ควรไปศาลดีไหม

12 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #155 โดย Jira180225
ควรไปศาลดีไหม was created by Jira180225
เราโดนฟ้องศาลของอีซี่บาย วันที่ 22/12/54 ยอดหนี้ 62,000 บาท + ดอกเบี้ย 15 % X 5 ) 47,500 (หยุดส่งตั้งแต่ ปี 2549 ) เราควรไปศาลดีไหม และถ้าไปจะต่อรองอย่างไร เพราะตอนนี้ภาระเยอะมาก

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #156 โดย Pachiby8
ลองถือหมายศาลมาปรึกษาท่านที่ชำนาญในชมรมฯ วันอาทิตย์ดูไหมคะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #158 โดย Jira180225
จะต้องไปวันพฤหัสนี้แล้วค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา - 12 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #160 โดย Champcyber99
เราโดนฟ้องศาลของอีซี่บาย วันที่ 22/12/54 ยอดหนี้ 62,000 บาท + ดอกเบี้ย 15 % X 5 ) 47,500 (หยุดส่งตั้งแต่ ปี 2549 ) เราควรไปศาลดีไหม และถ้าไปจะต่อรองอย่างไร
ควรไปครับศาลแนวทางปฏิบัติเมื่อคดีความที่เข้าสู่ศาลแพ่ง

ขั้นตอนนี้มักจะเกิดจากลูกหนี้ไม่ชำระหรือว่าไม่สามารถจะขอส่วนลดปิดบัญชี (hair cut) ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของเจ้าหนี้ ซึ่งเจ้าหนี้แต่ละรายก็จะแตกต่างกันไป เช่น เจ้าหนี้บางรายมีการกำหนดว่าถ้ากรุงเทพฯ ยอดเงินเช่น 30,000 บาท ถึงจะฟ้องร้อง หรือ ถ้าเป็นต่างจังหวัด ต้องมียอดเงิน ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป ส่วนในบางรายซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ เงินจำนวนหลักร้อยและหลักพันก็ฟ้องแล้ว เราควรจะติดต่อทนายความเอาไว้บ้างชมรมเรามีอยู่ที่สวนลุมครับ
ส่วนใครมาถึงขั้นตอนนี้แล้วถือได้ว่ามาใกล้ๆ อุโมงค์ทางออกแล้ว ซึ่งผู้เขียนมีคำแนะนำดังนี้
1. วันไปขั้นศาล ควรปรึกษาคุณอาที่สวนลุมหรือท่านประทานและกรรมการชมรมไปทุกนัด เพราะการไปดีกว่าการไม่ไป
2. นัดแรก เป็น นัดไกล่เกลี่ย
2.1 กรณีเจ้าหนี้และลูกหนี้ ตกลงกันได้ในยอดหนี้ ดอกเบี้ย ระยะเวลาการผ่อนชำระ และค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ ขั้นตอนและวิธีการจะมีดังนี้
2.1.1 ตนเองลงนามหรือจะมอบหมายให้ทนายความลงนามในบันทึกการไกล่เกลี่ย และจัดทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยเจ้าหนี้และลูกหนี้ ซึ่งในขั้นตอนนี้จะเรียก โจทก์ และจำเลย กรณีมีการมอบหมายให้ทนายความดำเนินการ ทนายความก็จะลงชื่อด้วย

2.1.2 เจ้าหน้าที่ศาล จะดำเนินการจัดทำคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมตามที่เจ้าหนี้และลูกหนี้ได้ตกลงกันตาม 2.1.1 ไปให้ผู้พิพากษาลงนามโดยท่านผู้พิพากษาจะอ่านคำพิพากษาต่อหน้าเจ้าหนี้และลูกหนี้ ซึ่งรวมถึงต่อหน้าทนายความด้วย
2.1.2 เมื่อผู้พิพากษาได้ดำเนินการตาม 2.1.2 แล้ว เจ้าหนี้และลูกหนี้และทนายความก็จะลงลายมือชื่อในรายงานกระบวนพิจารณา และรับมอบคำพิพากษาจากเจ้าหน้าที่ของศาล โดยต้องเก็บไว้เป็นหลักฐานและปฏิบัติไปตามนั้น
2.1.3 กรณีขั้นตอนนี้ เป็นกรณีที่สามารถตกลงกันได้ แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยสำเร็จเนื่องจากเจ้าหนี้ไม่ค่อยจะยอมตามเงื่อนไขของลูกหนี้
แต่ถ้าไม่สามารถตกลงกันได้ก็จะเข้าสู่การดำเนินการตามข้อ 2.2
2.2 หากเจ้าหนี้และลูกหนี้ไม่สามารถตกลงในนัดไกล่เกลี่ยได้ เจ้าหน้าที่ศาลจะจะส่งเรื่องคืนเข้าสู่การนัดสืบพยานเรื่องราวที่ตกลงกันในการไกล่เกลี่ยก็จะไม่นำกลับมาพิจารณา
ดังนั้นเพื่อให้สามารถดำเนินการต่อไปได้ ขอแนะนำวิธีการในการเจรจากับเจ้าหนี้ดัง
- เมื่อมาศาลจะพบทนายความของเจ้าหนี้ (โจทก์) ที่ฟ้อง ให้เราเจรจาเงื่อนไขที่เราต้องการ ถ้าเจ้าหนี้ไม่ยอมลูกหนี้ก็ขอเลื่อนคดี เพื่อยืดระยะเวลาออกไป เช่น อ้างว่าจะมีรายรับอีกประมาณ สองถึงสามเดือนข้างหน้า
- หรือการยื่นคำให้การ ซึ่งวิธีนี้จะต้องมอบหมายให้ทนายความเป็นผู้จัดทำคำให้การ โดยสามารถตกลงค่าใช้จ่ายกับทนายความได้
- ระหว่างยืดระยะเวลาออกไปนั้น ต้องสะสมเงินเพื่อชำระหนี้ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนชำระ หรือการขอส่วนลดปิดบัญชี
3. นัดสืบพยาน
นัดนี้กรณีมีการยื่นคำให้การ ก็จะเข้าสู่การสืบพยาน โดยผู้พิพากษาจะฟังความทั้งสองฝ่าย และพยานที่กล่าวอ้าง ตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงแห่งหนี้ และเมื่อเสร็จขั้นตอนนี้ก็จะเข้าสู่การนัดฟังคำพิพากษา
4. นัดฟังคำพิพากษา
ในวันดังกล่าวยังสามารถตกลงกับเจ้าหนี้ได้ แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ศาลก็จะอ่านคำพิพากษาไป

เมื่อมีคำพิพากษาแล้ว ขั้นตอนนี้คงเป็นช่องทางที่ลูกหนี้จะเลือกจ่ายหนี้ด้วยวิธีใด ซึ่งก็จะมีความแตกต่างกันบ้างตามรายละเอียดของลูกหนี้และทรัพย์สินของลูกหนี้
1. กรณีลูกหนี้มีเงินเดือนสูง ควรจะเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอส่วนลดและปิดบัญชี เนื่องจากถ้าลูกหนี้ยอมให้เจ้าหนี้อายัดเงินเดือน ก็จะเป็นเงินจำนวนที่สูง เพราะเจ้าหนี้จะสามารถอายัดเงินเดือนได้ 30% จากเงินเดือน
2. กรณีลูกหนี้มีทรัพย์สินจำนวนมาก ลูกหนี้ควรจะเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอส่วนลดและปิดบัญชี เพราะถ้าไม่ดำเนินการตามนั้น เจ้าหน้าที่ก็จะบังคับคดีจากทรัพย์สิน โดยทำการยึดทรัพย์และขายทอดตลาด
3. กรณีลูกหนี้ไม่มีเงินเดือนและไม่มีทรัพย์สิน ตรงนี้ลูกหนี้ก็จะได้รับประโยชน์ในการเจรจา เพราะเมื่อเจ้าหนี้ไปสืบทรัพย์แล้วพบว่าลูกหนี้ไม่มีเงินเดือนและทรัพย์สินอื่นๆ คาดว่าน่าจะเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้แล้ว การเจรจาขอส่วนลดและปิดบัญชี เจ้าหนี้น่าจะได้ประโยชน์มากกว่า ซึ่งการเจรจาในลักษณะนี้ อาจจะสามารถลดหนี้ได้มากกว่า 50% ส่วนถ้าลูกหนี้ไม่ดำเนินการอะไรก็จะไม่ถูกบังคับคดีเนื่องจากไม่มีทรัพย์สินใดๆ ให้ยึด แต่จะมีติดเพียงประวัติในเครดิตบูโร หรือที่เรียกว่า black list เท่านั้นจริงๆ
เป็นกำลังใจให้ครับเรื่องเล็กๆหนี้ใครๆๆก็มี

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #161 โดย Ly89
คุณต้องไปศาลครับ...ถ้ายังไม่รู้ว่าต้องจัดการอย่างไร ก็ขอเลื่อนศาลไปก่อน

แล้วค่อยเอาหมายไปที่สวนลุม ให้คุณอาดูว่ามีประเด็นไหนสู้ได้บ้าง หรือขอคำแนะนำอื่นๆ


หรือไม่ วันที่ไปศาล ตอนไกล่เกลี่ย ให้ต่อรองกับทนายดู เอาแบบผ่อนสบายๆไม่มีดอกเบี้ย

เหมือนกับหลายท่านที่ตกลงกันได้ ถ้าทางเจ้าหนี้ยอมรับได้ก็ยอมความหน้าศาลไป

แต่ถ้าเจ้าหนี้ไม่ยอมก็ขอเลื่อนไป...

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #162 โดย noompla
ไม่ว่าอย่างไร ก็ควรจะไป
ควรจะทำการบ้านก่อน เช่น สำรวจรายรับ รายจ่าย ต่อละเดือนว่า จะชำระได้ไหม
หรือ ว่าจะดำเนินการอย่างไร

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #163 โดย Pachiby8
ตั้งปี 49 นี่จ่ายครั้งสุดท้าย วัน เดือนอะไรคะ ที่จริงสินเชื่อมีอายุความ 5 ปี ไม่ทราบว่าเลยหรือยังคะ แต่ถ้าเลยก็ต้องไปดูอีกว่าจะต่อสู้ยังไงค่ะ ถ้ายังไม่เลย ยังไงก็ต้องไปศาลทำการไกล่เกลี่ย ขอเลื่อนศาลไปก่อนอะค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #198 โดย Skynine
ไปตามศาลนัดเถอะ...การไปศาลไม่ได้น่ากลัว ไปเพื่อแสดงว่าเราไม่ได้หนีศาล เป็นคดีแพ่งไม่ติดคุก

เดี๋ยวนี้คดีผู้บริโภคล้นศาล หากเราไม่ไปเท่ากับหนี 2 นัดเลย ศาลท่านตัดสินเลยนะ

เราสามารถเลื่อนนัดได้ (ไกล่เกลี่ย ,สู้คดี)

ทุกอย่างเมื่อสติมา ปัญญาเกิด หนี้หมดอย่างถูกวิธี เป็นกำลังใจให้ สู้ๆๆ พี่อัง สวยประหาร...

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #248 โดย Nok2865
ไปศาล มีข้อดีมากกว่าข้อเสียค่ะ
อย่างน้อยเป็นการแสดงเจตนารมณ์ว่า คุณไม่ได้ "หนีหนี้"
สามารถขอความเมตตาต่อศาลเรื่อง ลดหย่อนอัตราดอกเบี้ยได้ (ไม่ใช่ยอดหนี้ที่ฟ้องนะคะ)
วันนี้ยังชำระหนี้ไม่ได้ แต่วันข้างหน้าไม่แน่
วันนี้ยังชำระไม่ได้ ก็ขอเลื่อนไปก่อน มีหนทางเสมอ ลองไปอ่านนี้ดูนะคะ
www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=2&id=3607#3727ไปศาลแนวทางการจะไปศาล คุณเก่งFamilyManแนะนำดีมาก
www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=2&id=31566&limitstart=6 พี่นกแนะนำวิธีจ่ายหนี้ขณะฟ้องและคำพิพากษาออกมาแล้ว เคสอิสิควาย ของเด็กดอย

มีแม่เหล็กอยู่ในหัวใจคุณ ซึ่งจะดึงดูดมิตรแท้
คือความไม่เห็นแก่ตัวและคิดถึงคนอื่นก่อน
เมื่อคุณเรียนรู้เพื่อจะอยู่เพื่อคนอื่น พวกเขาก็จะอยู่เพื่อคุณ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #315 โดย BBNP
ไปศาลดีกว่าไม่ไปศาล
เป็นกำลังใจให้ครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.496 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena