ชำระหนี้ตามสัญญายอมฯ จนจะหมดอยู่แล้ว แบงก์แจ้งว่าขอยกเลิกสัญญา

11 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #28429 โดย surabky
สวัสดีครับทุกๆ ท่าน ผมมีปัญหามาสอบถามดังนี้ครับ

คือในปี 2552 ผมได้เป็นหนี้สินเชื่อบุคคลของ HSBC ช่วงนั้นมีปัญหากับหลายสถาบันการเงิน แต่ก็ได้ทยอยแก้ไขปัญหา หาเงินมาจ่ายไปจนครบหมดแล้ว จบทุกที่แล้ว เหลือแต่ที่ HSBC ซึ่งต่อมาได้ขายหนี้ของผมให้กับกรุงศรี และเป็นที่มาของปัญหานี้ครับ

เมื่อปลายปี 2552 ผมได้ผิดนัดชำระ และได้รับการติดต่อจากทางสำนักงานกฏหมายตัวแทนของฮ่องกงแบงก์ มาโดยตลอด ช่วงนั้นผมหาเงินเป็นก้อนๆ ไปไล่ทยอยจ่ายคืนสถาบันอื่นๆ ที่เป็นหนี้ไม่มากก่อน บางแห่งก็ลดให้นิดหน่อย สำหรับ HSBC ก็ได้มีการส่งฟ้องศาลและนัดทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันที่ศาลจังหวัดสมุทรสาคร โดยมีรายละเอียดดังนี้ครับ

- วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2553 (หลังจากที่ไม่ชำระมาประมาณ 6 เดือน) ทางสำนักงานกฏหมายที่ได้รับมอบอำนาจจาก HSBC ก็บอกว่าจะส่งฟ้องผมแล้ว ถ้าผมมีเจตนาจะประนีประนอมยอมความ ก็ให้จ่ายเงินเข้าไปบ้าง แล้วจะนับเงินที่ผมจ่ายนี้ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาประนีประนอมยอมความ ผมมีเงินอยู่บ้าง จึงได้จ่ายไป 2,000 บาท

- วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ผมมีเงินเข้ามาอีก จึงจ่ายไปอีก 8,000 บาท (รวมเป็น 10,000 บาท)

- วันที่ 29 มีนาคม 2553 อีก 2,000 บาท (รวมเป็น 12,000 บาท) ช่วงนี้ได้รับได้รับหมายนัดให้ไปศาลวันที่ 19 เมษายน 2553 อยู่ในระหว่างรอ ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานกฏหมาย (JMT) บอกว่า ถ้าผมชำระเข้าไปบ้าง ก็จะช่วยได้ คือจะแสดงเจตนาว่าเราตั้งใจจ่าย และเงินที่จ่ายไป ก็จะเอาไปรวมกับยอดที่จะมีการเจรจากัน

- วันที่ 19 เมษายน 2553 ไปศาล ทาง HSBC แจ้งให้ผมชำระเงินตามสัญญาประนีประนอมยอมความ 157,520 บาท โดยแบ่งชำระเป็น 36 งวด ดังนี้

งวดที่ 1 จำนวน 10,000 บาท
งวดที่ 2 - 12 จำนวน งวดละ 2,000 บาท จำนวน 11 งวด
งวดที่ 13 - 24 จำนวน งวดละ 3,000 บาท จำนวน 12 งวด
งวดที่ 25 - 36 จำนวน งวดละ 7,460 บาท จำนวน 12 งวด
รวม 36 งวด จำนวนเงิน 157,520 บาท

โดยเริ่มชำระงงวดแรกภายในวันที่ 29 เดือนเมษายน 2553 และงวดต่อๆ ไปไม่เกินวันที่ 29 ของทุกเดือนจนกว่าจะครบ

ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ ตอนที่ผมจะเซ็นยินยอมสัญญายอมฯ ทางเจ้าหน้าที่ของ JMT ได้บอกผมว่า เงินจำนวน 12,000 บาทที่ผมจ่ายไป 3 ครั้งก่อนมาศาลนั้น ก็นำมารวมในสัญญานี้ด้วย ดังนั้น เท่ากับว่า ผมได้จ่ายเงิน ไปแล้ว 12,000 บาท เงิน 10,000 แรก ก็ถือว่าเป็นงวดที่ 1 ส่วนอีก 2,000 บาท ที่จ่ายเมื่อว้นที่ 29 มีนาคม 2553 ก็ถือเป็นงวดที่ 2 ดังนั้น ในปลายเดือนเมษายน 2553 ผมจึงได้จ่ายเงิน 2,000 บาท โดยนับเป็นงวดที่ 3 ต่อไปเลย และได้จ่ายงวดที่ 3 4 5 6....... ไปตามลำดับ มีช้าบ้าง 1 หรือ 2 วันในบางเดือน ทางเจ้าหน้าที่กฎหมายของ JMT ก็ไม่ได้แจ้งว่าผมผิดสัญญาอะไร

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ทางเจ้าหน้าของ JMT ก็โทร.มาแจ้งว่า ผมได้ชำระ 2,000 มาครบงวดแล้ว งวดต่อไปก็ให้เปลี่ยนเป็น 3,000 ผมก็เริ่มชำระงวด 3,000 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ซึ่งการนับถือยังตรงกันอยู่

ในเดือน กุมภาพันธ์ 2555 ทางเจ้าหน้าที่ของ JMT ก็โทร.มาเตือนว่า ผมสิ้นสุดการจ่ายงวดละ 3,000 แล้ว ให้เปลี่ยนเป็น 7,460 ผมก็เริ่มชำระ 7,460 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 ซึ่งการนับงวดกับจำนวนเงินตามความเข้าใจของผม ก็ยังไม่มีปัญหาอะไรกับทางเจ้าหน้าที่ของ JMT

ตั้งแต่ต้นจนจบ ผมติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของ JMT ท่านเดียว คือคุณ ส.1

ต่อมาในเดือน เมษายน 2555 เจ้าที่ของสำนักงานกฏหมาย JMT อีกท่านหนึ่ง ชื่อคุณ ส.2 ได้โทร.หาผม แจ้งว่า หนี้ของผมมีการขายให้กับทางธนาคารกรุงศรีอยุธยา ให้ผมชำระเงินให้ทางธนาคารกรุงศรีอยุธยาแทน ทางคุณ ส.2 ติดต่อผมในนามธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยคุณ ส.1 หมดหน้าที่ตรงนี้ไป

ผมได้สอบถามว่า ผมจะต้องชำระอีกเท่าไหร่ คุณ ส.2 ตอบว่า จะต้องชำระ 7,460 อีก 10 งวด (เริ่มในเดือนเมษายน 2555) ตามสัญญาเดิม ซึ่งก็ตรงกับที่ผมได้ยึดถือมาโดยตลอดว่า ผมเหลืออีก 10 งวดก็จะเป็นอิสระแล้ว จึงไม่ได้คัดค้านอะไร ก็ไปชำระให้กับทางธนาคารกรุงศรีอยุธยาที่หน้าเคาน์เตอร์ทุกๆ เดือนไม่เคยเกินวันที่ 29 เลยแม้แต่ครั้งเดียว

เมื่อเดือนกันยายน 2555 ผมได้สอบถามทางคุณ ส.2 ว่า พอดีผมมีเงินอยู่ก้อนหนึ่ง อยากชำระไปทีเดียวให้หมดเลย จะมีส่วนลดบ้างหรือไม่ (ใจคิดว่า ถึงไม่ลด เอา 7,460 คูณกับ 5 เดือนที่เหลืออยู่ก็จะจ่ายครับ)

คำตอบทำให้ผมแทบตกเก้าอี้ครับ คือทางคุณ ส.2 ได้ตอบว่า ได้สอบถามกับทางธนาคารกรุงศรีฯ แล้ว ทางธนาคารให้คำตอบว่า ผมไม่สามารถจ่าย 7,460 * 5 = 37,300 บาทได้ แต่จะต้องจ่าย 37,300 + ประมาณ 45,000 บาท รวมเป็นประมาณ 82,000 บาท (ผมจำตัวเลขสุทธิไม่ได้ขออภัยครับ) เพราะว่า ทางธนาคารขอยกเลิกสัญญาเนื่องจากผมได้ผิดนัดชำระตั้งแต่งวดแรก (ตั้งแต่ตอนหนี้อยู่กับ HSBC) โดยผมไม่ได้ชำระเงิน 10,000 บาท ในเดือนเมษายนตามที่ระบุในสัญญายอมฯ

ช่วงสองเดือนมานี้ ผมได้พยายามทำจดหมายชี้แจงรายละเอียดต่างๆ พร้อมส่งหลักฐานการชำระเงินของผมเข้าไปที่ฝ่ายติดตามหนี้ของธนาคารกรุงศรีฯ โดยตรง เพื่อขอให้พิจารณาว่า ให้ผมจ่ายให้ครบงวด 7,460 บาทงวดสุดท้ายที่เหลือ ซึ่งจะครบในเดือน มกราคม 2556 แล้วธนาคารก็ได้เงิน 157,520 ครบแล้ว แต่ทางธนาคารก็ยังคงยืนยันโดยให้ทางคุณ ส.2 ติดต่อมายังผม บอกว่า ผมผิดสัญญาตั้งแต่งวดแรก สัญญาถูกยกเลิกไปแล้ว ดังนั้น ผมต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกประมาณ 45,000 บาท จึงจะถือว่า สิ้นสุดการชำระหนี้

ผมได้ขอให้ทางคุณ ส.2 ส่งสำเนารายการการรับเงินตามสัญญาประนีประนอมยอมความของผมไปให้ดู ปรากฏว่า ก็มีรายการรับเงินเริ่มจากเดือนกุมภาพันธ์ 2,000 บาท, 8,000 บาท และอีก 2,000 บาท ในช่วงก่อนที่จะมีการลงนามในสัญญายอมฯ ในเดือนเมษายน ตามที่ผมแจ้งไว้ทุกประการ เท่ากับว่า จำนวนเงินที่ผมคิดก็ตรงมาตลอด เพียงแต่ทางคุณ ส.1 ที่ดูแลเคสผมตอนอยู่ HSBC แจ้งว่าไม่ผิดสัญญา แต่ทางกรุงศรีพิจารณาว่า ผิดสัญญา

ความหวังว่าจะพ้นจากขุมนรกของผมจึงยังไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งๆ ที่พยายามทำตัวเป็นลูกหนี้ที่ดี กัดฟันชำระเงินมาโดยตลอด

ผมขอเรียนปรึกษาทุกๆ ท่านว่า ในกรณีนี้ ผมจะทำอย่างไรดี จะเลือกทางไหนดี

1. ผมตั้งใจจะจ่ายเงินอีก 7,460 บาท สองงวด เดือนธันวาคม กับมกราคม
2. ถ้าผมจ่ายตามข้อ 1 แล้วหยุดจ่าย ผมจะเป็นอย่างไรต่อไปครับ จะมีขั้นตอนที่ทางสำนักงานกฏหมายหรือทางธนาคารจะทำอย่างไรกับผมต่อไป ผมจะต้องกลับมาเริ่มต้นกลับมาเจรจาประนอมหนี้ใหม่อย่างนั้นหรือ

ผมขอคำแนะนำเบื้องต้นด้วยครับ จ่ายมาเกือบสองแสนไม่มีบิดพริ้ว สุดท้ายก็จบไม่ลง

ขอบพระคุณทุกท่านล่วงหน้าครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #28432 โดย Nok2865
จะกลับบ้านแล้วอ่ะ...มาเจอคำถามที่ยาวยืด อ่านจนจบแล้วก็ เฮ้อ...
คุณเก็บบิลที่ชำระไว้ทุกงวด กับหนังสือสัญญาครบไว้ทุกอย่างเลยใช่ไหม?
ถ้ามีหลักฐานการชำระเงินทุกอย่างครบ หลักฐานการตกลง หนังสือประนีประนอมยอมความมี
คณไม่ต้องกลัวมัน ชำระที่เหลือสองงวดให้ครบ
แล้วบอกมันว่า อยากได้ที่เหลือไปฟ้องเอา เราก็จะขอเป็นโจทก์ ฟ้องมันกลับเหมือนกัน
ไม่ต้องชำระให้มันอีก ไอ้พวกนักกฏหมาย พวกทวงหนี้ส้นตรีนนนน
เก็บหลักฐานทุกอย่างใส่แฟ้มเอาไว้ให้ดี บอกมันว่า กูมีหลักฐานทุกอย่างในการจ่าย รวมทั้งหนังสือประนีประนอมยอมความที่ตกลงกันไว้ อยากได้อีกไปฟ้องเอา
ถ้าอยากถามรายละเอียดเพิ่มเติม (เพราะตอนนี้กอบัวจะกลับบ้านแล้ว) ให้โทรไปหาพี่นกกระจอกเทศ
ตามวันเวลาดังนี้ (ห้ามโทรไปก่อนหรือหลังเวลาที่กำหนด)
เวลาโทรหาพี่นก ให้ทำใจ เอ๊ย...เตรียมข้อมูลเอาไว้ ไม่ต้องเล่าดีเทลรายละเอียดมาก เพราะกรรมการรับสาย Hotline จนหูแฉะไปหมดแล้ว ฟังอะไรยาวๆ นานๆ ยืดๆ แล้วเมื่อยมาก
ถามแบบเข้าประเด็นไปเลย แล้วพี่นกจะมีคำตอบให้กับทุกคำถาม ฟันธง !!!


มีแม่เหล็กอยู่ในหัวใจคุณ ซึ่งจะดึงดูดมิตรแท้
คือความไม่เห็นแก่ตัวและคิดถึงคนอื่นก่อน
เมื่อคุณเรียนรู้เพื่อจะอยู่เพื่อคนอื่น พวกเขาก็จะอยู่เพื่อคุณ
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.503 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena