที่เหลือเดือนสุดท้าย(มีนา)ค่ะ

วันนี้ แก้วจ๋าเพิ่งได้รับหนังสือยืนยันจาก city consumer หรือ diner
ที่แก้วจ๋าได้โทรไปขอเปลี่ยนเงื่อนไขการปิดหนี้ จากเดิมต้องจ่ายปิด
เดือนนี้ 9หมื่น ขอเปลี่ยนเป็น 2งวด ๆ ละ 4.5หมื่น เดือนนี้และเดือน
หน้า ซึ่งทางแบงค์พูดง่ายๆๆ โทรกลับมาอนุมัติภายใน 1 ชั่วโมง แต่
ต้องรอสนง. เฮง...ตั้ง 1อาทิตย์ แถมยังตุกติกมาก เขียนมาบอกว่า
สัญญาเดิมยกเลิก เพราะเราผิดนัดชำระ และก็แถมดอกเบี้ยผิดนัดมา
ด้วย พร้อมทั้งบอกว่า ต้องจ่ายช่องทางนี้...
ได้วีนตั้งแต่เช้า ถามกลับว่า อุตส่าห์เป็นลูกหนี้ที่ดี บอกล่วงหน้าว่า
ขอจ่ายครึ่งๆ ทางแบงค์ไม่เห็นว่าสักคำ แต่คุณมาเขียนได้ไงว่า ผิดนัด
กับบวกดอกเบี้ย มากไปมัง ยังไม่ถึงวันนัดจ่ายเลย แล้วรู้ได้ไงว่า จะผิด
นัด คุยดีๆๆ ไม่ชอบ ต้องใช้ขู่ ถึงจะยอมจำนน กลับไปแก้ ไม่งั้นไม่เอา

เพราะกลัวเขาเล่นแง่ทีหลัง ปากบอกว่า ไม่มีอะไรเขียนไปยังงั้น
อย่าคิดมาก ตั้งแต่เป็นหนี้และรู้ซึ่งถึงเล่ห์สำนักงานทั้งหลาย แก้วจ๋า
ต้องรอบคอบกับสิ่งเล็กๆน้อยๆ มากขึ้น เรื่องอะไรจะยอมให้เขามา
เรียกร้องทีหลังอีกตั้ง 8000 บาท อะไรๆ ไม่แน่นอนหรอกค่ะ อย่า
ใจอ่อน ไว้วางใจพวกนี้ง่ายๆ จะเสียค่าโง่ตามมาค่ะ

CITI Bank เป็นแบงค์ที่มีระบบทวงหนี้ของแบงค์เองอย่างเป็นระบบที่สุด หลังจากโทรทวง ก็ตามด้วยขอมาหา แต่แก้วจ๋าไม่ปฏิเสธ อยากมาก็ต้องทำนัด ไม่ใช่จะมาจู่โจมถึงที่ทำงานง่ายๆ เมินเสียเถิด เขาส่งน้องมาคุยเป็นเรื่องเป็นราว แบบเข้าอกเข้าใจลูกหนี้ เสนอโปรแกรมผ่อนสบาย 0 % (ประนอมหนี้) ดูแลดี พูดจาก็ดี ตอนนั้น มีเรื่องให้ต้องปรึกษาน้องเขาถึงหนี้แบงค์อื่น เพราะเขาบอกว่า เคยทำที่แบงค์ตัว U และรู้จักคนที่ดูแลลูกหนี้ แนะนำเราให้คุย และมีการแอบถามคนที่นั่นว่า บัญชีเราไปถึงไหน เขาสืบเรา เราก็ใช้เขาสืบเรื่องเราอีกที สนุกดีค่ะ แต่ที่นี่ พอย้ายฐาน เปลี่ยนผู้บริหาร อะไรๆ ก็เปลี่ยนรวมท้งนโยบายเรื่องทวงหนี้ จากคนเคยง่ายมาเป็นเขี้ยวมากๆๆ ค่ะ แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนลดมีเสมอค่ะ อยู่ที่ลูกหนี้จะรอได้ไหม หนี้ยิ่งนาน ยิ่งเน่า ยิ่งคนมีความเสี่ยงมากที่แบงค์จะไม่ได้เงินคืน ยิ่งดีค่ะ อยากได้ส่วนลดมากก็ต้องจ่ายงวดเดียว เงินไม่พอก็ขอผ่อนแต่ส่วนลดน้อยลง เป็นสัจจธรรมของลูกหนี้และเจ้าหนี้ค่ะ

หมายเหตุ : วันที่ 30 เมษายน 2555 เป็นวันหมดหนี้กับธนาคาร CITI ไม่ว่าจะ Visa , Master
Ready Credit และ Diner จากยอดที่หยุดเมื่อปี 2552 ประมาณ 570,000 บาท ใช้
เวลา 3 ปี ในการปิดหนี้ ด้วยเงิน 370,000 บาท ก็ยังดีที่ได้ลดค่ะ

ขอเวลาอาทิตย์หน้า มาต่อเจ้าหนี้รายต่อไป HSBC ค่ะ มาเล่าว่าทำยอมความแล้วสามารถแก้ไขได้อีกค่ะ

ขอมาต่อความจากคราวที่แล้วค่ะ ว่าด้วยเรื่อง หนี้แบงค์ HSBC ค่ะ

HSBC

เป็นแบงค์ที่เสนอข้อเสนอที่น่าสนใจมาตั้งแต่แรก คือพยายามให้จ่ายเท่าไรก็ได้เข้ามา หลอกล่อว่า จ่ายแล้วจะลดให้ 50 ถ้ามี หรือไม่ฟ้อง หรือให้ผ่อนบัตรใบหนึ่งก่อนอีกใบค่อยตามมาก็ได้ ผ่อนไม่มีดอกเบี้ยก็ได้ ฟังแล้วเคลิ้ม แต่ไม่ทำเพราะรู้ว่าหลอกค่ะ ตลอดเวลาก็ลดอย่างมาก 30% ค่ะ และเป็นอีกแบงค์ที่ส่งหมายศาลประสาอะไรไม่รู้ มักไม่ค่อยได้รับ แต่จะโทรมาบอกว่า อาทิตย์หน้าอย่าลืมไปศาล ทำให้ต้องเช็คศาลให้วุ่น
ยอดหยุด ใบแรกที่ 100,xxx บาท อีกใบ 190,xxx บาท 1ปีผ่านไป หมายศาลมาแบบแยกฟ้อง แต่วันเดียวกันค่ะ แล้วจะแยกทำไม เราไม่ได้หมายศาลแต่ไปศาลค่ะ ไปดูว่า ทำไทเราถึงไม่ได้รับ ไปตรวจรายงานของเราที่วางไว้ที่หน้าศาลในห้องบังลังค์ พบว่า เขาหาบ้านเลขที่ไม่เจอ เพราะช่วงนั้นเขาย้ายบ้านเลขที่กันค่ะ แต่กำลังจัดส่งใหม่ ฉะนั้น การนัดจึงต้องเลื่อน พอทราบสาเหตุก็กลับบ้านโดยไม่รอพบศาลหรือทนาย ทำให้ดูเหมือนไม่รับรู้อะไรเลย ถ้าอยู่ต่อ ก็เท่ากับเรารับรู้หมายศาลแล้วค่ะ หลังจากนั่งรอหมายศาลที่บ้านสักพัก ก็ได้สมใจนึกค่ะ
หลังจากไปขึ้นศาลและเลื่อนนัดศาล จนมาสืบพยาน จนได้ข้อสรุปว่า
ใบแรกจากยอดฟ้อง 1แสน 1หมื่น ลดเหลือ 84,xxx บาท
ใบที่ 2 จากยอดฟ้อง 2แสน 2หมื่น ลดเหลือ 156,xxx บาท

แก้วจ๋าขอจ่ายปิดใบแรกเต็มจำนวน แต่ใบที่ 2 ขอผ่อน 2เดือน จาก น้อยไปมาก เดือนแรก หมื่นหก เดือนสอง ต้องปิดหมด
แต่บังเอิญมีเหตุขัดข้อง ไม่มีเงินพอจ่ายยอดเต็มในเดือนที่ 2 จึงขอที่สนง กฎหมาย ให้ช่วย โดยขอจ่าย 1แสนก่อน แล้วจ่ายที่เหลือ 4หมื่น ในเดือนถัดไปเป็นอันปิดจบค่ะ

ทางสนง กฎหมาย คุยกับแบงค์และยอมรับข้อเสนอใหม่นี้ เพราะเห็นว่า แก้วจ๋ามีเจตนาจ่ายจริง แต่ติดว่าเขาไม่ยอมออกหนังสือยืนยันเงื่อนไขใหม่ที่ผิดจากที่เราตกลงทำยอมไว้หน้าศาล ทำให้ต้องตื้อนานกว่า เขาจะยอมออกหนังสือให้ บอกว่า หนังสือจากสนง กฎหมายก็ได้เพราะได้รับมอบหมายจากแบงค์อยู่แล้ว เพื่อให้เราอุ่นใจว่า ไม่แทงข้างหลังค่ะ สำหรับรายนี้ แก้วจ๋าจ่ายเงินผ่านคนของสนงกฎหมาย มารับเงินถึงที่ทำงาน เราต้องเก็บหลักฐานบัตรประชาชนไว้ หากมีการเบี้ยวจะได้มีข้อมูลว่า จ่ายแล้วค่ะ

หากเรามีเจตนาจ่ายจริง และเกิดเหตุสุดวิสัย เราควรคุยกับแบงค์ หรือสนง กฎหมายที่ดูแลเพื่อหาทางออก มากกว่าปล่อยไปให้ผิดสัญญาโดยไม่แจ้ง และต้องมีหลักฐานในการยินยอมรับเงื่อนไขที่ตกลงใหม่ทุกครั้งค่ะ เพื่อความปลอดภัยของลูกหนี้เองค่ะ อย่าชะล่าใจค่ะ สัญญาที่ทำยอมความกันหน้าศาลสามารถแก้ไขได้ถ้า 2ฝ่ายยินยอมค่ะ

หนี้ตัวต่อมา ลงท้ายว่าไทยๆๆๆ ที่ได้รับฉายาว่า เขี้ยว เริ่มด้วย

กสิกรไทย หรือ KBank

ที่บอกว่า ฝากได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องหนี้ เป็นแบงค์คุยน้อยมากๆๆๆ ทวงเงียบ แต่เจ็บ เพราะ ส่วนลดเธอโหดมากค่ะ แรกมาก็ พูดดีว่า ลดดอกเบี้ยให้นะ จาก 20% เป็น 11% ให้ผ่อนด้วยแต่มีดอกเบี้ย หรือจ่ายปิดทันที เอาไปเลยส่วนลด 10% ปล่อยให้รอไปก่อน

แก้วจ๋ามี 1ใบ ยอดหยุดอยู่ที่ 1แสน1หมื่น ทวงมา 1ปี ได้หมายฟ้องที่ยอด 1แสน 3หมื่นกว่าบาท หลังจากยื่นคำให้การสู้คดีเพื่อขอต่อเวลาหาเงิน เพราะบอกแล้วว่า แบงค์นี้ไม่คุย คุยกับสนง ทวงหนี้ ก็บอกว่า ไม่มีนโยบายลด เพราะฟ้องแล้วต้องจ่ายตามฟ้อง พอนัดสืบครั้งแรกก็ขอเลื่อนนัดศาลอีก ยังมีความพยายามขอคุยกับแบงค์อยู่ค่ะ ทางทนายก็เห็นดีเห็นชอบว่า ไปคุยกับแบงค์ ผมยังไงก็ได้ ไม่ว่ากัน แต่บอกว่า แบงค์ไม่เคยให้ลด มีแต่ให้ผ่อนมากสุด 36งวด บวกดอกเบี้ย ชีวิตไม่สิ้นสุด แก้วจ๋าก็ยังมีลมหายใจสู้ต่อไป ให้ถึงที่สุด ให้รู้ แน่ใจนะว่าแบงค์ไม่มีส่วนลด หลังจากได้เลื่อนนัดศาลอีกครั้ง สายตรงและส่งเรื่องเข้าแบงค์ชาติขอความช่วยเหลือ (ไม่ร้องเรียนแต่บอก ว่าแบงค์ไม่คุยด้วย 555) ให้ช่วยส่งเรื่องไปยังKBank ขอเจรจาด้วยให้รับฟังลูกหนี้บ้าง ได้ผลมีเจ้าหน้าที่แบงค์มารับฟัง ฟังเราจนผมเข้าใจ ผมเห็นใจ ให้ลดจากยอดฟ้องไป 2หมื่น 555 เหนื่อย

สุดท้าย คุณอาประพัฒน์ล๊อบบี้ อีกแรง เหลือ 9 หมื่น ถ้วน แต่ขอจ่ายเดือนถัดไป ก็โอเค จบไปที่ส่วนลด 32% อีกหนึ่งแบงค์ไทย


Krungsri GE กรุงศรีเครดิตคาร์ด

แบงค์นี้เครือข่าย GE ว่าง่ายแต่พอลดแล้วไม่มีเงินก็ต้องปล่อยฟ้องไปตามระบบ ส่วนลดมาตั้งแต่หยุดมาได้ 3-4เดือน ที่ 50% ยอดหยุดที่ 1 แสน 7หมื่น บาท ประมาณไม่ถึง 1ปี หมายศาลมารอแล้วค่ะ ฟ้องที่ยอด 1 แสน 9 หมื่นบาท ใจดีจริงเสนอให้จ่าย

1) ปิดที่ 1 แสน 5 หมื่น บาทค่ะ หรือ 2) ผ่อน 2 พันไป 3ปี

แก้วจ๋าก็ตัดสินใจเลือกข้อ 2 ปล่อยไปก่อนค่อยมาขอส่วนลดปิดทีหลังค่ะ เงินมันหมดแล้ว ทำไงได้ค่ะ

OH dear..!!!

Be my "consultant" please.!!!

I do really need your help.!!!

Hello!!!!

Happy New Year.2012

"Heaven must be missing an angel.!!!

'Cause now she's on Earth.!!...Ha Ha !!!

devil angel เขียน: OH dear..!!!

Be my

"consultant"
" please.!!!

I do really need your help.!!!

ตกลงว่าพี่เหนอ...เป็นนักเรียนทุนจากประเทศอังกฤษใช่มั๊ยเอ่ย ?


เป้เคยบอกแล้วไงล่ะ...ว่าเป้เรียนจบมาจากวัดลิงขบแปลไม่เป็นหรอกค่ะ...

และอันที่จริงคุณแก้ว เธอก็เป็นกรรมการคอยให้คำปรึกษาอยู่แล้ว สายด่วน hotline

เธอก็มี...

ที่แท้...พี่เหนอก็ชอบ "อ้อน" น่ะเอง...คริ คริ

I do really need your help.!!!




พี่เหนอขา Do you really need my help? ทำเป็นลืมสายด่วนเราซะแล้ว

กำลังเจรจากับฮ่องกงอยู่...ยังไม่น่ายินดีนัก รอๆอยู่จ้า...เห็นว่าจะมีข่าวดีเปลี่ยนมืออะไรน่ะ..

ท่านแอดมินแก้วจ๋า..ช่วยแก้คำผิดหน่อย ไอ้ missing an angel น่ะ..

.เบลอๆ..โพสไปแล้ว มาเห็นทีหลัง.... ปูเป้ เอามาก๊อปปี้อีก ขัดตาพิกลจ้ะ

คนเค้าเห็นมันเสียสถาบัน

นึกว่า งานหินอะไร แก้ให้แล้วเจ้าค่ะ อย่าซีเครียดเลย
ที่นี่ ไม่ใช่ ภาษาอักฤษวันละคำ หรือ ต้นตำรับฟุดฟิด
ภาษาอักฤษ ผิดถูกบ้าง ช่างมันค่ะ ขอให้ถูกต้องตาม
เจตนาของพี่ที่เขียนก็พอแล้วละค่ะ ไม่ใช่ภาษาพ่อแม่
เรา จริงไหมค่ะ
เฮียค่ะ คุยกับHSBC ได้เรื่องว่าไงค่ะ เอาใจช่วยค่ะ มี
ติดขัดอะไร จะเอาน้ำมันไปหล่อลื่นไหมค่ะ

เข้ามาอ่านครับ ขอบคุณมากครับ

แก้วจ๋า ติดค้างเจ้าหนี้อีก 2ราย KTC กรุงไทย และ ไทยพาณิชย์
ขอกลับมาเล่าทีหลังนะค่ะ แต่ทั้ง2 รายนี้ แก้วจ๋า กำลังผ่อนชำระอยู่
หลังทำยอมความหน้าศาลค่ะ เป็นเจ้าหนี้ตามแบบฉบับแบงค์ไทยๆๆ
ที่โหดในเรื่องส่วนลดค่ะ

devil angel เขียน: กำลังเจรจากับฮ่องกงอยู่...ยังไม่น่ายินดีนัก รอๆอยู่จ้า...เห็นว่าจะมีข่าวดีเปลี่ยนมืออะไรน่ะ..

ท่านแอดมินแก้วจ๋า..ช่วยแก้คำผิดหน่อย ไอ้ missing an angel น่ะ..

.เบลอๆ..โพสไปแล้ว มาเห็นทีหลัง.... ปูเป้ เอามาก๊อปปี้อีก ขัดตาพิกลจ้ะ

คนเค้าเห็นมันเสียสถาบัน

ไม่อยากจะเซดเล๊ย....อันที่จริงฮ่องกงเนี่ย...ลูกชายชวนป๋วยปี่แป่ะกอ (เขียนถูกป่ะก็ไม่รู้) เค๊าน่ะเซียนเหยียบเมฆเลยละ

เสียดายที่กระทู้เก่าขุดไม่ขึ้น...ม่ายงั้นคงได้อ่านตำนานพิฆาติเจ้าหนี้จากฝ่ามือ เอ๊ย ฝีมือ คุณลูก freedom_life ไปแล้ว

คุณเธอหายเงียบเข้ากลีบเมฆได้แต่ส่ง SMS สวัสดีปีใหม่ ให้หม่ามี๊มีสุขภาพแข็งแรง หมดหนี้เร็วๆ....

พอโทรหาเธอไม่อยู่โต๊ะบ้าง โทรมือถือก็กำลังประชุมอยู่ ไปๆ มาๆ หม่ามี๊เลยไม่ทงไม่โทรหาแล้ว...ส่งใจไปแทนละกัน


แล้วพี่เหนอน่ะ !!! มาโทษอะไรปูเป้อีกล่ะ ภาษาปะกิตน่ะเป้รู้เรื่องที่ไหนก๊านนน....

Oh my.!!

ไม่ได้ว่าอะไรหรอกจ๊าาา..

แค่เห็นว่ามันผิด...ไม่ได้แก้...ก็แค่นั้น....

ทำใจดีๆไว้....หายชารึยังจ๊ะ?

คุณ Freedom life เราก็ ไม่รู้ไง ฝากความคิดถึงด้วยละกัน....

