คุณนายตกสวรรค์ พร้อมกับหนี้ 4 ล้านบาท

11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #24494 โดย ntps
ดูไม่น่าเชื่อว่า เป็นคนหวาน น้ำตาลเรียกพี่ ขนาดนี้ :laughing:

คุณฝาชียังเยาว์วัย อยู่ต่อไปเรื่อยๆ เถอะค่ะ ยังอยู่ไม่คุ้ม ^^

เห็นเขาประกาศโปรโมทกันโครมๆ คุณฝาชีติดอันดับหรือเปล่าค่ะ

เรื่องไปดูใจน้องๆ อาจไม่สะดวกนะค่ะ ฝากความคิดถึงถึงทุกคนด้วยค่ะ

:bye:

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Nok2865

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #24569 โดย june


โห...คุณนายแก้วจ๋า เธอใช้เวลาในชั่วเวลาพริบตาเดียว ไต่สวรรค์ขึ้นมาเป็นคุณนายอย่างเดิม

พร้อมโดยการปลดหนี้อย่างขั้นเทพ เป็นแนวทางให้น้อง ๆ หลายคนได้ศึกษา

เป้ยินดีด้วยนะคะ ในสิ่งที่น้องแก้วเลือกที่จะทำ ถ้าสิ่งนั้นทำให้เราสบายใจ

แต่มีข้อแม้ว่าอย่าทิ้งชมรมของเราไปให้นานนัก หลังไมค์ของน้องแก้วได้ข้อมูลมากมาย

อ่านแล้วเพลิดเพลินดีค่ะ... :bye:




รักษาเกียรติของคุณไว้
เมื่อได้รับการปฏิบัติอย่างไม่สุภาพ...
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: ntps

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #24571 โดย ntps
ขอบคุณค่ะคุณปูเป้



ก่อนที่เฮียเหนอจะเปิดตัวกระทู้ใหม่ แก้วจ๋านำข่าวมาเล่าที่นี่ก่อนค่ะ

วันนี้ เรื่องแรก เรื่องของดอกเบี้ยมาฝากค่ะ ดอกเบี้ยนโยบายลดแล้วค่ะ

17 ต.ค. 2555 นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ในวันนี้ ว่า กรรมการฯ ส่วนใหญ่มีความเห็นว่า ในภาวะที่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ขณะที่เศรษฐกิจโลกยังอ่อนแอและมีความเสี่ยงสูง นโยบายการเงินควรผ่อนคลายเพิ่มเติมเพื่อรองรับความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกและ รักษาแรงส่งของอุปสงค์ในประเทศที่อาจจะอ่อนแรงลงในระยะต่อไป คณะกรรมการฯ จึงมีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 3.00 เป็นร้อยละ 2.75 ต่อปี โดยให้มีผลทันที ทั้งนี้ กรรมการฯ 2 เสียง เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 3.00 ต่อปี เนื่องจากเห็นว่าแรงส่งของการขยายตัวของเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถรอดู ความชัดเจนในระยะต่อไปได้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า มีโอกาสที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย (กนง.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 3.00 (แม้ด้วยมติที่อาจไม่เป็นเอกฉันท์ต่อเนื่อง) ในการประชุมรอบที่ 7 ของปีในวันที่ 17 ตุลาคม 2555 นี้ โดยแม้ว่าความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจจะยังคงมีน้ำหนักอยู่มาก แต่ด้วยเหตุผลหลายประการ ทำให้ช่วงเวลานี้อาจจะยังไม่ใช่จังหวะที่ กนง.จำเป็นต้องเร่งปรับจุดยืนด้วยการผ่อนคลายนโยบายการเงินในทันที ทั้งนี้ เหตุผลดังกล่าว ได้แก่ เศรษฐกิจไทยที่ยังมีแนวโน้มรักษาแรงส่งการขยายตัวได้จากแรงขับเคลื่อนของการ ใช้จ่ายภายในประเทศ ขณะที่การส่งออกน่าจะทยอยฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้นในระยะถัดไป นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 3.00 ในปัจจุบัน ก็ถือเป็นระดับที่ยังเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ส่วนการปรับตัวของค่าเงินบาทหลังการใช้มาตรการผ่อนคลายของธนาคารกลางหลัก ก็ยังไม่ได้ส่งผลกระทบหรือเป็นอุปสรรคต่อความสามารถทางการแข่งขันของภาคการ ส่งออก


อย่างไรก็ดี เชื่อว่า ทางการไทยคงจะติดตามพัฒนาการความเสี่ยงจากต่างประเทศที่ยังมีอีกหลาย เหตุการณ์สำคัญรออยู่ รวมไปถึงความก้าวหน้าของการใช้จ่ายภาครัฐ และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในประเทศ โดยคงพร้อมที่จะปรับจุดยืนด้วยการผ่อนคลายนโยบายการเงินหากสถานการณ์ไม่เป็น ไปตามที่คาดหรือความเสี่ยงขาลงของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกเหนือจากนั้น คงต้องจับตาแรงกดดันเงินเฟ้อที่อาจมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจาก ฝั่งอุปทาน (ตามราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์โลก รวมถึงนโยบายเพิ่มรายได้) แต่ทั้งนี้ ประเมินว่า กนง.จะยังพอมีช่องว่างสำหรับการใช้นโยบายเพื่อดูแลความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ เป็นหลักตราบใดที่แรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์หรือที่เกิดจากการใช้จ่ายภาย ในประเทศไม่ได้เร่งตัวขึ้นอย่างชัดเจน



แต่เรื่องที่ 2 เรื่องเสือเหลืองกำไรอื้อค่ะ คงมีหลายท่านอยากกระทืบมังค่ะ

ช่างทำเราได้ ^^


วันนี้ กรุงศรีกรุ๊ป (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) ได้รายงานผลประกอบการที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งสำหรับไตรมาส 3/2555 โดยมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญจากการขยายตัวของสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียม และบริการที่แข็งแกร่ง ความสามารถในการรักษาส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิในระดับที่สูง และหนี้ด้อยคุณภาพที่ลดลง

กรุงศรีกรุ๊ปมีกำไรสุทธิ 3.76 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 กรุงศรีกรุ๊ปมีกำไรสุทธิที่ 10.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.8 % จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2554
สินเชื่อที่มีคุณภาพขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.8% คิดเป็นมูลค่า 28.0 พันล้านบาทเมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2555 หรือเพิ่มขึ้น 10.4% คิดเป็นมูลค่า 71.5 พันล้านบาทจากสิ้นเดือนธันวาคม 2554 โดยธุรกิจรายย่อยยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญ โดยสินเชื่อรายย่อยเติบโต 17.4% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้
เงินฝากเพิ่มขึ้น 49.9 พันล้านบาท คิดเป็น 8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปีนี้ หรือเพิ่มขึ้น 111.8 พันล้านบาท คิดเป็น 19.9% เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 2554 ขณะที่สัดส่วนของเงินฝากประเภทออมทรัพย์และจ่ายคืนเมื่อทวงถามต่อสัดส่วน เงินรับฝากทั้งหมด เพิ่มมาอยู่ที่ระดับ 51.9% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2555 เทียบกับที่ 42.4 % ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554

สินเชื่อด้อยคุณภาพ ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลง 1.7 พันล้านบาทจากไตรมาส 2/2555 โดยปัจจุบันอยู่ที่ 2.65% ของสินเชื่อทั้งหมด ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิยังคงอยู่ที่ระดับ 4.35%.


มร. มาร์ค อาร์โนลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กรุงศรีกรุ๊ป กล่าวว่า “ไตรมาส 3/2555 นับเป็นอีกไตรมาสหนึ่งที่ธนาคารมีผลการดำเนินงานที่สูงเป็นประวัติการณ์ โดยสินเชื่อและเงินฝากได้ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง สะท้อนถึงความสามารถของธนาคารและบริษัทในเครือในการนำเสนอนวัตกรรมทั้งด้าน ผลิตภัณฑ์และบริการออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการรักษาความเป็นผู้นำในตลาด ทั้งนี้ในช่วงเดือนมิถุนายนและสิงหาคมที่ผ่านมา ธนาคารประสบความสำเร็จอย่างมากในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เงินฝาก “ออมทรัพย์ มีแต่ได้” และ “ออมทรัพย์ จัดให้” โดยสามารถระดมเงินฝากได้สูงกว่า 120 พันล้านบาท ท่ามกลางภาวะการแข่งขันอย่างรุนแรงในตลาดเงินฝาก”

“สำหรับ แนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ธนาคารยังคงมีมุมมองเป็นเชิงบวกต่อทิศทางการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากความต้องการในการบริโภคและลงทุนในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไตรมาส 4 ของทุกปี ถือเป็นช่วงที่สินเชื่อมักขยายตัวได้สูงที่สุด” มร. อาร์โนลด์ กล่าว

ณ วันที่ 30 กันยายน 2555 ธนาคารกรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าของประเทศไทย มีสินเชื่อรวม 784 พันล้านบาทและสินทรัพย์รวม 1.04 ล้านล้านบาท ธนาคารมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งโดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ที่ระดับ 15.8% โดยเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 (Tier 1) 11.5%

