แน่ใจนะ ที่บอกว่า
ได้อ่านวิธีการแก้ไขและทำความเข้าใจด้วยตนเอง
คุณรู้ไหมว่า สิ่งที่คุณถามนะ วางอยู่บนปักหมุดข้างบน และน้อง BATK
ก็แสนดี มาวางลิงค์ ให้อีก ก็ยังไม่ยอมอ่าน แต่มั่นใจมากที่บอกว่า อ่าน
วิธีแก้มาแล้ว แต่ทำไมถามแบบนี้อีกค่ะ
เช่น เรื่อง Hair -cut
ที่กระทู้วิธีแก้ปัญหาหนี้
การเจรจาขอชำระหนี้เพื่อปิดบัญชีหนี้ก็ทำได้ทุกระยะเมื่อคุณพร้อม/มีเงินพอ
(ส่วนใหญ่ต้องรอให้หนี้เน่าสัก 6 เดือนก่อนถึงจะเจรจาขอลดยอดหนี้ได้)
ระหว่างที่หยุดอาจถูกชวนทำประนอมหนี้หรือปรับโครงสร้างหนี้ไม่ต้องไปทำเก็บเงินไว้กับตัวดีกว่า
รอเจรจาแล้วจ่ายครั้งเดียวหมดหนี้ดีกว่า
การ hair cut มีทั้งจ่ายครั้งเดียว หรือ จ่าย 2 งวด 3 งวด อยู่ที่การเจรจาทั้งหมด
ทุกอย่างอยู่ที่ความพอใจ ทั้ง 2 ฝ่าย
ก่อนจ่ายเงินปิดบัญชีต้องขอหนังสือยืนยันทุกครั้ง
2 เรื่อง การปรับโครงสร้างหนี้หรือประนอมหนี้
การปรับโครงสร้างหนี้หรือการประนอมหนี้
(ไม่อยากให้ใครปรับโครงสร้างหนี้ถ้ามันไม่จำเป็นจริงๆ)
เมื่อลูกหนี้ตัดสินใจหยุดจ่ายหนี้ตามวิธี secondway out
เจ้าหนี้ก็จะใช้วิธีการต่างๆมากดดันลูกหนี้ให้จ่ายเงินชำระหนี้เข้าไป
ผ่านไปสักระยะหนึ่งเมื่อเจ้าหนี้เห็นว่าลูกหนี้ไม่ยอมจ่ายหนี้แน่นอนแล้ว
ก็มักจะเปลี่ยนวิธีการใหม่ด้วยการชวนลูกหนี้ให้ประนอมหนี้หรือปรับโครงสร้างหนี้
คำถาม การปรับโครงสร้างหนี้และการประนอมหนี้คืออะไรเหมือนกันหรือไม่
เหมือนกันการประนอมหนี้และการปรับโครงสร้างหนี้คือการนำสัญญาหนี้เก่ามาทำสัญญาใหม่
การจ่ายเงินแต่ละวงดจะน้อยลงกว่าเดิมที่เคยจ่ายและระยะเวลาในการจ่ายจะนานขึ้นประมาณ 60 งวดแล้วแต่ยอดหนี้ที่มาทำสัญญา
คำถามการปรับโครงสร้างหนี้และการประนอมหนี้มีลักษณะอย่างไร
เจ้าหนี้จะเอายอดหนี้เดิมที่บวกดอกเบี้ย(ซึ่งส่วนใหญ่คิดดอกเบี้ยเกินกว่า ที่อัตรากฎหมายกำหนดไว้) + ค่าปรับ + ค่าทวงถาม(ตามหนี้) = xxxxxxxx ( ยอดหนี้ใหม่)
มาทำสัญญาใหม่โดยคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 15 เปอร์เซ็นต์ต่อปี (ตามที่กฎหมายกำหนดไว้) ระหว่างการเจรจาทางเจ้าหนี้มักจะมีข้อเสนอลดยอดหนี้ให้หากลูกหนี้ไปประนอม หนี้มันเป็นการเปิดโอกาสให้สถาบันการเงินต่างๆปกปิดความผิดของตนเองที่คิด ดอกเบี้ยผิดกฎหมายเช่นจากเดิมคิดดอกเบี้ย 20-45% มาทำสัญญาใหม่เป็น 13%
ฟังดูแล้วเหมือนดีเพราะตอนจะทำเขาบอกว่าจะลดยอดให้แต่คุณๆที่คิดจะทำรู้ตัว กันบ้างไหมว่าไอ้ที่เขาบอกว่าลดให้บางส่วนนั้นเป็นส่วนที่สถาบันการเงินไม่ มีสิทธิมาคิดเลย
เช่น กู้มา 10000 บาทหากคิดดอกเบี้ยตามกฎหมาย หนึ่งปีลูกหนี้จะเสียดอกเบี้ย 1500 เท่านั้น
(เท่ากับจ่ายคืนแค่11500บาท)
แต่พวกเขาเหล่านั้นคิดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม 2000 บ้าง 2800 บ้าง 3000 บ้าง 5000บ้าง
สมมุติว่า คิดดอกเบี้ย 2800 เท่ากับลูกหนี้ต้องคืนเงินให้เจ้าหนี้ 12800 บาท เขาคิดเกินมาแล้ว1300 บาท
พอลูกหนี้จ่ายไม่ไหวเขาก็เอา 10000+2800+ค่าปรับต่างๆ เป็นยอดใหม่
เช่น อาจจะกลายเป็น 18000 แล้วบอกว่าทำสัญญาประนอมหนี้แล้วจะลดยอดให้ 3000 บาท เหลือ 15000 บาท ผ่อน 60 เดือนคิดดอกเบี้ย 13 % เท่านั้น
ลองเอายอดผ่อนรายเดือนคูณกับจำนวนเดือนเข้าไป
(เช่นจ่ายเดือนละ700 ---700*60=42000)
จะพบว่ายอดเงินที่เราต้องจ่ายมันมากกว่ายอดหนี้เดิมที่เราต้องจ่ายคืนคือ 11500 บาท
แต่เรายังต้องจ่ายเพิ่มให้เขาอีก 30500 บาท
**************************************************
สิ่งที่นำมาเสนอตรงหน้าคุณ เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งบน กระทู้ปักหมุด
ที่ทุกคนพยายามบอกให้อ่านอย่างตั้งใจ และใจเย็น แต่คุณปฎิเสธ
หนี้คุณก็สร้างมาเองกับมือแท้ๆ จะมาที่นี่ แค่ขอบ่น แล้วเดินจากไป
ก็ขอร้องอย่าทำเลยนะ คนอื่นๆ เขาก็ติดแต่เขาคิดมากกว่า เขาอ่าน
แล้วไปปรับให้เข้ากับปัญหาตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนมาเฉลยข้อสอบ
ที่นี่ ไม่ใช่ 7/11 สั่งทันทีแล้วได้ของค่ะ หนี้ของคุณแค่
หยุดจ่ายมาหลายบัตรประมาณ 3 เดือนแล้ว..หนี้รวมประมาณ 400000 บาทไปต่อยังไงดีคะ..
มาร้อง มาบ่นแล้วบ่นอีก ตั้งก็หลายกระทู้ ไม่สนใจกติกามารยาท
ของที่บ้านนี้เลย ของดิฉัน 4 ล้านกว่า ไม่เคยร้องแบบคุณเลยค่ะ
ยอมรับ ว่ารับไม่ค่อยได้กับสิ่งที่สมาชิกใหม่ ไม่ยอมปฎิบัติตาม
กติกา แล้วมาบอกว่า ทำแล้วค่ะ ขอโทษที่อาจไม่สุภาพ แต่ไม่รู้
จะทำยังไงให้รู้สึกตัว ไม่คิดซ้ำเติมความทุกข์ของคนเป็นหนี้ แต่
คนเป็นหนี้ ต้องลุกมาสู้ด้วยตัวเองเช่นกันค่ะ หนี้จะปลดได้หรือไม่
อยู่ที่คุณจะสู้หรือเปล่าค่ะ