จะถูกบังคับคดี

เป็นหนี้ 90000 ของ CITY.BANK ถูกฟ้องให้ส่ง 2 ปี ส่งทุกเดือน เดือนละ 2000 จะครบกำหนดในวันที่ 3 กพ.56 ขาดอีก 44000
ยังหาไม่ได้ จะถูกบังคับคดีไหมครับ.

haswave เขียน: เป็นหนี้ 90000 ของ CITY.BANK ถูกฟ้องให้ส่ง 2 ปี ส่งทุกเดือน เดือนละ 2000 จะครบกำหนดในวันที่ 3 กพ.56 ขาดอีก 44000
ยังหาไม่ได้ จะถูกบังคับคดีไหมครับ.

การบังคับคดีที่เขียนว่าภายใน 15 วัน มันไม่ได้เป็นไปตามนั้นเสมอไป การจ่ายและข้อตกลงหลังไปศาล คุณเก่งกับพี่นกช่วยกันตอบ

www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=2&id=2082

การอายัดเงินเดือน

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=28147&Itemid=52

บ้าน/ที่ดิน ที่ยังผ่อนอยู่ สามารถยึดได้
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=25777&Itemid=52#25784

www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&func=view&catid=2&id=9039&limitstart=6

รถที่ยังผ่อนอยู่ ยังยึดไม่ได้ในขณะนี้
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=25777&Itemid=52#25782

การยึดทรัพย์สินภายในบ้าน

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=2194&Itemid=52

hotlineของชมรม

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=showcat&catid=5&Itemid=2

โชคดีนะครับ

เขาไม่เรียกว่า บังคับคดีค่ะ

เงินที่ต้องส่งงวดสุดท้ายเพื่อจบหนี้นั้น คุณสามารถโทรหาเจ้าหนี้

ขอต่อรองลดหนี้ หรือ ถ้าเขาไม่ยอม คุณอาจเสนอแผนของคุณว่า

จะชำระกันจบยัีงไง เช่น แบ่งเป็นงวดต่อไม่มีดอกเบี้ย หรือปิด

1งวด ด้วยส่วนลดแล้วแต่เขาจะให้ค่ะ ถ้าคุณมีปัญหาไม่มีเงินตาม

ตัวเลขที่เหลือค่ะ

ถ้าตกลงกันได้ ก็ออกหนังสือยืนยันค่ะ ถ้าไม่ เขาก็คิดดอกเบี้ยใน

สัญญายอมความล่างสุดที่บอกว่า ถ้าผิดนัดชำระ จะกลับไปคิดดอก

เบี้ยที่เท่าไรค่ะ เพราะถือว่า นี้คือการผิดนัดชำระค่ะ

ทุกอย่างอยู่ที่ปากของเรา จะเจรจาต่อรองก็ทำด่วนค่ะ เพราะเขาต้องใช้

เวลาในการขออนุมัติ เฮ้อ คุณปล่อยจนนาทีสุดท้าย เพิ่งจะตื่น ไม่บอก

ไม่พูด เจ้าหนี้จะรู้ไหมว่า คุณไหวไม่ไหวค่ะ

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ชีวิตที่ประสบความสำเร็จต้องดิ้นรนสู้ค่ะ

ยังหาไม่ได้ จะถูกบังคับคดีไหมครับ
ถ้าคุณยังจ่ายไม่หมดที่ยอมความหน้าศาลไว้ ยังเป็นหนี้ต่อและดอกเบี้ยเกิดขึ้น
แต่ถ้าคุณไม่มีจ่ายการเจรจาก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
แต่ถ้าคุณไม่ตกลงจ่ายเจ้าหนี้
เจ้าหนี้มีอำนาจบังคับคดีคุณได้ แต่ไม่รู้วันไหนเดือนไหนปีไหน ก็เท่านั้น
มาดูตัวเองว่ามีอะไรให้เจ้าหนี้บังคับคดีได้บ้าง เช่น เงินเดือนเกิน10000 บาทหรือเปล่า
มีที่ดิน มีรถไหม ถ้ามียึดได้จากการบังคับคดีของเจ้าหนี้
แต่ถ้าไม่มีการบังคับคดีก็จะไม่เกิดขึ้น

ขอโทษและขออนุญาติน้อง Benten

ขอเข้ามาเสริมหน่อยนะค่ะ

และขออภัยที่ตกลงเมื่อคืนไปอีกเรื่อง หากลูกหนี้หนี ไม่ติดต่อ

ไม่จ่ายที่เหลือ เจ้าหนี้สามารถบังคับคดีได้ค่ะ และคิด

หนี้ที่เหลือ (แต่บางรายโหดก็จะไม่ลบเงินที่ชำระไปแล้ว

ให้ค่ะ) บวกดอกเบี้ยผิดนัดตามระบุในสัญญาค่ะ

ตามที่คุณ Chaowalert บอกค่ะ

ผมไม่เคยเห็นศาลที่ไหน(ในคดีแพ่ง) ที่พิพากษาให้จำเลยสามารถผ่อนส่งหนี้ให้กับโจทก์ได้ โดยศาลเป็นผู้สั่งเอง

คุณเป็นคนเลือกที่จะใช้วิธี "ไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความกับโจทก์" ที่ชั้นศาลเองนี่ครับ

(แนวทางที่ 2. จากใน Link ข้างล่างนี้)
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=9240&Itemid=52



ในเมื่อคุณไปทำสัญญาต่อหน้าศาลเอาไว้แล้ว หากจ่ายไม่ไหวตามสัญญา ก็จะถูกบังคับคดีทันที โดยไม่ต้องฟ้องซ้ำอีกแล้ว (อุทธรณ์ก็ไม่ได้)

คำแนะนำน่ะมี...แต่ให้คุณเขียนเล่ารายละเอียดมาให้หมด ว่าในสัญญา"ประนีประนอมยอมความ" ที่คุณไปเซ็นต์ไว้ในชั้นศาลนั้น
มันมีรายละเอียดว่าอย่างไรบ้าง? ไม่ใช่มาบอกเล่าแค่ลวกๆแบบนี้...แล้วใครมันจะไปตรัสรูได้

รายละเอียดสัญญาประนีประนอมครับ
ข้อ 1.จำเลยยืนยอมชำระหนี้ให้แก่โจทก์ เป็นจำนวนเงิน 90000 บาท โดยจำเลยผ่อตกลงผ่อนชำระให้แก่โจทก์เ็นรายงวด งวดเดือนละไม่ต่ำกว่า 2000 บาท และชำระให้แล้วเสร็จภายใน 24 งวด เริ่มงวดแรก 3 มีนาคม 2554 และงวดต่อๆไปทุกวันที่ 3 ของเดือนถัดไปติดต่อกันจนกว่าจะครบ
ข้อ 2.หากจำเลยผิดนัดชำระหนี้แก่โจทก์ตามข้อ1งวดหนึ่งงวดใด ให้ถือว่าผิดนัดชำระหนี้ที่ค้างทั้งหมด และยินยอมให้โจทก์บังคับคดีทันทีในยอดเงินที่ค้างเมื่อได้หักออกจากยอดเงินที่ได้ชำระมาแล้ว และยินยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยเอากับจำเลยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของเงินต้นที่ค้างชำระ แต่ไม่เกินเงินต้นตามคำฟ้อง (66243.63บาท)ตั้งแต่วันผิดนัดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระหนี้ให้เสร็จสิ้น
ข้อ3.ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนที่ศาลไม่สั่งคืนให้ตกเป็นพับ
ข้อ4.โจทก์และจำเลยยินยอมตกลงกันตามข้อ1.ถึงข้อ3.และไม่ติดใจเรียกร้องสิ่งอื่นใดต่อกันอีก
ผมส่งทุกงวด งวดละ 2000 พันบาทครับ

haswave เขียน: รายละเอียดสัญญาประนีประนอมครับ
ข้อ 1.จำเลยยืนยอมชำระหนี้ให้แก่โจทก์ เป็นจำนวนเงิน 90000 บาท โดยจำเลยผ่อตกลงผ่อนชำระให้แก่โจทก์เ็นรายงวด งวดเดือนละไม่ต่ำกว่า 2000 บาท และชำระให้แล้วเสร็จภายใน 24 งวด เริ่มงวดแรก 3 มีนาคม 2554 และงวดต่อๆไปทุกวันที่ 3 ของเดือนถัดไปติดต่อกันจนกว่าจะครบ

ความหมายก็คือ : ลูกหนี้ยินยอมผ่อนจ่ายเงินที่เท่าไหร่ก็ได้ แต่ห้ามจ่ายน้อยกว่างวด 2,000.-บาท เป็นเวลา 24 งวด โดยในระหว่างที่ผ่อนจ่ายนี้ เจ้าหนี้จะไม่คิดดอกเบี้ยในระหว่างที่ผ่อนอยู่ (เพราะในสัญญาไม่ได้เขียนระบุดอกเบี้ยเอาไว้ จึงเท่ากับไม่คิดดอกเบี้ย)
เงินที่ผ่อนจ่ายไปนี้ จะนำหักออกจากเงินต้นของยอดฟ้องที่ 90,000.-บาท
หากลูกหนี้ผ่อนจ่ายแค่เดือนละ 2,000.-บาท ทุกงวดไปเรื่อยๆ เมื่อถึงงวดที่ 23 จะเท่ากับจำนวนเงิน

2,000 บาท x 23 งวด = 46,000.-บาท

ตามในสัญญา กำหนดให้ต้องจ่ายเพียงแค่ 24 งวดเท่านั้น เจ้าหนี้จึงจะไม่คิดดอกเบี้ย
หากลูกหนี้ผ่อนจ่ายแค่เดือนละ 2,000.-บาท โดยจ่ายมาแล้วเป็นจำนวน 23 งวด ซึ่งก็คือเป็นเงินจำนวน = 46,000.-บาท
ดังนั้นงวดที่ 24 (ซึ่งเป็นเงินงวดสุดท้าย) ลูกหนี้จะต้องไปหาเงินมาโปะจ่ายส่วนต่างที่เหลืออีก 44,000.-บาทมาโปะให้ได้ จึงจะครบตามยอดของเงินต้นที่ฟ้อง 90,000.-บาท...โดยไม่คิดดอกเบี้ย

haswave เขียน: ข้อ 2.หากจำเลยผิดนัดชำระหนี้แก่โจทก์ตามข้อ1งวดหนึ่งงวดใด ให้ถือว่าผิดนัดชำระหนี้ที่ค้างทั้งหมด และยินยอมให้โจทก์บังคับคดีทันทีในยอดเงินที่ค้างเมื่อได้หักออกจากยอดเงินที่ได้ชำระมาแล้ว และยินยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยเอากับจำเลยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของเงินต้นที่ค้างชำระ แต่ไม่เกินเงินต้นตามคำฟ้อง (66243.63บาท)ตั้งแต่วันผิดนัดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระหนี้ให้เสร็จสิ้น

ความหมายก็คือ : ถ้าหากลูกหนี้ผิดนัดสัญญา ไม่ว่าในงวดใดก็ตาม ให้ถือว่าลูกหนี้ยินยอมให้เจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยได้ทันที โดยให้คิดดอกเบี้ยจากเงินต้นที่เหลืออยู่จริง ณ.ขณะนั้น ในอัตรา 15% ต่อปี
และดอกเบี้ยจะเดินไปเรื่อยๆ จนกว่าลูกหนี้จะจ่ายหนี้หมด หรือจนกว่าจะบังคับคดี(อายัดทรัพย์/เงินเดือน)มาใช้หนี้จนหมด

ตัวอย่างเช่น

ลูกหนี้ผ่อนจ่ายแค่เดือนละ 2,000.-บาท ทุกงวดไปเรื่อยๆ จนถึงงวดที่ 23

พอมาถึงงวดที่ 24(งวดสุดท้ายแล้ว ของการไม่คิดดอกเบี้ย) ลูกหนี้ก็ยังคงจ่ายแค่ 2,000.-บาท เหมือนเดิม

สรุปว่า...ลูกหนี้ผ่อนจ่ายหนี้ไปทั้งหมด ในระยะเวลาที่"ปลอดดอกเบี้ย" = 2,000 บาท x 24 งวด = 48,000.-บาท

ดังนั้นจึงมีหนี้คงเหลืออยู่อีก = 90,000(เงินต้น) - 48,000(จ่ายไปแล้ว) = 42,000.-บาท(หนี้ที่ยังเหลืออยู่)

เจ้าหนี้ก็จะเอาหนี้ที่ยังเหลืออยู่ จำนวน 42,000.-บาท นี่แหละ ไปคิดดอกเบี้ยในอัตรา 15% ไปเรื่อยๆ...จนกว่าจะหมดหนี้

(หนี้ที่ต้องจ่ายหลังจากนี้ก็คือ = 42,000 + ดอกเบี้ย15%ต่อปีของ 42,000 โดยคิดดอกเบี้ยในอัตรา ลดต้น-ลดดอก)

หากลูกหนี้อยากจะขอผ่อนต่อไปอีก ซึ่งก็คืองวดละ 2,000.-บาทเหมือนเดิมก็ได้ แต่เจ้าหนี้จะขอคิดดอกเบี้ย 15% จากหนี้ที่ยังเหลืออยู่

เพราะสัญญา(โปรโมชั่น)ที่ไม่คิดดอกเบี้ย ได้หมดลงแล้ว...อยากจะผ่อนต่อไปก็เชิญ แต่คราวนี้จะขอคิดดอกเบี้ยร้อยละ 15 แล้วนะ

haswave เขียน: ข้อ3.ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนที่ศาลไม่สั่งคืนให้ตกเป็นพับ

ความหมายก็คือ : ไม่คิดค่า ฤชาธรมเนียมศาลและค่าทนายโจทก์ (ไม่ต้องจ่าย)

haswave เขียน: ข้อ4.โจทก์และจำเลยยินยอมตกลงกันตามข้อ1.ถึงข้อ3.และไม่ติดใจเรียกร้องสิ่งอื่นใดต่อกันอีก

ความหมายก็คือ : ทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ พอใจในสัญญาตาม ข้อ 1. ถึง ข้อ 3. โดยไม่เรียกร้องอะไรเพิ่มเติมอีก

haswave เขียน: ผมส่งทุกงวด งวดละ 2000 พันบาทครับ

ทราบแล้วครับ

haswave เขียน: จะครบกำหนดในวันที่ 3 กพ.56 ขาดอีก 44000
ยังหาไม่ได้ จะถูกบังคับคดีไหมครับ

คุณก็"ทำหน้ามึน"ส่งต่อไปเรื่อยๆสิครับ...หากเกิน 24 งวดไปแล้ว มันก็จะมีดอกเบี้ยเดินตามตูดคุณอีก15% จากยอดหนี้ที่คงเหลือ(สี่หมื่นกว่าบาท)นั่นแหละครับ
ถ้าหากคุณยัง"ทำหน้ามึน"ส่งแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เจ้าหนี้มันก็ไม่บังคับคดีหรอกครับ

"ทำหน้ามึน"(ไม่รู้ไม่ชี้)ส่งต่อไปเรื่อยๆ...อีกประมาณ 2 ปีก็หมดหนี้แล้ว

ขอบคุณครับ...