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Ploylyly

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #24592 โดย Ploylyly
ข่าวเพิ่มเติมครับ
แบ้งก์กรุงไทย-ซีไอเอ็มบีไทยอู้ฟู่สุดๆ ยอดปล่อยกู้กระฉูดกวาดกำไรพุงปลิ้น
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลประกอบการของธนาคารในไตรมาส 3 ปี 55 มีกำไรสุทธิ 8,916 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,423 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 62.33% โดยธนาคารมีรายได้ดอกเบี้นสุทธิเพิ่มขึ้น 1,476 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11.07% สาเหตุหลักเกิดจากการขยายตัวของสินเชื่อ และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 490 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 6,454 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 39.78%

"ผลประกอบการไตรมาส 3 ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก และสามารถทำกำไรได้สุงสุดเป็นประวัติการณ์ 3 ไตรมาสติดต่อกัน โดยเฉพาะด้านสินเชื่อขนาดใหญ่ และสินเชื่อรายย่อย ที่มีอัตราเติบโตสุงกว่าธนาคารกำหนดไว้ ซึ่งธนาคารมั่นใจว่าในปีนี้ สินเชื่อจะเติบโตเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 8-10% อย่างแน่นอน

สำหรับยอดสินเชื่อของธนาคาร ณ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา อยุ่ที่ 1.52 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 96,984 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.81% จากสิ้นปี 2554 และมียอดเงินรับฝาก 1.64 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 361,681 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 28.14% จากสิ้นปี 2554

ด้านนายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของะนาคาร ไตรมาส 3 ปี 55 ที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิ 1,048.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 728.72 ล้านบาท หรือ 227.93% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่งวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 1,421.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 565.1 ล้านบาท หรือ 66.0% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักในช่วงไตรมาส 3 มีส่วนแบ่งกำไรจากการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) และกำไรจากการขายหุ้นในบริษัทย่อยแห่งหนึ่งของธนาคาร ขณะที่เงินให้สินเชื่อ สิ้นไตรมาส 3 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 127,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% จากสิ้นปี 54


อ้างอิง หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ หน้า 9 ฉบับวันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม 2555

ทำไมมันกำไรมากมายมหาศาลจังเลยเนอะ

ถึงว่ามีแต่คนอยากเป็นหนุ่มแบ้งค์กันจัง ทั้งโก้ทั้งเก๋ดูแล้วมั่นคง แต่ผมมีเพื่อนทำงานธนาคารยุโอบี ที่ทำให้ผมต้องขึ้นศาลเป็นระดับซีเนี่ยร์สาขา ลาออกเพราะว่าการทำงานกดดันมาก ต้องไปก่อน7 โมง แถมยังต้องกลับหลัง 6 โมงอีก นับเงินขาดก็ต้องรับผิดชอบ ถ้าเงินเกินก็ต้องหาให้ได้ว่ามาจากไหน แถมยังบังคับให้ขายพวกประกันและบัตรเครดิตด้วย ตอนนี้ลาออกมาแล้ว ทำงานร่วม 20 ปี เฮ้อ.......มันก็ไม่ได้สวยหรุอย่างที่เค้าว่ากันเนอะ
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: ntps

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #24909 โดย ntps
ขอบคุณท่าน Goku สำหรับข้อมูลดีๆๆ ได้ข่าวว่าท่านแค่ 3 รอบเองใช่ไหม ^^

กี่รอบก็แค่ตัวเลขเนอะ ต่อให้เลขวิ่งไปข้างหน้า หน้าตาเราคงที่ก็ใช้ได้ค่ะ

เสียดายจังไม่มีโอกาสเจอท่านจอมเทพ :ไม่ยอม: จะขอเข้าไปคารวะสัก

1 จอก คนอะไรมาไวหมดไว :ลั่ลล้า: แต่ยังไม่ทิ้งกันไปไหน ขอบคุณค่ะ




ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Ploylyly

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #24911 โดย Lyncns31
เงินฝาก จ่าย 3 % ปล่อยแบบกรุณาสุดๆ 16%

ไม่รวยก็บ้า...ได้ครึ่งทิ้งครึ่งก็ยังรวย...พี่น้อง..

.ประกาศความสำเร็จกันใหญ่...พอเพียงเถอะ พอเพียง...

และแล้ว...หนี้ข้าก็สิ้นสุด..อิสรภาพมาถึงแล้ว.
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Mommyangel, ntps

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #24914 โดย Ploylyly
วันอบรมแม่หญิงแก้วจ๋าไม่มาเลยไม่มีโอกาสได้ขอบคุณเลยครับ ไว้โอกาสหน้านะครับ
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: ntps

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #24916 โดย ntps
แบงค์ทำกำไรกระฉูดอีกแล้วค่ะ

ในจังหวะที่หลายฝ่ายกำลังจับจ้องกับปัญหาการประมูลใบอนุญาต 3 จี ในการปกป้องผลประโยชน์ของรัฐและประชาชน เมื่อเห็นชัดว่าวิธีการประมูลที่ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กำหนดนั้นเปิดช่องหรือเอื้อเอกชนจนไม่มีการแข่งขันราคาเกิดขึ้น และไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้ว่าต้นทุนใบอนุญาตที่ต่ำของเอกชน จะส่งผ่านให้ค่าบริการที่ประชาชนจ่ายจะถูกลงตามที่ กสทช.กล่าวอ้างได้จริง

แม้ว่า กสทช.จะออกแถลงการณ์ว่าจะคุมอัตราค่าบริการ 3 จี ให้ต่ำกว่าค่าบริการปัจจุบัน15-20% นั้น แต่ดูเหมือนว่าเป็นความพยามยามแบบวัวหายล้อมคอก โดยที่ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาบังคับภาคเอกชนได้

ขณะเดียวกันนั้นในฝั่งของอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ ที่ถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ของระบบเศรษฐกิจ ได้ประกาศลดดอกเบี้ยทั้งกู้และฝากเพื่อสนองต่อคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่มีมติประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 2.75% เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา นำโดยธนาคารไทยพาณิชย์ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3-36 เดือน ลงในอัตรา 0.10-0.20% ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR ลดอีก 0.125% มีผลตั้งแต่ 19 ตุลาคม 2555

ส่วนธนาคารกรุงเทพก็ประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.125% โดยดอกเบี้ย MLR อยู่ที่ 7.0% ฝั่งดอกเบี้ยเงินฝากปรับลดลง 0.125-0.25% และตามด้วยธนาคารกสิกรไทยที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.13% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำปรับลง 0.05-0.50%

การที่ธนาคารพาณิชย์ประกาศลดดอกเบี้ยน่าจะเรียกว่าเป็นข่าวดีสำหรับผู้บริโภคและภาคธุรกิจที่มีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลง แม้ว่าจะลดลงเพียง 0.125% เท่านั้นและก็เป็นปกติที่ว่าฝั่งของเงินกู้จะลดน้อยกว่าเงินฝาก ขณะที่เวลาดอกเบี้ยขาขึ้นฝั่งเงินกู้ก็จะขึ้นมากกว่าเงินฝาก

ดังนั้น เมื่อผลประกอบการ 9 เดือนปีนี้ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ออกมา จะเห็นว่าทั้งระบบมีกำไรสุทธิ 131,124 ล้านบาท เรียกว่ากำไรท่วมท้นสูงกว่ากำไร

ทั้งปีของปี 2554 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 131,071 ล้านบาท ซึ่งทุกธนาคารก็อธิบายว่าเป็นเพราะได้แรงส่งจากสินเชื่อที่มีการขยายตัวอย่างร้อนแรง

โดยเฉพาะธนาคารไทยพาณิชย์และกรุงไทยที่โชว์สถิติทำกำไร โดยไทยพาณิชย์ไตรมาส 3 มีกำไรสุทธิ 10,025 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% สูงสุดเป็นประวัติการณ์เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ส่งผลให้กำไรสุทธิรวม 3 ไตรมาสของปี 2555 อยู่ที่ 30,441 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.4% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

ขณะที่ธนาคารกรุงไทยไตรมาส 3 มีกำไรสุทธิสูงสุด 8,916 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.33% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และ 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 22,676 ล้านบาท

แต่ที่น่าสนใจมากขึ้นคือส่วนต่างดอกเบี้ยรับสุทธิ (net interest margin) ที่เปิดเผยออกมาพบว่า แม้ธนาคารพาณิชย์ทั้งหลายจะมีภาระเพิ่มขึ้นจากการจ่ายค่าต๋ง 0.47% ของฐานเงินฝาก ซึ่งเริ่มจัดเก็บเมื่อกลางปีที่ผ่านมา แต่ยังพบว่า NIM ของธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ยังสูงกว่าปีที่ผ่านมา

ที่นำโด่งเห็นจะเป็นของธนาคารกสิกรไทยซึ่งพบว่า NIM ในไตรมาส 3 อยู่ที่ระดับ 3.55% และเฉลี่ย 9 เดือนอยู่ที่ 3.57% ขณะที่ธนาคารไทยพาณิชย์อยู่ที่ 3.23% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ซึ่งอยู่ที่ 3.22% และธนาคารทหารไทยอยู่ที่ 2.82% เป็นต้น

ทั้งนี้ อาจมองว่าธนาคารพาณิชย์ทั้งหลายมีการบริหารธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ระดับของ NIM จึงเพิ่มขึ้น ในแง่ของผู้ถือหุ้นคงปลาบปลื้มกับศักยภาพความสามารถการบริหาร

แต่สำหรับประชาชนตาดำ ๆ คงรู้สึกทำใจลำบาก เพราะขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี หรือเอ็มอาร์อาร์ยังอยู่ที่ 7.75% โดยที่ธนาคารพาณิชย์ยังมีส่วนต่างดอกเบี้ยรับสุทธิที่สูงขึ้น และยังทุบสถิติทำกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #24917 โดย ntps
ค่ายนี้ที่ทำกำไรมาก และประกาศเดินหน้าเป็นผู้นำด้านบัตรเครดิต

ใครที่ยังเป็นสาวก ขอให้คิดก่อนตัดสินใจค่ะ



หลังจากเปิดตัวรูปแบบการชำระเงินใหม่ภายใต้ชื่อ K-Merchant on Mobile โดยจับมือกับสายการบินนกแอร์เป็นการประเดิมพันธมิตรรายแรก เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แต่จากนี้ไปจะเป็นจังหวะสำคัญของการรุกตลาดบัตรเครดิต โดยเจาะตรงที่ "ร้านค้ารับบัตร" ซึ่งถือเป็นเรือธงลำใหม่ในตลาดบัตรเครดิตของธนาคารกสิกรไทย ซึ่ง "ประชาชาติธุรกิจ" มีโอกาสพูดคุยกับ "ชาติชาย พยุหนาวีชัย" รองกรรมการผู้จัดการ แม่ทัพผู้ดูแลงานนี้โดยตรง ซึ่งจะเป็นผู้ตอบคำถามได้ดีที่สุดว่าแนวทางการเดินหน้าธุรกิจบัตรเครดิตของธนาคารจะเป็นอย่างไรต่อไป

"ชาติชาย" เล่าถึงระบบการชำระเงินรูปแบบใหม่ ที่เทคโนโลยีการสื่อสารเข้ามาผนวกกับบริการด้านการเงิน จะทำให้ร้านค้าต่าง ๆ สามารถรับชำระค่าสินค้าผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเลตได้อย่าง

ง่ายดาย โดยเรียกระบบนี้ว่า mPOS (Mobile Point-of-Sale) คล้ายกับเครื่องรูดบัตรเครดิตแบบเดิม (EDC) แต่จะมีขนาดเล็กกว่ามาก และพกพาสะดวก เพียงเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเลต ก็ใช้งานได้ทันที

นี่คือหนึ่งในแผนงานเชิงรุก เพื่อขยายฐานร้านค้ารับบัตรให้มากขึ้น เพราะต้นทุนอุปกรณ์เชื่อมต่อที่แสนจะถูก ประมาณ 2,000 บาท เปรียบเทียบกับเครื่องรับบัตรแบบเดิมที่ต้องเสียค่าเช่าเดือนละ 450-1,000 บาท แถมยังต้องรักษายอดรูดบัตรให้ถึงเดือนละ 50,000 บาทอีกด้วย

"เครื่อง EDC เรามีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 32% เป็นเบอร์หนึ่งในตลาด และยิ่งเรามี mPOS เข้ามาเพิ่ม จึงยิ่งมั่นใจว่าช่วยเพิ่มปริมาณร้านค้ารับบัตรและค่าธรรมเนียมยอดใช้จ่ายผ่านบัตร ซึ่งจะทำให้เรารักษามาร์เก็ตแชร์ได้ต่อเนื่อง"

ธุรกิจที่น่าจะตอบสนองต่อรูปแบบการชำระเงินแบบใหม่นี้คือร้านอาหาร ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ธุรกิจบริการจัดส่ง (delivery) ธุรกิจขายตรง โรงเรียนสอนพิเศษ หรือแม้แต่ร้านขายของตามตลาดนัด นอกจากนี้ ยังสามารถกระจายฐานลูกค้าไปตามหัวเมือง 14 จังหวัดยุทธศาสตร์ของธนาคารได้อีกด้วย โดยเฉพาะร้านขายของฝากหรือของที่ระลึก ที่มีแนวโน้มจะให้ความสนใจกับ mPOS

ส่วนคำถามที่ตามมาคือความปลอดภัยของข้อมูลในบัตร ซึ่ง "ชาติชาย" รับประกันว่า mPOS จะไม่จดจำข้อมูลใดๆ ภายหลังจากทำรายการชำระเงินเสร็จสิ้นแล้ว เพราะข้อมูลจะถูกส่งไปที่เครื่องเซิร์ฟเวอร์ส่วนกลางของธนาคารทันที