มาถึง K ตัวสุดท้าย KTC กรุงไทย มีบัญชีทั้งหมด 5 บัญชี บัตรเครดิต 4 ใบ สินเชื่อ 1 แก้วจ๋าเป็นลูกค้าชั้นดีเยี่ยมมากว่า 10ปี ไม่เคยขอบัตรแต่ก็ส่งบัตรมาให้เรื่อยๆๆ เราจะได้เป็นหนี้มากๆ เป็นอีก 1แบงค์ไทย ที่พูดยากส์

KTC กรุงไทย

แบงค์ของรัฐบาลที่ขอบัตรเครดิต หรือสินเชื่ออนุมัติได้ง่ายที่สุด แก้วจ๋าได้บัตรเครดิตมา 4 ใบ ไล่ตั้งแต่ระดับธรรมดาจนถึง Platinum (ณ ขณะนั้นค่ะ) เคยถามว่า ให้มาทำไม เขาว่า ฐานะลูกค้าที่ดี ไม่ใช้ไม่ว่า ฟรีค่าธรรมเนียมทุกบัตรตลอดชีพอยู่แล้ว ลูกค้ามีแต่ได้ไม่มีเสีย ถ้าแก้วจ๋ามีวินัยการเงินที่ดี คงไม่หลงทาง ใช้ทุกบัตรกดเงินสดมาหมุนค่ะ เพราะที่นี่เขาคิดทั้งค่าดอกเบี้ยที่ 15% บวกค่าธรรมเนียมค่าใช้วงเงินอีก 5% รวม 20% ถ้ากดเงินมาคิดครั้งละ 3% บวกค่าธรรมเนียมอีก ตกดอกเบี้ยต่อเดือน 30-40%
แต่พอเรามีปัญหา ต้องการความช่วยเหลือเรื่องหนี้ กลับไม่สนใจช่วย แถมคุยยากส์ ลดยากส์

การทวงหนี้แย่มาก ชอบขู่ และแถมชอบหลอก เช่น กำลังอยู่ระหว่างนำสืบพยาน แต่ยังไม่ถึงวันนัดหมาย ก็โทรมาบอกว่ามีคำพิพากษาออกมาแล้ว กำลังส่งไปที่บ้านและหากไม่จ่ายวันนี้ ก็จะส่งบังคับคดี เล่นมุกร้ายทำให้ต้องโทรถามที่ศาลว่า คำพิพากษาออกมาได้ยังไง ยังไม่สืบ เดี๋ยวฟ้องศาลเป็นจำเลยซะเลย สรุป ถูกหลอก แก้วจ๋าไม่ปล่อยไว้หรอกค่ะ จัดหนัก ข้อหาล่วงละเมิดอำนาจศาล มาเป็นศาลเตี้ยแทนได้ไง ร้องเรียนธปท และKTC โดยตรง ใช้บริการชั่วจากสำนักงานนี้ ทำให้KTC หมอง มีแต่เสีย ตั้งแต่นั้นมาก็ติดต่อตรงกับ KTC ค่ะ ก่อนหน้านี้ KTC ชอบบ่ายเบี่ยงไม่คุยกับลูกหนี้
( แต่ถ้าเจ้าหนี้รายไหน ไม่ยอมคุยกับลูกหนี้ แจ้งธนาคารแห่งประเทศไทยได้นะค่ะ เพราะธปท. ฝากบอกว่า ตามกฎหมายเจ้าหนี้ไม่มีสิทธิปฏิเสธการเจรจากับลูกหนี้ เพราะเราเป็นหนี้เขาไม่ใช่เป็นหนี้กับสำนักงานทวงหนี้ หากเขามอบอำนาจจริง ก็ขอดูเอกสารเลยค่ะ)

ตั้งแต่หยุดจนฟ้อง KTC เสนอส่วนลดน้อยค่ะ อยู่ที่15-30% มาตลอด ที่นี่ชอบส่งหนี้ไปหลายสำนักงาน แก้วจ๋ามีหนี้อยู่ 4บัญชี เธอก็ส่งไป 4 สำนักงาน แยกกันทวง แยกกันเสนอ บางทีสำนักงานหนึ่งเสนอปิดลด 50% แต่พอเราโอเค ก็โทรกลับมาว่า ต้องปิดทุกบัญชี จะปิดทีละบัตรไม่ได้ งง ไม่รู้ว่า ตอนแรกเธอโทรมาเสนอทำไมทีละบัตร ไม่มีอะไรทำมังถึงโทรมากวนอารมณ์ ที่นี่ผ่อนได้สูงสุด 36งวดค่ะ เคยประนอมสินเชื่อก่อนหน้านี้ไปแล้ว ที่ยอดหยุดชำระค่ะ ให้ผ่อน 36งวด ไม่มีดอกเบี้ย แต่พอจ่ายไปสักพักใหญ่ พอขอปิด ไม่มีส่วนลดปิดค่ะ

ยอดหนี้ทั้งหมด ตอนหยุด = 3แสน 7 หมื่น
ยอดฟ้องทั้งหมด (1ปีหลังหยุด) = 4 แสน 6 หมื่น

แก้วจ๋าถูกฟ้องศาลแพ่ง เพราะรวมมูลหนี้แล้วเกิน 3แสนค่ะ เสนอลดเหลือ 3 แสน 9 หมื่น บาท ไม่ให้ผ่อนสักงวดก็ปฏิเสธไป จนสุดท้าย ได้ข้อสรุปที่ยอด 4 แสน 2หมื่น บาท ผ่อน 24งวด 4ใบๆละ 2พัน 5 ร้อยบาท เขาไม่อยากได้เงินเร็ว ก็ผ่อนต่ำๆไปเรื่อยๆ ค่ะ ได้ส่วนลดจากยอดฟ้องไป 3 หมื่นกว่าบาท สุดยอดแบงค์ไทยค่ะ โดยขอเริ่มชำระเดือนถัดไปค่ะ แต่หลังจากยอมความกันเสร็จ ได้รับสายจากสำนักงานเชษ ไม่รู้ว่าไปโผล่ที่นั้นได้ยังไง เพราะตลอดเวลาไม่มีเจ้านี้โทรมาทวงค่ะ มาเสนอลด 50% ทั้ง 4บัญชี เออ เอากับเขาซินะ มีแย่งลูกค้าตัดราคากันด้วยค่ะ แต่พอเราบอกว่า ถ้าได้จริงก็จะจ่าย น้องเขาโทรกลับมาบอกว่า แบงค์ไม่โอเค เนื่องจากทำยอมความกันแล้ว 555 ถ้าใครได้เชษ (ทำดีแล้ว) ทวง ก็คงสบายใจว่า ได้ลดมากๆ แน่ค่ะ
สำหรับ KTC หากแก้วจ๋าไม่ยอมความ แก้วจ๋าก็จะเลือกอุทธรณ์ค่ะ เพราะการคิดดอกเบี้ยของแบงค์เกินเลยมากค่ะ แต่ที่เลือกยอมความ เพราะยังมีความสามารถผ่อนต่อเดือนได้ ไม่เกินกำหนด 30% ค่ะ และเขาเสนอตัวเลขผ่อนต่อเดือนไม่สูงไปสำหรับแก้วจ๋าค่ะ

ฮือ ฮือ....!!!

อีกสองในหกใบ เป็นของ เค ที ซี ซะด้วย ตอนหยุด ราวแสนห้า เอาไงล่ะเนี่ย..??

ตอนนี้เท่าไหร่ ไม่อยากดูตัวเลข..ขี้เกียจดู...มีจีบๆมาเหมือนกัน อย่างที่ทราบๆ เขี้ยว...

ก็เก็บเงินรอไปก่อน ใกล้ฟ้องแล้วละ ไม่เกินสามเดือน...