ไปศาลนัดแรก UOB ขอความเห็นครับ

....ขอเกรื่นหน่อยน่ะครับ
ผมเป็นสมาชิกเก่าพอเวปล่มกำลังสมัครใหม่มาครับ ผมก็ศึกษากรณีต่างๆของเพื่อนๆพี่ๆมาพอสมควรแต่ก็ยังรู้สึกว่าอ่านเท่าไหร่ก็ยังไม่แน่นสักที
แต่ผมก็วางแผนการปิดของผมไว้บ้างดังนี้ครับ

Citibank Credit หยุด 48,353 ปัจจุบัน 55,719 ปิด 28,000 ระยะเวลา 9 เดือน
Citibank Ready หยุด 46,220 ปัจจุบัน 56,169 ปิด 22,600 ระยะเวลา 11 เดือน

อีก 5 บัตรข้างล่าง เริ่มหยุด 30-11-54
UOB Cash Plus หยุด 30,610 ระยะเวลา 6 เดือน
UOB Credit Card หยุด 30,561 ระยะเวลา 6 เดือน
KTC Cash หยุด 30,632 ระยะเวลา 6 เดือน
KTC Credit Card หยุด 56,089 ระยะเวลา 6 เดือน
K Bank หยุด 30,400 ระยะเวลา 6 เดือน

เนื่องจากปิด 2 ใบแรกทำให้มีกลังใจในการปิดยอดที่เหลือมากเลยซึ่งผมวางแผนไว้ว่าจะเริ่มจ่ายยอดดังกล่าวได้
ประมาณต้นปี 56 ( ทยอยจ่ายน่ะครับ ) เพราะคิดว่าแต่ละบัตรที่ระบุไว้ดังกล่าวน่าจะยังพอมีเวลาให้เคลียร์หนี้ที่ยังต้องจ่ายอยู่


ตอนนี้ KTC ไม่ค่อยโทรตามเท่าไหร่ ตามเดือนละครั้ง
K BANK เจรจาอยู่ผมตกลงที่ 21,000 ทางแบงค์ไม่ยอม ให้จ่ายที่25,000 ก็คงต้องปล่อยไปก่อนเอาเงินไปทำอย่างอื่น
UOB ไม่เคยทวงเลย โทรมาครั้งเดียวประมาณกลางเดือน พฤษภาคม 2555 แต่หลังจากที่โทรมาอาทิตย์เดียว บ้านที่ต่างจังหวัดโทรมาว่าหมายศาลมาแล้ว
แปลกใจมากว่าทำไมมาเร็วจังตอนนี้ ขึ้นศาลนัดแรกของผม 26 มิ.ย. 2555 ที่ลำปาง


ปัญหาของผมคือตอนนี้ผมติดผ่อนรถอยู่ ( จำเป็นต้องใช้ทำงาน ) สิ้นปี2555 ผ่อนหมด ทำให้ผมเป็นกังวลว่าจะไปศาลเพื่อทำอะไรดี
ระหว่างยอมความหน้าศาล หรือ ให้ศาลตัดสินไปเลย
กรณียอมความเข้าใจว่าต้องจ่ายตามที่ตกลงกับเค้าหากผิดนัดหรือจ่ายไม่ครบอาจโดนบังคับคดี
ส่วนกรณีให้ศาลตัดสินเลย ผมอยากหักคอจ่าย แต่ก็ยังกลัวเรื่องทรัพย์สินซึ่งก็คือรถอาจโดนอายัดิได้

อยากจะขอความเห็น พี่ๆ เพื่อนๆ ช่วยออกความเห็นเพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจด้วยครับ ส่วนเลื่อนศาลผมคงจะไม่เลื่อนเพราะการเดินทางค่อนข้าง
จะลำบาก เพราะตอนนี้ผมทำงานที่กรุงเทพ ให้เดินทางไปกลับบ่อยๆคงไม่ไหว[/color]
...............
ในความคิดผมคิดว่า หากศาลตัดสินหรือยอมความไปแล้ว ก็จะพยายามจ่าย UOB ให้หมด แต่ถ้าในช่วงสิ้นปี จ่ายหนี้รถหมด และ ใบที่เหลือยังไม้ฟ้อง
ผมก็จะรีบโอนรถออกจากชื่อผม เพื่อลดการมีทรัพสินน่ะครับ

ขอบคุณมากเลยครับสำหรับความเห็น เยอะยังงัยก็จะพยายามอ่านครับ เผื่อเอาไปปรับใช้ได้ครับ แต่ก็อย่างว่าคร้งแรกเป็นอารายที่ค่อนข้างตื่นเต้น แต่ผมก็เชื่อว่ายังงัยเราก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ครับ

ครั้งแรกที่เราจะไปศาล คนส่วนมากที่จะไปศาลมักจะไม่สำรวจตัวเองว่า
เราติดขัดอะไร เรายังไม่ได้ทำอะไรบ้าง
แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะกลับมาคิดได้อีก 30 วัน ว่าเราจะเดินทางไหนในการชำระหนี้
นัดแรกคนส่วนมากจะขอเลื่อนศาล 1 นัด

ครั้งแรกเป็นอารายที่ค่อนข้างตื่นเต้น จริงครับแต่ถ้าคุณไปมาแล้วนัดต่อไปก็หาคำตอบโต้ทนายโจทย์
บอกได้เลยว่าสนุกกว่าที่คุณคิดจะกลัว
สู้ครับเรื่องเล็ก

หรือจะนำหมายศาลไปหาข้อมูลที่สวนลุมก็ได้ครับเพิ่มความกล้า

sundown เขียน: ปัญหาของผมคือตอนนี้ผมติดผ่อนรถอยู่ ( จำเป็นต้องใช้ทำงาน ) สิ้นปี2555 ผ่อนหมด ทำให้ผมเป็นกังวลว่าจะไปศาลเพื่อทำอะไรดี
ระหว่างยอมความหน้าศาล หรือ ให้ศาลตัดสินไปเลย
กรณียอมความเข้าใจว่าต้องจ่ายตามที่ตกลงกับเค้าหากผิดนัดหรือจ่ายไม่ครบอาจโดนบังคับคดี
ส่วนกรณีให้ศาลตัดสินเลย ผมอยากหักคอจ่าย แต่ก็ยังกลัวเรื่องทรัพย์สินซึ่งก็คือรถอาจโดนอายัดิได้

ในความคิดผมคิดว่า หากศาลตัดสินหรือยอมความไปแล้ว ก็จะพยายามจ่าย UOB ให้หมด แต่ถ้าในช่วงสิ้นปี จ่ายหนี้รถหมด และ ใบที่เหลือยังไม้ฟ้อง
ผมก็จะรีบโอนรถออกจากชื่อผม เพื่อลดการมีทรัพสินน่ะครับ

ไปอ่านในกระทู้นี้ แล้วไตร่ตรองดู

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=2247&Itemid=29

เป็นกำลังใจให้ครับ คุณ sundown

donlamp เขียน: เป็นกำลังใจให้ครับ คุณ sundown

...........ขอบคุณครับ

...........รบกวนสอบถามเพื่อเป็นกรณี ศึกษาครับ

สอบถามเพื่อนสมาชิกหน่อยครับ ผมหยุดจ่าย K_C 2 ใบ ตั้งแต่ เดือน 11 ปี 54 ตอนนี้ก็เกือบปีแล้วครับ วันนี้โทรไปถามส่วนลด

K_C Credit ยอดหยุด 55,000 ยอดปัจจุบัน 66,000 ยอดปิดที่โทรสอบถามวันนี้ 59,000
K_C Cash ยอดหยุด 30,000 ยอดปัจจุบัน 39,000 ยอดปิดที่โทรสอบถามวันนี้ 33,000

ถามไปทางพนักงาน บอกว่าอยู่ที่นี่มา ปีกว่า ยังไม่มีนโยบายลดต่ำกว่าเงินต้นเลย ใจผมถ้าปิดที่ยอดเงินต้นก็ยังโอเคเพราะพอเก็บเงินได้ก้อนนึง แต่ขอยังงัยก็ไม่ได้ ขอมา 2 เดือนแล้ว เดือนที่แล้ว 2 บัตร ลดให้เหลือ 88,000 เดือนนี้เพิ่มขึ้นอีกล่ะ ปล่อยทิ้งไว้กลัวว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

จะรอไปศาลก็ไม่อยากจ่ายเต็มยอดฟ้อง ( ผมเคยไปศาล คดี U_B เงินต้น 60,000 ยอดฟ้อง 70,000 จ่าย 12 เดือน ไม่มีดอก ตอนนี้อยู่ระหว่างผ่อนชำระ )

จึงอยากสอบถามเพื่อนๆ เพื่อเป็นกรณีศึกษา ว่าควรจะจบเลย หรือ ปล่อยให้หนี้เน่าไปอีกหน่อย เพราะที่อ่านๆมา ตั้งแต่ต้นปี 55 ยังไม่เห็นใครได้ลดของ K_C ต่ำกว่ายอดเงินต้นเลยครับ ( ถ้าอ่านไม่เจอต้องขออภัย )

คราวต่อไปให้ต่อกระทู้เดิมของตัวเองนะคะ โดยทำดังนี้
หลังจาก Login เข้ามาแล้ว ให้คลิ๊ก "กระทู้ของฉัน" แล้วจะเจอกระทู้เดิม
เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบอร์ด กระทู้ไม่รกบอร์ด และเพื่อนๆจะได้รู้ที่ไป ที่มาของหนี้ของคุณเอง



ส่วนนโยบายแฮร์คัทของ KTC หรือที่ไหนๆ เปลี่ยนแปลงได้เสมอ
ไม่ต้องไปเว้นมัน มันอยากมาอ่านก็ให้มันอ่านไป เก็บหนี้คืนไม่ได้เพราะความเขี้ยวก็ให้มันเจ๊งไปเพราะ ความห่วยแตกของผู้บริหาร ที่รีดนาทาเร้น กับคนไทยด้วยกัน
บริหารนครหลวงเจ๊งมาแล้ว จะเจ๊งอีกสักที ก็ช่างแมร่งมันเถิด
นโยบายของ KTC ปีนี้ มันบอกว่าไม่มีนโยบายแฮร์คัท ให้คุณตัดสินใจเอาก็แล้วกันว่า จะผ่อนให้มันนานๆ ยากๆ หรืออยากจบงวดเดียว อาจจะลดจากเงินต้นแค่นิดหน่อย
หรือ ผ่อนแบบคิดดอกน้อยๆ (สมาชิกได้น้อยสุด 7.5 ต่อปี มากสุดก็ 12-15 ต่อปี)
ปิดเจ้าหนี้รายไหนที่ให้ส่วนลดดีที่สุด หรือคุณพอใจ ตัวไหนเขี้ยว เอาไว้ทีหลัง รังเกียจมัน...
คุณใช้ช่อง "สืบค้น" หาคำว่า เคทีซี หรือ KTC นะ จะได้อ่านกระทู้อื่นๆของเพื่อนๆ

ขอโทษเรื่องเปิดกระทู้ใหม่ด้วยครับ

............แล้วก็ขอบคุณความเห็นที่ช่วยสร้างกำลังใจครับ คุณกอบัว

Haircut KTC ของผม

เริ่มหยุด เดือน 6 ปี 54 ยอดหยุด 52,453 บาท

ยอดปัจจุบัน ณ ตอนเจรจากลางเดือน 8 ปี 55 คือ 68,000 บาท

เจรจาปิด 50,000 บาท ลดประมาณ 26%

เคทีซีปีนี้นโยบายไม่ลดเงินต้น

คุณก็รอปีหน้า สิครับ เผื่อเปลี่ยนนโยบายใหม่ หรือเจ้าอื่นเสนอมาข้อเสนอดีกว่าก็ไปปิดเจ้านั้นก่อน

ทำเงินให้คุ้มค่าที่สุด ไม่ลด ไม่อยากได้ ก็เอาไว้ทีหลัง



โชคดีครับ ไม่แน่รอเดือน 2 เดือน สิ้นปีอาจมีข่าวดีนะ

........ขอบคุณครับคุณ goku ใบสุดท้ายแล้วครับ

โชคดีจังได้ลดต่ำกว่าเงินต้นนิดหน่อย หรือเพราะผมโทรไปป่าวครับเลยลดยาก อะสู้ต่อปาย

ไปง้อเค้าก็อย่างนี้หล่ะครับ

รอเค้าติดต่อมาเองดีกว่า

ส่วนผมเค้าให้แฟ็กซ์เอกสารภาระหนี้ไปให้ด้วย ผมเลยจัดชุดใหญ่เลย มีหมายศาลด้วย

สงสัยกลัวเจ้าอื่นตัดหน้าก็เลยลดให้

โชคดีครับ


images.jpg