อยากสอบถามอีกสักครั้ง

Anakin เขียน:

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 209,070.73 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 5 มกราคม 2542 เป็นต้นไป

ซึ่งแน่นอนว่า คดีที่คุณ batk เอามาอ้างอิงนี้ เป็นคดีที่จำเลยได้รับบัตรเครดิตมาก่อน 1 เม.ย. 2547 ดังนั้น ทั้งบัตรหลักและบัตรเสริมจึงต้องรับผิดชอบร่วมกันครับ

ดังนั้นคำพิพากษาตามฎีกานี้ไม่อัพเดทกับกฎหมายในปัจจุบันแล้วนะครับ

ถูกต้องตามที่ "ทายาทอสูร" บอกไว้ครับ



ณ.ปัจจุบันจะต้องใช้ ประกาศ/คำสั่ง ของ ธปท.ตามนี้ ในการอ้างอิงจึงจะถูกต้องนะครับ

www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=2&id=3027

Anakin เขียน:

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 209,070.73 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 5 มกราคม 2542 เป็นต้นไป

ซึ่งแน่นอนว่า คดีที่คุณ batk เอามาอ้างอิงนี้ เป็นคดีที่จำเลยได้รับบัตรเครดิตมาก่อน 1 เม.ย. 2547 ดังนั้น ทั้งบัตรหลักและบัตรเสริมจึงต้องรับผิดชอบร่วมกันครับ

ดังนั้นคำพิพากษาตามฎีกานี้ไม่อัพเดทกับกฎหมายในปัจจุบันแล้วนะครับ

ขอบคุณมากครับ....ตอนอ่านทีแรกก็สงสัยเหมือนกันว่า เนื้อหามันทำไมถึงได้ขัดกับที่อ่านในชมรม

ตอนนี้กระจ่างแล้วครับ.....

พอดีขายบ้านได้จะนำเงินไปปิ่ดบัญชี od แต่ธนาคารบอกว่าไม่สามารถปิดได้เพราะต้องรวมหนี้จากบัตรเครคิตด้วย ธนาคารบอกเป็นภาระผูกพัน ขายบ้านได้ 4300000 บาท บัญชี od 4280000 บาท หนี้บัตรเครคิต 491000 บาท แล้วมันจะปิดหมดได้อย่างไร เพราะถ้าขายบ้านหลังนี้ไปผมก็จะไม่มีทรัพย์สินอะไรแล้ว

ขายบ้านได้แล้ว ปิดODได้แล้ว วันจันทร์ที่ 28 -5-55 จะไปขึ้นศาลกรุงไทยในส่วนของบัตรเครติค ตอนนี้ผมไม่มีทรัพย์สินอะไรแล้ว ไม่มีเงินเดือน ไม่มีงานทำ เงินฝากในบัญชีก็ถอนออกมาู่นานแล้ว ตอนนี้ได้ย้ายชื่อทะเบียนบ้านมาอยู่บ้านน้องสาวแล้วเป็นแค่ผู้อาศัย ไม่ทราบว่าพวกเจ้าหนี้ทั้งหลายจะทำอะไรผมอีกได้ไหมครับ ยอมรับว่าหนี้เยอะไม่มีปัญญาจ่าย แต่จากที่ได้อ่านในกระทู้ของคุณนกระจอกเทศทำให้ผมคิดว่าไม่สามารถทำอะไรผมได้แน่หรือผมคิดไปเอง

jokechai เขียน: ขายบ้านได้แล้ว ปิดODได้แล้ว วันจันทร์ที่ 28 -5-55 จะไปขึ้นศาลกรุงไทยในส่วนของบัตรเครติค ตอนนี้ผมไม่มีทรัพย์สินอะไรแล้ว ไม่มีเงินเดือน ไม่มีงานทำ เงินฝากในบัญชีก็ถอนออกมาู่นานแล้ว ตอนนี้ได้ย้ายชื่อทะเบียนบ้านมาอยู่บ้านน้องสาวแล้วเป็นแค่ผู้อาศัย ไม่ทราบว่าพวกเจ้าหนี้ทั้งหลายจะทำอะไรผมอีกได้ไหมครับ ยอมรับว่าหนี้เยอะไม่มีปัญญาจ่าย แต่จากที่ได้อ่านในกระทู้ของคุณนกระจอกเทศทำให้ผมคิดว่าไม่สามารถทำอะไรผมได้แน่หรือผมคิดไปเอง

เจ้าหนี้ไม่สามารถทำอะไรได้...แต่หนี้ จะติดตัวคุณไปจนกว่าคุณจะใช้หนี้ปิดบัญชีกับเจ้าหนี้ได้หมด...

เวลายิ่งนาน ดอกเบี้ยมันก็พอกพูนตามไปด้วย...ถ้าเจ้าหนี้มันหมั่นใส้ขึ้นมา คุณก็จะลำบากได้เหมือนกันนะครับ

ถึงแม้เจ้าหนี้จะทำอะไรไม่ได้ แต่คุณก็จะทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน...

จุดหมายปลายทางที่ชมรมตั้งใจอยากให้สมาชิกเป็น ก็คือ หมดหนี้ เป็นไท นะครับ.....

jokechai เขียน: ขายบ้านได้แล้ว ปิดODได้แล้ว วันจันทร์ที่ 28 -5-55 จะไปขึ้นศาลกรุงไทยในส่วนของบัตรเครติค ตอนนี้ผมไม่มีทรัพย์สินอะไรแล้ว ไม่มีเงินเดือน ไม่มีงานทำ เงินฝากในบัญชีก็ถอนออกมาู่นานแล้ว ตอนนี้ได้ย้ายชื่อทะเบียนบ้านมาอยู่บ้านน้องสาวแล้วเป็นแค่ผู้อาศัย ไม่ทราบว่าพวกเจ้าหนี้ทั้งหลายจะทำอะไรผมอีกได้ไหมครับ ยอมรับว่าหนี้เยอะไม่มีปัญญาจ่าย แต่จากที่ได้อ่านในกระทู้ของคุณนกระจอกเทศทำให้ผมคิดว่าไม่สามารถทำอะไรผมได้แน่หรือผมคิดไปเอง

ไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรเลยซักกะอย่าง เงินเดือนก็ไม่มี เป็นลูกหนี้โหดครับ ไม่ใช่เจ้าหนี้โหด

jokechai เขียน: ขายบ้านได้แล้ว ปิดODได้แล้ว วันจันทร์ที่ 28 -5-55 จะไปขึ้นศาลกรุงไทยในส่วนของบัตรเครติค ตอนนี้ผมไม่มีทรัพย์สินอะไรแล้ว ไม่มีเงินเดือน ไม่มีงานทำ เงินฝากในบัญชีก็ถอนออกมาู่นานแล้ว ตอนนี้ได้ย้ายชื่อทะเบียนบ้านมาอยู่บ้านน้องสาวแล้วเป็นแค่ผู้อาศัย ไม่ทราบว่าพวกเจ้าหนี้ทั้งหลายจะทำอะไรผมอีกได้ไหมครับ ยอมรับว่าหนี้เยอะไม่มีปัญญาจ่าย แต่จากที่ได้อ่านในกระทู้ของคุณนกระจอกเทศทำให้ผมคิดว่าไม่สามารถทำอะไรผมได้แน่หรือผมคิดไปเอง

หากลูกหนี้(จำเลย)ไม่มีเงินเดือ​นและทรัพย์สิน...จะเป็นอย่างไร?​

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=8746&Itemid=29

เจ้าหนี้ไม่สามารถทำอะไรได้...แต่หนี้ จะติดตัวคุณไปจนกว่าคุณจะใช้หนี้ปิดบัญชีกับเจ้าหนี้ได้หมด...

เวลายิ่งนาน ดอกเบี้ยมันก็พอกพูนตามไปด้วย...ถ้าเจ้าหนี้มันหมั่นใส้ขึ้นมา คุณก็จะลำบากได้เหมือนกันนะครับ

ถึงแม้เจ้าหนี้จะทำอะไรไม่ได้ แต่คุณก็จะทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน...

จุดหมายปลายทางที่ชมรมตั้งใจอยากให้สมาชิกเป็น ก็คือ หมดหนี้ เป็นไท นะครับ.....

หนี้สินผมเยอะมากครับเฉพาะบัตรเครคิตรายเดียวก็เป็นล้านแล้ว รู้ว่าต้องถูกฟ้องล้มละลายอยู่แล้ว หนทางของผมมันเหลือวิธีนี้วิธีเดียวแล้วครับ

jokechai เขียน:
หนี้สินผมเยอะมากครับเฉพาะบัตรเครคิตรายเดียวก็เป็นล้านแล้ว รู้ว่าต้องถูกฟ้องล้มละลายอยู่แล้ว หนทางของผมมันเหลือวิธีนี้วิธีเดียวแล้วครับ

โอเค.....ครับ

ถ้างั้นผมก็ต้องบอกว่า....โครตสงสารเจ้าหนี้จังเลยว่ะ....555+

เอาใจช่วยนะครับ....สู้ๆ....

พรุ่งนี้ผมจะขึ้นศาลแล้วครับขอกำลังใจหน่อยครับ ตั้งใจว่าจะไปเลื่อนก่อนครับ

jokechai เขียน: พรุ่งนี้ผมจะขึ้นศาลแล้วครับขอกำลังใจหน่อยครับ ตั้งใจว่าจะไปเลื่อนก่อนครับ

แวะเอากำลังใจมาให้... อย่ากังวลนะ ไปศาลไม่น่ากลัวอะไร โชคดีนะขอให้ได้เลื่อนยาวๆ ...พี่อัง สวยประหาร [/size][/color]

เป็นกำลังใจให้ครับ
ขอให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ฟ้าหลังฝนย่อมสดใส
แต่ช่วงนี้ใกล้ฝนแล้ว ฝนคงตกบ่อยหน่อยนะครับ

สู้ๆ

วันนี้ได้รับหมายศาลของ kbank คราวนี้ฟ้องบัตรเสริมซึ่งเป็นของน้องสาวด้วย ซึ่งที่ผมได้อ่านข้อมูลจากที่นี้รู้ว่าไม่สามารถฟ้องบัตรเสริมแต่ในเมื่อเขาฟ้องมาแล้วควรทำยังไงดีครับเพราะน้องมีทรัพย์สินพอสมควร

หากคุณได้รับหมายศาลฟ้องบัตรเสริม ต้องเขียนคำให้การแย้งกลับ
นะค่ะ ให้การฟ้องเฉพาะบัตรเสริมเป็นโมฆะค่ะ

ขอโทษครับที่ตั้งคำถามเรื่องบัตรเสิรมไปโดยไม่อ่านในกระทู้ให้ดีก่อน
ยอมรับว่าตกใจ ที่อ่านในหมายศาลเขาบอกว่าให้จำเลยที่ 1 และ ที่ 2 รับผิดชอบร่วมกัน

jokechai เขียน: หากคุณได้รับหมายศาลฟ้องบัตรเสริม ต้องเขียนคำให้การแย้งกลับ
นะค่ะ ให้การฟ้องเฉพาะบัตรเสริมเป็นโมฆะค่ะ

ขอโทษครับที่ตั้งคำถามเรื่องบัตรเสิรมไปโดยไม่อ่านในกระทู้ให้ดีก่อน
ยอมรับว่าตกใจ ที่อ่านในหมายศาลเขาบอกว่าให้จำเลยที่ 1 และ ที่ 2 รับผิดชอบร่วมกัน

เผื่อมีใครอยากอ่านศึกษาแนวทาง
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=4678&Itemid=29#9885

พอดีได้อ่านเอกสารที่แนบมากับหมายศาลของบัตรเสริมมีข้อความดังนี้
คำรับรองและข้อตกลงของผู้สมัครบัตรเสริม
ข้าพเจ้าผู้สมัครบัตรเสริมขอให้คำรับรองว่าข้อความที่ปรากฏในใบสมัครนี้ครบถ้วน และเป็นความจริงทุกประการ ข้าพเจ้าตกลงยินยอมรับผิดชอบการชำระค่าซื้อสินค้าและบริการ และหนี้ทั้งปวงที่เกิดจากการใช้บัตร รวมทั้งการใช้บัตรผ่านเครื่องเอทีเอ็มโดยข้าพเจ้าตกลงยินยอมผูกพันตามข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บัตรเครคิดที่ออกโดย บมจ.ธนาคารกสิกรไทยที่ส่งแนบมาพร้อมกับบัตรเครคิต
ลงชื่อผู้สมัครบัตรเสิรม..เซ็นชื่อผู้สมัครบัตรเสริม เป็นเอกสารตอนสมัครบัตรเสริม
ไม่ทราบถ้าเป็นแบบนี้แสดงว่าบัตรเสริมต้องรับผิดชอบด้วยใช่ไหมครับแล้วที่จะอ้างประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะเขียนคำให้การยังใช้ได้ไหมครับ

รบกวนหน่อยครับ ผมอยากได้ประกาศของธนาคารแห่งประเทศเกี่ยวกับบัตรเครคิต บัตรหลักกับบัตรเสริม เพื่อที่จะศึกษาและจะใช้เขียนคำให้การครับ

วันที่ออกบัตรเสริมผมจำวันไม่ได้หรอกครับแต่จำปีได้แม่นเลยว่าปี 52 นะครับ ส่วนที่จะเขียนคำให้การนั้นผมไม่ได้เขียนเองครับผมมีเพื่อนที่เป็นทนายเขียนให้ครับและผมแต่งตั้งให้เป็นทนายสู้คดีให้ผมครับ

คุณ jokechai ค่ะ เข้าใจคุณนะ มีความพยายามที่จะเรียนรู้ สู้ปัญหา
หนี้ที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง แต่บางอย่างก็ต้องปล่อยให้ผู้ที่ชำนาญ
จัดการดีกว่าค่ะ
อีกอย่าง ถ้าคุณบอกว่า ได้แต่งตั้งทนายคุณเองว่าความแล้ว คุณทำไม
ต้องมาขอข้อมูลที่นี่ละค่ะ ทนายที่ดีต้องดำเนินเรื่องทั้งหมดให้คุณ โดยคุณ
ไม่ต้องดิ้นรนทำเองเลยนะค่ะ ทนายต้องมองหมายศาลให้ทะลุ และเข้าใจ
คดีผิดนัดชำระบัตรเครดิตดีพอ ที่จะรู้ทางหนีทีไล่ว่า จะสู้โจทก์ด้วยประเด็น
ไหน เขาไม่เล่าให้คุณฟังหรอกหรือค่ะ ทนายเขาต้องจัดการเรื่องเขียนคำให้
การให้คุณ ถ้าเขาเห็นว่า มีประเด็นที่สู้ได้ค่ะ และเขาต้องนำมาให้คุณอ่าน
และชี้แจงให้คุณทราบด้วยค่ะ ไม่ใช่คุณนั่งจ่ายเงินแล้วบอกว่า ให้อยู่เฉยๆ
ไม่ต้องทำอะไรเลย ก็ไม่ถูกต้องค่ะ คุณพึ่งได้รับรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับคดีของ
คุณนะค่ะ เคยมีหลายคนหลายเคสที่ไปว่าจ้างทนายมาทำคดีแพ่งเรื่องหนี้
บัตรเครดิตนี้ค่ะ บางคนว่าจ้างคนรู้จักด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายต้องเสียทั้งเงินเสีย
ทั้งใจ เพราะความชะล่าใจ
ปล่อยให้ทนายไปจัดการเรื่องให้ ทนายบางคนเขาคิดเพียงว่าทนายคือ
อาชีพหนึ่งเท่านั้น ไปส่งเอกสาร ไปเลื่อนคดี ไปเจรจากับโจทก์ แต่สิ่งหนึ่ง
ที่ขาดไปคือ ความรู้สึกร่วมกับจำเลยที่ต้องสู้กับโจทก์โดยยึดประโยชน์ของ
จำเลยเป็นที่ตั้ง ก็ไม่ได้บอกให้คุณทราบด้วยเจตนาไม่ดี แค่มาเตือนไว้ค่ะ
เหตุเกิดเพราะตัวเอง ถ้าผิดไปก็อย่าโทษใคร
ของแก้วจ๋าไปศาลเองตลอดระยะเวลา 3ปี บางครั้งก็ต้องเขียนคำให้การสู้
โดยคุณอาดำเนินการให้ แต่ตัวเองไปยื่น ไปเจรจาเองทุกครั้งค่ะ แต่บาง
เรื่องเช่น ไปสืบ เรื่องหมดอายุความ หรือเรื่องกรณีบัตรเสริมโดนฟ้องพ่วง
กับบัตรหลักซึ่งไม่ถูกต้อง ก็ต้องขอความช่วยเหลือจากคุณอาค่ะ
แก้วจ๋าไม่ได้มีจุดประสงค์จะตำหนิผู้อื่น แล้วมาเชียร์คนกันเองนะค่ะ แต่
เพราะเรารู้ เราเห็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมาแล้วค่ะ จึงนิ่งดูดายไม่ได้ค่ะ
ที่นี่เรารู้ว่า คุณทุกข์มามากพอแล้ว เราไม่อยากให้คุณทุกข์หนักกว่าเดิมเท่านั้นค่ะ