ถาม : ผมโดนหมายอายัดเงินเดือนแล้วครับ แต่ผมมีภาระค่าใช้จ่ายเยอะมาก หากถูกอายัดที่ 30% แบบนี้ ผมลำบากแน่ๆ
ผมสามารถขอลดหย่อนได้ไหมครับ? ถ้าหากทำได้ จะต้องทำอย่างไรบ้างครับ?
ตอบ : การขอลดหย่อนอายัดเงินเดือน
ตามกฏหมายสามารถให้ขอลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 15%
โดยลูกหนี้สามารถนำสลิปเงินเดือน เอกสารค่าใช้จ่ายต่างๆในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าน้ำ , ค่าไฟ , ค่าเช่าบ้านที่เป็นชื่อของตน , ค่าเลี้ยงดู บิดา/มารดา(ซึ่งแก่ชรามากแล้ว) หรือหากมีบุตรให้นำสำเนาสูติบัตรบุตรมาประกอบด้วย
ให้ลูกหนี้มาเขียนคำร้องขอลดการอายัดได้ที่กรมบังคับคดี แล้วเจ้าพนักงานบังคับคดีจะพิจารณาว่าสามารถลดอายัดให้ได้หรือไม่ต่อไป
อนึ่ง...การร้องขอดังกล่าว จะพิจารณาจาก เอกสาร/หลักฐาน ต่างๆที่นำมาประกอบ ว่ามีเหตุผลเพียงพอในการลดหย่อนให้ได้หรือไม่ และถ้าหากลดหย่อนได้ ควรได้รับการลดหย่อนที่เท่าไหร่ จากความ
น่าสงสาร/น่าเห็นใจ ของสภาพความเป็นอยู่จริง
ตัวอย่างเช่น
• ตัวอย่างที่1
ลูกหนี้มีรายรับรวมทั้งหมดในแต่ละเดือน = 20,000.-บาท ถูกอายัดเงินเดือนที่ 30% เป็นจำนวนเงิน 6,000.-บาท คงหลือเงินไว้ให้ลูกหนี้ใช้จ่าย 14,000.-บาท
แต่ลูกหนี้มีค่าใช้จ่ายต่างๆที่จำเป็น เช่น
- ค่าเช่าบ้าน 3,000.-บาท (มีใบเสร็จยืนยัน)
- ค่าน้ำประปา 200.-บาท (มีใบเสร็จยืนยัน)
- ค่าไฟฟ้า 500.-บาท (มีใบเสร็จยืนยัน)
- ค่าเลี้ยงดูบุตรในวัยเรียน 2 คน เป็นจำนวนเงิน x,xxx บาท/คน/เดือน (มีใบเกิด หรือ บัตรประชาชนของบุตรยืนยัน พร้อมค่าใบเสร็จค่าเทอม/ค่าเล่าเรียน)
- ค่าเลี้ยงดู บิดา/มารดา ที่แก่ชราภาพแล้ว(ต้องมีอายุตั้งแต่ 60ปี ขึ้นไป) เป็นจำนวนเงิน x,xxx บาท/คน/เดือน (มีบัตรประชาชนยืนยัน)
ถ้าเป็นในกรณีเช่นนี้ การร้องขอลดหย่อนอายัดเงินเดือน ก็น่าจะได้รับการอนุมัติลดหย่อนที่ 15%
จากเดิมซึ่งถูกอายัดที่ 6,000.-บาท(30%) ก็จะลดการอายัดลงมาเหลือเพียงแค่ 3,000.-บาท(15%) เท่านั้น
• ตัวอย่างที่2
ลูกหนี้มีรายรับรวมทั้งหมดในแต่ละเดือน = 35,000.-บาท ถูกอายัดเงินเดือนที่ 30% เป็นจำนวนเงิน 10,500.-บาท คงหลือเงินไว้ให้ลูกหนี้ใช้จ่าย 24,500.-บาท
แต่ลูกหนี้มีค่าใช้จ่ายต่างๆที่จำเป็น เช่น
- ค่าเช่าบ้าน 4,000.-บาท (มีใบเสร็จยืนยัน)
- ค่าน้ำประปา 300.-บาท (มีใบเสร็จยืนยัน)
- ค่าไฟฟ้า 700.-บาท (มีใบเสร็จยืนยัน)
- ค่าเลี้ยงดูบุตรก่อนวัยเรียน 1 คน เป็นจำนวนเงิน x,xxx บาท/เดือน (มีใบเกิดของบุตรยืนยัน)
ถ้าเป็นในกรณีเช่นนี้ การร้องขอลดหย่อนอายัดเงินเดือน อาจได้รับการอนุมัติลดหย่อนที่ 10%
จากเดิมซึ่งถูกอายัดที่ 10,500.-บาท(30%) ก็จะลดการอายัดลงมาเหลือเพียงแค่ 7,000.-บาท(20%) เท่านั้น
• ตัวอย่างที่3
ลูกหนี้มีรายรับรวมทั้งหมดในแต่ละเดือน = 68,000.-บาท ถูกอายัดเงินเดือนที่ 30% เป็นจำนวนเงิน 20,400.-บาท คงหลือเงินไว้ให้ลูกหนี้ใช้จ่าย 47,600.-บาท
แต่ลูกหนี้มีค่าใช้จ่ายต่างๆที่จำเป็น เช่น
- ค่าผ่อนคฤหาสน์หลังงาม 20,000.-บาท (มีใบเสร็จยืนยัน)
- ค่าผ่อนรถ Benz รุ่น S-Class 28,000.-บาท (มีใบเสร็จยืนยัน)
- ค่าน้ำประปา 700.-บาท (มีใบเสร็จยืนยัน)
- ค่าไฟฟ้า 5,800.-บาท (มีใบเสร็จยืนยัน)
- ค่าเลี้ยงดูบุตรในวัยเรียน 1 คน เป็นจำนวนเงิน x,xxx บาท (มีบัตรประชาชนของบุตรยืนยัน)
ถ้าเป็นในกรณีเช่นนี้ การร้องขอลดหย่อนอายัดเงินเดือน น่าจะได้รับการอนุมัติลดหย่อนที่ 0%
จากเดิมซึ่งถูกอายัดที่ 20,400.-บาท(30%) ก็จะให้ถูกอายัดที่ 20,400.-บาท(30%) ไว้ตามเดิม
และเผลอๆทางกรมบังคับคดีอาจเกิดความ“หมั่นไส้” แจ้งให้ทางฝ่ายเจ้าหนี้ได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า ลูกหนี้รายนี้มีรายได้ที่สูงมาก แถมยังมีทรัพย์สินหรูๆอีกตั้งมากมาย แต่ไม่ยอมชดใช้หนี้ แถมยังมีหน้ามาทำเรื่องขอลดหย่อนเสียอีก
จึงขอแจ้งข้อมูลให้ทางเจ้าหนี้รีบๆมาทำเรื่องยึดทรัพย์สินต่างๆเหล่านี้เพิ่มเติมด้วย
"ตัวอย่าง"หนังสือลดหย่อนการอายัดเงินเดือน
การขอลดหย่อนอายัดเงินเดือน
ตามกฏหมายสามารถให้ขอลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 15%
ลูกหนี้สามารถนำสลิปเงินเดือน เอกสารค่าใช้จ่ายต่างๆในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าน้ำ , ค่าไฟ , ค่าเช่าบ้าน , ค่าโทรศัพท์บ้าน , ค่าโทรศัพท์มือถือ , ค่า Internet...ฯลฯ...ที่เป็นชื่อของลูกหนี้ , ค่าเลี้ยงดู บิดา/มารดา(ซึ่งแก่ชราอายุตั้งแต่ 60ปีขึ้นไป) หรือหากมีบุตรให้นำ สำเนาสูติบัตรบุตร/สำเนาบัตรประชาชนของบุตร มาแนบประกอบด้วย โดยให้ลูกหนี้มาเขียนคำร้องขอลดการอายัดได้ที่สำนักงานบังคับคดีสาขาที่เป็นผู้ออกคำสั่งให้อายัดเงินเดือน
ลูกหนี้ต้องไปติดต่อที่สำนักงานบังคับคดี ตามต้นสังกัดในจดหมายบังคับคดีอย่างเดียวนะครับ ไปติดต่อที่สำนักงานสาขาอื่นไม่ได้ (ติดต่อตามสำนักงานสาขา ที่พิมพ์อยู่บนหัวกระดาษจดหมายอายัดเงินเดือน
ด้านบน-ขวามือ ข้างตราครุฑ)เท่านั้น
พอเดินทางไปถึงที่แล้ว ก็ต้องเขียนใบ"
คำร้อง"ขอลดหย่อนการอายัดเงินเดือน...พร้อมกับต้องแนบเอกสาร
(ถ่ายสำเนา)ที่เราต้องเตรียมไปด้วย
ผู้หญิงคนหนึ่ง เขียน: ถาม
: จะไปขอลดยอดการอายัติเงินเดือน เพราะมีค่าใช้จ่ายมากแต่ไม่มีใบเสร็จไปยื่นเป็นหลักฐานต้องทำยังไงดีคะ
เงินเดือน 22,000 หักภาษี+ประกันสังคม 900
- ค่าใช้จ่ายรายวัน
1.ค่าเดินทางวันละ 80 (ไป-กลับ)
2.ค่าอาหาร 3 มื้อ 100 (เซฟสุด ๆ ไม่มีขนม ผลไม้ ไม่ปาร์ตี้) ถ้าวันไหนเผลอใจ วันต่อไปก้อ มาม่า
- ค่าใช้จ่ายรายเดือน
1.ค่าไฟขั้นต่ำ 600 (มีบิล)
2.ค่าน้ำ 400 เป็นน้ำบาดาลหมู่บ้าน (ไม่มีบิล)
3.ค่าผ่านทางเข้า-ออกบ้าน 300 (ไม่มีบิล)
4.ผ่อนคืนเจ้านายเดือนละ 10,000 (ไม่มีบิล) ยืมมาตอนพ่อเสียผ่อนยังไม่หมดแม่เสียยืมเพิ่มอีก (ใจดีป่าว) ยังค้างอยู่ แสนกว่า ตอนนั้นกำลังเป๋เรื่องหนี้บัตร กับ นอกระบบ ตอนนี้นอกระบบไม่มีแล้ว
5.ผงซักฟอก สบู่ ยาสีฟัน ยาสระผม
- ค่าใช้จ่ายรายปี
1.ค่าเช่าที่ 26,000 จ่ายเดือนเมษาของทุกปี (ใกล้เข้ามาแล้ว)
คิดว่าต้องทำอย่างไรคะ กรมบังคับคดีถึงจะเห็นใจเรา หรือว่าต้องพึ่ง ดวง กันละทีนี้ เสี่ยงดูเนอะ
ตอบ
: หลักฐานค่าใช้จ่ายหรือใบเสร็จบางอย่าง ในทางชีวิตจริงนั้น หากไม่สามารถออกใบเสร็จรับเงินได้ ก็ให้เขียนลงไปเฉยๆเลย โดยไม่ต้องแนบเอกสารหลักฐานไปด้วย
อาทิเช่น
- ค่าใช้จ่ายของลูก(ค่าเลี้ยงดูบุตร)เดือนละ 3,000 บาท...ก็เขียนลงไปเลยครับ ไม่ต้องมีหลักฐานแนบ เพราะคงไม่มีพ่อแม่คนไหนที่บอกกับลูกของตัวเองว่า
"ลูกจ๋า...เดือนนี้แม่จ่ายเงินค่าอาหารไปโรงเรียน+ค่าขนม ให้ลูก เป็นเงินทั้งหมด 3,000 บาทไปแล้วนะจ๊ะ ขอให้ลูกช่วยออกใบเสร็จรับเงินให้แม่ด้วย แม่จะได้มีหลักฐานเก็บเอาไว้ยืนยัน"
หรือ
- ค่าส่งเสียเลี้ยงดูบิดามารดา เดือนละ 8,000 บาท
(แบ่งเป็น ให้พ่อ 4,000 บาท ให้แม่ 4,000 บาท) ในกรณีเช่นนี้ บิดาหรือมารดาดังกล่าว จะต้องมีอายุมากแล้ว(ตั้งแต่ 60ปีขึ้นไป) จึงจะสามารถพิจารณาลดหย่อนให้ได้
ก็เขียนลงไปเลยครับ ไม่ต้องมีหลักฐานแนบ เพราะคงไม่มีลูกคนไหนที่บอกกับพ่อแม่ของตัวเองว่า
"พ่อจ๋า...แม่จ๋า...เดือนที่ผ่านมาลูกได้ให้เงินค่าเลี้ยงดูให้กับพ่อและแม่ เป็นเงินทั้งหมด 8,000 บาทไปแล้วนะจ๊ะ ขอให้พ่อกับแม่ช่วยออกใบเสร็จรับเงินให้กับลูกด้วย ลูกจะได้มีหลักฐานเอาไปให้กับกรมบังคับคดี"
เพราะในชีวิตจริง มันไม่มีใครเขาขอใบเสร็จรับเงินจากลูกหรือพ่อแม่กันหรอกครับ เรื่องแบบนี้ใครๆเขารู้กันอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้ใบเสร็จใดๆ
ดังนั้น เอกสารประกอบการขอพิจารณา หลักๆก็จะประกอบไปด้วย
- ใบคำร้องขอลดหย่อนอายัดเงินเดือน (สามารถไปขอได้ที่สำนักงานบังคับคดี) ไปขอและไปเขียนกรอกได้ภายในวันนั้นเลย
- สลิปเงินเดือน หรือ ใบรับรองเงินเดือนของจำเลย
(ต้องใช้ตัวจริง ห้ามถ่ายเอกสาร)
- สำเนาหมายอายัดเงินเดือนของจำเลย หรือ สำเนาคำพิพากษาของศาล
- สำเนาบัตรประชาชนของจำเลย
- สำเนาทะเบียนบ้านของจำเลย
- สำเนาสูติบัตรของบุตร(ใบเกิด) หรือ สำเนาบัตรประชาชนของบุตร พร้อมกับสำเนาทะเบียนบ้านของบุตรด้วย ในกรณีที่ต้องการอ้างว่ามีการจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรเพื่อการขอลดหย่อน
- สำเนาใบค่าเทอมของบุตรที่ผ่านมา
(ถ้ามี)...เอาแค่ใบสุดท้ายใบเดียวก็พอ
- สำเนาบัตรประชาชนของ บิดา , มาดา ในกรณีที่ต้องการอ้างว่ามีการจ่ายค่าเลี้ยงดูบุพการีเพื่อการขอลดหย่อน
- สำเนาค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล บิดา , มารดา , บุตร ที่ต้องเข้ารักษาประจำ หรือเป็นโรคประจำตัว
(ถ้ามี)
- สำเนาบัตรประชาชนของ
สามี/ภรรยาของจำเลย...ในกรณีที่
สามี/ภรรยาของจำเลยไม่ได้มีงานทำ อยู่บ้านเลี้ยงลูกเฉยๆ
(แต่ต้องจดทะเบียนสมรสด้วยนะครับ) หรือคู่สมรสของจำเลยอาจทำงานอื่นๆที่ไม่ใช่เป็นมนุษย์เงินเดือน เช่น ขายของ , ขายกาแฟ , ขายข้าวแกง , ขายเสื้อผ้าตามตลาดนัด , ขับรถ Taxi , ขับวินมอเตอร์ไซด์...ฯลฯ...ซึ่งอาชีพต่างๆเหล่านี้ ไม่ได้เสียภาษีประจำปีใดๆ ก็สามารถเขียนเป็นค่าเลี้ยงดูเพิ่มลงไปได้
โดยต้องแนบสำเนาทะเบียนสมรสเพิ่มไปด้วย
- สำเนาหลักฐานการจ่ายเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
(ถ้ามี)...เพราะ
เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของจำเลยนั้น อายัดไม่ได้
- สำเนาหลักฐานการส่งเงินค่าเบี้ยประกันชีวิต
(ถ้ามี)...เพราะ
เงินประกันชีวิตของจำเลย อายัดไม่ได้
- เอกสารค่าใช้จ่ายอื่นๆเท่าที่มี และสามารถหาได้...เช่น ค่าน้ำประปา , ค่าไฟฟ้า , ค่าโทรศัพท์ , ค่า Internet
(ถ้ามี)
สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัวของลูกหนี้ในแต่ละเดือน ก็ให้กรอกลงตัวเลขไปตามความเป็นจริงที่ไม่ฟุ่มเฟือยจนเกินไปนัก เช่นไม่เกิน 9,000 บาทต่อเดือน
(ค่าใช้จ่ายเฉพาะตัวของลูกหนี้เพียงคนเดียวเท่านั้น) ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ หมายถึงค่าใช้จ่ายต่างๆของตัวลูกหนี้เพียงตัวคนเดียว โดยคิดรวมมาจากค่ากินอยู่(ค่าอาหาร 3มื้อ) , ค่าเดินทาง ไป-กลับ บ้านและที่ทำงาน , ค่าซื้อของต่างๆในการดำรงชีวิตในแต่ละเดือน รวมเบ็ดเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร ก็ควรเขียนลงไปไนตัวเลขที่ไม่น่าเกลียดและไม่เวอร์จนเกินไป เช่น 2,000 บาท , 3,000 บาท หรือ 4,000 บาท ต่อบุตร 1คน ในแต่ละเดือน (ขึ้นอยู่กับอายุของบุตรด้วยว่า เป็นเด็กเล็กหรือเด็กโต และเรียนหนังสืออยู่ในชั้นระดับใดแล้ว)
ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุพการี(พ่อแม่) เช่น คนละ 4,000 บาท หรือ 5,000 บาท ต่อคน ต่อเดือน...เป็นต้น
ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู
สามี/ภรรยาของจำเลย (ในกรณีที่คู่สมรสของจำเลยไม่ได้ทำงานประจำเป็นมนุษย์เงินเดือน) เช่น คนละ 4,000 บาท หรือ 5,000 บาท ต่อเดือน...เป็นต้น
ส่วนค่าผ่อนจ่ายหนี้คืนให้กับ เจ้านาย , เพื่อนฝูง หรือหนี้นอกระบบต่างๆนั้น ถ้าไม่มีเอกสารเป็นหลักฐานที่ชัดเจน ก็ไม่ต้องเขียนกรอกลงไป เพราะเสียเวลาเปล่าๆ ยังไงเจ้าหน้าที่ก็เขาไม่พิจารณาในส่วนนี้ให้อยู่แล้วถ้าหากไม่มีหลักฐานยืนยัน
หมายเหตุ
ลูกหนี้(จำเลย)สามารถไปยื่นเรื่องขอทำการลดหย่อนอายัดเงินเดือนได้ทันที
ภายหลังจากที่ตัวลูกหนี้ได้รับเอกสารคำสั่งให้ต้องถูกอายัดเงิน 30%แล้ว (ไม่จำเป็นต้องรอให้โดนอายัดเงินเดือนไปก่อน แล้วค่อยมายื่นคำขอ) โดยการไปยื่นคำร้องได้ที่ สำนักงานบังคับคดี
ตามต้นสังกัดในจดหมายบังคับคดีเท่านั้น
โดยตัวของลูกหนี้เอง จะได้รับผลการอนุมัติคำสั่งให้ได้ลดหย่อนเงินเดือน ภายในวันเดียวกันนั้นเลย
(ใช้เวลาในการพิจารณาอนุมัติ ประมาณครึ่งวันทำการ)
เมื่ออนุมัติเสร็จแล้ว ลูกหนี้ก็ถือเอาเอกสาร
คำสั่งอนุมัติให้ลดหย่อนอายัดเงินเดือนฉบับใหม่นี้ มายื่นให้กับฝ่ายบุคคล , ผ่ายบัญชี หรือตามต้นสังกัดของตัวลูกหนี้ที่ทำงานอยู่ต่อไป
.