วันนี้ได้รับคำบังคับค่ะ

สวัสดีค่ะ ทุกๆท่าน วันนี้ได้รับคำบังคับค่ะ คือดิฉันเป็นหนี้บัตรเครดิตธนาคารดอกบัวสีน้ำเงิน ถูกฟ้องเรียบร้อยแล้ว และไม่ได้ไปศาลด้วยค่ะ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาไม่ได้อยู่ีทีบ้าน เพิ่งจะกลับมาอยู่บ้านได้ประมาณ 2 เดือนกว่าๆ และก่อนหน้านั้นบอกที่บ้านไว้ว่าถ้ามีจดหมายแจ้งทวงหนี้มาก็ไม่ต้องกังวลเดี๋ยวจัดการเอง เมื่อมีหมายศาลมาให้ไกล่เกลี่ยช่วงเดือนมีนาคม (เพิ่งมารื้อดูวันนี้) ทางบ้านก็เลยไม่ได้บอกเนื่องจากเค้าเห็นดิฉันไม่ได้สนใจ ช่วงเช้าพอได้จดหมายคำบังคับตกใจมากเลย ก็เลยเข้ามาที่เว็บนี้ค่ะพยายามหาอ่านเรื่องคำบังคับก็สบายใจขึ้นมานิดหน่อย แต่อยากจะรบกวนผู้รู้ดังนี้นะคะ

1.ในคำบังคับบอกให้ดิฉันชำระเงิน 36,000 กว่าบาท ตอนนี้ดิฉันไม่มีงานประจำทำ ทำงาน พาร์ท-ไทม์ มีรายได้เดือนละหมื่นเดียวเอง หักค่าใช้จ่ายๆต่างๆก็อาจจะเหลือได้สัก 1,000-1,500 บาท ดิฉันอยากจะติดต่อขอผ่อนเป็นงวดๆ แต่ไม่ทราบว่าจะต้องติดต่อใครค่ะ เพราะเท่าที่อ่านๆดู เห็นว่าจะต้องติดต่อทนายฝ่ายโจทก์ คือดิฉันควรจะติดต่อไปทางธนาคารเจ้าของบัตรโดยตรงเลย หรือไปติดต่อที่ไหนคะ

2.ตัวของดิฉันเองไม่มีทรัพย์สินอะไร และไม่มีเงินเดือนจึงไม่กังวลเรื่องการโดนอายัด แต่ไม่อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการยึดทรัพย์เข้ามายุ่งวุ่นวายกับบ้านที่ดิฉันอยู่ปัจจุบัน ซึ่งเป็นบ้านของคุณป้าและชื่อของดิฉันก็อยู่ในทะเบียนบ้านนี้ด้วย ดิฉันจึงบอกให้คุณป้าท่านไปย้ายชื่อดิฉันออกจากทะเบียนบ้าน ดิฉันตัดสินใจถูกรึป่าวคะ

3.ในจดหมายลงวันที่ คือ 18 พฤษภาคม 2555 แต่ตรงข้อความกลางๆ ที่บอกให้ชำระเงินจำนวน 36,000
กว่าบาทพร้อมดอกเบี้ยของเงินต้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 12 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง ( ฟ้องวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2555) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ตรงฟ้องวันที่ 7 หมายถึง ดิฉันจะเจอขั้นตอนการฟ้องอะไรต่ออีกคะ จะได้ตั้งหลักถูก

ขอบพระคุณทุกๆท่านล่วงหน้าด้วยนะคะ

เมื่อคุณไม่มีอะไรจะให้ยึด...เจ้าหนี้ก็น้ำตกเหมือนกัน ...และนี่คือโอกาสทองอันดี...

เมื่อคุณมีเงินอยู่ในมือพร้อมปิด...แต่อย่างไรคุณก็ค่อยๆ เก็บเงินเอาไว้ด้วยนะ..

รอจังหวะที่เหมาะสมแฮร์คัตส่วนลดงามๆ เลย แต่ ณ ขณะนี้เอาตัวเอง+ครอบครัวให้อิ่มก่อน...

และหากมีเวลาว่างก็ไปจองการอบรมปลดหนี้ซะ...ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 29 ก.ค.

ระหว่างนี้ก็อ่านข้อมูลศึกษาไปเรื่อยๆ ก่อน..ความรู้จะได้แน่น..

ทุกอย่างเมื่อสติมา ปัญญาเกิด หนี้หมดอย่างถูกวิธี เป็นกำลังใจให้ สู้ๆๆ พี่อัง สวยประหาร

จะทำยังไงดีนะ เขียน: 1.ในคำบังคับบอกให้ดิฉันชำระเงิน 36,000 กว่าบาท ตอนนี้ดิฉันไม่มีงานประจำทำ ทำงาน พาร์ท-ไทม์ มีรายได้เดือนละหมื่นเดียวเอง หักค่าใช้จ่ายๆต่างๆก็อาจจะเหลือได้สัก 1,000-1,500 บาท ดิฉันอยากจะติดต่อขอผ่อนเป็นงวดๆ แต่ไม่ทราบว่าจะต้องติดต่อใครค่ะ เพราะเท่าที่อ่านๆดู เห็นว่าจะต้องติดต่อทนายฝ่ายโจทก์ คือดิฉันควรจะติดต่อไปทางธนาคารเจ้าของบัตรโดยตรงเลย หรือไปติดต่อที่ไหนคะ

2.ตัวของดิฉันเองไม่มีทรัพย์สินอะไร และไม่มีเงินเดือนจึงไม่กังวลเรื่องการโดนอายัด แต่ไม่อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการยึดทรัพย์เข้ามายุ่งวุ่นวายกับบ้านที่ดิฉันอยู่ปัจจุบัน ซึ่งเป็นบ้านของคุณป้าและชื่อของดิฉันก็อยู่ในทะเบียนบ้านนี้ด้วย ดิฉันจึงบอกให้คุณป้าท่านไปย้ายชื่อดิฉันออกจากทะเบียนบ้าน ดิฉันตัดสินใจถูกรึป่าวคะ

3.ในจดหมายลงวันที่ คือ 18 พฤษภาคม 2555 แต่ตรงข้อความกลางๆ ที่บอกให้ชำระเงินจำนวน 36,000
กว่าบาทพร้อมดอกเบี้ยของเงินต้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 12 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง ( ฟ้องวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2555) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ตรงฟ้องวันที่ 7 หมายถึง ดิฉันจะเจอขั้นตอนการฟ้องอะไรต่ออีกคะ จะได้ตั้งหลักถูก

ยังไม่ต้องติดต่อไปหรอกครับ....เก็บเงินไว้ให้เป็นก้อนให้ได้ก่อน แล้วต่อรองขอส่วนลดปิดบัญชี
เมื่อไม่มีทรัพย์สินอะไร เขาก็ยึดอะไรไม่ได้อยู่แล้ว....ไม่ต้องกังวลใดๆทั้งสิ้น เงินพร้อมเมื่อไหร่ค่อยเจรจา

เฮ้อ....สงสารเจ้าหนี้ของคุณจังเลย....

หากลูกหนี้(จำเลย)ไม่มีเงินเดือ​นและทรัพย์สิน...จะเป็นอย่างไร?​
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=8746&Itemid=29

จะทำยังไงดีนะ เขียน: สวัสดีค่ะ ทุกๆท่าน วันนี้ได้รับคำบังคับค่ะ คือดิฉันเป็นหนี้บัตรเครดิตธนาคารดอกบัวสีน้ำเงิน ถูกฟ้องเรียบร้อยแล้ว และไม่ได้ไปศาลด้วยค่ะ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาไม่ได้อยู่ีทีบ้าน เพิ่งจะกลับมาอยู่บ้านได้ประมาณ 2 เดือนกว่าๆ และก่อนหน้านั้นบอกที่บ้านไว้ว่าถ้ามีจดหมายแจ้งทวงหนี้มาก็ไม่ต้องกังวลเดี๋ยวจัดการเอง เมื่อมีหมายศาลมาให้ไกล่เกลี่ยช่วงเดือนมีนาคม (เพิ่งมารื้อดูวันนี้) ทางบ้านก็เลยไม่ได้บอกเนื่องจากเค้าเห็นดิฉันไม่ได้สนใจ ช่วงเช้าพอได้จดหมายคำบังคับตกใจมากเลย ก็เลยเข้ามาที่เว็บนี้ค่ะพยายามหาอ่านเรื่องคำบังคับก็สบายใจขึ้นมานิดหน่อย แต่อยากจะรบกวนผู้รู้ดังนี้นะคะ

1.ในคำบังคับบอกให้ดิฉันชำระเงิน 36,000 กว่าบาท ตอนนี้ดิฉันไม่มีงานประจำทำ ทำงาน พาร์ท-ไทม์ มีรายได้เดือนละหมื่นเดียวเอง หักค่าใช้จ่ายๆต่างๆก็อาจจะเหลือได้สัก 1,000-1,500 บาท ดิฉันอยากจะติดต่อขอผ่อนเป็นงวดๆ แต่ไม่ทราบว่าจะต้องติดต่อใครค่ะ เพราะเท่าที่อ่านๆดู เห็นว่าจะต้องติดต่อทนายฝ่ายโจทก์ คือดิฉันควรจะติดต่อไปทางธนาคารเจ้าของบัตรโดยตรงเลย หรือไปติดต่อที่ไหนคะ

2.ตัวของดิฉันเองไม่มีทรัพย์สินอะไร และไม่มีเงินเดือนจึงไม่กังวลเรื่องการโดนอายัด แต่ไม่อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการยึดทรัพย์เข้ามายุ่งวุ่นวายกับบ้านที่ดิฉันอยู่ปัจจุบัน ซึ่งเป็นบ้านของคุณป้าและชื่อของดิฉันก็อยู่ในทะเบียนบ้านนี้ด้วย ดิฉันจึงบอกให้คุณป้าท่านไปย้ายชื่อดิฉันออกจากทะเบียนบ้าน ดิฉันตัดสินใจถูกรึป่าวคะ

3.ในจดหมายลงวันที่ คือ 18 พฤษภาคม 2555 แต่ตรงข้อความกลางๆ ที่บอกให้ชำระเงินจำนวน 36,000
กว่าบาทพร้อมดอกเบี้ยของเงินต้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 12 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง ( ฟ้องวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2555) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ตรงฟ้องวันที่ 7 หมายถึง ดิฉันจะเจอขั้นตอนการฟ้องอะไรต่ออีกคะ จะได้ตั้งหลักถูก

ขอบพระคุณทุกๆท่านล่วงหน้าด้วยนะคะ

สวัสดีค่ะ เพื่อนสมาชิก ยินดีต้อนรับเข้าสู่บ้านที่อบอุ่นหลังนี้นะคะ

ไม่มีเงินเดือนประจำ ไม่มีทรัพย์สินใดๆ ในชื่อของตัวเอง หรือคู่สมรสที่จดทะเบียนถูกต้อง ไม่ว่าจะผ่อนอยู่หรือไม่ก็ตาม ไม่มีบัญชีเงินฝาก ไม่ได้เป็นเจ้าบ้าน และมีรายได้ไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท ต่อเดือน สงสารเจ้าหนี้ค่ะ

ตอนนี้ก็พยายามเก็บเงิน เผื่อเจ้าหนี้้เสนอส่วนลดที่งามๆ มาให้ ก็จะได้ปิดหนี้ได้เลย (หลังจากที่เจ้าหนี้เค้าสืบแล้วว่าเราไม่มีอะไรให้เขายึดได้เลย)

แต่ขั้นตอนในการปิดหนี้ รบกวนดูในกระทู้ปักหมุดนะคะ ว่าเราต้องได้เอกสารอะไรก่อนจ่ายและหลังจ่าย

ขอให้โชคดีนะคะ

ขอบคุณทุกๆท่านเลยนะคะ คือเคยมีเหตุการณ์แบบว่าญาติที่อยู่ที่บ้านนี้น่ะค่ะ มีเจ้าหน้าที่เข้ามายึดทรัพย์ โดยที่จะเอาทรัพย์สินในบ้านซึ่งไม่ใช่ของญาติคนนั้นเลย แต่เป็นของคุณป้า ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าต้องยึดไปก่อนเพราะญาติมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านนี้ คุณป้าต้องวิ่งหาใบเสร็จวุ่นวายไปหมดค่ะ เราเลยกะว่ากันเหนียวเอาไว้ย้ายชื่อออกก่อน เกรงใจท่านน่ะค่ะ (ช่วงนี้ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรท่านเท่าไหร่ แล้วยังจะหาเรื่องมาให้ปวดหัวอีก)

ขอบคุณค่ะ เข้าไปอ่านตามลิงค์ที่คุณ anakin ให้ไว้แล้วนะคะ

ในความเห็นของดิฉัน กลับคิดว่า หนี้ของคุณไม่มากมายนัก ภาระอื่นๆที่จำเป็นสำหรับคุณก็ไม่มีมาก เช่น เจ็บป่วยด้วยโรคร้าย ต้องทำการรักษาต่อเนื่อง หรือผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ลูกเต้ามีไหม? พ่อแม่ต้องส่งเสียเลี้ยงดูเท่าไหร่ ลองทำบัญชีออกมาดู
ในเมื่อหนี้ไม่เยอะ มีเจ้าหนี้แค่ธนาคารดอกบัวเน่า ทำไมไม่ติดต่อใช้หนี้ค๊ะ...
เพราะสักวันหนึ่ง คุณต้องมีโอกาสลืมตาอ้าปากได้ มีวันที่สดใส มีอนาคตที่ดีรออยู่ข้างหน้า
เจรจากับทางเจ้าหนี้ได้ ให้เจรจาเสีย แต่เรื่องไปถึงกรมบังคับแล้ว คงต้องรอเวลา และการสืบทรัพย์
หากทางกรมบังคับ และทางเจ้าหนี้ เห็นว่าคุณไม่มีทรัพย์ ไม่มีเงินเดือนให้อายัด เรื่องของคุณก็จะถูกรอเวลาว่า เมื่อไหร่คุณ "เกิดมี" ขึ้นมา เขาก็จะตามมาอายัดได้เช่นเดิม
เจ้าหนี้รายนี้ คำว่า Hair cut แทบไม่มีในสารบบ ลดแค่พันสองพัน เขี้ยวมากๆ แต่ให้ผ่อนชำระได้
และขึ้นชื่อเรื่องดูดเงินในบัญชี หวังว่าคุณคงไม่มีบัญชีธนาคารดอกบัวเน่านะคะ
คุยกับทางเจ้าหนี้ หลังจากประวิงเวลา หรือคุณมีเงินพร้อมเมื่อไหร่ก็ได้ค่ะ
ใช้หนี้คืนเขาในยอดที่คุณผ่อนชำระได้ ไหว และไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินเขามา
คนเรา...สักวันต้องมีชีวิตที่ดี และสดใส
เอาเงินเขามา ก็ต้องคืนเขาไปค่ะ อย่าลืม...

ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน เขียน: ในความเห็นของดิฉัน กลับคิดว่า หนี้ของคุณไม่มากมายนัก ภาระอื่นๆที่จำเป็นสำหรับคุณก็ไม่มีมาก เช่น เจ็บป่วยด้วยโรคร้าย ต้องทำการรักษาต่อเนื่อง หรือผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ลูกเต้ามีไหม? พ่อแม่ต้องส่งเสียเลี้ยงดูเท่าไหร่ ลองทำบัญชีออกมาดู
ในเมื่อหนี้ไม่เยอะ มีเจ้าหนี้แค่ธนาคารดอกบัวเน่า ทำไมไม่ติดต่อใช้หนี้ค๊ะ...
เพราะสักวันหนึ่ง คุณต้องมีโอกาสลืมตาอ้าปากได้ มีวันที่สดใส มีอนาคตที่ดีรออยู่ข้างหน้า
เจรจากับทางเจ้าหนี้ได้ ให้เจรจาเสีย แต่เรื่องไปถึงกรมบังคับแล้ว คงต้องรอเวลา และการสืบทรัพย์
หากทางกรมบังคับ และทางเจ้าหนี้ เห็นว่าคุณไม่มีทรัพย์ ไม่มีเงินเดือนให้อายัด เรื่องของคุณก็จะถูกรอเวลาว่า เมื่อไหร่คุณ "เกิดมี" ขึ้นมา เขาก็จะตามมาอายัดได้เช่นเดิม
เจ้าหนี้รายนี้ คำว่า Hair cut แทบไม่มีในสารบบ ลดแค่พันสองพัน เขี้ยวมากๆ แต่ให้ผ่อนชำระได้
และขึ้นชื่อเรื่องดูดเงินในบัญชี หวังว่าคุณคงไม่มีบัญชีธนาคารดอกบัวเน่านะคะ
คุยกับทางเจ้าหนี้ หลังจากประวิงเวลา หรือคุณมีเงินพร้อมเมื่อไหร่ก็ได้ค่ะ
ใช้หนี้คืนเขาในยอดที่คุณผ่อนชำระได้ ไหว และไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินเขามา
คนเรา...สักวันต้องมีชีวิตที่ดี และสดใส
เอาเงินเขามา ก็ต้องคืนเขาไปค่ะ อย่าลืม...

ขอบคุณนะคะ ดิฉันเองก็ตั้งใจที่จะใช้หนี้เค้าค่ะ แต่กำลังคิดว่าควรจะติดต่อไปเมื่อไหร่ดี และติดต่อที่ไหน หมายถึงต้องติดต่อกับทนายโจทก์ หรือว่าติดต่อกับทางธนาคารได้เลย

เรื่องภาระ ดิฉันยังมีหนี้บัตร non bank อีกหนึ่งใบ ยอด 90,000 กว่าบาท ซึ่งปัจจุบันยังชำระอยู่ตามปกติค่ะ พยายามไม่พลาดใบนี้เพราะกลัวถูกฟ้องเร็วกว่า คือหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วจะเหลือเงินแต่ละเดือนอยู่ประมาณไม่เกิน 2,000 บาท ซึ่งดิฉันตั้งใจว่าจะนำเงินที่เหลือเล็กๆน้อยๆ ไปซื้อของมาขายวันเสาร์-อาทิตย์ น่ะค่ะ ทีนี้ถ้าหากว่าไปติดต่อผ่อนชำระเลย เงินก็จะไม่เหลือทำอย่างอื่นเลยน่ะค่ะ อีกอย่างงานประจำก็ไม่มีด้วย กลัวว่าถ้าเดือนไหนผ่อนไม่ได้อีกก็จะเกิดปัญหาอีกรึป่าว

ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ดิฉันตั้งใจใช้หนี้แน่นอน เพราะัยังอยากมีรถมีบ้านเป็นของตัวเองอยู่ค่ะ