และลูกค้าจะได้รับสลิปการชำระเงินผ่านจากอีเมล์หรือโทรศัพท์มือถือเท่านั้น หรือร้านค้าที่ซื้อเครื่องนี้ไปใช้ก็จะต้องสมัครและลงทะเบียนกับธนาคาร ซึ่งต้องผ่านการตรวจสอบตัวตน ลักษณะธุรกิจ การมีหน้าร้านไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ หรือสถานที่ตั้งก็ตาม รวมถึงยังสามารถกำหนดเพดานวงเงินในการรับชำระด้วยวิธีนี้ได้ด้วย ซึ่งจะทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจยิ่งขึ้น

เขาบอกว่า ขณะนี้ธนาคารกำลังสร้าง "แอปพลิเคชั่น" ที่จะมาสนับสนุนกับระบบ mPOS ได้โดยตรง เพื่อให้ธุรกิจที่นำไปใช้งานสามารถสร้างหน้าต่างสำหรับชำระเงินที่เป็นของตนเองได้ เช่นธุรกิจร้านอาหารอาจจะถ่ายรูปอาหารแต่ละเมนูเข้าไปเป็นรายการในระบบ ในการคิดเงินก็สามารถกดรายการอาหารที่ลูกค้าสั่งจากหน้าเมนูที่ป้อนเอาไว้ ระบบจะคำนวณเงิน และถ้าลูกค้าเลือกชำระด้วยบัตรเครดิตก็สามารถรูดจากเครื่องได้ทันทีเลย

ยิ่งกว่านั้น เพื่อให้ง่ายสำหรับลูกค้าธุรกิจที่จะนำระบบนี้ไปใช้กับร้านค้าได้เร็วขึ้น ธนาคารก็กำลังทำแพ็กเกจนี้ร่วมกับผู้จำหน่ายโทรศัพท์สมาร์ทโฟนบางรายให้สามารถจำหน่ายโทรศัพท์สมาร์ทโฟน พร้อมกับอุปกรณ์ต่อเชื่อมสำหรับชำระเงินและซิมการ์ดไปด้วยเลย ทั้งหมดนี้ในราคาเท่ากับค่าเครื่องโทรศัพท์

"เราเชื่อมั่นว่า อุปกรณ์เชื่อมต่อสำหรับการชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟนและแท็บเลต จะได้รับความนิยมสูงในอนาคต ทั้งธนาคารผู้ให้บริการ ซึ่งปัจจุบันมี 2 แห่งในไทย และธุรกิจร้านค้า ทั้งรายใหญ่และรายเล็ก ซึ่งจะสามารถเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนผ่านบัตรเครดิตให้มากกว่า 9 แสนล้านบาท อย่างในสหรัฐอเมริกา เริ่มใช้ mPOS ในปี 2552 ปัจจุบันมีเม็ดเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้นถึง 8 เท่าตัว จาก 1,000 ล้านเหรียญเป็น 8,000 ล้านเหรียญ"

ชาติชายยังเล่าถึงแผนเกี่ยวกับธุรกิจบัตรเครดิตเพิ่มเติมอีกว่า ธนาคารเตรียมจะนำเทคโนโลยีเพย์เวฟ (pay wave)

ให้กลับมาโปรโมตอีกครั้ง ซึ่งเป็นระบบชำระเงินแบบไร้สัมผัส เพียงแค่ยื่นบัตรไว้ใกล้ ๆ เครื่องรับสัญญาณก็จะทำธุรกรรมชำระเงินได้ภายในไม่กี่วินาที ซึ่งธนาคารมีบัตรเครดิต K-Wave อยู่แล้วก็จะโปรโมทการทำธุรกรรมแบบ touch and go

ยิ่งกว่านั้น โปรเจ็กต์นี้จะมาพร้อมกับการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ที่ชื่อ Near Field Communication (NFC) หรือก็คือนำวิธีระบบ touch and go ให้มีอยู่ในโทรศัพท์มือถือเกือบทุกรุ่นและฝังลง

ในบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ซึ่งจะเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การชำระเงินยุคใหม่ให้ง่ายยิ่งขึ้น

"Touch and Go น่าจะเริ่มบูมในปีหน้า เพราะมีอุปกรณ์รองรับเยอะ และเป็นระบบเดียวกับบัตรสแกนบนรถไฟฟ้า BTS หรือ MRT ซึ่งมีหลายธุรกิจเริ่มหันมาใช้ระบบชำระเงินแบบนี้ และร้านค้าหลายรายมีเครื่องรับชำระเงินแบบสแกนด้วย"

นี่คือสัญญาณการปรับโฉมของธนาคารกสิกรไทย เพื่อรับมือการแข่งขันทั้งจำนวนบัตรเครดิตและร้านค้ารับบัตร เพื่อกรุยทางสู่การเป็นเบอร์ 1 ในตลาดบัตรเครดิตอย่างครบถ้วนรอบด้าน ปีหน้าคงเห็นการเปลี่ยนแปลงในตลาดนี้อีกมากมาย ต้องจับตาดูต่อไป...

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Ploylyly, Champcyber99

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #24919 โดย Ploylyly
งัดกลยุทธมาดูดเงินกันใหญ่เลยนะ สำหรับแมงเม่าทั้งหลาย :ไม่ยอม:


ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: ntps

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #24933 โดย ntps
มาอีก 1 กับดักค่ะ



นายวิชิต พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า “จากการศึกษาทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยและพฤติกรรมของผู้บริโภคในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยในปัจจุบันพบว่า ในช่วงครึ่งปีแรกคอนโดมิเนียมได้รับความนิยมสูง ดังนั้นที่อยู่อาศัยที่สร้างใหม่ในกรุงเทพฯ และพื้นที่ใกล้เคียง จึงมีสัดส่วนของคอนโดมิเนียมสูงถึง 47% เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด โดยมีคอนโดมิเนียมสร้างใหม่เพิ่มขึ้นถึงราว 36,000 ยูนิต ซึ่งหากแบ่งตามสัดส่วนแล้ว คอนโดมิเนียมที่มีราคาประมาณ 1-3 ล้านบาทนับเป็นตลาดที่มีอัตราการขยายตัวสูงที่สุดคิดเป็น 62% ของตลาดคอนโดมิเนียมโดยรวม ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าวัยทำงาน ที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม โดยพิจารณาปัจจัยในการเลือกซื้อคอนโดมิเนียมจากความสะดวกสบายในบริเวณที่มีรถไฟฟ้า รวมทั้งเส้นทางส่วนต่อขยายของทั้งรถไฟฟ้า BTS และ MRT และระยะเวลาการผ่อนชำระยาว อัตราการผ่อนชำระต่อเดือนที่สอดคล้องกับรายได้”


“ธนาคารกรุงศรีได้เล็งเห็นถึงศักยภาพและโอกาสในการแข่งขันในตลาดลูกค้ากลุ่มวัยทำงาน ซึ่งพิจารณาเลือกใช้บริการสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากข้อเสนอในเรื่องของวงเงินสินเชื่อ ยอดการผ่อนชำระในแต่ละเดือน อัตราดอกเบี้ย และอัตราค่าธรรมเนียมต่างๆ รวมทั้งระยะเวลาและกระบวนการในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่ออีกด้วย ธนาคารจึงได้พัฒนาและต่อยอดโครงการ ‘สินเชื่อคอนโด ได้เยอะ ดอกต่ำ’ หลังจากประสบความสำเร็จจากโครงการสินเชื่อเพื่อซื้อคอนโดมิเนียมในในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยยังคงมอบข้อเสนอพิเศษ ด้วยวงเงินกู้สูงสุด 100% เต็ม พร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 6 เดือน ฟรีค่าสำรวจและประเมินหลักประกัน และค่าธรรมเนียมการทำนิติกรรมสัญญาฯ โดยมีโครงการคอนโดมิเนียมที่ร่วมโครงการเพิ่มขึ้นเป็น 600 แห่งทั่วประเทศ” นายวิชิต กล่าว



โครงการ ‘สินเชื่อคอนโด ได้เยอะ ดอกต่ำ’ จากธนาคารกรุงศรี มอบความพิเศษด้วยวงเงินกู้สูงสุด 100% พร้อมอัตราดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 6 เดือน ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 28 ธันวาคม 2555 นี้

โปรดระวังอะไรๆ ที่ซ่อนอยู่ โปรดใช้วิจารณาญาณใน

การอ่าน และตรวจสอบเงื่อนไข อย่าหวั่นไหวแค่คำโฆษณาค่ะ

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Mommyangel, Ploylyly, Champcyber99

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #24939 โดย Ploylyly
สงสัยคอนโดยิ่งสูง คงยิ่งหนาวครับ :vomit:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #25004 โดย Nok2865
พี่สาวแสนดี...
พี่แก้วไม่เคยเบื่อหน่ายในการช่วยเหลือชมรมเลย
บัวยังไม่ได้ครึ่งของพี่แก้วเลยค่ะ
ไม่รู้จะพูดอะไรดี
รักพี่แก้วมากๆ ดูแลตัวเองด้วยนะคะ


มีแม่เหล็กอยู่ในหัวใจคุณ ซึ่งจะดึงดูดมิตรแท้
คือความไม่เห็นแก่ตัวและคิดถึงคนอื่นก่อน
เมื่อคุณเรียนรู้เพื่อจะอยู่เพื่อคนอื่น พวกเขาก็จะอยู่เพื่อคุณ
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: ntps

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #25025 โดย ntps
อย่าไปนับการกระทำเลยค่ะ แค่พอใจ สุขใจ ที่ช่วยให้บางคนหัวเราะได้

ก็เกินพอแล้วค่ะ แม้จะมีบางคนอาจไม่เข้าใจ แต่ไม่คิดมากค่ะ จะท้อก็เพราะ

ระบบชอบเด้ง ต้อง log in บ่อยๆ นี้แหละ :laughing:





ไม่ว่าคุณแม่ลูกดกจะลอยไปไหนต่อไหนก็ตาม คิดว่าเธอคงไม่ลืมแวะมาอ่านนะค่ะ



ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Nok2865

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา #25303 โดย Champcyber99
สวัสดีครับคุณแก้ว อาการแพ้ๆๆ หายหรือยังครับ
พูดถึงคนที่มีอาการแพ้ มันคงเป็นไปตามอากาศใช้ไหมครับคุณแก้ว
พอดีผมไม่มีอาการแพ้อะไรครับ แพ้แต่ ม.สละ.ื
คุณแก้วสบายดีนะครับ
ไฟล์แนบ:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: ntps

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา #25349 โดย ntps
ขอบคุณที่ช่วยเติมสาระ ให้กับกระทู้นะค่ะ เบื่ออัพเดทกระทู้ตัวเองค่ะ

เพราะไม่มีอะไรเกี่ยวกับหนี้ตัวเองมาลงอีกแล้ว ทุกอย่างคงรอวันที่

จ่ายครบตามตกลงเท่านั้น คาดว่า ไม่น่ามีอะไร สะกิดเจ้าหนี้ให้ใจดี

อยากได้เงินก่อนกำหนด :laughing:

แต่ก็ไม่มีอะไรแน่นอนในโลกเบี้ยวใบนี้ ได้เห็นข่าว เรื่อง ผสมพันธุ์

กันระหว่าง แบงค์ในระบบกับ non bank ถ้าจริง นโยบายก็คงเปลี่ยน

ไปเหี้ยมขึ้นมังค่ะ ท่าทางจี อี ไม่รอด ขอถอนตัวออกจากไทย เล่น

ขอเงินสดๆๆๆ หุ้นไม่สน คงเข็ด อยากหาเงินบนทุกข์ของคน

ช่วงนี้คงไปอัพข่าวในกระทู้สาระ ส่วนใหญ่ค่ะ ปาร์ตี้สวนลุมเป็นไงบ้าง

เรื่องภูมิแพ้ ใกล้จบเพราะครบรอบ 1 ปี หมอบอกว่า จัดหนัก ไม่อยาก

เจอหน้าอีกแล้ว ^^

คงไปสวนลุมก่อนสิ้นปีค่ะ :P แล้วโทรบอกนะ เจอกันค่ะ






ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา #25376 โดย ntps
ช่วงใกล้สิ้นปีนี้ ดีกว่าปี 54 เยอะเลย อย่างแรก ใกล้หมดหนี้ที่ต้องจ่าย

ประมาณกลางปี 56 บรรยากาศเงียบดี ไร้คนติดตาม เงินที่ควรจะได้

เมื่อปี 54 เพิ่งได้รับตกเบิกเดือนต. ค ที่ผ่านมาค่ะ จึงอยากหวังและขอ

ให้ผ่านปี 55 ไปด้วยดี อย่าได้เกิดอุปสรรค ปัญหาไม่ว่าเรื่องใดอีกเลย

จะได้มีเงินเก็บเป้นกอบเป็นกำ ไว้เลี้ยงชีพในยามตกงาน ^^

ได้รับเมล์เรื่อง 3G ซึ่งหากเป็นละครคงอมตะนิรันดร เป็นตำนานมาแสน

นาน เพิ่งอ่านจึงเข้าใจ แต่ไม่รู้แม่นแค่ไหน เลยนำมาฝากอ่านค่ะ แต่ไม่

ใช่เพราะจะซื้อมาใช้ แค่อ่านเป็นความรู้ค่ะ แม้มีเงินเพิ่มแต่ยังไม่คิดจะรีบ

ใช้เงินค่ะ




ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา #25377 โดย ntps

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Mommyangel, Ploylyly

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา #25380 โดย ntps

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Mommyangel, Ploylyly

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา #25381 โดย ntps








ท่าน Goku มาร่วมเป้นดารารับเชิญด้วยนะค่ะ :P

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Ly89, Mommyangel, Ploylyly, june, Lyncns31

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 1.997 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena