ขอคำแนะนำเพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติครับ

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเวปแห่งนี้ที่ได้่วยให้คำแนะนำในการปิดบัตรหลายๆใบจนตอนนี้เหลืออยู่เจ้าเดียว
จริงๆเลยนำมาปรึกษาแล้วแต่เนื่องจากทางเจ้าหนี้ไม่ได้ดำเนินการใดๆจึงหยุดพักเรื่องราวไว้ก่อน ขอย้อนเหตุการ์ณให้ฟังดังนี้ครับ
ผมได้ไปเช่าซื้อจักรยานต์ยนต์คันหนึ่งโดยสัญญาระบุว่าผ่อนประมาณ 2,6xx จำนวน 60 งวด ตกแล้วเบ็ดเสร็จประมาณ 95000 เอามาขับได้ 2 เดือนคิดว่ามันไม่คุ้มและแพงเกินก็เลยตัดสินใจเอาไปคืนร้าน โดยตอนคืนทางร้านไม่ได้แจ้งว่าต้องเสียค่าส่วนต่างภายหลัง และทำให้ผมติดบูโร
ผมได้สอบถามไปยังบริษัทและทางบริษัทแจ้งว่าได้นำรถไปขายทอดตลาดได้ประมาณ 3x,xxx บาท
ผมต้องจ่ายค่าส่วนต่างอีกประมาณ 55,xxx พยามขอเจรจาหลายครั้งเพื่อขอจ่าย 35,xxx หรือ 4x,xxx บาท
ตอนนี้มีหนังสือทวงหนี้มาที่บ้าน และที่ทำงานใหม่ของผมซึ่งที่ทำงานใหม่ผมไม่ได้แจ้งให้ทางบริษัทรู้แต่เค้าก็ส่งมายอดหนี้ตอนนี้ไปที่ 7หมื่นกว่าละคับ กำลังคิดว่าจะยอมไปขึ้นศาลเพราะ 55,xxxx นี่มันเกินไปจริงๆ เกินกว่าราคารถใหม่ทั้งคันด้วยซ้ำ แถมเราก็ไม่ได้อะไรเลย เลยขอถามเป็นข้อๆดังนี้ครับ
1. เราสามารถจัดการอะไรได้บ้างจากการที่เค้าส่งหนังสือมาที่ทำงานใหม่ของผม
2. ถ้าขึ้นศาล ศาลจะตัดสินแนวไหนครับ เช่น ให้เราชำระเต็มจำนวน 55,xxxx บาทหรือท่านจะเห็นใจ ให้ชำระได้น้อยกว่านี้
3. การชำระหากมีการบังคับคดี เราจะจ่ายเป็นประมาณไหน เช่น จ่ายเป็นรายเดือน ผ่อนไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมด หรือจ่ายเป็นก้อน หรือแบ่งจ่าย
4. จะมีการยึดทรัพย์หรืออายัดเงินเดือน และถ้าเป็นไปได้ จะอายัดประมาณเท่าไหร่ และคิดจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดของเราแล้วหรือคิดจากรายได้ไม่หักค่าใช้จ่าย จากนั้นถึงหักครับ

ขอทราบข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไป
ขอบคุณมากครับ

maximusmx เขียน: ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเวปแห่งนี้ที่ได้่วยให้คำแนะนำในการปิดบัตรหลายๆใบจนตอนนี้เหลืออยู่เจ้าเดียว
จริงๆเลยนำมาปรึกษาแล้วแต่เนื่องจากทางเจ้าหนี้ไม่ได้ดำเนินการใดๆจึงหยุดพักเรื่องราวไว้ก่อน ขอย้อนเหตุการ์ณให้ฟังดังนี้ครับ
ผมได้ไปเช่าซื้อจักรยานต์ยนต์คันหนึ่งโดยสัญญาระบุว่าผ่อนประมาณ 2,6xx จำนวน 60 งวด ตกแล้วเบ็ดเสร็จประมาณ 95000 เอามาขับได้ 2 เดือนคิดว่ามันไม่คุ้มและแพงเกินก็เลยตัดสินใจเอาไปคืนร้าน โดยตอนคืนทางร้านไม่ได้แจ้งว่าต้องเสียค่าส่วนต่างภายหลัง และทำให้ผมติดบูโร
ผมได้สอบถามไปยังบริษัทและทางบริษัทแจ้งว่าได้นำรถไปขายทอดตลาดได้ประมาณ 3x,xxx บาท
ผมต้องจ่ายค่าส่วนต่างอีกประมาณ 55,xxx พยามขอเจรจาหลายครั้งเพื่อขอจ่าย 35,xxx หรือ 4x,xxx บาท
ตอนนี้มีหนังสือทวงหนี้มาที่บ้าน และที่ทำงานใหม่ของผมซึ่งที่ทำงานใหม่ผมไม่ได้แจ้งให้ทางบริษัทรู้แต่เค้าก็ส่งมายอดหนี้ตอนนี้ไปที่ 7หมื่นกว่าละคับ กำลังคิดว่าจะยอมไปขึ้นศาลเพราะ 55,xxxx นี่มันเกินไปจริงๆ เกินกว่าราคารถใหม่ทั้งคันด้วยซ้ำ แถมเราก็ไม่ได้อะไรเลย เลยขอถามเป็นข้อๆดังนี้ครับ
1. เราสามารถจัดการอะไรได้บ้างจากการที่เค้าส่งหนังสือมาที่ทำงานใหม่ของผม
2. ถ้าขึ้นศาล ศาลจะตัดสินแนวไหนครับ เช่น ให้เราชำระเต็มจำนวน 55,xxxx บาทหรือท่านจะเห็นใจ ให้ชำระได้น้อยกว่านี้
3. การชำระหากมีการบังคับคดี เราจะจ่ายเป็นประมาณไหน เช่น จ่ายเป็นรายเดือน ผ่อนไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมด หรือจ่ายเป็นก้อน หรือแบ่งจ่าย
4. จะมีการยึดทรัพย์หรืออายัดเงินเดือน และถ้าเป็นไปได้ จะอายัดประมาณเท่าไหร่ และคิดจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดของเราแล้วหรือคิดจากรายได้ไม่หักค่าใช้จ่าย จากนั้นถึงหักครับ

ขอทราบข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไป
ขอบคุณมากครับ

กรุณาติดต่อไปที่นี้ เพราะเรื่องที่คุณถามมาเราไม่รู้

มูลนิธิ เพื่อผู้บริโภค เลขที่ 4/2 ซอยวัฒนโยธิน แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กทม. 10400 โทรศัพท์ 0-2248-3734-7 โทรสาร 0-2248-3733

maximusmx เขียน: 1. เราสามารถจัดการอะไรได้บ้างจากการที่เค้าส่งหนังสือมาที่ทำงานใหม่ของผม

ก็บอกเจ้าหนี้ให้ส่งไปที่บ้านสิครับ....แต่มันก็แค่จดหมายทวงหนี้ จะกลัวทำไมครับ

2. ถ้าขึ้นศาล ศาลจะตัดสินแนวไหนครับ เช่น ให้เราชำระเต็มจำนวน 55,xxxx บาทหรือท่านจะเห็นใจ ให้ชำระได้น้อยกว่านี้

ก็เป็นไปได้ทั้งหมดนั่นแหละครับ...แล้วแต่ดุลพินิจของศาลท่าน...ผมคงตอบไม่ได้

3. การชำระหากมีการบังคับคดี เราจะจ่ายเป็นประมาณไหน เช่น จ่ายเป็นรายเดือน ผ่อนไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมด หรือจ่ายเป็นก้อน หรือแบ่งจ่าย

ก็เป็นไปได้ทั้งหมดอีกเหมือนกันครับ....เพราะคดีแพ่ง สำคัญคือการเจรจาของโจทน์และจำเลยครับ

4. จะมีการยึดทรัพย์หรืออายัดเงินเดือน และถ้าเป็นไปได้ จะอายัดประมาณเท่าไหร่ และคิดจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดของเราแล้วหรือคิดจากรายได้ไม่หักค่าใช้จ่าย จากนั้นถึงหักครับ

หากไม่มีการเจรจา จำเลยไม่ทำอะไรเลย ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการสืบทรัพย์ ยึดทรัพย์-อายัดเงินเดือน....
การอายัดเงินเดือน...จะอายัด 30%ของยอดเงินเดือนที่แสดงในสลิปทั้งหมดก่อนหักอื่นๆ....

ความจริงเรื่องหนี้ไฟแนนซ์มันไม่เกี่ยวอะไรกับชมรมเรา...เราไม่มีความรู้เรื่องนี้อย่างดีพอที่จะแนะนำ
แต่เห็นว่าคุณยอมรับความจริง...และตั้งใจจะใช้หนี้คืนเขา...ไม่ใช่หัวหมอ หาทางเบี้ยวหนี้
ก็เลยมาตอบให้เป็นแนวทาง......

นกกระจอกเทศ เขียน: ก่อนอื่น...อยากจะประชาสัมพันธ์ให้คุณได้เข้าใจเสียก่อนว่า ที่นี่คือ


ชมรมหนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล


ที่นี่...ไม่ใช่ ชมรมหนี้นอกระบบ
ไม่ใช่ ชมรมหนี้ กยศ.
ไม่ใช่ ชมรมหนี้ สหกรณ์
ไม่ใช่ ชมรมหนี้ ไฟแนนซ์/ลิสซิ่งต์
ไม่ใช่ ชมรมหนี้ บ้าน/คอนโด หรือซื้อที่อยู่อาศัยแล้วถูกโกง
ไม่ใช่ ชมรมหนี้วงแชร์
ไม่ใช่ ชมรมหนี้พนันฟุตบอล
ไม่ใช่ ชมรมหนี้หวย

ชมรมฯแห่งนี้...ไม่ใช่ห้างสรรพสินค้า ที่จะมีครบทุกสิ่งที่ต้องการ

ดังนั้น ถ้าหากคุณมีปัญหาในเรื่องอื่นๆ ที่นอกเหนือจากคำว่า "หนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล"(หรือหนี้ในระบบ)
กรุณาติดต่อไปที่ "มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค" ซึ่งมีที่อยู่และรายละเอียด ของ มพบ.อยู่ในด้านล่างสุดของหน้าจอนี้

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

ตัวอย่างเรื่องการทวงหนี้"ส่วนต่าง"ภายหลังจากยึดรถคืนไปแล้ว แบบคุณมีเยอะครับ
แต่แนวทางชมรมฯของเรา เน้นไปที่ให้คำแนะนำและช่วยเหลือสำหรับหนี้ประเภท "สินเชื่อ และ บัตรเครดิต" เป็นหลักครับ

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=15645&Itemid=29

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=13965&Itemid=29

ขอขอบคุณทุกๆท่านครับ
ปัจจุบันนี้ผมได้จ่ายนี้ไปหมดแล้วทุกก้อน ล่าสุดมอเตอร์ไซต์ก็จ่ายไปแล้ว โดยอาศัยเล่นแชร์ แล้วเปีย มาปิด จ่ายไปเมื่อกันยายนปีที่แล้ว หลังจากนั้นก็คิดอยากมีบ้านเพราะอายุก็ 30 แล้ว ช้ากว่านี้กลัวอายุเยอะและจะกู้ไม่ผ่านเลยลองยื่นกู้กับ ธอส ไป 2.7 ล้าน (ตอนนี้ยังติดบูโรอยู่) ปรากฏว่าผ่าน กู้ได้ 100%
ขอบคุณบอร์ดนี้และสมาชิกทุกท่าน มากๆครับที่ทำให้ผมมีวันนี้
ไม่เช่นนั้นผมคงมืดแปดด้านและคงหาทางหาเงินมาใช้หนี้อยู่แบบเดิม