โดน ktc ฟ้องค่ะ ต้องไปไกล่เกลี่ย 2 ก.พ. 55 นี้ ช้าไปมั้ย?

ดิฉันก็เป็นคนหนึ่งที่โดนฟ้องรับปีมังกรทองเลยค่ะ ของ KTC ฟ้องรวม 2 ใบค่ะ หลังจากหยุดส่งเกือบสองปี โทรมานานๆ ครั้ง ยอดรวม 2 ใบ อยู่ที่ 116,726 บาท เงินต้นอยู่ที่
1. บัตรเครดิต 34,305.61 บาท
2. บัตรกดเงินสด 45,989.60 บาท
รวมสองใบเงินต้นอยู่ที่ 80,295.21 บาท อาทิตย์ก่อนมีเจ้าหน้าที่โทรมาให้ปิดอยู่ที่ 82,000 บาทถ้วน หรือไม่ก็ผ่อน 3 งวด เลือกเอา ต่อรองอะไรก็ไม่ให้ บอกอย่างเดียวให้ไปคุยกะทนายที่ศาลเอง วันที่ 2 ก.พ. 55 ขนาดบอกเหตุผลว่าตอนนี้ตกงาน ไม่มีงานทำ และยังต้องดูแลลูกชายที่เป็นออทิสติกอีก จะให้เขียนจดหมายแจ้งไปที่ธนาคาร ดิฉันก็ยินดีทำ แต่ทางเจ้าหน้าที่ ไม่มีข้อแนะนำใดๆ เลย สามีบอกให้รับข้อเสนอเค้าผ่อนที่ 3 งวด จะได้ไม่ต้องไปศาล แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะหาเงินผ่อนเค้าไหวมั้ย ทำให้ดิฉันเป็นกังวล เพราะถ้าเรารับขอเสนอเค้าแล้ว ไม่สามารถจ่ายเค้าได้ ดิฉันคิดว่าปัญหามันจะหนักว่าอีก จากที่ได้อ่านกระทู้เก่าๆ ส่วนลดเค้าน่าจะให้ได้เยอะกว่านี้ เพราะเงินต้นที่ 80,000 บาท ก็น่าจะปิดได้ที่ 40,000 บาท แต่ดิฉันจะได้เงินก้อนนี้เดือนกุมภาพันธ์ 55 ซึ่งก็เลยวันที่ต้องไปไกล่เกลี่ยที่ศาล ทำให้ไม่มีน้ำหนักในการต่อรองกะเค้าค่ะ ไม่ทราบว่า ดิฉันควรทำอย่างไรดี

เมื่อมีคำพิพากษาแล้ว ขั้นตอนนี้คงเป็นช่องทางที่ลูกหนี้จะเลือกจ่ายหนี้ด้วยวิธีใด ซึ่งก็จะมีความแตกต่างกันบ้างตามรายละเอียดของลูกหนี้และทรัพย์สินของลูกหนี้
1.กรณีลูกหนี้มีเงินเดือนสูง ควรจะเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอส่วนลดและปิดบัญชี เนื่องจากถ้าลูกหนี้ยอมให้เจ้าหนี้อายัดเงินเดือน ก็จะเป็นเงินจำนวนที่สูง เพราะเจ้าหนี้จะสามารถอายัดเงินเดือนได้ 30% จากเงินเดือน
2.กรณีลูกหนี้มีทรัพย์สินจำนวนมาก ลูกหนี้ควรจะเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอส่วนลดและปิดบัญชี เพราะถ้าไม่ดำเนินการตามนั้น เจ้าหน้าที่ก็จะบังคับคดีจากทรัพย์สิน โดยทำการยึดทรัพย์และขายทอดตลาด
3.กรณีลูกหนี้ไม่มีเงินเดือนและไม่มีทรัพย์สิน ตรงนี้ลูกหนี้ก็จะได้รับประโยชน์ในการเจรจา เพราะเมื่อเจ้าหนี้ไปสืบทรัพย์แล้วพบว่าลูกหนี้ไม่มีเงินเดือนและทรัพย์สินอื่นๆ คาดว่าน่าจะเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้แล้ว การเจรจาขอส่วนลดและปิดบัญชี เจ้าหนี้น่าจะได้ประโยชน์มากกว่า ซึ่งการเจรจาในลักษณะนี้ อาจจะสามารถลดหนี้ได้มากกว่า 50% ส่วนถ้าลูกหนี้ไม่ดำเนินการอะไรก็จะไม่ถูกบังคับคดีเนื่องจากไม่มีทรัพย์สินใดๆ ให้ยึด แต่จะมีติดเพียงประวัติในเครดิตบูโร หรือที่เรียกว่า black list เท่านั้น

อย่าเพิ่งตืนตระหนกครับ ทำตามคำแนะนำที่ทั้งสองท่านแนะนำนะครับ

ขอบคุณค่ะ อยากไปเหมือนกัน แต่ดิฉันต้องดูแลลูกสองคนซึ่งอยู่ในวัยกำลังซน ส่วนสามีนั้น ก็ต้องไปทำงานพิเศษนอกจากงานประจำและอยู่ต่างจังหวัด ยังคิดอยู่ว่าจะฝากลูกให้ใครช่วยดูดี เกรงว่าถ้าพาไปด้วย จะไปป่วนที่งานแน่นอนค่ะ ยิ่งคนเล็กเป็นออทิสติก เค้าจะไม่นิ่ง ควบคุมยาก ถ้าเจอสถานที่แปลกๆ คนที่จะรับฝาก ไม่ค่อยมีใครกล้ารับค่ะ

lek lucky เขียน: ขอบคุณค่ะ อยากไปเหมือนกัน แต่ดิฉันต้องดูแลลูกสองคนซึ่งอยู่ในวัยกำลังซน ส่วนสามีนั้น ก็ต้องไปทำงานพิเศษนอกจากงานประจำและอยู่ต่างจังหวัด ยังคิดอยู่ว่าจะฝากลูกให้ใครช่วยดูดี เกรงว่าถ้าพาไปด้วย จะไปป่วนที่งานแน่นอนค่ะ ยิ่งคนเล็กเป็นออทิสติก เค้าจะไม่นิ่ง ควบคุมยาก ถ้าเจอสถานที่แปลกๆ คนที่จะรับฝาก ไม่ค่อยมีใครกล้ารับค่ะ

ถ้าอย่างนั้นก็ดูที่คุณ chaowalert แนะนำนะคะ ข้อแรกตัดไปได้เลยเพราะคุณตกงาน

2.กรณีลูกหนี้มีทรัพย์สินจำนวนมาก ลูกหนี้ควรจะเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอส่วนลดและปิดบัญชี เพราะถ้าไม่ดำเนินการตามนั้น เจ้าหน้าที่ก็จะบังคับคดีจากทรัพย์สิน โดยทำการยึดทรัพย์และขายทอดตลาด
3.กรณีลูกหนี้ไม่มีเงินเดือนและไม่มีทรัพย์สิน ตรงนี้ลูกหนี้ก็จะได้รับประโยชน์ในการเจรจา เพราะเมื่อเจ้าหนี้ไปสืบทรัพย์แล้วพบว่าลูกหนี้ไม่มีเงินเดือนและทรัพย์สินอื่นๆ คาดว่าน่าจะเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้แล้ว การเจรจาขอส่วนลดและปิดบัญชี เจ้าหนี้น่าจะได้ประโยชน์มากกว่า ซึ่งการเจรจาในลักษณะนี้ อาจจะสามารถลดหนี้ได้มากกว่า 50% ส่วนถ้าลูกหนี้ไม่ดำเนินการอะไรก็จะไม่ถูกบังคับคดีเนื่องจากไม่มีทรัพย์สินใดๆ ให้ยึด แต่จะมีติดเพียงประวัติในเครดิตบูโร หรือที่เรียกว่า black list เท่านั้น

ขอบคุณทุกท่านนะคะ อุ่นใจขึ้นเยอะเลย ค่อยสบายใจ นอนหลับลง หน่อยค่ะ และจะปฏิบัติตามคำแนะนำของทุกท่านเลยค่ะ

lek lucky เขียน: ตอนนี้ตกงาน ไม่มีงานทำ ดิฉันควรทำอย่างไรดี

ไม่มีรายได้(ที่เป็นเงินเดือน)

แล้วคุณมีทรัพย์สินอื่นๆ ที่มีชื่อของคุณเป็นเจ้าของหรือเปล่า?

ถ้ายืนยันว่า...ไม่มีเงินเดือนประจำ และไม่มีทรัพย์สินใดๆที่เป็นชื่อของตัวเองเลย
ก็ให้เข้าไปอ่านในนี้
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=3152&Itemid=29

www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=2&id=16845

www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=2&id=15871

www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&id=22165&catid=2&limit=6

ตอนนี้ตกงาน ไม่มีงานทำ โชคร้ายของเจ้าหนี้

เข้ามาเสริมที่ว่า เงินต้น 8 หมื่น จะขอจ่าย 4หมื่น สำหรับ เจ้านี้
ใช้เวลาค่ะ อย่าคิดเข้าข้างตัวเองว่า การต่อรองจะใช้ตัวเลขยอด
ตอนคุณหยุด เมื่อถึงวันที่คุณพร้อมจ่าย มีเงินก้อน แล้วไปเจรจา
กับเขา เขาจะใช้ยอด ณ วันนั้นมาต่อรองค่ะ เช่น

ยอดฟ้องคุณ 1 แสน ไม่ไปศาล ท่านก็พิพากษาตามฟ้อง คือ
โจทก์เสนอมาเท่าไร ก็ต้องจ่ายตามนั้นรวมดอกเบี้ยค่ะ

อีก 6 เดือนต่อมา คุณอาจมีงานทำ มีเงินเก็บ พอมีงานทำ เข้า
ระบบจ่ายผ่านแบงค์ เขาอาจมาอายัดเงินเดือนคุณได้ ถ้าเกิน
10000 บาทค่ะ แต่หากมีเงินในมือ ยอดที่จะปิดอาจจะประมาณ
120000 บาทก็ได้ค่ะ เพราะเวลาพิพากษามาดอกเบี้ย
จะคำนวณย้อนหลังด้วยค่ะ (ประมาณการนะค่ะ) คุณก็ต้องมีเงิน
ประมาณ 60000-70000 บาท เพื่อปิดทีเดียวค่ะ ถ้าอยากได้
ส่วนลดมากๆๆ แต่เจ้านี้ มีระบบให้ผ่อนมากสุด 36งวดค่ะ ลอง
เก็บข้อมูลไว้คิดนะค่ะ แต่ตอนนี้ก็เก็บเงิน เลี้ยงลูก หางานทำให้
ได้ก่อนนะค่ะ

อ้อ ไม่มีเงินเดือน ไม่มีทรัพย์สินเป็นเจ้าของ แล้วบัญชีเงินฝาก
ก็ต้องไม่มีนะค่ะ

ตอนนี้ เคทีซี เค้ามีนโยบาย ให้ลูกหนี้อย่างเราผ่อนแบบสบายๆ ค่ะ แต่ต้องชำระให้หมด

ภายใน 36 งวด ค่ะ benzbeam โดยฟ้อง 2 บัตร ทุนทรัพย์ 138xxx ขอปิด 70000 ไม่ให้

แต่จะให้ปิดที่ต้นเงิน 92000 บาท benzbeam ก็เลยสนใจนโยบายนี้ค่ะ จ่ายสบายๆ เดือนละ

2500 35 งวด งวดที่ 36 ค่อยจ่ายหมด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น กะว่าผ่อนไปสักพัก ถ้าคุยขอส่วนลด

ได้ตัวเลขที่ดีกว่านี้ ก็จะปิดให้หมดค่ะ เงินก้อนอยู่กับตัวยังงัยก็สบายค่ะ

เอาใจช่วยนะค่ะ สู้...สู้...สู้ เท่านั้นจึงจะชนะค่ะ

ดีจังเลยครับ ผมก็จะต้องไปศาลของ KTC วันที่ 21/2/12 โดนฟ้องรวมเหมือนกันครับ ยอด สองแสน นิด ๆ ครับแต่เขาเคยมีมาให้ปิดที่เงินต้น 160000 แต่เก็บเงินไม่ทันเพิ่งเริ่มงานใหม่ยังไม่ถึงปีด้วยครับ แต่ถ้าเขามีโปรแบบนี้ก็ดีเลยครับเพราะผมก็อ่านกระทู้และศึกษามาเยอะ ก็คิดว่าจะผ่อนเป็นขั้นบันไดไป แต่ถ้าให้ 36 งวดแบบบนี้ ก็เข้าทางผมเลยครับ เพราะระหว่าง 3 ปี ก็รอโบนัส หรือไม่ ก็ H/C ปิดเลย ครับ ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูล สู้ ๆ และให้กำลังใจทุกคนนะครับ

kaewja


ตอนนี้ตกงาน ไม่มีงานทำโชคร้ายของเจ้าหนี้

ค่ะ คุณ kaewja แถมเงินในบัญชีก็มีไม่ถึงพันบาทในแต่ละบัญชีค่ะ และขอบคุณ คุณ chaowalert และคุณ anakin สำหรับคำแนะนำดีๆ เพื่อที่จะได้ตั้งสติคิด และไตร่ตรองให้รอบคอบ ก่อนที่จะสติแตกไปกับหมายศาล และที่ต้องขอบคุณอีกท่านคือ คุณนกกระจอกเทศ ที่เสียสละเวลาในการให้คำแนะนำดีๆ เด็ดๆ ซึ่งหาไม่ได้จากที่ไหนแล้ว

ของข้าพเจ้าศาลท่านก็นัดไกลเกลี่ยวันที่ 2/2/55 เหมือนกัน ยอดสองบัตรรวมกันก็ประมาณ สองแสนต้นๆ
แต่ข้าพเจ้ามีเงินเดือน ประมาณ 20,000 บาท ถ้าKtc มีโปรให้ผ่อน 36 งวด ทำไมเค้าไม่เสนอเราตั้งแต่ต้น
เพราะเมื่อ 27/1/55 โทรมาให้ปิดที่ยอดสองแสน ไม่มีการผ่อนจ่าย ก็เลยไม่ทราบว่า ตั้งหลังจากศาลท่าน
พิพากษาแล้วใช่ใหม คุณ benzbeam เริ่มต้นจ่ายแล้วหรือยัง
ขอความเห็นด้วยค่ะ

ของผมศาลท่านก็นัดไกลเกลี่ยวันเสาร์ที่ 4/2/55 เหมือนกัน ยอดสองบัตรรวมกันก็ประมาณ สองแสน ใกล้เคียงคุณsonmong เลยครับ

ตอบคุณ sonmong ค่ะ

ขอโทษทีค่ะ พอดีไม่ได้เข้าเวปหลายวัน benzbeam เริ่มจ่ายเคทีซี

งวดแรก วันที่ 1 มี.ค. 55 ค่ะ สำหรับเคสนี้กว่าทนายเคทีซีเสนอก็คือไปศาลรอบสองค่ะ

รอบแรกไปเมื่อ 24 ก.ย. 54 เป็นนัดแรกค่ะ ยื่นคำให้การสู้คดี นัดแรกยังเสนอแบบผ่อน

แต่คิดดอกเบี้ยอยู่เลยค่ะ มารอบสองเมื่อวันที่ 25 ม.ค. ที่ผ่านมา ทนายแจ้งว่าเป็น

นโยบายใหม่สำหรับปีนี้ค่ะ แต่ทั้งนี้ ทนายผู้นี้เป็นทนายของเคทีซีโดยตรงค่ะ

benzbeam เขียน: ตอบคุณ sonmong ค่ะ

ขอโทษทีค่ะ พอดีไม่ได้เข้าเวปหลายวัน benzbeam เริ่มจ่ายเคทีซี

งวดแรก วันที่ 1 มี.ค. 55 ค่ะ สำหรับเคสนี้กว่าทนายเคทีซีเสนอก็คือไปศาลรอบสองค่ะ

รอบแรกไปเมื่อ 24 ก.ย. 54 เป็นนัดแรกค่ะ ยื่นคำให้การสู้คดี นัดแรกยังเสนอแบบผ่อน

แต่คิดดอกเบี้ยอยู่เลยค่ะ มารอบสองเมื่อวันที่ 25 ม.ค. ที่ผ่านมา ทนายแจ้งว่าเป็น

นโยบายใหม่สำหรับปีนี้ค่ะ แต่ทั้งนี้ ทนายผู้นี้เป็นทนายของเคทีซีโดยตรงค่ะ

ขอตอบเพิ่มค่ะ นัดสองเป็นนัดไกล่เกลี่ยค่ะ ยังไม่ได้มีการพิพากษาแต่อย่างใด

คุณsonmong ของข้าพเจ้าศาลท่านก็นัดไกลเกลี่ยวันที่ 2/2/55 เหมือนกัน ยอดสองบัตรรวมกันก็ประมาณ สองแสนต้นๆ
ไม่ทราบว่าไปศาลมาหรือยังคะ และศาลจ.ไหนคะ

วันนี้ครบกำหนดถึงวันนัดไปไกล่เกลี่ยที่ศาลแขวงนนทบุรี ค่ะ เลยอยากเอาประสบการณ์มาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้อ่านค่ะ เผื่อจะเป็นประโยชน์ และไม่ตื่นตระหนก กลัวเหมือนที่ดิฉันกลัวก่อนหน้านี้
ศาลนัด 9.00 น. ไปตรงเวลาเป๊ะคะไปดูบอร์ดหน้าศาล ว่ามีชื่อเรามั้ย อยู่ห้องพิพาทษาห้องไหน หรือถ้าตื่นเต้นประหม่าจัด ก็เดินไปหาเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ที่ศาลให้เค้าเช็คจากคอมพิวเตอร์ให้ได้เลยค่ะ
ห้องพิพากษา 6 คนมารอกัน 7-8 คน แล้วที่เหลือก็จะเป็นเสมียนหน้าศาล กะ ทนายฝ่ายโจทย์ของเจ้าหนี้ต่างๆ แต่ทุกคนดูวุ่นวายกันมากค่ะ
ดิฉันไปถึงก็เดินไปแจ้งเสมียนว่ามาแล้วค่ะ เป็นของกรุงไทย
เสมียน : (มองหน้านิดหนึ่ง ดูเอกสารที่มือเรา) กรุงไทยเหรอคะ พี่ไปนั่งรอแป๊บหนึ่งนะ (สายตามองกวาดไปทั่วห้อง เหมือนหาอะไร)
ดิฉัน : ค่ะ (เดินไปนั่งรอ ด้วยความงงๆ แต่ก็จ้องมองเค้าตลอดเพราะกลัวเค้าจะลืมค่ะ)
หันไปมองคนข้างเคียง ก็ถามเค้าว่ามีของอะไรอีกคนมาของอีซี่บาย อีกคนมาของกรุงไทยเหมือนกัน
สบายใจ มีคนเหมือนเรา ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดไว้นะ ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย ดูเวลา 9.35 น. เอ๊ะมันยังงัยกันนะไม่เรียกเราซักที ก็เดินไปหาเสมียนอีก ถามย้ำว่าเมื่อกี้ที่ให้ไปนั่งรอ ไม่ทราบว่าทนายกรุงไทยคนไหนคะ
เสมียน : มองหน้า หันไปทั่วห้องอีก อ้อ นี่งัยคนนี้
ทนาย : ครับ..ครับ.. รอแป๊บนะครับพี่ (เดินกระหืดกระหอบ พร้อมหอบเอกสารมาเป็นกองเลย แต่หน้าเด็กมากๆ พร้อมทั้งรื้อๆ หาเอกสารเดินมาหาดิฉัน)
ทนาย : ครับ พี่ได้คุยกะทางฝ่ายเร่งรัดของแบงก์บ้างหรือยังครับ
ดิฉัน : เคยคุยค่ะ แต่นานแล้วนะเกือบเดือน
ทนาย : แล้วเป็นอย่างไงครับ สรุปเป็นแบบไหน แล้ววันนี้พี่จะเอาอย่างไรครับ
ดิฉัน : พี่จะมาขอเลื่อนพิจารณาค่ะ
ทนาย : เลื่อน? เผื่อ?
ดิฉัน : ก็อยากจะปิดบัญชีค่ะ แต่ตอนนี้หาเงินได้ยังไม่พอเคยคุยแล้วแบงก์เสนอให้ปิดยอดที่ 82,000 บาท
ให้จ่ายแค่ 3 งวด พี่เห็นว่ามันมากไปสำหรับคนไม่ได้ทำงานอย่างพี่ ขอผ่อนยาวๆ กว่านี้แบงก์ก็ไม่ยอม
ทนาย : ครับ พี่ต้องการจะปิดใช่มั้ยครับ
ดิฉัน : ค่ะ แต่อยากให้ลดให้อีกหน่อยค่ะ
ทนาย : คงจะยากนะครับพี่ ที่ทางแบงก์จะลดเงินต้นให้มากกว่านี้ ผมว่าพี่ยอมความเลยดีกว่าครับ
แล้วค่อยไปเคลียร์กะแบงก์อีกทีว่าจะผ่อนแบบไหน
ดิฉัน : ???? (อีกแล้ว จะให้ยอมความท่าเดียวเลย) ทำไมหละ พี่ยังไม่ยอมความ แต่จะเลื่อนค่ะ เผื่ออีกเลื่อนแล้วพี่หาเงินทันงัย จะได้ปิดให้ทันทีเลย
ทนาย : เอางั้นเหรอพี่ ครับ ได้ๆ ครับ เลื่อนไปเมื่อไหร่ดีครับ
ดิฉัน : เอานานที่สุดที่คุณจะช่วยพี่ได้นะค่ะ ซักสองเดือนก็จะดีหรือนานกว่านั้นจะดีมากค่ะ
ทนาย : ครับ ครับ เดี๋ยวผมดูให้ (เดินริ่วไปหาเสมียน แจ้งว่าคดีคุณ... ขอเลือนนะ) แล้วเดินมาบอกว่าพี่คงได้แค่สองเดือนนะครับ นัดอีกที 27 เม.ย. 55 นะครับ เวลาเดิม
ดิฉัน : เหรอคะ ก็ยังดีค่ะ
ทนาย : พี่จดเบอร์แบงก์ฝ่ายประนอมหนี้ไว้นะครับ เผื่อพี่ต้องการปิดบัญชีก่อนมาศาลครั้งหน้า (แล้วยื่นเอกสารหนึ่งแผ่น ให้เซ็นต์ชื่อ)
ดิฉัน : อ่านทุกตัวอักษร แล้วก็เซ็นต์ชื่อลงไป ในเอกสารแจ้งการเลื่อนการไกล่เกลี่ยไป
ทนาย : เสร็จแล้วครับพี่ กลับบ้านได้แล้วครับ
ดิฉัน : หา?? เสร็จแล้วเหรอ ทำไมมันเร็วจัง งง?
ทนาย : ครับเสร็จแล้วครับ
ดิฉัน : ขอสำเนาเอกสารที่เซ็นต์เมื่อกี้ได้มั้ยค่ะ จะเอาไปปิดไว้ที่ฝาบ้าน เพื่อเตือนสติ
ทนาย : (ทำหน้าเหวอ) เอาสำเนาใบเลื่อนด้วยเหรอ ครับได้ครับเดี๋ยวผมเอาให้ (เดินตรงรี่ไปหาเสมียน บอกให้สำเนาเอกสารให้อีก 1 ใบ พร้อมเดินมาให้) นี่ครับพี่
ดิฉัน : ขอบคุณมากนะคะ
ทนาย : ไม่เป็นไรครับ แล้วพี่อย่าลืมเบอร์ติดต่อที่ผมแจ้งไว้นะครับ เผื่อพี่หาเงินทัน จะได้ปิดบัญชีได้เลย พี่จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาเจอผมที่ศาลอีกในครั้งหน้า (ยิ้ม อย่างเป็นมิตร)
ดิฉัน : ค่ะ ขอบคุณค่ะ คุณทนาย

พึ่งจะรู้เหมือนกันว่าการไปศาล มันไม่น่ากลัวเลย อุตส่าห์กลัวมาเป็นเดือน นอนก็ไม่หลับ คิดมากเสียตั้งนาน แถมยังได้แนะนำ คนที่โดนคดีเหมือนเรา ให้เข้ามาอ่านข้อมูลในเว๊ปนี้ เผื่อจะได้เป็นประโยชน์สำหรับเค้าเพราะคนนั้นเค้าโดนฟ้องกรุงไทย ศาลนัดครั้งแรกวันที่ 2/2/55 ครั้งที่ 2 นัด 23/2/55 สั้นมากเลย
ถ้าดิฉันไม่ได้เข้ามาศึกษาหาข้อมูลในนี้ คงตื่นตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก

ปล. ต้องขอบคุณ น้องอนาคิน ที่ให้คำปรึกษาพร้อมทั้งให้กำลังใจเป็นอย่างดี ทำให้ดิฉันไม่วิตกไปมากกว่านี้ ยังไม่โทรไปคุยด้วย คงไม่ว่ากันนะคะ อยากแชร์ให้คนอื่นได้อ่านก่อนค่ะ เผื่อเค้าจะเจอทนายดีๆ แบบนี้บ้าง ไม่ใช่จะมีแต่ทนายโหดๆ อย่างเดียว และอีกท่าน
ต้องขอบคุณ พี่นกกระจอกเทศ อีกครั้งค่ะ ที่ให้ความรู้ความกระจ่าง ทั้งแบบธรรมะและอธรรม(ไม่รู้สะกดถูกมั้ย) ไว้จะโทรไปคุยอีกนะคะ

เป็นประโยชน์มากเลยค่ะคุณ lek lucky ขอบคุณนะคะ