รบกวนขอคำปรึกษาค่ะ

ตอนนี้ได้รับเอกสาร แจ้งขออายัติเงินเดือนค่ะ แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้บริษัทที่เคยทำงานอยู่ได้ขายกิจการให้กับบริษัทอื่นไปแล้ว ตอนนี้ตัวเราอยู่กับบริษัทใหม่แล้ว แต่เอกสารที่ส่งมาให้เป็นชื่อบริษัทเก่า ตอนนี้ฐานเงินเดือน 15400 บาท ไม่รวมค่าอื่น ๆ อยากทราบว่าที่บอกหัก 30% นี้เค้าหักจาก 5400 หรือเปล่า หรือหักทั้งหมดในส่วนที่เกิน 10000 บาท ค่ะ ตอนนี้ค่อนข้าง มึนงง ว่าต้องทำยังไงดีค่ะ

สอบถามเพิ่มเติมนะ กรณีที่โอนเปลี่ยนไปเป็นอีกบริษัทแล้วแต่เอกสารยังระบุบริษัทเดิมแบบนี้จะทำยังไงค่ะ ขอบคุณนะค่ะที่ให้คำแนะนำ เริ่มหายกังวลบ้างแล้วค่ะ

เจ้าหนี้เขาจะตามหาคุณจนเจอละค่ะ ส่วนหัก 30% หักจากยอดเงินเดือน
ก่อนหักค่าใช้จ่ายใดๆ ค่ะ ของคุณ ต้องจ่ายเดือนละ 4620 บาทถ้าเงินเดือน
ที่15400 บาทค่ะ

การอายัดเงินเดือนไม่น่ากลัว น่ากังวลนะ เป็นการใช้หนี้คืนเจ้าหนี้อย่างหนึ่ง
ข้อดี คือ อายัดได้ทีละเจ้า.....

เพียงแต่ว่า หากเราได้มีการฝึกปรับการกิน การใช้ การอยู่ มาก่อนหน้านี้

เราก็จะปรับตัวได้หลังการอายัด หากเรามีเงินเก็บอีกเมื่อไร ก็สามารถทำ

แฮร์คัตได้ และเราสามารถนำหลักฐานที่มี เช่น สูติบัตรของบุตร

ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ฯลฯ ไปขอส่วนลดจากกรมบังคับคดีได้

ทุกอย่างเมื่อสติมา ปัญญาเกิด หนี้หมดอย่างถูกวิธี เป็นกำลังใจให้ สุ้ๆๆ พี่อัง สวยประหาร

ขอบคุณคุณแก้วกับพี่อังนะค่ะ เริ่มทำใจและพยายามปรับตัวค่ะ

ได้รับจดหมายทวงหนี้จากสำนักงานกฏหมายอีก 3 ฉบับค่ะ แบบนี้ลองโทรไปขอส่วนลดกับเบอร์ตามในจดหมายแจ้งหรือว่าโทรเข้าธนาคารนั้น ๆ ดีค่ะ รบกวนขอคำปรึกษาเพิ่มเติมค่ะ

แล้วคุณมีเงินอยู่ในมือพร้อมแล้วหรือ ...อย่าลองไปต่อรองอะไรเล่นๆ นะ โดยที่ยังไม่พร้อม...

ไม่เป็นผลดีต่อคุณเอง ...พี่อัง สวยประหาร

ขอบคุณค่ะพี่อัง ตอนนี้กำลังมึน ๆ ค่ะ เพราะกลัวว่าจะมีการส่งฟ้องแบบเดิมค่ะ เลยไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ส่วนเรื่องอายัดเงินเดือน ยังไม่มีการแจ้งจากฝ่ายบัญชีมาเลยค่ะ ตอนนี้เลยรู้สึกยังสับสนไม่รุ้จะตั้งหลักยังไงค่ะ รบกวนขอคำปรึกษานะค่ะ ไม่อยากเป็นหนี้อีกแล้วอ่ะ อยากปลดให้หมด ๆ ไป ตอนนี้แบบว่า ขยาดบัตรเครดิตมาก ๆ เลยอ่ะ

momay01 เขียน: ขอบคุณค่ะพี่อัง ตอนนี้กำลังมึน ๆ ค่ะ เพราะกลัวว่าจะมีการส่งฟ้องแบบเดิมค่ะ เลยไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ส่วนเรื่องอายัดเงินเดือน ยังไม่มีการแจ้งจากฝ่ายบัญชีมาเลยค่ะ ตอนนี้เลยรู้สึกยังสับสนไม่รุ้จะตั้งหลักยังไงค่ะ รบกวนขอคำปรึกษานะค่ะ ไม่อยากเป็นหนี้อีกแล้วอ่ะ อยากปลดให้หมด ๆ ไป ตอนนี้แบบว่า ขยาดบัตรเครดิตมาก ๆ เลยอ่ะ

ถึงขั้นอายัดเงินเดือนแล้วไม่น่าจะต้องกดดันอะไรแล้วนะ

แล้ว จะกลัวการส่งฟ้องแบบเดิมอะไรอีก

อ่านกระทู้ของเพื่อนๆ ให้เยอะๆ ทางออกของการปลดหนี้

ไม่ใช่เร่งปลดหนี้ด้วยการขอส่วนลดอย่างเดียว

การถูกอายัดเงินเดือนก็เป็นทางออกอย่างหนึ่ง

สมาชิกหลายๆคนก็เลือกใช้วิธีนี้ จะได้ไม่ต้องไปเครียดกับเจ้าที่เหลือ

ลองใช้ "สืบค้น" ค้นหาคำว่าอายัดเงินเดือนดู

แล้วอ่านให้มากๆ ลองดูว่าจะเห็นแนวทางจากกระทู้ของเพื่อนๆ ได้หรือไม่

ให้คุณมีแนวทางในใจก่อนแล้วค่อย โทรไปสอบถามกรรมการให้มั่นใจอีกครั้ง

อย่าโทรไปทันทีโดยที่ไม่ได้อ่านอะไรเลย ไม่อย่างนั้นอธิบายไปก็เห็นภาพลำบาก

ควรศึกษาสักนิดให้พอเห็นภาพก่อน แล้วลองร่างแนวทางปลดหนี้หลังถูกอายัดของตนดู

แล้วจึงโทรปรึกษา hot line เพื่อให้กรรมการช่วยขยายความให้เข้าใจมากขึ้น

หรือ โฟกัสให้ชัดเจนว่าสิ่งที่เราเลือก สิ่งที่เราเข้าใจนั้นถูกแล้ว

---

เบอร์ HOT LINE
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_content&view=article&id=70:hotline-new&catid=4:2008-12-16-19-39-10&Itemid=21

ถ้าคุณไม่มีทรัพย์สินที่เป็นชื่อคุณ อย่างอื่นๆอีก
เจ้าหนี้ที่ฟ้อง ต้องเข้าคิวอายัดเงินเดือนคุณอย่างเดียวค่ะ แล้วอายัดได้ทีละราย อายัดไปเรื่อยๆ เดือนละ 30% จนกว่าหนี้รายนั้นจะหมด
จากนั้นรายที่สอง ก็ค่อยตามมาอายัดได้
ถ้าเจ้าหนี้รายที่สอง สาม สี่ ไม่รออายัดเงินเดือน ก็จะตามสืบทรัพย์อื่นๆที่เป็นชื่อคุณ
คุณต้องไปอ่านลิงค์ที่น้องอนาคินให้มา (อ่านหรือยัง เข้าใจไหม)
ในระหว่างการอายัด คุณอย่าหยุดประหยัด อดออม ให้พยายามเก็บเงินให้ได้ แล้วรอแฮร์คัท
อย่าลืมว่าแฮร์คัททำได้ตลอดชีพ
จะเข็ดขยาดกับหนี้บัตรเครดิตอย่างไง เราก็ต้องหาทางแก้ไขหนี้อย่างรอบคอบและมีสติ อย่าเอาแต่กล้ว ไม่งั้นการแก้ไขหนี้จะสะเปะสะปะ ไม่มีทิศทาง
เป็นกำลังใจให้...

momay01 เขียน: ขอบคุณค่ะพี่อัง ตอนนี้กำลังมึน ๆ ค่ะ เพราะกลัวว่าจะมีการส่งฟ้องแบบเดิมค่ะ เลยไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ส่วนเรื่องอายัดเงินเดือน ยังไม่มีการแจ้งจากฝ่ายบัญชีมาเลยค่ะ ตอนนี้เลยรู้สึกยังสับสนไม่รุ้จะตั้งหลักยังไงค่ะ รบกวนขอคำปรึกษานะค่ะ ไม่อยากเป็นหนี้อีกแล้วอ่ะ อยากปลดให้หมด ๆ ไป ตอนนี้แบบว่า ขยาดบัตรเครดิตมาก ๆ เลยอ่ะ

พี่อังที่ตอบคำถามคุณอยู่นี้ ก็เป็นบุคคลหนึ่งที่โดนอายัดเงินเดือนแล้ว
สิ้นปีนี้หมดหนี้กับเจ้าแรกที่อายัด...ไม่ต้องสับสนอะไรทั้งนั้น...
ตั้งสติไว้ การอายัดเป็นการใช้หนี้คืนอย่างหนึ่งเหมือนกัน...ไม่น่ากลัวอะไร ขอยืนยัน นั่งยัน และนอนยัน
และเมื่อเรามีเงินเมือไรก็ยังทำการแฮร์คัตได้ด้วย (แม้ว่าจะโดนอายัดแล้วก็ตาม)

หรือนำไปแฮร์คัตเจ้าหนี้รายที่สอง ที่ให้ส่วนลดดี และเรามีเงินพอปิดก็ปิดไป
หนี้ก็หมดได้...
พี่อังก็อยากปลดหนี้ไวๆ เหมือนกับคุณนั่นแหละ..แต่เมื่อมันยังเป็นไปไม่ได้...
และมีหนี้หลายเจ้า..ก็ต้องปล่อยไป ข้อสำคัญไม่ยืมหนี้มาจ่ายหนี้อีก...

คุณควรอ่านวิธีการแก้ไขปัญหาหนี้สินอีกรอบนะ กระทู้ปักหมุดสีแดงนะ
เห็นกี่หมุดแดงอ่านให้หมดนะ ...แล้วจะเข้าใจมากขึ้น
ทุกอย่างเมื่อสติมา ปัญญาเกิด หนี้หมดอย่างถูกวิธี เป็นกำลังใจให้ สู้ๆๆ พี่อัง สวยประหาร







[/size][/color]

โดนอายัดเงินเดือนแรกเรียบร้อยแล้วค่ะ เพราะวันนี้เงินเดือนออกมาเหลือเงิน 9000บาท แต่ยังไม่ได้สลิปเงินเดือนเลยค่ะ เลยไม่แน่ใจว่านอกจากเงินเดือนแล้วค่ารถค่ากะของการทำงานถูกหักไปด้วยหรือเงินเดือนเข้าให้ไม่ครบกันแน่ แบบนี้จะเราจะรู้ได้ยังไงค่ะว่าบริษัทตัดเงินไปให้กรมบังคับคดีเท่าไร

momay01 เขียน: โดนอายัดเงินเดือนแรกเรียบร้อยแล้วค่ะ เพราะวันนี้เงินเดือนออกมาเหลือเงิน 9000บาท แต่ยังไม่ได้สลิปเงินเดือนเลยค่ะ เลยไม่แน่ใจว่านอกจากเงินเดือนแล้วค่ารถค่ากะของการทำงานถูกหักไปด้วยหรือเงินเดือนเข้าให้ไม่ครบกันแน่ แบบนี้จะเราจะรู้ได้ยังไงค่ะว่าบริษัทตัดเงินไปให้กรมบังคับคดีเท่าไร

หลักเกณฑ์ Copy ของอาจารย์นกกระจอกเทศมาให้นะครับ ชัดเจนดี

ส่วนอยากรู้ว่าบริษัทหักเท่าไหร่ ก็รอสลิปเงินเดือน หรือไม่ก็ ถามฝ่ายบุคคลเลยครับ

นกกระจอกเทศ เขียน: เกณฑ์การยึด-อายัดทรัพย์-อายัดเงินเดือน

www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=3&id=12878

ถ้าอ่านจนหมดแล้ว...จะเห็นได้ว่า สรุปก็คือ

การอายัดเงินเดือน หมายถึง “การอายัดรายได้ทั้งหมด ทุกๆรายรับที่ลูกหนี้ได้รับจากนายจ้างในแต่ละเดือน โดยรายได้นั้นๆ ต้องถูกนำไปหักเป็นภาษีรายได้บุคคลธรรมดา ตาม ภงด.91”
โดยไม่สนใจว่ารายได้นั้นๆจะมาจาก เงินเดือนแท้ๆ , ค่าตำแหน่ง , ค่าทำงานล่วงเวลา(O.T) , ค่าคอมมิชชั่น , ค่าน้ำมัน , ค่าเข้ากะ , ค่าเบี้ยขยัน , ค่าครองชีพ , ค่าสวัสดิการต่างๆ...ฯลฯ
หากรายได้นั้นๆ ไปโผล่อยู่ในใบสลิปเงินเดือนของลูกจ้าง(ลูกหนี้) และถูกนำไปหักคำนวนเป็นภาษี หรือประกันสังคม
ในทางกฏหมายจะถูกมองว่า..."รายได้รวมทั้งหมดในใบสลิปนั่นแหละครับ ก็คือเงินเดือนที่จะต้องถูกอายัดตามกฏหมาย"

ขอยกตัวอย่างเช่น
นาย ก.ทำงานเป็นพนักงานขายของ(Salesman)ของบริษัทAAA
โดย บริษัทAAA ได้กำหนดอัตราจ้าง + รายได้ และคุณสมบัติ ของ นาย ก. เอาไว้เป็นดังนี้

- นาย ก.จะต้องมีรถยนต์เป็นยานพาหนะของตนเอง ในการประสานงานและการติดต่อกับลูกค้า
- กำหนดเงินเดือนให้ นาย ก. 9,000.-บาท(ตามอัตราจ้างค่าแรงขั้นต่ำของกฏหมายแรงงาน ณ.ปัจจุบัน)
- ค่าน้ำมันรถยนต์ 3,000.-บาท/เดือน
- ค่าคอมมิชชั่น 3% จากยอดเงินที่ขายของได้
- หากยอดขายของในเดือนใด มียอดขายของในเดือนนั้นเกินกว่าสองล้านบาทต่อเดือน จะได้รับ"ค่าเบี้ยขยัน"เพิ่มให้อีก 20,000.-บาท สำหรับเดือนนั้นๆ

ซึ่งที่ผ่านมา นาย ก.ขายของได้เก่งมาก ได้ยอดขายเกินกว่าสองล้านบาทเป็นประจำทุกเดือน

ดังนั้น รายได้ของ นาย ก.ต่อเดือน ก็จะเป็นไปดังนี้
เงินเดือน 9,000 + ค่าน้ำมันรถ 3,000 + ค่าคอมมิชชั่น(ไม่น้อยกว่า)60,000 + ค่าเบี้ยขยัน 20,000
รายรับทั้งหมดของ นาย ก.จึงไม่ต่ำกว่า 92,000.-บาท/เดือน(เป็นอย่างน้อย)

เมื่อนาย ก.ถูกหมายอายัดเงินเดือน(หลังจากที่ไม่ชำระหนี้ตามที่ศาลพิพากษา)...แล้วนาย ก.ก็ไปชี้แจงต่อกรมบังคับคดีว่า

เงินเดือนแท้ๆของนาย ก.นั้น จริงๆแล้วเพียงแค่ 9,000.-บาทเท่านั้น
กฏหมายกำหนดเอาไว้ว่า เงินเดือนต่ำกว่าหนึ่งหมื่นบาทอายัดไม่ได้ ดังนั้นในกรณีของ นาย ก.นี้ จึงไม่สามารถอายัดเงินเดือนได้เลยแม้แต่บาทเดียว
ส่วนรายได้อื่นๆต่อเดือน ที่ได้เพิ่มมาอีกแปดหมื่นกว่าบาทนั้น มันไม่ใช่เงินเดือน เพราะมันไม่ได้ถูกเรียกชื่อว่า"เงินเดือน"
กรณีนี้ทำให้ไม่สามารถอายัดเงินเดือนของนาย ก.ไม่ได้เลยสักบาท ถึงแม่ว่ารายได้รวมทั้งหมดของนาย ก.จะมากถึงเกือบแสนบาทต่อเดือนก็ตาม
จึงขอให้ทางกรมบังคับคดี ช่วยทำเรื่องไถ่ถอนอายัดเงินเดือนให้กับนาย ก.ด้วย

แล้วคุณคิดว่าเจ้าพนักงานบังคับคดี เขาจะฟังเหตุผลของนาย ก.ไหมครับ?

หวังว่าคงเข้าใจและมองเห็นภาพแล้วนะครับ ว่าทำไมกฏหมายอายัดเงินเดือน จึงถูกกำหนดมาให้เป็นเช่นนี้

ขอบคุณนะค่ะ สำหรับกำลังใจและคำแนะนำที่ดี จะสู้ต่อไปค่ะ

วันนี้ทางกฎหมายของซิตี้แบงค์โทรมาหลังจากที่โทรไปถามว่ายอดจะจ่ายตัดไดิเท่าไรเพื่อปิดบัญชีเขาบอกว่ายอดคือ35000บาทไม่มีส่วนลด ส่วนเงินที่ได้อายัตินั้นบริษัทยังไม่ได้รับถ้ายอมจ่ายให้ไปรับเงินคืนที่ศาล แต่ถ้าไม่จ่ายตัดก็จะมีดอกเบี้ยรันไปทุกเดือนๆละ15% ตอนนี้ต้องทำยังไงดีค่ะ รบกวนชี้ทางด้วยค่ะ

ไม่มีเอกสารอยู่นะค่ะ แต่ตอนที่ไปเซ็นต์เอกสารครั้งแรก ระบุยอด เงิน 60,000 บาท ผ่อนจ่าย 2500 บาท ต่อเดือน เป็นระยะเวลา 24 เดือนค่ะ หลังจากนั้น ได้รับเอกสารแจ้งการอายัติเงินเดือน ในเอกสาร ระบุประมาณว่า ยอดหนี้ 60000 บาท ได้มีการจ่ายชำระมาบ้างแล้ว เป็นจำนวน 25000 บาท แต่หลังจากนั้นไมได้ ชำระจึงแจ้งอายัติเงินเดือนค่ะ.......เมื่อสักครู่ทางซิตี้แบงค์โทรมาว่าถ้าจ่ายลดให้เหลือ 30000 บาท ค่ะ หากตกลงธนาคารจะทำเรื่องยกเลิกการอายัติเงินเดือนหลังจากนั้น 7 วัน นัดไปจ่ายที่กรมบังคับคดีและทางโจทย์จะไม่ขอรับเงินที่อายัติไว้ค่ะ.....รบกวนขอคำปรึกษาด้วยนะค่ะ

งงแท้ สรุปว่าคุณมีเงินก้อนแล้วหรือ ถึงโทรไปถาม Haircut ไม่มีเงินก้อนโทรไปยิ่งโดนครับ แล้วอายัดเงินเดือนนี่ แสดงว่ามันผ่านขั้นตอนอื่นๆมาสุดทางแล้ว

ทั้ง การทวงถาม
การส่งฟ้อง
การเจรจาก่อนฟ้อง
การเจรจาหลังฟ้อง
บังคับคดี

คุณไม่ติดต่อสักอย่างสุดท้ายมันเลยมาจบที่บังคับคดีคืออายัดเงินเดือนครับ



ผมแนะนำนะครับ คุณไม่พร้อม ไม่มีเงินก้อน อย่าโทรไปถามครับ ว่าต้องจ่ายอะไรเท่าไรจบ ไม่งั้นคุณรับโทรศัพท์อีกยาวเลยล่ะ

พร้อมแล้วโทร จำไว้

pheonix bird เขียน: งงแท้ สรุปว่าคุณมีเงินก้อนแล้วหรือ ถึงโทรไปถาม Haircut ไม่มีเงินก้อนโทรไปยิ่งโดนครับ แล้วอายัดเงินเดือนนี่ แสดงว่ามันผ่านขั้นตอนอื่นๆมาสุดทางแล้ว

ทั้ง การทวงถาม
การส่งฟ้อง
การเจรจาก่อนฟ้อง
การเจรจาหลังฟ้อง
บังคับคดี

คุณไม่ติดต่อสักอย่างสุดท้ายมันเลยมาจบที่บังคับคดีคืออายัดเงินเดือนครับ



ผมแนะนำนะครับ คุณไม่พร้อม ไม่มีเงินก้อน อย่าโทรไปถามครับ ว่าต้องจ่ายอะไรเท่าไรจบ ไม่งั้นคุณรับโทรศัพท์อีกยาวเลยล่ะ

พร้อมแล้วโทร จำไว้

คือว่าตอนนี้จะไปจ่ายปิดบัญชีแล้วค่ะ แต่ไม่ทราบว่า ถ้าไปจ่ายยอดที่เค้าบอกมาว่าลดให้แล้วนี่ กับ การอายัติเงินเดือน อันไหนที่จะคุ้มกว่าค่ะ เพราะก่อนหน้านี้มีการอายัติเงินไปแล้ว แต่ทางแบงค์บอกตนเองไม่ได้รับเงินที่มีการอายัติเงินเดือนไปเลย ส่วนยอดที่แจ้ง 35000 บาทนี้เป็นยอดหลังจากที่เคยผ่อนจ่ายไป ตอนที่ไปศาลครั้งแรกแล้วผ่อนจ่ายไป แต่ยังมียอดคงคงเหลืออยู่ค่ะ