คุณนายตกสวรรค์ พร้อมกับหนี้ 4 ล้านบาท

แหม...คมซ่ะไม่มี
บัวชอบนะ "อี้หมิง"
ว่า...แต่ว่า...
"อี้หมิง" เขาเป็นใครอ่ะ...
รู้จักแต่ หลิวเต๋อหัว ง่ะ 555++ ล้อเล่ง...

พี่แก้ว...ขอบคุณกับความห่วงใย
โอ๊ย...เรามัน สิว...สิว...คร้า...
หนา และ ด้านขนาดนี้ แค่ลม "ตด" คน มันทำอะไรกอบัวบ่ได้หรอก



ชอบรูปนี้ เอาไปโพสใน facebook พี่แก้วแล้ว ก็อยากเอามาฝากในนี้ น่ารักดี

kaewja เขียน: มีคำของอี้หมิงที่กล่าวเอาไว้ว่า

"สำหรับผู้ที่รู้จักพอ แม้จะยากจนข้นแค้นก็ยังมีความสุข
ผู้ที่ไม่รู้จักพอแม้จะร่ำรวยมียศถาบรรดาศักดิ์ก็ยังมีความทุกข์"
หากต้องการมีความสุข
จะต้องมีความพึงพอใจในสิ่งที่ตนเป็นและมีอยู่
สามารถชื่นชมกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันได้
โดยไม่คิดน้อยใจหรือคิดว่าตนเองต่ำต้อยด้อยค่า

ผู้ที่จะมีความสุขได้นั้นคือผู้ที่พอใจในสิ่งที่ตนเองมี
ขอเพียงแต่พยายามในการประสบความสำเร็จก็เพียงพอ

ไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนกับสิ่งที่ไม่สามารถจะหามาได้
และทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด

ไม่หวังผลเลอเลิศจนเกินความสามารถของตนเอง
รู้จักกำหนดขอบเขตของความปรารถนา

สิ่งใดที่ควรได้ควรมี ก็จงพยายามทำให้สำเร็จ
สิ่งใดเกินกำลัง ก็จงยอมรับว่าแม้ยังไม่สามารถไขว่คว้ามาได้
ก็จะหาหนทางในคราวต่อไปเมื่อโอกาสมาถึงพร้อม

และที่สำคัญก็คือ

อย่าหาทุกข์ใส่ตัว ใช้ชีวิตอย่างราบเรียบสมถะ
มีความขยันอดทน และไม่อายทำกิน
อย่าก่อหนี้ก่อสินเพิ่มขึ้นดั่งพุทธภาษิตสอนใจให้คิดว่า

"เข้านอนโดยไม่มีอาหารค่ำ ดีกว่าตื่นขึ้นมาพร้อมกับมีหนี้สิน"

เพราะการมีหนี้สินมากเกินไป อาจสร้างปัญหาในระยะยาว
จนไม่อาจจะลืมตาอ้าปากได้ในโอกาสต่อไป
❤`•.¸¸.•´´¯`••.¸¸.•´´¯`• .¸¸.•´¯`• .¸¸.•´¯´❤

สวัสดีค่ะ พี่แก้ว ......คิดถึงค่ะ.....มาบ้านนี้ทีไร......ความรู้มากจริงๆๆ เก็บเกี่ยวได้เรื่อยๆ..

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแก้ไขหนี้....การดำรงชีวิตอย่างปลอดภัย...อาหารการกิน อื่นๆ อีกมากมาย....

น้ำมนต์ก็มีธรรมะกับเงินตรามาแชร์ค่ะ......

อ่านเรื่องเงิน เรื่องการเกษียณของพี่ลี น้อง Narasingh

รู้สึกว่า ถ้าจะหยุดทำงาน มีเรื่องให้ต้องคิดเยอะจัง

ขอบคุณคุณกอบัว คุณน้ำมนต์ค่ะ

สวัสดีค่ะพี่แก้ว...แหะแหะ..พักหลัง ๆ มานี้งานเยอะจนไม่รู้จะเริ่มอะไรก่อนดีเลยค่ะพี่ ทำได้ก็แต่เข้าไปกด like ใน fb เท่านั้น 5555...

..พี่แก้วสบายดีนะคะ...เล็กก็สบายตามอัตภาพค่ะพี่

..เห็นพี่ ๆ ยุ่ง ๆ ทั้งพี่แก้ว, พี่บัว แต่ก็ยังเข้ามาตอบปัญหา, เจาะปัญหาต่าง ๆ ให้น้อง ๆ ที่ชมรมฯ ทุกวัน นี่ก็ใกล้วันอบรมฯ แล้วนี่คะพี่ ล่าสุดเห็นพี่บัวบ่น ๆ ว่ายังไอ (เลิฟยู) อยู่ ก็อยากให้พี่แก้วรักษาสุขภาพกาย, สุขภาพใจเยอะ ๆ นะคะ ดื่มน้ำอุ่นเยอะ ๆ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ (ขอแอบเป็นห่วง อยู่ห่าง ๆ)

ตอนนี้เล่าบรรดาเจ้าหนี้(ฝ่ายกฎหมย) ก็เงียบ ๆ ไปบ้างแล้วน่ะค่ะ แล้วก็ยังไม่หมายศาลมา เลยไม่ค่อยได้เข้ามาถาม หรือเล่าอะไรให้ฟัง จะมีบ้างก็เข้ามาอ่าน ๆ update เรื่องราวของเพื่อน ๆ พี่ ๆ น่ะค่ะ อ่านแล้วก็ขำบางเรื่องบางตอน เล็กชอบเวลาพี่ ๆ โต้ตอบกันในบอร์ด ดูอบอุ่น, น่ารัก,จริงใจดีค่ะพี่

ยังงั้ยไว้ถ้ามีปัญหาจริ๊งจริงถึงค่อยถามค่ะพี่

ขอบคุณกรรมการพี่ ๆ ทุกคนค่ะ

ชอบภาพนี้ รู้สึกถึงความสวยงามตามธรรมชาติ และความพอเพียงค่ะ

อยู่กทม มากไป เริ่มอิจฉาน้องๆ ที่ออกไปมีบ้านแถวชายทุ่ง มีทุ่งนาให้วิ่ง

มีธรรมชาติให้สัมผัส ดูงดงามมากๆ ค่ะ และสงบมากกว่าแสงสีเสียงที่คนชอบแต่ง

เติมค่ะ ทะเลาะวุ่นวายกันทุกวัน แต่ยังไม่เกษียณตัวเองค่ะ เพียงคิดว่าถ้าเรามี

โอกาสไปสูดกลิ่นไม้ใบหญ้าบ้าง ไปเติมอ๊อกซิเจนให้กับชีวิต เราคงพึ่งพาหมอน้อยลงค่ะ

เห็นพี่แก้วพูดเรื่องเกษียณตามนายบ่อยๆ
นึกถึง "เลขาและเจ้านายของญี่ปุ่น"
ญี่ปุ่น จะใช้เลขาที่รู้ใจกันมานาน คนเดียวจนกว่าจะลาออกจากงาน บัวเคยได้ยินค่านิยม และทัศนคติแบบนี้มาตลอด
เพราะเลขา เปรียบเสมือนยิ่งกว่าเมีย ยิ่งกว่าสามีที่บ้าน เพราะรู้ความลับทุกๆอย่าง
เจ้านายญี่ปุ่นแต่ละคน ย้ายไปไหน เลื่อนไปไหน จึงมักจะใช้เลขาคนๆเดียว จนกว่าจะตายจากกันไปข้าง
จนนึกสงสัยว่า เจ้านายพี่แก้ว เป็นญี่ปุ่นหรือไง
เออ...ถ้าสามีเรา คิดแบบเจ้านายญี่ปุ่นคงจะดีไม่น้อยเน๊อะ พี่แก้ว 555++

แล้วพี่แก้วจะรีบไปไหน...อยู่ทำงาน ใช้เงินทีละหน่อย ทีละนิด อย่าพึ่งไปใช้เงิน(หลาย)ล้านเลยนะ...
ปีหน้าก็หมดหนี้แล้ว สบายจะตาย...
เผลอแผล๊บๆ จะหมดหนี้แล้ว คิดแล้วก็ครึ้มใจแทนพี่แก้ว แทนน้องซิงห์...
ผ่านเวลามาได้ขนาดนี้...น้ำตาหมดไปกี่ปี๊บ
น้ำลายที่เจรจากับเจ้าหนี้ หมดไปกี่ถัง 555++
ดีใจล่วงหน้ากะพี่สาวคนเก่ง...
สู้ต่อไปนะคะ

....Hi!I'm back.กลับมาเลี้ยว...

หายไปเก้าวัน คิดว่าเดือนนึง...

กลับมาพร่ำเพ้อต่อได้แล้ว...คิดตกรึยัง เรื่องเออร์ลี่ฯ?

ทู่ซี้ต่อไปเหอะ...เดี๋ยวไม่ได้ตั๋วฟรีไปโฮมเสตย์นะ...555 ใกล้แล้ว...

มีไฟลท์ไปอู่ตะเภาแม๊ะ?...ลงเครื่องแล้วค่อยนั่งสองแถวกลับมาบางแสน..ฮิ..ฮิ..

.............................

เฮียหายไปเป็นอาทิตย์เลยนะค่ะ พาคอมพ์ไป I.C.U มาละซิ คราวนี้

ออกมา เครื่องใหม่วิ่งฉิวแล้วใช่ไหมค่ะ คิดตกแล้วละ มีลังเลนิดๆ

เพราะอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า เดายากส์ค่ะ

ตอนนี้ประมาณ 90% คิดว่าจะเออรี่นะค่ะ ทู่ซี้มา 30 ปี เหลืออีก 8 ปี ถึง

ครบวัยหมดไฟ แต่ไม่หมดแรง ถ้าอยู่ครบ 30 ปี ก็จะได้สิทธิเท่ากับคนถึง

60 ค่ะ ทั้งตั๋วทั้งการรักษาพยาบาล และแถมค่าไล่กลับไปอยู่บ้านอีก 18-20เท่า

ของเงินเดือน เป็นเฮีย เอาไหมค่ะ เพราะหากทนอยู่ไป ก็ได้แค่เงินเดือน

ขึ้นแบบมดไต่ เรื่องเงินโบ ก็คาดหวังอะไรไม่ได้ อาการของบริษัท ไม่ดีเท่าที่

เห็น เพราะภาพที่เห็นคือภาพลวงตาทั้งนั้นค่ะ

คุณกอบัวค่ะ

คงไม่ถึงกับขั้นต้องอยู่กันจนตายไปข้างหนึ่งค่ะ

ความสุขสบายใจในการทำงานร่วมกันเป็นปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้อยู่ร่วมกัน

จนทุกวันนี้ค่ะ




แก้วจ๋ามาเป็นเลขาแบบ ไม่ตั้งใจ และไม่ใช่สิ่งที่เรียนรู้มาค่ะ แต่มาเพราะ

ต้องตาต้องใจเจ้านาย Boss คนแรกค่ะ ตอนนี้เธอเกษียณไปแล้วค่ะ ชีวิต

การเป็นเลขา ก็ต้องทำใจเมื่อนายต้องเปลี่ยนไปตลอดเวลา บางคนเพราะ

ครบเทอม บางคนเพราะอุบัติเหตุ มาเร็วไปเร็ว เราต้องทำใจค่ะ ใช้นายเปลือง

เหมือนกันนะค่ะ คนปัจจุบันเป็นคนที่ 6 แล้วค่ะ ครบ 1/2 โหล

ทุกคนดีหมดค่ะ รักเราๆ รักเขา แม้บางคนจะเป็นคนหนูแบบที่เคยนินทาไว้

ก่อนหน้านี้ แต่ทุกวันนี้ เจอหน้ากันยังน่ารักเหมือนเดิมค่ะ

คนเป็นเลขา เปรียบเสมือนทุกอย่างของเจ้านาย เราคือ memory card

ของเธอ เราพลาดเขาพลาดค่ะ ทำหน้าที่ตั้งแต่ในที่ทำงานจนเรื่องส่วนตัว

ยกเว้นหน้าที่ภรรยาที่บ้านค่ะ ห้ามทำ ความลับเรื่องงานและเรื่องเงิน

เราต้องปิดเป็นความลับสุดยอดค่ะ สมัยก่อนมีนายบางคนโคตรมีสารพัดกิ๊ก

ดังนั้น เลขาก็มีหน้าที่สับราง เป็นด่านหน้ากันทั้งที่บ้านและกิ๊ก ใครว่างาน

เลขาง่าย นั่งหน้าสวยรับสาย ขอแย้งว่า ไม่ง่ายค่ะ สวยและดูดีต้องใช่ แถม

ด้วยสารพัดรสชาติค่ะ ด้านหนึ่งเราต้องลุยงานกับลูกน้องเป็น 100 แทนนาย

กับอีกด้านจัดการกับเจ้านาย ทั้งเอาใจ ทำใจ และวัดใจค่ะ แต่สนุกดีค่ะ

นายคนปัจจุบันน่ารักที่สุดค่ะ อยู่กันจนเธอเกษียณเป็นคนแรกค่ะ ยังไม่รู้ว่า

พอถึงวันนั้น จะเหงา เศร้าแค่ไหน ที่ต้องไม่มีกันและกันค่ะ เจ้านายไว้ใจ

แก้วจ๋ามากจนในใบประเมินเขียนว่า เต็ม 100% ค่ะ พอเห็นแล้วน้ำตาคลอ

ไม่คิดว่าเขาจะไว้ใจเราขนาดนี้ค่ะ ตั้งแต่อยู่กันมา 2 ปีกว่า ไม่เคยโดนว่าสักคำ

แม้จะเคยพลาด 1 ครั้ง แต่ไม่มีคำต่อว่าออกจากปากเธอค่ะ มีแต่ช่วยกันแก้

ไขเอาหน้ารอดค่ะ อ้อ อีกภารกิจหนึ่งของเลขาที่สำคัญคือ ถ้าเกิดการพลาด

ต้องรีบตัดสินใจ แก้ไขปัญหาให้รอดให้ได้ค่ะ ที่ผ่านมา แก้วจ๋าโชคดีรอดมา

ตลอดค่ะ

ว้าว แม่หญิงแก้วจ๋าของกระผม จะได้พักผ่อนเที่ยวรอบโลกแล้ว

สวัสดีค่ะพี่แก้ว...พี่แก้วจะปลดประจำการแล้วเหรอคะ...(คงยังมั้ง)...
...
...แต่เงื่อนไขการปลดที่เข้าใจดูเยอะดีเนอะพี่เนอะ...
สำหรับพี่แก้วคงคิดและหาคำตอบไว้ในใจแล้วล่ะ.....
ปีหน้าพี่แก้วก็จะเป็นไทเรื่องหนี้แล้ว (เห็นที่พี่แก้วเขียน)
กลับมาอ่านกระทู้พี่ ๆ เพื่อน ๆ แล้วเหมือนตัวเองล้าหลังไปเยอะเลย...555
...ต้องหาเวลาเข้ามาบ่อยหน่อยละล่ะค่ะ...

เป็นกำลังใจเสมอค่ะพี่แล้ว...สู้สู้...พี่แก้วเก่งและทำได้หลายอย่างในเวลาเดียวกันอยู่แล้วเนอะ...

ขอเอาเวลาครึ่งชีวิตที่เหลือ (หรือไม่ถึงครึ่ง ) ไปสนุกกับสิ่งที่ยังไม่ได้ทำค่ะ

เช่น อาจเที่ยวมากขึ้น หาอะไรเรียนตอนแก่ และพักมากขึ้นค่ะ

เมื่อวันก่อน อ่านเจอข่าวเล่าว่า คนไทยเสพติดการกดเงินสดจากบัตรเพิ่มมากขึ้น

อ่านแล้ว น่าห่วง น่าวิตกค่ะ หากจะใช้บัตรเครดิตที่ถูกต้อง ควรใช้รูดซื้อสินค้าและบริการ

ดีกว่าการเอาไปกดเงินสดทันใจเจ้าหนี้ มีแต่หนี้บานค่ะ


ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รายงานการให้บริการบัตรเครดิตในระบบสถาบันการเงิน ณ สิ้นเดือน ส.ค.ปีนี้ว่า ทั้งระบบมีปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตรวม 106,000 ล้านบาท ลดลง 1,855 ล้านบาท หรือ 1.72% จากเดือนก่อนหน้าที่ 108,000 ล้านบาท โดยยอดการใช้จ่ายทั้งหมดพบว่า บัตรเครดิตที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์มียอดการใช้จ่ายมากที่สุด 74,900 ล้านบาท ส่วนบัตรที่ออกโดยบริษัทประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่มิใช่สถาบันการเงิน (นันแบงก์) มียอดใช้จ่าย 30,900 ล้านบาท ทั้งนี้ ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรรวม 106,000 ล้านบาทนี้ แบ่งเป็นปริมาณการใช้จ่ายในประเทศ 87,000 ล้านบาท ลดลง 1,297 ล้านบาทหรือ 1.47% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณการใช้จ่ายในต่างประเทศ 5,412 ล้านบาท ลดลง 748 ล้านบาทหรือ 12.15% และปริมาณการเบิกเงินสดล่วงหน้าผ่านบัตร 13,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 191 ล้านบาท หรือ 1.44% สำหรับจำนวนบัตรเครดิตทั้งระบบมี 16.21 ล้านใบ เพิ่มขึ้น 1.38 แสนใบจากเดือนก่อนหน้า ในจำนวนนี้มียอดสินเชื่อคงค้าง 224,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,050 ล้านบาท นอกจากนี้ ธปท.ยังรายงานปริมาณการใช้บริการสินเชื่อบุคคลในกำกับ สิ้น ส.ค.ว่า มีจำนวนบัญชีผู้ใช้สินเชื่อทั้งสิ้น 9.42 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.10 แสนบัญชี ซึ่งในจำนวนบัญชีทั้งระบบมียอดสินเชื่อส่วนบุคคลคงค้างทั้งสิ้น 2.36 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,272 ล้านบาทจากเดือนก่อนน่าสังเกตว่ายอดคงค้างสินเชื่อบุคคลเริ่มสูงกว่ายอดคงค้างสินเชื่อบัตร เครดิตแล้ว.


แล้วยิ่งมาเจอข่าว และโฆษณาว่า แบงค์ทั้งรัฐฯ และเอกชนต่างกำลังระดมเงินฝาก

ด้วยการแข่งกันออกโปรโมชั่นเดือด ทั้งในรูปดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และอื่นๆ

จึงสงสัยว่า เงินสดหายจากระบบไปไหน เงินจะหายากมากขึ้น

น่าวิตกแทนลูกหนี้น้องใหม่ค่ะ

ในจังหวะที่การร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อการสนับสนุนและพัฒนาระบบสถาบันการ เงินเฉพาะกิจ ยังค่อย ๆ คืบหน้าไป พร้อมกับความคิดเห็นที่ยังขัดแย้งอยู่ในบางประเด็นนั้น ทำให้ปัจจุบันบรรดาธนาคารเฉพาะกิจของรัฐทั้ง 4 แห่ง ยังคงปลอดภาระนำส่ง "ค่าธรรมเนียม 0.47%" ของฐานเงินฝาก แต่ก็กันเงินบางส่วนไว้รองรับ หากกฎหมายถูกประกาศใช้ แต่กระนั้นก็มิได้ทำให้สถานการณ์ความร้อนแรงในตลาดเงินฝากลดอุณหภูมิลงไปแต่ อย่างใด

โดย "พิสิฐ เสรีวิวัฒนา" รองผู้อำนวยการ กลุ่มการตลาด ธนาคารออมสิน กล่าวว่า ธนาคารยังคงกันเงินนำส่งไว้เดือนละประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งเมื่อครบปีจะมีประมาณ 7,000 ล้านบาท แม้ว่าจะยังไม่มีกฎหมายให้กันเงินก็ตาม ซึ่งมองว่าหากยังไม่เรียกเก็บเงินนำส่งในปีนี้ก็จะเป็นผลดีกับธนาคาร เพราะผลการดำเนินงานก็จะออกมาเติบโตกว่าที่ตั้งเป้าไว้ว่าในปีนี้จะมีกำไร ประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ "พิสิฐ" ยังเห็นว่า ในช่วงที่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องเงินนำส่ง 0.47% ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีของแบงก์รัฐ ในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อระดมเงินฝากแบบไม่ต้องบวกต้นทุน 0.47% ดังนั้นจึงอาจเห็นธนาคารของรัฐมีการระดมเงินในช่วงนี้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้มีการแข่งขันระดมเงินฝากกันค่อนข้างมากในตลาด สะท้อนจากธนาคารพาณิชย์ที่มีการระดมเงินฝากชัดเจนขึ้น ตามฐานสินเชื่อที่เติบโตสูง ซึ่งในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา สินเชื่อรวมของธนาคารพาณิชย์เติบโตไม่ต่ำกว่า 20-30% ขณะที่ฐานสินเชื่อของธนาคารเฉพาะกิจเติบโตแค่ประมาณ 15% เท่านั้น

"เพื่อ เป็นการรักษาสินเชื่อไว้ ธนาคารเฉพาะกิจก็ต้องออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ มาให้สอดรับกับทิศทางการแข่งขันด้านเงินฝากในปัจจุบันด้วย ไม่ใช่แค่เพราะแบงก์รัฐไม่มีต้นทุน 0.47% เท่านั้น แต่เหตุผลก็คือแบงก์รัฐต้องแข่งกับแบงก์พาณิชย์แข่งขันเงินฝากสูง เพราะไม่อยากเสียมาร์เก็ตแชร์ ถือเป็นเรื่องปกติ ตอนนี้แบงก์รัฐอาจจะได้เปรียบเพราะไม่มีต้นทุน 0.47%" พิสิฐกล่าว

เช่นเดียวกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่มีฐานเงินฝากขนาดใหญ่ "อรุณ เลิศวิไลย์" ผู้ช่วย
ผู้ จัดการ ธ.ก.ส. ก็ระบุว่า ธ.ก.ส.กันเงินไว้ตั้งแต่ต้นปี 2555 แล้ว เพราะไม่มั่นใจว่าจะถูกเรียกเก็บเมื่อใด แต่เชื่อว่าการเรียกเก็บเงินนำส่งต้องเกิดขึ้นแน่ เพราะทางธนาคารพาณิชย์คงไม่ยอม และอ้างมาตลอดเรื่องต้นทุนที่ไม่เท่าเทียมกัน

ทั้งนี้ ธ.ก.ส.ได้ออกผลิตภัณฑ์ระดมเงินฝากอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเพิ่งเปิดตัวเงินฝากเกษียณเปี่ยมสุข 3 ให้ดอกเบี้ยสูงสุด 4.6% ต่อปี ตั้งเป้าหมาย 3 หมื่นล้านบาท จากก่อนหน้านี้ได้ออกเงินฝากดอกเบี้ยสุขใจ 8 ซึ่งระดมได้ตามเป้าหมาย 5.5 หมื่นล้านบาทแล้ว นอกจากนี้ยังมีแผนจะออกสลากออมทรัพย์ทวีสิน เพื่อระดมเงินอีก 3 หมื่นล้านบาท ในเดือน ธ.ค.

"การแข่งขันเงินฝากค่อนข้างร้อนแรง แต่เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังให้ความมั่นใจการฝากเงินกับแบงก์รัฐที่มี รัฐบาลเป็นประกัน" ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส.กล่าว

เช่นเดียวกับธนาคาร อาคารสงเคราะห์ที่กันเงินส่วนนี้ไว้ประมาณเดือนละ 300 ล้านบาท เพื่อรองรับการเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมเช่นกัน แต่หากไม่ประกาศใช้ในปีนี้ เงินส่วนนี้ก็จะถูกบันทึกเป็นกำไรและจะทำให้ปีนี้ธนาคารมีกำไรไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ตั้งไว้เพียง 6,000 ล้านบาท รวมถึงกรณีธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยก็กันเงินไว้รองรับกับการเรียกเก็บค่า ธรรมเนียม 0.47% แล้วเช่นกัน

อย่างไรก็ตามเสียงสะท้อนจากฟากเอกชนที่ บอกถึงความไม่เท่าเทียมในการแข่งขันของตลาดเงินฝาก "สมิทธิ์ พนมยงค์" ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายเงินฝากและการลงทุน ธนาคารไทยพาณิชย์ บอกว่า การแข่งขันระดมเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ยังเสียเปรียบธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ อยู่เช่นเดิม แม้ว่าแบงก์รัฐจะถูกเก็บเงินนำส่ง ก็ยังไม่เกิดความเท่าเทียม เนื่องจากแบงก์รัฐมีทางเลือกในการออกผลิตภัณฑ์เงินฝากที่หลากหลายกว่า

"ที่ สำคัญแบงก์รัฐยังสามารถระดมเงินฝากผ่านการเสี่ยงโชคได้ เช่น การออกสลากออมสิน สลากออมทรัพย์ ซึ่งการกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ทำในส่วนนี้ได้ นอกจากนี้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐยังไม่ต้องเสียภาษีจากการจ่ายดอกเบี้ยในบัญชี เผื่อเรียกพิเศษ (Withholding Tax) ซึ่งมีความคล่องตัวเท่ากับบัญชีออมทรัพย์ แต่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่า" นายสมิทธิ์กล่าว

แม้ประเด็นเรื่องการนำส่งค่าธรรมเนียมที่ยังไม่ยุติ และแบงก์รัฐก็ยังแข่งขันในตลาดเงินฝากอยู่อย่างต่อเนื่องนั้น ในฝั่งแบงก์พาณิชย์เองก็ยังต้องช่วงชิง "สภาพคล่อง" กันเองในตลาดเช่นกัน (ดูตาราง) ล่าสุดธนาคารไทยพาณิชย์ได้ออกเงินฝากประจำ 12 เดือน "เผื่อเหลือ เผื่อขาด เผื่อเรียก" สำหรับเจ้าของธุรกิจ และดอกเบี้ย 3.15% ต่อปี สำหรับลูกค้ารายย่อย รวมถึงเงินฝากประจำ 22 เดือน

ฟากธนาคารกรุง ไทยออกเงินฝากถึงใจวัยเกษียณ 60 เดือน คืนเงินต้นบางส่วนทุกเดือน ขณะที่ธนาคารกรุงเทพออกเงินฝากประจำ 4 เดือน และ 11 เดือน ส่วนธนาคารขนาดกลาง เช่น ธนาคารกรุงศรี อยุธยา ยังคงใช้เงินฝากออมทรัพย์มีแต่ได้ ดอกเบี้ย 2.9% ต่อปี และธนาคารทหารไทย ยังชูเงินฝากไม่ประจำ ดอกเบี้ยสูง โดยให้ดอกเบี้ย 2.0% ต่อปี และหากฝากเพิ่มตั้งแต่วันนี้-24 ธันวาคม 2555 จะได้รับดอกเบี้ยพิเศษ 3.0% ต่อปีจากยอดเงินฝากส่วนเพิ่ม

ด้านธนาคารธนชาตออกเงินฝากประจำ 6 เดือน "ฝากสั้นทันใจ....ได้ไวเห็น ๆ" รับดอกเบี้ยสูงสุด 4.00% ต่อปี โดยเดือนที่ 1-4 ได้ดอกเบี้ย 3.00% ต่อปี และเดือนที่ 5-6 ได้ดอกเบี้ย 4.00% ต่อปี (หรืออัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3.33% ต่อปี) ธนาคารขนาดเล็ก เช่น ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ยังมีเงินฝากประจำ Senior 12 เดือน สำหรับวัยเกษียณ ดอกเบี้ย 3.25% ต่อปี ยกเว้นภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก ส่วนธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ออกเงินฝากประจำพิเศษ 15 เดือน ใจดี ดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดสูงสุด 5.55% ต่อปี

นับจากนี้ไป สมรภูมิรบตลาดเงินฝากคงดุเดือดขึ้นไปอีก เพราะทั้งธนาคารรัฐและธนาคารพาณิชย์ยังต้องตุนสภาพคล่อง

จริงอย่างพี่แก้วบอก บริษัทของ "เรา" ที่พ่อบ้านทำงานมากว่า 24 ปี มีแต่ภาพลวงตา สวยหรู ภาพพจน์ดีเลิศ แต่ข้างใน..โบนัสพ่อบ้าน น้อยกว่าเงินเดือนกอบัวเสียอีก 555++
บางปีเห็นบอกไม่ได้ เอ๊ะ...หรือไม่จริง หลอกเราว่าไม่ได้หรือเปล่า เอ๊ะ
หลายครั้งพ่อบ้านบ่นเรื่อง "กินกันแหลกราญ" ผลาญงบ ไอ้ตัวใหม่ที่ซื้อ ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรเลย เขาให้พ่อบ้านไปอบรม ก็ต้องไป เขาอยู่แผนก L... ค่ะ เป็น license engineer
ช่วงนี้งานหนักมากๆ ไปไม่หยุด ตัวก็ยิ่งเล็กๆ กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน จนบัวชอบแซวบ่อยๆว่า "เลี้ยงเสียข้าวสุก" เขาทานข้าวเก่งมาก เล่นกีฬาก็หนัก เลยไม่มีพุง ไม่มีไขมัน มีแต่กล้ามเนื้อล้วนๆ
บัวห่วงเขาเหมือนกัน เห็นผอมๆ ไปตรวจไขมัน บานเลยค่ะ...เกาท์ ก็เป็น
รุ่นพี่ หัวเราะกันจะตาย...บอกเมียเลี้ยงดี กินแต่เนื่้อติดมัน ยอดผัก กะทิ...สักวันต้องจุกอกตาย

พี่แก้วใจเย็น...หน้าที่เลขาเนี้ย กอบัวคงทำไม่ได้ กอบัวชอบทำอะไรตามใจตัวเอง 555++
มีนายกับเขาคนเดียว บัวยังไม่เคยตามใจนายเลย สั่งมาเถอะ บัวไม่ทำ อยากทำเดี๋ยวทำให้ ฮิ..ฮิ..
ท่าทางจะเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงานเป็นแน่แท้
หน้าที่สมัยก่อน ก็เป็นแค่เจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานงาน ประสานทั่วทิศ ทำอะไรก็ได้ให้งานมันเดินหน้า มีปัญหาอะไรต้องแผ้วถางให้เรียบ
ทุกวันนี้ได้แต่ตรวจและอ่านแผนงาน โครงการที่เขาเสนอมา แล้วทำรายงานข้อดี ข้อเสีย แนวทางต่างๆให้ทั้งสองฝ่าย ปวดลูกกะตาค่ะ

สำหรับพี่แก้ว ตัดสินใจอะไร ดีที่สุดเสมอสำหรับตัวเรา บัวเป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ

วันนี้ คุณกอบัวท่าจะว่าง คุณฝาชีก็ยังไม่กลับ น่าสงสารต้องไปรับ

กลับมาอีกตั้ง 2 ลำ กว่าจะถึง อาทิตย์หน้า พวกเราก้มหน้าทำงานไป

ส่วนพวกแดกแหลกผลาญแหลกไม่เคยเข็ด ไม่รู้จักบาปกรรม กินกันเข้าไป

ระวังท้องแตกตาย ตายไปก็เอาไปไม่ได้ ใครๆเขาก็นินทา นกยักษ์ตัวใหม่

ถ้ากินไม่ถึง 500 คน พวกบริหารตายแน่ จอดก็ไม่ได้ ต้องบินตลอด

นินทาบริษัทเราเอง ไม่มีวันหมดค่ะ

ถ้าวันนั้น มาถึง (ปีหน้า) ใจคงหาย เหมือนขาดอะไรในชีวิต คนทำงานแบบเรา

พูดได้คำเดียวว่า รักบริษัทเท่าฟ้า แต่ไม้ซีกเล็กๆ ไม่สามารถจะต้านทานท่อนซุง

ได้ค่ะ ไม่อยากอยู่ถึงวันที่เหลือแต่ซากค่ะ ทำใจรับไม่ได้

เรื่องน้องโบ เขาไม่หลอกค่ะ เพราะแก้วจ๋าเป็นพยานได้ค่ะ เรื่องเงินเดือน

เช่นกัน ใครจะนึก ข้างนอกหรูเลิศ คนนอกอยากเข้า คนในอยากออก เงินขึ้นไต่แบบ

เต่า กว่าแก้วจ๋าจะหลุดจาก deadlock เพดานตัน ต้องใช้เจ้านาย 4คน ดันให้เรา

ผลักให้เราหลุดมาได้ เงินเดือนไม่ขึ้น น้องโบไม่มา หนี้ก็เลยเข้ามาแบบเต็มๆ

....ปะ..!!!.พวกเราไปอยู่ดาวอังคารกัน..

ผมจองไว้แล้วแปลงนึง...รอเงินซื้อตั๋วไปอยู่...555

.........................

โธ่..!!!ไม่กินมันก็หิวง่ะ...เงินนี่..กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มเด้อ...ยิ่งกินยิ่งอยาก...

มีพันล้านมันก็ยังว่าน้อย....เฮ่อ...พูดอะไรวะเนี่ย..???เรามันคนส่วนใหญ่...555

......คุณแก้ว มีข้อมูลดีๆมาเรื่อยๆนะ..แต่มันกระจัดกระจาย...

..เปิดอีกกระทู้แบบเดิมดีมั๊ย??"สาระดีๆ แด่เพื่อนชาวหนี้"...ประมาณนี้...ลองพิจารณา..

Good Idea ! งั้นพี่เริ่มเปิดบริสุทธิ์แล้วกันนะค่ะ แก้วจ๋าตามไปเสริม

เรื่องไปดาวอังคาร เห็นมีแต่หินนะ พี่ ไหวหรือค่ะ

ส่วนตั๋ว ถ้าบริษัท เขายังมีโครงการ companion พาเพื่อนเที่ยว ก็ไปได้ค่ะ

พี่จ่ายค่าน้ำมันกับภาษี นอกนั้นฟรี เราไปเกาะ counter กันค่ะ แบบไปด้วยกัน

มาด้วยกันค่ะ หรือเราจะจัดไปถล่มนายเจได อนาคิน ไปล้มทับให้คาที่เลย ดีไหมค่ะ

กินฟรี อยู่ฟรี ลองปฎิเสธเราละก็ เราก็ง้อ

ถ้ายังไหว...ก็ไปทำงานอีกซักปีสองปีเถอะคะ...ไม่งั้นมันจะเหงาหงอย...เช้าขึ้นมาเฉื่อยชา...

วันนี้จะทำอะไรดี...เหงา...ไปเที่ยว..ไปหาเพื่อน..ซื้อของ..เสียตังส์...เสียดายขึ้นมาอีก...เฮ้อ

ขอบคุณค่ะพี่ลี เรื่องเหงาหงอย ก็คิดเหมือนกันนะ แต่คงไม่มากค่ะ

เพราะมีงานทำสารพัดที่บ้านค่ะ มีแม่ให้ดู มีหลานให้ปวดหัวเล่น

อาจไปสมัครเรียนอะไรเพิ่มเติมค่ะ อยากได้ปริญญาของเมืองไทยมากอดค่ะ

แล้วอาจจะบินไปเรื่อยๆ ดูโลกกว้างทางไกลค่ะ

แต่ตอนนี้กำลังคิดว่า คุ้มหรือไม่กลับการจากลา คิดภาษีแบบตัวอย่าง

ที่พี่ลีให้มาคร่าว แบบงูๆปลาๆ พี่ลี ไม่รู้แก้วจ๋าถูกหรือเปล่าค่ะ น่าจะ

ประมาณ 5 แสนกว่า กับเงินประมาณเกือบ4 ล้าน จากกองทุน 2 ล้านกว่า

เงินตอบแทนอยู่ทนจากบริษัทอีก 1 ล้านกว่าค่ะ ว่าจะซื้อรถเล็กๆ

สักคันไว้รับส่งคุณแม่ น่าจะประมาณ 5 แสน ส่วนตัวเอง คิดมากเรื่องซื้อของ

ค่ะ จะซื้ออะไรที คำนวนแล้วคำนวนอีก ใช้แต่สิ่งจำเป็นเท่านั้นค่ะ ของใช้ถ้า

ไม่พังก็ยังทู่ซี้ใช้ต่อไปค่ะ ติดนิสัยช่างคิดแล้วค่ะ ถ้าไม่เดินทางมาทำงาน

แก้วจ๋าก็ประหยัดค่าเดินทางเดือนละ 3000กว่าบาท พร้อมค่าอาหารที่

ต้องจ่ายแถวที่ทำงานซึ่งแพงกว่าในเมืองอีกประมาณเดือนละ 3000กว่าบาท

กินอยู่ที่บ้านคงไม่แพงเท่าแถวที่ทำงานค่ะ แถมประหยัดเสื้อผ้าสำหรับทำงาน

อีกหลายค่ะ

สงสัยเราจะเป็นคุณนายละเอียดยิบไปหน่อย

ฝาชีกอบัว คงต้องทำงานอีกหลายปี กว่าจะได้หลายๆล้าน เอิ๊กๆ
ทำมา 24 ปี แล้วง่ะ...อายุย่างเข้า 47 ปี ไปถูรูด ยังไม่ได้กลับเลยค่ะ ขี้เหนียวสุดๆ แล้วก็รับประทานยากโคตร กินอาหารฝรั่งก็ไม่ชอบ ไปไหนมาไหนอาศัยน้ำพริกที่แม่บ้าน พกไปให้ตลอด
กินอาหารโรงแรม ก็เอาน้ำพริกเผามาปาด ปาด บนขนมปังโฮตวีต 555++
เมื่อคืน Taggo คุยกัน...เขามองเห็นกอบัวกอดไอ้แตงกวาในแขน เขาบอกว่า
"เอาไอ้แตงกวา ออกไปก่อน"
กอบัว...อ๊ะ...ทำไม
"พ่อจะหอมแม่...กลัวแตงกวามันเกะกะ อิจฉาเรา" ฮิ...ฮิ...
เขาบอกว่า อิจฉาแตงกวา นอนกอดแม่ทุกคืน...ก่อนจะสำทับว่า
"ซักบ้างนะ..หัวมันมีแต่กลิ่นน้ำลายแม่"
กอบัว...เง้ออออ - - -



วันอาทิตย์ ถ้าไม่ติดธุระอะไร ไปให้กำลังใจน้องๆสมาชิกกันที่ มพบ. กันนะคะพี่แก้ว
บัวเกรงใจ...เพราะเห็นเป็นวันพักผ่อน แต่ถ้าไม่ติดอะไร ไปกันนะคะ... ดูแลตัวเองด้วยคะ