เข้าใจแบบนี้ถูกหรือป่าว...ขอคำแนะนำเพิ่มเติมค่ะ

12 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #2355 โดย Kongkow_50
เข้าใจแบบนี้ถูกหรือปล่าวค่ะ...

ถ้าเกิดเราถูกฟ้อง...
1. ช่วงที่ได้รับหมายศาลครั้งแรก เรายังมีสิทธิต่อรองกับทนายบัตร อยู่ใช่ไหม่ค่ะ..
- ถ้าเราไม่เงินจ่าย ณ ตอนนั้น ก็ปิดได้ เป็นอันจบใช่ไหมค่ะ
- ถ้าไม่มีก็ต้องขึ้นศาล ใช่ไหม่ค่ะ...

2. กรณีไปขึ้นศาล เราจะทนายจากไหนค่ะ

3. ถ้าเราขึ้นศาลแล้ว ศาลสั่งให้จ่ายเงินกับแบงค์ โดยผ่อนชำระเป็นรายเดือน...
- ถ้าผ่อนเป็นรายเดือน เห็นว่าเราสามารถยื่นต่อศาลให้ศาลสั่งจ่ายเฉพาะรายที่ฟ้องเรา ส่วนรายอื่นที่เราผ่อนอยู่ (เป็นหนี้อยู่) ไม่ต้องส่งใช่ไหม่ค่ะ แบบว่ารอให้จ่ายหมดเป็นรายๆ ไป

ปล. - ยอดหนี้แต่ละบัตร ประมาณ 3-4 หมื่นบาท
- มี 2 บัตรที่ 80,000
- มีอยู่ 3 บัตรที่ทำประนอมหนี้ไว้ค่ะ (จะส่งหมดแล้ว 1 บัตร ก.พ 55)

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #2357 โดย Champcyber99
ขั้นที่ 1 ประเมินสถานการณ์
ขั้นตอนนี้เป็นช่วงที่ลูกหนี้อยู่ในภาวะกดดัน หาทางหมุนเงินเพื่อชำระหนี้ขั้นต่ำ อาจะเป็น5%, 10% ของยอดหนี้ การเตรียมตัวเบื้องต้น คือ
1.หยุดการก่อหนี้เพิ่ม
การที่เราเป็นหนี้สินมากมายก็เนื่องจากเราไม่สามารถห้ามใจในการจะใช้เงินกู้ เช่น รูดบัตรเครดิตซื้อของที่เราอยากได้
การเริ่มต้นในการแก้ปัญหาคือ การหยุดก่อหนี้เพิ่ม โดยเฉพาะแนวทางแก้ปัญหาหนี้ที่ชอบใช้กันทั่วไปคือ การกู้เงินจากแหล่งหนึ่งไปชำระหนี้อีกแหล่งหนึ่งซึ่งรวมถึงหนี้นอกระบบ เช่น โต๊ะเงินกู้แถวบ้าน วิธีการนี้ยิ่งทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ อาจจะสร้างปัญหามากขึ้น
2. จัดทำบัญชีรับ-จ่าย
ขั้นตอนนี้คือ เราต้องมาจัดทำบัญชีส่วนตัวของเราว่า มีรายได้อะไรบ้าง และต้องมีรายจ่ายอะไรบ้าง เงินคงเหลือสุทธิเท่าใด และความสามารถในการชำระหนี้มีมากน้อยเพียงใด ตัวอย่างเช่น
(หน่วย : บาท)
ลำดับ รายการ รายรับ รายจ่าย คงเหลือ
1 เงินเดือน 20,000
2 รายได้อื่นๆ 10,000
3 ค่าใช้จ่าย 1 10,000
4 ค่าใช้จ่าย 2 10,000
รวม 30,000 20,000 10,000
จากตารางจะเห็นได้ว่าเงินคงเหลือจำนวน 10,000 บาท จะเป็นเงินได้สุทธิ ที่สามารถนำไปชำระหนี้ต่อเดือนได้มากน้อยเพียงใด
3. จัดทำบัญชีหนี้สิน แยกประเภท
ขั้นตอนนี้คือ เราต้องนำหนี้สินทั้งหมดมาทำบัญชี ว่ามีมูลหนี้ที่เหลืออยู่เท่าใด มีภาระที่ต้องชำระเท่าใดต่อเดือน เพื่อให้สามารถประเมินได้ ตัวอย่าง
(หน่วย: บาท)
ลำดับ ชื่อเจ้าหนี้ ยอดหนี้ ภาระที่ต้องชำระ
1 ธนาคาร 1 30,000 3,000
2 ธนาคาร 2 30,000 3,000
3 ธนาคาร 3 40,000 4,000
ยอดรวม 100,000 10,000
จากตารางข้างต้น จะเห็นได้การจัดทำบัญชี จะทำให้เห็นภาพรวมว่ามีเจ้าหนี้รวมทั้งหมดกี่ราย มียอดหนี้รวมเท่าใด และมีภาระหนี้ที่ต้องชำระในแต่ละเดือนใดเท่า ประโยชน์ก็คือเราจะทราบถึงสถานะปัจจุบันของหนี้สินได้
4. หยุดจ่าย
กรณีตรวจสอบแล้วพบว่า มีหนี้สินมากมายจนไม่สามารถชำระหนี้ได้แล้ว ควรหยุดจ่าย
กรณีเป็นหนี้ในระบบ สิ่งที่ต้องพึ่งระวังคือ หนี้ที่เจ้าหนี้เป็นสถาบันการเงินเดียวกับธนาคารที่คุณมีรายได้เข้า หรือมีเงินฝากอยู่ เพราะเจ้าหนี้จะทราบความเคลื่อนไหวของคุณและเมื่อถึงเวลาที่เจ้าหนี้จะฟ้องคุณ เจ้าหนี้จะสามารถขอให้ศาลอายัดเงินจำนวนดังกล่าวเพื่อชำระหนี้ได้
กรณีเป็นหนี้นอกระบบ สิ่งที่ต้องพึ่งระวังคือ ชีวิตและทรัพย์สินที่จะถูกเจ้าหนี้ประเภทหนี้ตาม
หลังจากการหยุดจ่าย ควรแจ้งให้คนในครอบครัว หรือบุคคลใกล้ชิด หรือเพื่อนร่วมงาน หรือเจ้านาย เพื่อให้รับทราบจะได้ไม่ตกใจกรณีมีเจ้าหนี้มาติดต่อหรือมาเล่าเรื่องหนี้ของคุณ
5. ขอส่วนลดปิดบัญชี (hair cut)
การแก้ปัญหาหนี้ที่ดีสุดคือ การนำเงินสดของเราที่สะสมมาใช้ในการชำระหนี้ ไม่ควรกู้ยืมจากที่อื่นมาชำระ นอกจากไม่สามารถแก้ปัญหาได้แล้ว ยังเป็นการสร้างปัญหา
การขอส่วนลดปิดบัญชี หรือเรียกว่า แฮร์คัท ไม่ได้เกี่ยวกับการตัดผมแต่อย่างใด แต่เป็นการความตั้งใจของลูกหนี้ที่จะชำระหนี้โดยการขอส่วนลดจากเจ้าหนี้และชำระภายในครั้งเดียว หรือ อาจจะหลายครั้งซึ่งต้องเป็นไปตามความต้องการของลูกหนี้และเจ้าหนี้ ตัวอย่างเช่น
ลูกหนี้มียอดหนี้จำนวนเงิน 100,000 บาท แต่ขอเจรจากับเจ้าหนี้ว่าจะชำระเพียง 50,000บาท เพื่อขอปิดบัญชี ซึ่งจะเห็นได้ว่าลูกหนี้ได้ขอส่วนลดจำนวน 50,000 บาท โดยหลักการแล้ว ลูกหนี้ก็มักจะมอบหมายให้ทนายความเป็นผู้ทำแฮร์คัทให้เพื่อความสะดวกและได้ประโยชน์สูงสุด

ขั้นที่ 2 ช่วงเวลารับมือ
ช่วงเวลารับมือ เป็นช่วงระหว่างที่เราตัดสินใจหยุดจ่าย ซึ่งก็จะประมาณ 1- 15 วัน ก็จะมีเจ้าหนี้โทรศัพท์มาตามหนี้กันอย่างเต็มที่ วิธีการมีดังนี้
1. แจ้งหัวหน้างาน
ทำไมต้องมีการแจ้งหัวหน้างาน เนื่องจากวิธีหนึ่งที่เจ้าหนี้จะทำได้คือ แจ้งหัวหน้างานของลูกหนี้ เพื่อให้หัวหน้างานหัวเสียกับลูกหนี้และมากดดันให้ลูกหนี้ต้องรีบชำระหนี้
วิธีการในการแก้ไข คือ แจ้งหัวหน้าว่า เรามีหนี้อะไรบ้าง และเป็นจำนวนเงินเท่าใด และอาจจะออกตัวว่า ตนเองยินดีให้หัวหน้างานหักเงินเดือนได้ เพราะช่วงเวลาหลังจากนี้แล้วเจ้าหนี้จะโทรมาตามทวงตลอด ซึ่งอาจจะเป็นเวลางาน หรือ ขอทำงานเกินเวลากำหนด เช่น ปกติเราทำงานตั้งแต่ 8.30 – 16.30 นาฬิกา เราก็อาจจะขอทำเพิ่มจนถึง 18.00 นาฬิกา
ช่วงนี้อย่ามีปัญหากับหัวหน้าเป็นเด็ดขาด เพราะโอกาสตกงานมีสูง
2 บอกเพื่อนร่วมงาน
นอกจากอาจจะมีปัญหากับหัวหน้างานแล้ว เราอาจจะต้องเสียเพื่อนร่วมงานไปอีกคน เนื่องจาก เจ้าหนี้จะใช้วิธีการโทรศัพท์หาลูกหนี้ โดยกดเบอร์ผิดบ้าง และก็สอบถามผู้รับโทรศัพท์ว่ารู้จักลูกหนี้หรือไม่ และก็มักจะฝากบอกด้วยข้อความแรงๆ เช่น บอกนาย...(ชื่อลูกหนี้) ให้ชำระหนี้ หรือ โทรมาหาบ่อย ให้เพื่อนคอยตามลูกหนี้ให้ เมื่อเพื่อนร่วมงานโดนลักษณะนี้ก็ต้องมีความรู้สึกไม่ดีกับลูกหนี้บ้าง ดังนั้น วิธีแก้ไข ก็คืออาจจะบอกรายละเอียดเหมือนกับบอกหัวหน้างาน ให้เพื่อนรับทราบ และขอความเห็นใจ และพยายามเมื่อไปไหนมาก็อาจจะซื้อของฝากนำมาให้เพื่อนได้ทานอย่างสม่ำเสมอ
3. ต้องมีเงินสดติดตัวเอาไว้
ในขณะที่คุณหยุดชำระหนี้แล้วนั้น คุณควรมีเงินสดติดตัวเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น เงินจำนวนนี้จะมาจากเงินที่คุณจะต้องนำไปจ่ายให้กับเจ้าหนี้
คำแนะนำ คุณจะต้องใช้เงินจำนวนนี้ด้วยความระมัดระวัง ควรใช้ไว้สำหรับค่าใช้จ่ายที่มีความจำเป็นเท่านั้น
และเงินจำนวนนี้เมื่อเก็บได้จำนวนหนึ่ง อาจจะสามารถนำมาชำระหนี้ในรูปแบบการจ่ายแบบขอส่วนลด (hair cut)
4 การโต้ตอบเจ้าหนี้
ตั้งแต่ ข้อ 1-3 เป็นการแนะนำสำหรับการตั้งรับ แต่ข้อ 4 จะแตกต่างกัน นั้นก็คือ การโต้ตอบเจ้าหนี้ การโต้ตอบไม่ได้เป็นการชกต่อยหรือการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด เป็นการโต้ตอบภายใต้กฎหมาย
4.1 ต้องโต้ตอบบ้าง
ระหว่างถูกตามหนี้ ต้องไม่ใช่รับฟังอย่างเดียว ต้องโต้ตอบบ้าง ตัวอย่างเช่น ระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์ ถ้าเจ้าหนี้หรือพนักงานตามหนี้บอกข้อมูลอะไรผิด ลูกหนี้ก็ตอบโต้ไปบ้าง เพื่อให้เจ้าหนี้รู้ว่า ลูกหนี้ไม่ได้โง่ หรือไม่ได้ติดตามข้อมูล
4.2 ประหยัดเรื่องเวลาเอาไว้
ในการเจรจากับเจ้าหนี้ ลูกหนี้ประหยัดเรื่องเวลาเอาไว้ เนื่องจากอาจจะอยู่ระหว่างการทำงาน หรือเพื่อนร่วมงานอาจจะต้องการมีสมาธิในการทำงาน กรณีต้องเจรจากับเจ้าหนี้หลายครั้ง ภายในหนึ่งวันไม่น่าจะที่ลูกหนี้จะได้รับประโยชน์ ลูกหนี้ควรจะเจรจาครั้งเดียวให้จบได้ข้อตกลง
4.3 ยืดเวลาในการถูกทวงถาม
ในระหว่างการเจรจากับเจ้าหนี้ เจ้าหนี้มักจะพยายามติดตามโดยตลอด โทรศัพท์มาหาทุกวัน ทุกอาทิตย์ เพราะเจ้าหนี้หรือผู้รับมอบหมายอำนาจของเจ้าหนี้จะพยายามให้ลูกหนี้เกิดความรำคาญ และตัดสินใจชำระหนี้ วิธีการในแก้ไข คือ การยืดเวลาในการถูกทวงถาม ถ้าสามารถทำได้จะทำให้ลูกหนี้มีเวลาตั้งตัวพอสมควร เพราะเมื่อมีการกำหนดระยะเวลาแน่นอนแล้ว เจ้าหนี้มักจะไม่ติดตามจนกว่าจะถึงวันนัด ตัวอย่างเช่น
เจ้าหนี้ : เมื่อไหร่จะชำระหนี้ได้ละ
ลูกหนี้ : อีก 3 เดือน ชำระแน่นอน
เมื่อถึงกำหนดวันนัดก็สามารถยืดเวลาต่อไปได้ โดยหาสาเหตุในการไม่สามารถชำระหนี้ได้ เช่น ช่วงนี้ไม่ค่อยมีงาน เศรษฐกิจไม่ค่อยดี
ขั้นที่ 3 แนวทางรับมือการโดนทวงหนี้

1. ตั้งสติ
การตั้งสติ หมายถึง ไม่ควรจะตกใจกลัว หรือจินตนาการเกี่ยวกับการทวงหนี้ หรือ ฟังจากพวกไม่รู้จริง นั้นก็อาจจะทำให้เราไม่สบายใจ
วิธีการแก้ไข คือ การศึกษาจากผู้รู้จริง เช่น ทนายความ เพื่อทราบขอบเขตการทวงหนี้ ว่ามีอย่างไรบ้าง เมื่อมีการหยุดจ่ายแล้ว จะมีขั้นตอนอย่างไรของเจ้าหนี้
จริงๆ แล้ว เจ้าหนี้มีสิทธิเพียงการส่งเอกสารทวงหนี้ และโทรศัพท์ทวงให้ชำระเท่านั้น กรณีทำอย่างอื่น เช่น ขู่กรรโชก โทรศัพท์มาแกล้ง หมิ่นประมาท ด่าหรือต่อว่าเรา ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย
ปัจจุบัน ธนาคารแห่งประเทศไทย รับทราบการทวงหนี้ที่ผิดกฎหมาย และพยายามดำเนินการกับธนาคารฯ เจ้าหนี้ ที่ปล่อยให้สำนักงานกฎหมายใช้วิธีการทวงที่ผิดกฎหมาย
ดังนั้น ตั้งสติ ในที่นี้ก็คือ การหาความรู้ และเข้าใจขอบเขต และรู้ว่าเจ้าหนี้สามารถทำอะไรกับเราได้บ้าง และผลรับมีอะไรบ้าง

2. ทำความเข้าใจเรื่องขอบเขตการทวงหนี้
ขั้นตอนนี้ จะต่อจากการตั้งสติว่า คุณต้องทำความเข้าใจเรื่องขอบเขตการทวงหนี้ โดยทั่วไปแล้วจะมีขั้นตอนดังนี้
2.1 เมื่อคุณหยุดชำระหนี้ ภายใน 1 เดือน ปกติแล้วเจ้าหนี้หรือธนาคาร จะติดต่อมาด้วยตนเอง เป็นเอกสาร มักจะมีข้อความ ตัวอย่างเช่น
“เอกสารฉบับนี้ ต้องการแจ้งสิทธิของการชำระหนี้ ถ้าคุณสามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดก็จะได้รับการบริการปกติ”
2.2 เมื่อผ่านข้อ 2.1 เจ้าหนี้หรือธนาคารก็จะติดต่อมาด้วยตนเองโดยทางโทรศัพท์ อาจจะเป็นฝ่ายพัฒนาหนี้ ช่วงนี้จะไม่รุนแรง เป็นการให้ข้อมูล และเจรจาด้วยภาษาดอกไม้
2.3 เมื่อผ่านข้อ 2.1และ 2.2 แล้วและลูกหนี้ไม่ชำระ ธนาคารหรือเจ้าหนี้จะมอบอำนาจให้สำนักงานกฎหมายที่รับคดีจากธนาคาร
คราวนี้เริ่มจะรุนแรง เนื่องจากพนักงานตามหนี้จะได้รับเงินเดือนจากสำนักงานกฎหมายไม่มาก แต่จะได้รับเงินพิเศษจากการทวงหนี้ได้ ขั้นตอนนี้จึงเกิดความรุนแรงมากขึ้น
ความจริงในทัศนะของผู้เขียน เชื่อว่า ธนาคาร หรือ เจ้าหนี้คงไม่ต้องการใช้ความรุนแรง แต่สำนักงานกฎหมาย โดยเฉพาะพนักงานตามหนี้ ต้องการเร่งหารายได้ จึงจำเป็นที่จะต้องใช้วิธีการที่รุนแรง เช่น ด่าลูกหนี้ หมิ่นประมาท
2.4 เมื่อลูกหนี้อดทนจนถึงขั้นนี้แล้ว การด่าหรือการต่อว่า ไม่สามารถทำอะไรลูกหนี้ได้ จึงต้องดำเนินคดีกับลูกหนี้ คือ ฟ้องและดำเนินคดี ซึ่งขั้นตอนนี้จะกล่าวโดยละเอียดในขั้นที่6
เมื่อทราบขอบเขตการทวงหนี้ได้แล้ว ตอนนี้ก็ไม่น่ากลัวอะไรอีก เพราะวงจรก็มีเพียงเท่านี้

3 เมื่อมีการติดตามทวงหนี้จากเจ้าหนี้ที่ผิดขั้นตอนหรือเข้าใจว่าไม่ถูกต้องตามกฎหมายลูกหนี้สามารถดำเนินการร้องเรียนธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำเอกสาร และโทรศัพท์ไปร้องเรียน ซึ่งธนาคารเจ้าหนี้และบริษัทที่รับดำเนินการให้จะเกรงกลัวธนาคารแห่งประเทศไทย

ขั้นที่ 4 การรับมือกับการทวงหนี้ชนิดรุนแรงในช่วงแรก

1. จิตใจเข้มแข็ง
การทำให้จิตใจเข้มแข็งนั้น คุณต้องทราบก่อนว่าขอบเขตการทวงหนี้มีอะไรบ้าง และคุณต้องเข้าใจว่าสิทธิของลูกหนี้มีอะไรบ้าง
เมื่อคุณทราบแล้ว คุณก็จะไม่กลัว เมื่อคุณไม่กลัวจิตใจคุณจะเข้มแข็งมากขึ้น

2. ที่ทำงานหรือบ้านของคุณเป็นพื้นที่ส่วนตัว
ส่วนใหญ่เจ้าหนี้มักจะชอบโทรศัพท์ว่าจะมาพบคุณที่ทำงาน หรือ ที่บ้าน เพื่อให้คุณชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ กรณีอยู่นอกบ้านหรือที่ทำงานสามารถทำได้ แต่การที่เจ้าหนี้หรือเจ้าหน้าที่ของเจ้าหนี้จะเข้ามาภายในให้ได้นั้น คงไม่สามารถให้เจ้าหนี้ทำอย่างนั้นได้ วิธีการแก้ไข คือ ร้องทุกข์(แจ้งความ) กับตำรวจในท้องที่เพื่อให้เข้าระงับเหตุการณ์และดำเนินคดีกับเจ้าหนี้ให้ถึงที่สุด
กรณีอื่นที่เจ้าหนี้มักจะทำเช่น ข่มขู่ หมิ่นประมาท ฯลฯ ลูกหนี้ก็สามารถแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนได้
3. เมื่อแจ้งความร้องทุกข์แล้ว เพื่อขยายผลให้เจ้าหนี้เกรงกลัวที่จะไม่กระทำผิดกฎหมาย
วิธีการมีดังนี้ ให้นำสำเนาบันทึกการแจ้งความที่คุณได้ดำเนินการแล้วตาม ข้อ 2 มาเป็นเอกสารแนบท้ายหนังสือร้องเรียน ซึ่งในหนังสือร้องเรียน ต้องมีรายละเอียดดังนี้
3.1 เรื่องราวที่คุณถูกกระทำจากเจ้าหนี้ โดยละเอียด
3.2 ชื่อเจ้าหนี้หรือธนาคาร และบริษัทที่ดำเนินการ
3.3 ในตอนท้ายของหนังสือร้องเรียน ควรมีคำว่าสำเนาส่ง ยังหน่วยงาน ตัวอย่างเช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักนายกรัฐมนตรี สภาทนายความ และสุดท้าย สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค
โดยนำหนังสือร้องเรียนฉบับนี้ส่งไปยังเจ้าหนี้หรือสำนักงานกฎหมาย ที่รับทวงหนี้ให้เพื่อปรามมิให้มีพฤติกรรมการทวงหนี้ที่ผิดกฎหมาย
4. วิธีการทวงหนี้ในขั้นตอนนี้มีดังนี้
4.1 เจ้าหนี้ทวงหนี้ด้วยตนเอง
4.2 ว่าจ้างบุคคลภายนอก เช่น สำนักงานกฎหมาย ตามหนี้
4.3 ใช้วิธีการข่มขู่จะว่าจะดำเนินคดีกับลูกหนี้
4.4 ในระหว่างการเจรจาใช้คำพูดหยาบคาย
4.5 แสดงท่าทางเป็นนักเลงในระหว่างการเจรจา
4.6 กรณีผิดนัด 1-2 งวด จะมอบหมายให้พนักงานโทรศัพท์ทวง หนี้ ส่วนใหญ่จะโทรเข้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ (มือถือ) บ้าน, ที่ทำงาน การเจรจาจะไม่ค่อยสุภาพ แต่จะพยายามให้ลูกหนี้ใช้หนี้
4.7 เมื่อครบ 3 เดือนลูกหนี้ไม่ได้ชำระหนี้ เจ้าหนี้ก็จะส่งฝ่ายกฎหมาย หรือฝ่ายพัฒนาหนี้ หรือสำนักงานกฎหมายภายนอกเพื่อติดตามให้
ซึ่งการติดตามก็จะแตกต่างกันไปตามอายุของหนี้
4.8 มีการเขียนจดหมายข่มขู่ อนุมัติฟ้องภายใน 24 ชม. ภายใน 48 ชม. ในการปฏิบัติจะมีการประทับตราสีแดง อนุมัติฟ้อง และเขียนชื่อลูกหนี้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวก็เพื่อกดดันลูกหนี้
4.9 อาจจะข้อความว่าหากไม่จ่ายภายใน 3 วัน จะพาเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมดำเนินคดี ซึ่งหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ทางแพ่ง เป็นเรื่องเกี่ยวกับการบังคับเอาทรัพย์สิน ไม่มีการติดคุกอย่างแน่นอน
4.10 เจ้าหนี้จะมีเอกสารว่าจะชื่อของลูกหนี้เข้า black list (บัญชีดำ) ต่อไปท่านไม่สามารถติดต่อกับสถาบันการเงินได้ ฟ้องล้มละลาย และไม่สามารถเดินทางออกต่างประเทศได้
4. 11 ให้เจ้าหน้าที่มาเฝ้าที่ทำงานของลูกหนี้ หรือการเข้ามาหาในที่ทำงาน กรณีดังกล่าวไม่สามารถทำได้เป็นการคุกคามและบุกรุก 4.12. มีการเขียนไปรษณียบัตร ส่งตามบ้านญาติ พี่น้อง เพื่อนฝูง
4.13 มีการโทรหา ภรรยา ผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน พูดทวงหนี้ เช่น นาย...(ชื่อลูกหนี้) เป็นคนที่ไม่ยอมใช้หนี้
4.14 การส่ง fax มีรายละเอียดเกี่ยวกับลูกหนี้และข้อความเกี่ยวกับหนี้ ไปยังบุคคลภายนอก
4.15 จดหมายจากสำนักงานกฎหมายว่า หากคุณไม่ชำระ จะเข้ายึดทรัพย์ และยึดทรัพย์เจ้าของบ้าน ซึ่งในความจริงกว่าที่จะมีการยึดทรัพย์ได้ ต้องมีการฟ้องร้องดำเนินคดีก่อน และต้องมีคำสั่งศาลตั้งพนักงานบังคับคดี

ขั้นที่ 5 อันตรายของการประนอมหนี้, ปรับโครงสร้างหนี้

การปรับโครงสร้างหนี้, ประนอมหนี้
เมื่อเจ้าหนี้ได้ดำเนินการจนถึงขั้นที่ 4 แล้ว และลูกหนี้ยังไม่ยอมชำระ หรือว่า อายุความของคดีใกล้จะหมดแล้ว (อายุความบัตรเครดิต 2 ปี นับจากการเรียกเก็บเงินครั้งสุดท้าย)
เจ้าหนี้จะเปลี่ยนแปลงตัวเองมาเป็นในแนว ยอมลด แลก แจกแถม โดยขอให้ลูกหนี้ทำสัญญาการปรับโครงสร้างหนี้ หรือ จัดทำสัญญาประนีประนอมยอมความ
เหตุผลที่เจ้าหนี้ต้องทำอย่างนั้น เนื่องจาก กรณีเกิดอายุความสิ้นสุด แล้วนำคดีดังกล่าวไปฟ้องร้อง ถ้าลูกหนี้มอบหมายให้ทนายความดำเนินการต่อสู้เรื่องอายุความ เจ้าหนี้ก็จะแพ้คดี และจะไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้จากลูกหนี้
การจัดทำสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ จึงเป็นวิธีการหนึ่งของนักกฎหมายที่ต้องการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของสัญญา เพราะถ้าเป็นบัตรเครดิต จะต้องฟ้องภายใน 2 ปี นับตั้งแต่การเรียกเก็บเงินครั้งสุดท้าย แต่กรณีเปลี่ยนสัญญามาเป็นสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ อายุความจะเปลี่ยนแปลงเป็น 10 ปี อีกทั้งเจ้าหนี้สามารถเรียกดอกเบี้ยพิเศษตามสัญญาฉบับดังกล่าวได้
ดังนั้น วิธีในการแก้ไขปัญหาในขั้นตอนนี้ก็คือ ปฏิเสธการจัดทำสัญญาใดๆ ทั้งสิ้น และบอกกับเจ้าหนี้ให้ดำเนินคดีไปตามปกติ

ขั้นที่ 6 แนวทางปฏิบัติเมื่อคดีความที่เข้าสู่ศาลแพ่ง

ขั้นตอนนี้มักจะเกิดจากลูกหนี้ไม่ชำระหรือว่าไม่สามารถจะขอส่วนลดปิดบัญชี (hair cut) ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของเจ้าหนี้ ซึ่งเจ้าหนี้แต่ละรายก็จะแตกต่างกันไป เช่น เจ้าหนี้บางรายมีการกำหนดว่าถ้ากรุงเทพฯ ยอดเงินเช่น 30,000 บาท ถึงจะฟ้องร้อง หรือ ถ้าเป็นต่างจังหวัด ต้องมียอดเงิน ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป ส่วนในบางรายซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ เงินจำนวนหลักร้อยและหลักพันก็ฟ้องแล้ว เราควรจะติดต่อทนายความเอาไว้บ้าง
ส่วนใครมาถึงขั้นตอนนี้แล้วถือได้ว่ามาใกล้ๆ อุโมงค์ทางออกแล้ว ซึ่งผู้เขียนมีคำแนะนำดังนี้
1. วันไปขั้นศาล ควรปรึกษาทนายความและไปทุกนัด เพราะการไปดีกว่าการไม่ไป
2. นัดแรก เป็น นัดไกล่เกลี่ย
2.1 กรณีเจ้าหนี้และลูกหนี้ ตกลงกันได้ในยอดหนี้ ดอกเบี้ย ระยะเวลาการผ่อนชำระ และค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ ขั้นตอนและวิธีการจะมีดังนี้
2.1.1 ตนเองลงนามหรือจะมอบหมายให้ทนายความลงนามในบันทึกการไกล่เกลี่ย และจัดทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยเจ้าหนี้และลูกหนี้ ซึ่งในขั้นตอนนี้จะเรียก โจทก์ และจำเลย กรณีมีการมอบหมายให้ทนายความดำเนินการ ทนายความก็จะลงชื่อด้วย

2.1.2 เจ้าหน้าที่ศาล จะดำเนินการจัดทำคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมตามที่เจ้าหนี้และลูกหนี้ได้ตกลงกันตาม 2.1.1 ไปให้ผู้พิพากษาลงนามโดยท่านผู้พิพากษาจะอ่านคำพิพากษาต่อหน้าเจ้าหนี้และลูกหนี้ ซึ่งรวมถึงต่อหน้าทนายความด้วย
2.1.2 เมื่อผู้พิพากษาได้ดำเนินการตาม 2.1.2 แล้ว เจ้าหนี้และลูกหนี้และทนายความก็จะลงลายมือชื่อในรายงานกระบวนพิจารณา และรับมอบคำพิพากษาจากเจ้าหน้าที่ของศาล โดยต้องเก็บไว้เป็นหลักฐานและปฏิบัติไปตามนั้น
2.1.3 กรณีขั้นตอนนี้ เป็นกรณีที่สามารถตกลงกันได้ แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยสำเร็จเนื่องจากเจ้าหนี้ไม่ค่อยจะยอมตามเงื่อนไขของลูกหนี้
แต่ถ้าไม่สามารถตกลงกันได้ก็จะเข้าสู่การดำเนินการตามข้อ 2.2
2.2 หากเจ้าหนี้และลูกหนี้ไม่สามารถตกลงในนัดไกล่เกลี่ยได้ เจ้าหน้าที่ศาลจะจะส่งเรื่องคืนเข้าสู่การนัดสืบพยานเรื่องราวที่ตกลงกันในการไกล่เกลี่ยก็จะไม่นำกลับมาพิจารณา
ดังนั้นเพื่อให้สามารถดำเนินการต่อไปได้ ขอแนะนำวิธีการในการเจรจากับเจ้าหนี้ดัง
- เมื่อมาศาลจะพบทนายความของเจ้าหนี้ (โจทก์) ที่ฟ้อง ให้เราเจรจาเงื่อนไขที่เราต้องการ ถ้าเจ้าหนี้ไม่ยอมลูกหนี้ก็ขอเลื่อนคดี เพื่อยืดระยะเวลาออกไป เช่น อ้างว่าจะมีรายรับอีกประมาณ สองถึงสามเดือนข้างหน้า
- หรือการยื่นคำให้การ ซึ่งวิธีนี้จะต้องมอบหมายให้ทนายความเป็นผู้จัดทำคำให้การ โดยสามารถตกลงค่าใช้จ่ายกับทนายความได้
- ระหว่างยืดระยะเวลาออกไปนั้น ต้องสะสมเงินเพื่อชำระหนี้ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนชำระ หรือการขอส่วนลดปิดบัญชี
3. นัดสืบพยาน
นัดนี้กรณีมีการยื่นคำให้การ ก็จะเข้าสู่การสืบพยาน โดยผู้พิพากษาจะฟังความทั้งสองฝ่าย และพยานที่กล่าวอ้าง ตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงแห่งหนี้ และเมื่อเสร็จขั้นตอนนี้ก็จะเข้าสู่การนัดฟังคำพิพากษา
4. นัดฟังคำพิพากษา
ในวันดังกล่าวยังสามารถตกลงกับเจ้าหนี้ได้ แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ศาลก็จะอ่านคำพิพากษาไป
ขั้นที่ 7 แนวทางปฏิบัติหลังศาลตัดสินแล้ว
เมื่อมีคำพิพากษาแล้ว ขั้นตอนนี้คงเป็นช่องทางที่ลูกหนี้จะเลือกจ่ายหนี้ด้วยวิธีใด ซึ่งก็จะมีความแตกต่างกันบ้างตามรายละเอียดของลูกหนี้และทรัพย์สินของลูกหนี้
1. กรณีลูกหนี้มีเงินเดือนสูง ควรจะเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอส่วนลดและปิดบัญชี เนื่องจากถ้าลูกหนี้ยอมให้เจ้าหนี้อายัดเงินเดือน ก็จะเป็นเงินจำนวนที่สูง เพราะเจ้าหนี้จะสามารถอายัดเงินเดือนได้ 30% จากเงินเดือน
2. กรณีลูกหนี้มีทรัพย์สินจำนวนมาก ลูกหนี้ควรจะเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอส่วนลดและปิดบัญชี เพราะถ้าไม่ดำเนินการตามนั้น เจ้าหน้าที่ก็จะบังคับคดีจากทรัพย์สิน โดยทำการยึดทรัพย์และขายทอดตลาด
3. กรณีลูกหนี้ไม่มีเงินเดือนและไม่มีทรัพย์สิน ตรงนี้ลูกหนี้ก็จะได้รับประโยชน์ในการเจรจา เพราะเมื่อเจ้าหนี้ไปสืบทรัพย์แล้วพบว่าลูกหนี้ไม่มีเงินเดือนและทรัพย์สินอื่นๆ คาดว่าน่าจะเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้แล้ว การเจรจาขอส่วนลดและปิดบัญชี เจ้าหนี้น่าจะได้ประโยชน์มากกว่า ซึ่งการเจรจาในลักษณะนี้ อาจจะสามารถลดหนี้ได้มากกว่า 50% ส่วนถ้าลูกหนี้ไม่ดำเนินการอะไรก็จะไม่ถูกบังคับคดีเนื่องจากไม่มีทรัพย์สินใดๆ ให้ยึด แต่จะมีติดเพียงประวัติในเครดิตบูโร หรือที่เรียกว่า black list เท่านั้นจริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
สุดท้ายนี้ ก็หวังว่า 7 ขั้นตอนพิชิตหนี้ จะสามารถช่วยผู้เข้าร่วมฟังสามารถนำไปปฏิบัติเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Pych, noompla, ntps, meawpung

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา - 12 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #2361 โดย Ly89

ziplove เขียน: เข้าใจแบบนี้ถูกหรือปล่าวค่ะ...

ถ้าเกิดเราถูกฟ้อง...
1. ช่วงที่ได้รับหมายศาลครั้งแรก เรายังมีสิทธิต่อรองกับทนายบัตร อยู่ใช่ไหม่ค่ะ..
- ถ้าเรามีเงินจ่าย ณ ตอนนั้น ก็ปิดได้ เป็นอันจบใช่ไหมค่ะ

-ถูกแล้วครับ

- ถ้าไม่มีก็ต้องขึ้นศาล ใช่ไหม่ค่ะ...

-ถูกแล้วครับ การไปศาลนัดแรก ( ควรที่จะเตรียมตัวไว้ด้วยว่าจะไปเพื่ออะไร ) ไปฟังข้อเสนอของทนายฝ่ายโจทย์ แล้วก็ต่อรองกันดู ถ้าพอใจก็จบครับ แต่ถ้าไม่พอใจหรือประเมิณแล้วยังไม่ไหว ก็ขอเลื่อนนัดศาลได้ด้วยปากเปล่า 1-2 เดือน แล้วก็เจรจากับเจ้าหนี้ถ้าตกลงกันได้ก็จบ แต่ถ้ายังไม่ได้อีก และอยากยืดเวลาหาเงินเพิ่ม ก็ต้องยื่นคำให้การสู้คดีในนัดต่อไป หลังจากนั้นก็จะได้เลื่อนไปอีก ช้าเร็วแล้วแต่ความชุกของคดีของศาลแต่ละพื้นที่ หลังจากนั้นก็เจรจาต่อไป ตกลงกันได้ก็จบ แต่ถ้ายังไม่พอใจล่ะ ก็ไปนัดสืบพยานนัดสุดท้ายฟังคำตัดสินแล้วเจรจาผ่อนจ่าย หรือจะอุทรณ์อีกก็ว่าไป

2. กรณีไปขึ้นศาล เราจะทนายจากไหนค่ะ

-คดี ผบ.ไปกันเองครับ คนเดียวก็พอ เปลืองเงินค่าจ้างครับ นอกจากจะสู้คดี ต้องให้ทนายไปนัดสืบพยานครับ

3. ถ้าเราขึ้นศาลแล้ว ศาลสั่งให้จ่ายเงินกับแบงค์ โดยผ่อนชำระเป็นรายเดือน...
- ถ้าผ่อนเป็นรายเดือน เห็นว่าเราสามารถยื่นต่อศาลให้ศาลสั่งจ่ายเฉพาะรายที่ฟ้องเรา ส่วนรายอื่นที่เราผ่อนอยู่ (เป็นหนี้อยู่) ไม่ต้องส่งใช่ไหม่ค่ะ แบบว่ารอให้จ่ายหมดเป็นรายๆ ไป

-ไม่ใช่หน้าที่ของศาล ศาลเพียงแค่ตัดสินว่าจะให้จ่ายต้นเท่าไหร่ ดอกเบี้ยเท่าไหร่ ส่วนจะจ่ายยังไงคุณต้องไปตกลงกับเจ้าหนี้เองครับ ส่วนรายอื่นไม่เกี่ยวเลย คุณต้องใช้หนี้เขาอยู่เหมือนเดิม

ปล. - ยอดหนี้แต่ละบัตร ประมาณ 3-4 หมื่นบาท
- มี 2 บัตรที่ 80,000
- มีอยู่ 3 บัตรที่ทำประนอมหนี้ไว้ค่ะ (จะส่งหมดแล้ว 1 บัตร ก.พ 55)


ผมว่าคุณอย่าเพิ่งไปกังวลเรื่องที่มันยังอยู่ไกลตัวเลยครับ
ตอนนี้คุณเก็ยเงินให้ได้เยอะๆ และรับมือการทวงหนี้ไปก่อนดีกว่า
แล้วก็ค่อยๆศึกษาข้อมูลในชมรมให้มากๆเข้าไว้นะครับ


เยี่ยมค่ะ แก้วจ๋า
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Pych, noompla, ntps

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #2559 โดย meawpung
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Pych

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #11872 โดย Kongkow_50
เป็นหนี้ อิออน 20,000 หยุดจ่ายมา 3 เดือน ที่ผ่านมา จ่าย 500 ตามโครงการน้ำท่วม

และวันนี้ อิออน มาถึงที่ทำงานเลย ซึ่งก่อนหน้าที่ จนท. โทรมาให้จ่าย 2000 แล้วทำปรับโครงสร้างหนี้ เหลือจ่ายเดือนละ 800 แบบโดยไม่มีดอกเบี้ยง เอาไปลบต้นเลย ซึ่งนัดจ่าย วันที่ 11 พ.ค. ที่ผ่านมา แต่เรายังไม่สะดวกจ่ายเงิน กะว่าวันจันทร์เมื่อโทรมาตามใหม่ จะบอกว่าขอเลื่อนนัดจ่าย แต่วันนี้มาถึงที่ทำงานเลย เราก็บอกว่ายังไม่มี มันก็ช่วยเราทำปรับโครงสร้าง เหมือนแกมบังคับอะ คุยเสียงดัง ขนาดพาออกมาคุยห้องกินข้าวแล้ว มันพยายามคุยเสียงดัง เพื่อให้เราอาย ซึง เราก็อายอะนะ แต่ก็ยังมีการต่อลอง

สรุปว่า เซ้นปรับโครงสร้างไป แต่เงินยังไม่จ่าย มันบอกว่าจะมาเก็บเงินวันศุกร์ ก่อนเซ้นเราก็แกล้งบอกมันไปว่า น้องไปฟ้องเอาดีกว่า มันก็บอกว่าไม่คุ้มเราหรอก เสียเวลา

คำถาม ถ้าเราไม่จ่าย ถึงเซ้นเอกสารไปแล้วจะเป็นไรไหม จนท.อิออน ดันรู้จักเราเป็นการส่วนตัวด้วยซิ (แต่เราไม่รู้จักมันนะ) มีการมาถามว่าเรายังทำธุรกิจส่วนตัวหรือป่าว พูดรู้จักเพื่อนเราคนนั้นคนนี้ ...เอางัยดีเนี่ย

บอกตรงๆ งานนี้อายมากๆ ไม่คิดว่าจะมาถึงที่ทำงาน

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #11875 โดย Champcyber99
สิ่งที่เล่ามานั้นแสดงว่าคุณไม่ได้อ่านอะไรเลย คนในนี้เขาไม่ทำแบบคุณ แนะนำให้กำจัดความอายและความกลัว
เป็นหนี้ไม่ใช้เรื่องหน้าอาย ใครบ้างในที่ทำงานของคุณที่ไม่เป็นหนี้บ้างรวมถึงเจ้านายคุณด้วย แต่ละคนมีหนี้กันทั้งนั้น แต่คุณโชคร้ายกว่าคนอื่นก่อนก็เท่านั้น ที่หาเงินมาหมุนไม่ได้อีก แต่ผมว่าคุณโชคดีนะที่รู้ตัวก่อนคนอื่นๆ
หาอ่านนะครับ
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Nok2865

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #11876 โดย Nok2865
แหม...อยากเจอจังแบบนี้...จะจัดให้มันอ๊วกไปเลย
เอาใหม่นะ คุณziplove ถ้าอีอ้อนตรีน มันมาเยี่ยมเยียนอีก
จับมันเผานั่งยาง
เอารังมดแดงใส่หัวมัน
กระซวกไส้มันไปทำตือฮวน...
ใครถาม ก็บอก ด้านมืดมันสั่งให้คุณทำ
แล้วกอบัวจะถือโอเลี้ยง กะข้าวผัดไปฝากคุณ ฮิ...ฮิ...




โธ่คุณ...เสียชื่อสมาชิกชมรมคนหน้าด้าน เอ๊ย...ชมรมหนี้บัตรเครดิตฯ หมด
มันมาหา ทำไมไม่ถามชื่อมัน คุณเป็นหนี้นะ ไม่ได้ไปฆ่าพ่อฆ่าแม่ใคร ไม่ได้โกงบ้านโกงเมือง อายอะไร อายทำไม คุณรู้ไหม ดีไม่ดีไอ้คนที่ยืนแถวๆนั้น ก็เป็นหนี้เหมือนคุณ แต่ไม่พูดออกมา
ทีหลัง ถามชื่อมัน มันเสียงดัง ก็เสียงดังแข่งมัน ถ้ามันไม่เลิกเห่าเลิกหอน แจ้งยามให้ลากมันออกไป
เอาบัตรประชาชนมันไปถ่ายเอกสาร กล้องนะ....อย่ามีแค่โทรหากิ๊ก ถ่ายรูปมัน ถ่ายแช๊ะ แช๊ะ แช๊ะ ถ่ายเยอะ ถ่ายตูด ถ่ายก้นมันด้วย หมั่นไส้
แล้วทำหน้าตาแบบกวนโอ๊ย...ให้มากๆ ตะคอกถามมันกลับไป "พ่อเมิงสั่งให้มาทวงหนี้เหรอ บอกแล้วใช่ไหม? ไอ้แสรดดดด ไม่ให้มา ถ้ามาแล้วกรู คุณหนูพจมาน ตกงาน เมิงตายแน่ไอ้เหี้ยก"
"กรูเป็นหนี้ แต่กรูไม่ใช่ควาย กรูจะใช้หนี้กับคน ไม่ใช่ควายแบบเมิง กลับไปฟ้องเจ้านายยี่ปั๊ว เอ๊ย..ญี่ปุ่นเมิงเลยว่า กรูจะจ่าย แต่ไม่ใช่วันนี้ มีเมื่อไหร่ก็ไปจ่ายเอง ไอ้สันฝาย..."
กอบัวเคยเห็นมันมาทวงคนข้างบ้าน ส่งเสียงดังแบบนี้แหละ...ตะโกนหน้าบ้าน เลยเอาสายยางฉีดไล่แม่งมันเลย พอมันโมโห ก็บอกมันว่า "อ้าว...นึกว่าหมามาเห่ามาหอน...ฉิบหาย ขอโทษที"
คุณอย่าไปหง๋อกลัวมัน เราสอนให้หยุดจ่าย แล้วเก็บเงินชำระคืนในวันเวลาที่เหมาะสม อย่าไปยืมเงิน กดบัตรหมุนไปมาแบบที่เคยทำ
รับมือแบบมีสติ ถ้ามันทำอะไรเกินเลย ฟ้องแบ็งค์ชาติไปเลย
ไปอ่านกระทู้รับมือกับการทวงหนี้หลายๆรอบ
คุณจะต้องเข้มแข็งด้วยตัวของคุณเอง อย่าให้มันไปทำแบบนี้กับคนอื่นๆอีก...

ปล.รวมกระทู้ให้แล้ว อย่าไปตั้งกระทู้ใหม่ ให้มาต่อกระทู้เดิม เรื่องราวของคุณจะได้ต่อเนื่อง และไม่รกบอร์ด ช่วยๆกันทำบ้านของเรามีระเบียบนะ...

มีแม่เหล็กอยู่ในหัวใจคุณ ซึ่งจะดึงดูดมิตรแท้
คือความไม่เห็นแก่ตัวและคิดถึงคนอื่นก่อน
เมื่อคุณเรียนรู้เพื่อจะอยู่เพื่อคนอื่น พวกเขาก็จะอยู่เพื่อคุณ
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #11878 โดย Ly89
ตามที่พี่บัวบอกเลยครับ...

และอ่านกระทู้นี้เพิ่มเติม...
ทวงหนี้ประจาน แบงค์ชาติพึ่งได้ - ของคุณปูเป้
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=7000&Itemid=29

สำหรับที่ว่า เซ็นต์สัญญาปรับโครงสร้างไปแล้ว แต่ยังไม่ได้จ่าย...
“สัญญา นรก”...คืออะไร?
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=6343&Itemid=29

อ่านนะครับ....ก่อนที่จะเลยเถิดไปมากกว่านี้
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Nok2865

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #11879 โดย Kongkow_50
ขอบคุณค่ะ..แล้วกรณีที่เซ้นเอกสารไปแล้ว พอถึงเวลาอิออนมาเก็บเงิน อีก เราไม่จ่าย มีผลอะไรไหมค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #11880 โดย Nok2865
หื๊อ...อย่าเอาแต่ถามสิ...เด๋วแม่ตีตายเลย
ไปอ่านกระทู้ที่น้อง batk ให้ไว้ดิ..สัญญานรก ง่ะ ไปอ่านเด๋วนี้ บัดนาว...

มีแม่เหล็กอยู่ในหัวใจคุณ ซึ่งจะดึงดูดมิตรแท้
คือความไม่เห็นแก่ตัวและคิดถึงคนอื่นก่อน
เมื่อคุณเรียนรู้เพื่อจะอยู่เพื่อคนอื่น พวกเขาก็จะอยู่เพื่อคุณ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #11881 โดย Kongkow_50
เป็นสัญญาเหมือนเรากู้ยืมเงินค่ะ นำยอดที่คงค้างมาจัดทำสัญญาใหม่ โดยไม่มีดอกเบี้ย ให้ผ่อนเดือนละ 800 ยอดเต็ม 20000 แต่ จนท. บอกว่าต้องจ่าย 2000 ก่อน ถึงจะทำสัญญาได้

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #11885 โดย Champcyber99
ขออีกหน่อยนะครับท่านรองและท่านกรรมการ batk
ขอบคุณค่ะ..แล้วกรณีที่เซ้นเอกสารไปแล้ว พอถึงเวลาอิออนมาเก็บเงิน อีก เราไม่จ่าย มีผลอะไรไหมค่ะ
คุณziplove คุณรู้จักจุดยืนไหมครับ อถึงเวลาอิออนมาเก็บเงิน ก็เอาจุดยืนของคุณนะฟาดปากมันชักที่สองที่
ค่าทำแผลของอินออนบอกมันว่าไปเบิกที่รองกอบัว

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #11888 โดย Kongkow_50
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ..อ่านแล้วค่ะ...สบายใจขึ้นหน่อย

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #11889 โดย Skynine
มันเป็นสัญญานรก ....หาหลงกลไปแล้ว ภายภาคหน้าจ่ายไม่ไหว (หากมีหนี้หลายเจ้า) ก็จะเข้า

วงเวียนไม่รู้จบ ยอดฟ้องตัวใหม่ไม่ใช่ยอดเดิม ฟ้องเร็วขึ้น เจ้าหนี้ได้เปรียบและหมกเม็ดด้วย...ยังจะคิดทำอยู่ไหม...

กว่าเราจะสร้างหนี้ได้ (บาน) ขนาดนี้ เราใช้เวลาใช่ไหม...

ฉะนั้นตอนคืนหนี้ ก็ต้องมีเวลา (เก็บเงิน) เหมือนกัน เจ้าหนี้รอได้ก็รอ รอไม่ได้ก็ต้องรอ

ใจเย็นๆ อย่าหวั่นไหว ใครๆ ก็อยากหมดหนี้ไวๆ ทั้งนั้น ทั้งเราต้องพร้อมจริงๆ... อย่าบินเข้ากองไฟอีกครั้งเลย..


ทุกอย่างเมื่อสติมา ปัญญาเกิด หนี้หมดอย่างถูกวิธี คิดใหม่นะ เป็นกำลังใจให้ สู้ๆๆๆ พี่อัง สวยประหาร







[attachment:1]0NIJ60CA32BOBHCAGP081VCADF5C1BCAZ8AZPCCAE08HH9CATBYZH4CAELWFZ6CA1PKN3CCA09WOIHCA236SM6CA47I8EECAJDJ1C2CAPB7GGZCA874W1TCAYZSYJGCAE3BL2KCA4KJICNCAXBVLAQ.jpg[/attachment]
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #14417 โดย Kongkow_50
วันนี้มี 3 เรื่องสงสัยค่ะ

1. ตามที่เคยเล่าว่า อิออน มาให้เซ้นเอกสารสัญญาถึงที่ทำงาน แต่ไม่ได้จ่ายเงินไป (และเพื่อนที่เว็บบอร์ด ก็ได้ลิงค์ เรื่องนี้ให้อ่านว่า ถ้าเซ็นสัญญาแล้ว เราไม่จ่ายตังค์สัญญาก็ไม่เกิด) แต่ประเด็ดมีเพิ่มค่ะ หลังจากวันนั้น อิออนโทรมา บอกให้จ่าย เราก็บอกไปว่าไม่จ่ายเงิน...และจะไม่ยอมจ่ายอะไรแล้ว....(เพราะหลังจากที่อ่านลิงค์ เพื่อไม่ให้สัญญาปรับโครงสร้างหนี้เกิดเราต้องไม่จ่ายเงินงวอดแรก)
อิออนก็โทรมาอีก เราก็ไม่รับ ปรากฎว่าอิออนส่งสำเนาสัญญาที่เราเซ็นมาให้ ว่าต้องจ่ายงวดละเท่าไร เป็นการปรับโครงสร้างนี้....แต่กรณีเราไม่ได้เงินงวดแรกไปนะค่ะ...แบบนี้ต้องเลยตามเลยหรือป่าว

2. กรณีเจ้าหนี้รายอื่น เราเซ็นสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ไปแล้ว...(อันนีี้ทำไปก่อนเจอเว็บบอร์ดนี้ค่ะ) ก็มีการส่งมาหลายงวดแระ...และถ้าเราส่งไม่ไหวๆ จริงๆ ช่วงนี้ กะว่าจะหยุดส่ง ผลจะเป็นอย่างไรค่ะ หรือจะมีทางแก้ไขทางอื่นอีกไหมค่ะ

3. อันนี้เป็นเรื่องเล่าเชิงปรึกษาค่ะ เคสพี่ที่ทำงานเห็นเขาเล่าว่า เขาเจอ ธ.ออมสิน ฟ้อง เป็นหนี้ประมาณ 30,000 พี่เขาก็ให้ดูสลิปเงินเดือนว่าเหลือไม่กี่พันบาท ทางศาลก็ไม่เห็นว่าอย่างไร เพราะเห็นพี่ทำงานบอกว่า ถ้ายอดหนี้ไม่เกิน 100,000 ก็ไม่ถูกอายัดเงินเดือน และถ้าไม่เกิน 50,000 ก็ฟ้องไม่ได้..เห็นเขาเล่าประมาณนี้ค่ะ...ใครพอทราบเรื่องนี้บ้างค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #14419 โดย Pych

คุณน่าจะพิมพ์ให้ถูกต้องหน่อยนะครับ

พิมพ์ผิดๆ ถูกๆ ตกๆ หล่นๆ แบบนี้

ความหมายผิดเพี้ยนได้นะครับ

อย่ามักง่ายในการมาขอความรู้สิครับ

ziplove เขียน: วันนี้มี 3 เรื่องสงสัยค่ะ

1. ตามที่เคยเล่าว่า อิออน มาให้เซ้นเอกสารสัญญาถึงที่ทำงาน แต่ไม่ได้จ่ายเงินไป (และเพื่อนที่เว็บบอร์ด ก็ได้ลิงค์ เรื่องนี้ให้อ่านว่า ถ้าเซ็นสัญญาแล้ว เราไม่จ่ายตังค์สัญญาก็ไม่เกิด) แต่ประเด็ดมีเพิ่มค่ะ หลังจากวันนั้น อิออนโทรมา บอกให้จ่าย เราก็บอกไปว่าไม่จ่ายเงิน...และจะไม่ยอมจ่ายอะไรแล้ว....(เพราะหลังจากที่อ่านลิงค์ เพื่อไม่ให้สัญญาปรับโครงสร้างหนี้เกิดเราต้องไม่จ่ายเงินงวอดแรก)
อิออนก็โทรมาอีก เราก็ไม่รับ ปรากฎว่าอิออนส่งสำเนาสัญญาที่เราเซ็นมาให้ ว่าต้องจ่ายงวดละเท่าไร เป็นการปรับโครงสร้างนี้....แต่กรณีเราไม่ได้เงินงวดแรกไปนะค่ะ...แบบนี้ต้องเลยตามเลยหรือป่าว


คุณก็อ่านมาแล้วนี่ครับ ว่าไม่จ่ายเงินเลยสักงวด สัญญาการปรับโครงสร้างหนี้ก็เป็นอันโมฆะ
ก็ยืนยันตามนั้นครับ

ziplove เขียน: 2. กรณีเจ้าหนี้รายอื่น เราเซ็นสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ไปแล้ว...(อันนีี้ทำไปก่อนเจอเว็บบอร์ดนี้ค่ะ) ก็มีการส่งมาหลายงวดแระ...และถ้าเราส่งไม่ไหวๆ จริงๆ ช่วงนี้ กะว่าจะหยุดส่ง ผลจะเป็นอย่างไรค่ะ หรือจะมีทางแก้ไขทางอื่นอีกไหมค่ะ


อ่านกระทู้นี้อย่างละเอียดให้เข้าใจนะครับ

“สัญญา นรก”...คืออะไร?
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=6343&Itemid=29

ziplove เขียน: 3. อันนี้เป็นเรื่องเล่าเชิงปรึกษาค่ะ เคสพี่ที่ทำงานเห็นเขาเล่าว่า เขาเจอ ธ.ออมสิน ฟ้อง เป็นหนี้ประมาณ 30,000 พี่เขาก็ให้ดูสลิปเงินเดือนว่าเหลือไม่กี่พันบาท ทางศาลก็ไม่เห็นว่าอย่างไร เพราะเห็นพี่ทำงานบอกว่า ถ้ายอดหนี้ไม่เกิน 100,000 ก็ไม่ถูกอายัดเงินเดือน และถ้าไม่เกิน 50,000 ก็ฟ้องไม่ได้..เห็นเขาเล่าประมาณนี้ค่ะ...ใครพอทราบเรื่องนี้บ้างค่ะ


ศาลท่านไม่ว่าอะไร แล้วสรุปว่าโดนฟ้องไม่ใช่เหรอครับ ถึงได้เจอกับศาล
แล้วทำไม ถึงมาบอกว่า ต่ำกว่า 50,000 บาท ฟ้องไม่ได้
แค่นี้ก็มั่วมากๆ แล้ว คุณยังไปฟังเขาพูดต่ออีกเหรอครับ

คุณเป็นหนี้เขาจริง ยอดไม่กี่พันหรือหมื่นนิดๆ เขาก็ฟ้องกันมานักต่อนักแล้วครับ
การถูกอายัดเงินเดือน ไม่ได้อยู่ที่ยอดฟ้องหรือยอดหนี้ครับ มันอยู่ที่ฐานเงินเดือนของจำเลยหรือลูกหนี้ครับ
พี่ที่ทำงานคุณนี่มั่วโคตรๆ เลยครับ ถ้าอยากรู้เรื่องอายัดเงินเดือน อ่านกระทู้นี้นะครับ

เกณฑ์การยึด-อายัดทรัพย์-อายัดเงินเดือน
www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&id=12878&catid=3

"Credit card is the path to the dark side. Credit card leads to eager. Eager leads to avarice. Avarice leads to debt. Debt leads to suffering and dark side."
Anakin.Debt

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #16896 โดย Kongkow_50
วันนี้ได้รับหมายศาลแล้วค่ำ จาก ธ.กรุงเทพฯ
จริงๆ ได้รับเมื่อวันเสาร์ ที่ 14 ก.ค. 55 ที่ผ่านมา คุณพ่อเป็นคนรับให้ แล้วเก็บไว้ซะเอง เพิ่งเอามาให้เราวันนี้ บ้านแทบแตกเลย เราอะใจเย็น แต่พ่อซิ ไม่ฟังเราอธิบายเลย
ซึ่งนัดให้ไปไกล่เกลี่ย 21 ส.ค. 55 นี้ ยอดหนี้ 34,000.- เป็นคดีดำ

คำถาม..ตัวหมายศาลบุคคลอื่นเซ็นรับแทนเราได้ด้วยหรือค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #17019 โดย ntps
เวลาที่เจ้าหน้าที่มาส่ง เขาก็ส่งที่บ้าน ถ้ามีคนอยู่บ้าน เขาก็ให้เซ็น
รับทราบว่า ได้รับเอกสารแล้วธรรมดา ไม่ใช่เซ็นรับคดี ถ้าไม่มี ก็
แขวนหน้าบ้าน คุณจะอยากได้แบบไหนละ

แต่คุณคงยังไม่บอกที่บ้านรับรู้ จึงเกิดตกใจ โดยเฉพาะผู้ใหญ่ เพราะ
ฝังใจว่า การได้รับหมายศาล คือ เรื่องร้ายแรง เสื่อมเสียชื่อเสียง
มีคดีความแล้วเป็นไม่ดี

แต่หาคุณไปอ่านข้อมูลในห้องรู้ทันกฎหมายหนี้ แล้วอธิบาย
อย่างมีเหตุผล สามารถพิสูจน์ได้ และมั่นใจในการปัญหา
คิดว่า ท่านจะรับฟัง และคลายกังวล ทั้งนี้ ผู้ใหญ่เช่น พ่อแม่
เขาเป็นเช่นนี้ เพราะเขาห่วงคุณค่ะ

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 8 เดือน ที่ผ่านมา #17114 โดย Kongkow_50
วันนี้มีเรื่องปรึกษาอีกค่ะ เกี่ยวกับ เฟริส์ช้อย กับ HSBC และ กรุงศรี ทราบมาว่า 3 ตัวนี้เฟริส์ช้อย กับ HSBC ได้รวมกับ แบงค์กรุงศรี
และปัจจุบันทำเรื่องปิดยอดของ แบงค์ กรุงศรีฯ จากยอด 40,000 ลดให้ 22,000 ผ่อนจ่าย 5 งวด เหลืออีก 1 งวด (4 ก.ค.) ก็เป็นอันว่าจบ ของกรุงศรีฯ แล้ว

แต่สงสัยอยู่ว่า ถ้าลำดับต่อไปเราเลือกจ่าย เฟริสช้อย ยอด 30,000 ก่อนที่จะจ่าย HSBC ยอดที่ 60,000 ซึ้งทั้ง 2 ตัวนี้หยุดจ่ายมานานมากแล้ว คำถามคือ HSBC จะฟ้องเราหรือป่าวค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 8 เดือน ที่ผ่านมา #17127 โดย Shofrets

ziplove เขียน: วันนี้มีเรื่องปรึกษาอีกค่ะ เกี่ยวกับ เฟริส์ช้อย กับ HSBC และ กรุงศรี ทราบมาว่า 3 ตัวนี้เฟริส์ช้อย กับ HSBC ได้รวมกับ แบงค์กรุงศรี
และปัจจุบันทำเรื่องปิดยอดของ แบงค์ กรุงศรีฯ จากยอด 40,000 ลดให้ 22,000 ผ่อนจ่าย 5 งวด เหลืออีก 1 งวด (4 ก.ค.) ก็เป็นอันว่าจบ ของกรุงศรีฯ แล้ว

แต่สงสัยอยู่ว่า ถ้าลำดับต่อไปเราเลือกจ่าย เฟริสช้อย ยอด 30,000 ก่อนที่จะจ่าย HSBC ยอดที่ 60,000 ซึ้งทั้ง 2 ตัวนี้หยุดจ่ายมานานมากแล้ว คำถามคือ HSBC จะฟ้องเราหรือป่าวค่ะ


ถ้าคำถามว่าฟ้องไหม เจ้าหนี้ตอบได้ดีที่สุด แต่ถ้าเหลือสองตัวก็เก็บเงินไปเรื่อยๆ ตัวไหนส่วนลดดีจ่ายก่อนที่เไหลือค่อยว่ากัน :ลั่ลล้า:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 1.025 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena