เพิ่งตัดสินใจหยุดจ่ายบัตรกดเงินสด อยากได้คำแนะนำค่ะ

10 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #47738 โดย เคโระ
ได้รับจดหมายทวงหนี้จากกสิกรไทยให้จ่ายทันทีที่ค้าง 2 เดือน คราวหนี้หนังสือส่งไปที่บ้านที่ต่างจังหวัดเลย แม่โทรมาบอก ทำไมมันต้องส่งไปที่บ้านที่ต่าบัจังหวัด ในเมื่อมันส่งมาให้เราแบบเดียวกันที่ที่อยู่ปัจจุบันแล้ว หนังสือที่มันส่งมาลงวันที่ 8 พฤศจิกายน ถามผู้รู้ช่วยตอบด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #47758 โดย เคโระ
อยากถามผู้รู้ค่ะ ตอนนี้ก็คือหยุดจ่ายบัตรกดเงินสดทั้ง 3 ใบแล้ว ก็โดนโทรทวงและก็รับโทรศัพท์ทุกครั้งที่สะดวก และตอนนี้ผ่อนรถอยู่ อีกประมาณ 4 ปีกว่าก็จะหมด อยากทราบว่าการหยุดจ่ายบัตรกดเงินสดจะมีผลต่อการผ่อนรถรึป่าวค่ะ รถจัดไฟแนนซ์กับธนาคารทิสโก้ ผู้ที่รู้และมีข้อมูลหรือประสบการณ์ตอบด่วนค่ะ เครียดมาก ขอบคุณค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #47761 โดย jeab81
มันก็เพิ่มทุกวันอยู่แล้วคะ ช่างมันปล่อยมันไปก่อนคะเก็บเงินให้มากที่สุดเพื่อไว้ต่อรองเจรจาขอปิดดีกว่า

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #48077 โดย เคโระ
อยากสอบถามผู้รู้ค่ะ คือหลวมตัวไปเซ็นค้ำประกันรถมอเตอร์ไซต์ให้คนรู้จักด้วยความที่เชื่อใจ ไว้ใจเค้า แล้วคนนั้นเค้าก็หายไปแล้ว ไม่จ่าจค่างวด เราสามารถไปถอนค้ำประกันได้มั้ยค่ะ แล้วควรจะทำยังไงดี แค่หนี้บัตรกดเงินสดก็ยังไม่ได้เก็บสักบาทเพื่อรอทำแฮร์คัต ยังมีเรื่องค้ำประกันรถเข้ามาอีก ตอนนี้เครียดและกลุ้มใจมาก พี่สาวบอกว่าถ้าคนซื้อไม่จ่าย คนค้ำต้องรับผิดชอบจ่าย และถ้าเราไม่จ่ายอาจจะต้องขึ้นศาล ช่วยแนะนำทางออกทีคะ ตอนนี้เครียดจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว :cry2:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #48109 โดย เคโระ
โดนทั้งเฟิร์สช้อย ธนชาต กสิกรไทย กระหน่ำโททวงหนี้ เครียดมากๆๆๆๆเบย สติสตางค์ไปหมดแล้ว

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #48129 โดย tomyumkung
อดทนสัก 4-6 เดือนขึ้นไปครับ

เก็บเงินและหาความรู้ใส่ตัวไว้เยอะ ๆ พอ ครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #48144 โดย เคโระ
ขอบคุณค่ะ คุณ tomyumkung ที่ให้กำลังใจ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #48510 โดย เคโระ
ช่วยด้วยคะวันนี้โดนเฟิร์สช้อยโทรจิกด้วยการเสนอให้จ่ายเข้าไปก่อน1งวด พอบอกมันว่าไม่มีมันก็เสนอปรับโครงสร้างหนี้ดิฉันก็ปฎิเสธ มันก็ตื้อจะให้จ่ายให้ำด้หาว่าดิฉันเบี้ยว ดิฉันเลยบิกมันไปว่าถ้ามีเงินก้อนไปปิดขอส่วนลด50เปอเซ็น มันก็ไม่ให้ มันบอกว่าต้องตายเท่านั้นถึงจะได้ส่วนลด อึ้งเลยคะ แรงมาก ดิฉันเครียดมากควรทำไงดีคะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #48512 โดย zeezawzeen
ด่ามันคืนไม่เลยซิคะ ก็บอกให้มันไปตายก่อนซิดิฉันถึงจะตายตาม

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #48520 โดย jackTs

เคโระ เขียน: ช่วยด้วยคะวันนี้โดนเฟิร์สช้อยโทรจิกด้วยการเสนอให้จ่ายเข้าไปก่อน1งวด พอบอกมันว่าไม่มีมันก็เสนอปรับโครงสร้างหนี้ดิฉันก็ปฎิเสธ มันก็ตื้อจะให้จ่ายให้ำด้หาว่าดิฉันเบี้ยว ดิฉันเลยบิกมันไปว่าถ้ามีเงินก้อนไปปิดขอส่วนลด50เปอเซ็น มันก็ไม่ให้ มันบอกว่าต้องตายเท่านั้นถึงจะได้ส่วนลด อึ้งเลยคะ แรงมาก ดิฉันเครียดมากควรทำไงดีคะ


ก็ตอบมันกลับไปสิครับว่า

"ยินดีที่จะคืนหนี้ทั้งหมดให้ในอัตรา"เต็มจำนวน"(โดยไม่มีส่วนลดเลยก็ได้)...ถ้าหากอีหมาทวงหนี้มันตายซะก่อน จะรีบคืนหนี้ที่มีอยู่ทั้งหมดให้ทันที"

อีกหนึ่ง...ใน"มุขขำๆ" ที่เอาไว้ใช้โต้ตอบกับไอ้พวกทวงหนี้
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=1301&Itemid=64

.
อนณสุข ปรมาลาภา

ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #48704 โดย เคโระ
ช่วยด้วยค่ะ โดนรุกหนักทั้งบัตรกดเงินสดกสิกร บัตรกดเงินสดธนชาต และบัตรเฟิร์สช้อย กสิการมันส่งข้อความให้ชำระยอด 21,915.26 บาททันที เพื่อเลี่ยงการถูกดำเนินคดี จะทำไงดีค่ะ วิตกมาก และอยากทราบว่า ช่วงที่เราหยุดจ่าย ทั้งสามบัตร ทำไมเงินต้น+ดอกเบี้ยมันเพิ่มขึ้นค่ะ ถ้าเราหยุดจ่ายมันก็จะคิดดอกเราหราค่ะ เครียดมากเลยตอนนี้ ช่วยด้วยค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #48707 โดย Ploylyly
ช่วงแรกๆของการหยุดจ่าย ก็โดนโทรจิกอย่างนี้ทุกคนครับ ต้องตั้งสติ สะดวกรับก็รับ ไม่สะดวกก็ไม่ต้องรับ ปิดเสียงใช้ระบบสั่นแทน เราหยุดจ่าย เราดื้อไม่จ่ายเค้า ทางเจ้าหนี้ต้องไปฟ้องร้องต่อศาลครับ เป็นเรื่องธรรมดา แต่ละที่มีกระบวนการฟ้องร้องช้าเร็วไม่เหมือนกัน อย่างเร็วสุดคือ 6 เดือน ซิตี้แบ้งค์กับยูโอบี นอกนั้นก็ประมาณ 1 ปีครับ

ตัวอย่างเทคนิคการรับมือพวกทวงหนี้โทรอยู่นั้นหล่ะ

ผมเพิ่งโดนมาอย่างที่คุณโดนเมื่อวันที่ 8-9 พ.ย. 48 ที่ผ่านมานี่เองครับ ทวงหนี้มาจากบัตรเครดิตวีซ่า โลตัส ผมเป็นหนี้อยู่ 11,250 บาท ไม่ได้ชำระมาประมาณเกือบปีแล้ว เพราะว่าชำระให้รายอื่นและหักเหลือแล้วต้องดำรงชีพ
คนที่โทรมา ชื่อ อนันต์ จาก สำนัก..(จำไม่ได้) แต่เป็นคนใต้ โทรมาปุ๊ปเปิดฉากกับผมเลย
"คุณ .. เมื่อไหร่จะชำระเข้ามาค่าบัตรโลตัส คุณค้างชำระนานแล้วนะ"
ผมจะตั้งสติทุกครั้ง ( ผมขอแนะนำให้ทุกคนเลย ) พูดช้า ๆ และยิ้มไปด้วยเลยว่า
"สักครู่นะครับ ..ติดงานประมาณ1-2นาที ถือสายรอหน่อยครับ"
แล้วผมก็จะถือโทรศัพท์ (ถือจริงๆนะครับ ไม่เอามาแนบหู)
ไปนั่งคุยที่เงียบและไม่มีคนเลย เพราะจะได้พูดแบบเต็มเสียง จำเอาไว้ว่า ต้องพูดกับคนทวงหนี้ด้วยโทนเสียงต่ำ อย่าใช้โทนสูงครับ เพราะว่ามันจะทำให้สติเราหายไปกับคำด่าทอ
เมื่อพร้อม ผมจะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ยิ้มให้กับตัวเอง แล้วก็ยกโทรศัพท์ถามว่า
"สวัสดีครับ ไม่ทราบจากคุณอะไรครับ"
"ผม อนันต์ครับ ติดต่อเรื่องบัตรเครดิตโลตัส ... (แล้วเขาก็จะพล่ามคำประชด เสียดสี เพื่อกระตุ้นอารมณ์ ต่างๆ นานา)"
"จากสำนักงานไหนครับ และขอเบอร์โทรกลับด้วยครับ"
"จาก สำนักทนายความ .. ส่วนเบอร์ติดต่อผมเบอร์นี้ได้"
เสียงเขาจะเริ่มอ่อยลง เมื่อถูกเราถามว่า โทรมาจากสำนักงานทนายความไหนและขอเบอร์โทรกลับด้วย
ผมจะตอบไปอีกว่า
"ขอเบอร์ที่สำนักงานครับ เดี่ยวผมจะโทรกลับไป แล้วคุยกันเรื่องรายละเอียด"
เท่านี้แหละครับ .. จบ เสียงอ่อยและพูดดีเลย
........................................................................
แต่ยังมีกรณีที่ 2 ครับ
คือ อีกครั้งหนึ่งหลังจากที่เขาเจรจากับผมไม่สำเร็จ เขาโทร.มาอีก ผมก็รับสาย เขาบอกว่า
" คุณ... ผมไม่คุยรายละเอียดมากแล้วนะ เอาเป็นว่า ผมจะดำเนินการส่งเรื่องเข้าศาล เพื่อฟ้องและทำหนังสืออายัดเงินเดือนของคุณทันที "
ผมหัวเราะแล้วตอบว่า
" คุณทำอย่างนั้นไม่ได้ ผมจะฟ้องกลับเพราะว่า คุณล่วงละเมิดอำนาจศาล คุณอ้างอำนาจศาลเพื่อข่มขู่ผม คุณบอกว่าจะทำหนังสืออายัดเงินเดือน คุณก็ทำสิ ผมจะได้เป็นหลักฐานไปฟ้องคุณกลับ "
เขาตอบว่า พร้อมกับหัวเราะ
"คุณ.. ผมได้ ชื่อ ผู้จัดการฝ่ายบุคคลมาแล้วนะ ชื่อ คุณ ... (โอ้ จอร์จ ถูกต้องเลยแหละ) ผมจะขอเข้าพบ ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเพื่อขออายัดเงินเดือน"
ผมตอบกลับทันควัน
"คุณทำผิดกฏหมายชัดเจน 1. คุณเปิดเผยข้อมูลของลูกหนี้ให้กับบุคคลลอื่น เพราะสัญญากู้เงินเป็นเรื่องของเจ้าหนี้กับลูกหนี้ คุณนำข้อมูลไปเปิดเผยในที่สาธารณะ ผมฟ้องคุณได้ทันที 2. คุณล่วงละเมิอออำนาจศาล คุณอ้างอำนาจศาลมาอายัดเงินเดือน 3. หนังสือจากรมบังคับคดีเท่านั้นที่จะอายัดเงินเดือนผมได้ 4. คุณบุกรุกสถานที่ส่วนบุคคล โดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะธุระที่คุณมาติดต่อ เป็นเรื่องของผม ไม่ใช่เรื่องของผู้จัดการฝ่ายบุคคล ผมแจ้งขอหาคุณได้ทันที ข้อหาบุกรุก ทำการข่มขู่ ผู้อื่นด้วยวาจา ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียต่อหน้าสาธารณชนด้วยข้อมูลอันเป็นความลับที่เปิดเผยในที่สาธารณะ .. ผมฟ้องคุณทุกข้อหาทันที ..."

ตู๊ด ๆ ๆ ๆ .. แล้วสายก็หลุดไปทันทีครับ


ส่วนเรื่องหยุดจ่ายแล้วดอกเบี้ยก็เดินปกติครับ แต่ไม่ต้องตกใจ ตอนแฮร์คัทก็สามารถต่อรองได้

โชคดีครับ


ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #48709 โดย เคโระ
ขอบคุณคุณ GOKU มากๆค่ะ มีกำลังใจขึ้นเยอะเลย นี่ก็หยุดทั้ง 3 ใบ มาประมาณ 3-4 เดือนแระ วันนี้ที่กสิกรโทรมา เค้าเสนอปรับโครงสร้างหนี้ ดิฉันปฏิเสธ แต่บอกไปว่าจะขอทำแฮร์คัต มันก็ขอบคุณแล้ววางสายไปเลย เลยอยากทราบน่ะค่ะว่า กสิกรไทย ธนชาต เฟิร์สช้อย แต่ละบัตรมีระยะเวลาเท่าไหร่ เราถึงจะขอเก็บเงินทำแฮร์คัตได้ ขอบคุณค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #48716 โดย tomyumkung
ปกติผมจะไม่ตำหนิใครง่ายๆนะครับ

แต่ขอตำหนิคุณ จขกท นี้ นิดนึงตรงที่มีหลายท่านมาช่วยตอบและชี้แนะแล้วรวมทั้งท่านประธาน

นกกระจอกเทศ

แต่ก็ยังถามคำถามพื้นฐานอยู่เลยหน่ะครับ

ตัวผมก็ไม่รู้ทะลุปรุโปร่งทุกเรื่อง

แต่คุณก็ต้องขยันอ่านและทำความเข้าใจด้วยตัวเองด้วยนะครับ

เพราะไม่มีใครจะช่วยคุณได้นอกจากตัวคุณเองครับ

ขออภัย ถ้า จขกท จะเคืองผม ผมหวังดีครับ


นี่ซ้ำกับที่ท่านประธานแปะไว้ให้อ่านแล้วนะครับ



"นิยาม" ของคำว่า Hair-cut

Hair-cut ก็คือการจ่ายชำระมูลหนี้ ที่มีการค้างชำระกันไว้ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ โดยมีข้อตกลงเจรจาเป็นการนำเสนอที่จะทำการลดมูลหนี้ที่คงค้างกันอยู่...ว่าจะมีการลดหนี้ให้เป็นจำนวนเท่าไหร่?

โดยคิดจากมูลหนี้ที่คงค้างทั้งหมด จากยอด ณ.ปัจจุบัน

ซึ่งก็คือยอดหนี้ของ ณ.วันนี้ นั่นเอง

วันที่เรากำลังเจรจาต่อรองเรื่องส่วนลดหนี้กันอยู่ ณ.ขณะนี้

(ไม่ใช่ยอดหนี้ของเงินต้นในอดีต...ไม่ใช่ยอดหนี้ของวันที่เราเริ่มต้นหยุดจ่าย)

ซึ่งส่วนมากทางเจ้าหนี้มักจะเป็นผู้เสนอว่า จากมูลหนี้ที่คงค้างอยู่ ณ.ปัจจุบันนี้ จะลดหนี้ให้เท่าไหร่? โดยการแจ้งเป็นตัวเลข ว่าจะลดให้กี่บาท หรือกี่เปอร์เซนต์ (ซึ่งส่วนมากจะเสนอตัวเลขเป็นบาท แต่ถ้าเราอยากรู้ว่าเป็นกี่เปอร์เซนต์ ก็สามารถเอามาคำนวนเองได้)
ยกตัวอย่างเช่น มีหนี้คงค้างอยู่ ณ.ปัจจุบันนี้ เป็นจำนวนเงิน 100,000.-บาท (หนึ่งแสนบาท) ทางเจ้าหนี้เสนอมาว่า จะลดหนี้ให้เป็นจำนวน 40% ก็หมายความว่า ทางเจ้าหนี้พึงพอใจที่จะเรียกเอาเงินคืนเพียงแค่ 60,000.-บาท (60%) เท่านั้น...ส่วนอีก 40,000.-บาท (40%) นั้น...ทางเจ้าหนี้ลดหนี้ให้ ด้วยเหตุผลต่างๆดังนี้

:S - ขี้เกียจทวงแล้วโว้ย...ทวงเท่าไหร่ก็ไม่ยอมจ่ายสักที

:ohmy: - ทางเจ้าหนี้ แทงบัญชีหนี้ของเราเป็น NPL ไปแล้ว (เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้)
หรือตัดบัญชีของเราเป็น“หนี้สูญ”ไปแล้ว

:( - เจ้าหนี้ไม่อยากตั้งทุนสำรอง“หนี้สูญ” ตามข้อตกลงของ MOU และตามคำสั่งของ ธปท.
เพราะต้องถูกบังคับให้ตั้งเงินสำรองเพื่อกันเอาไว้ 100,000.-บาท (เป็นการตั้งสำรอง“หนี้สูญ”ในอัตรา 100% ของมูลหนี้ที่เสีย)
ทางฝ่ายเจ้าหนี้จึงมีความคิดที่ว่า สู้เอาเงินที่ตั้งสำรองจำนวนนี้ ไปปล่อยกู้ใหม่ให้กับลูกหนี้รายอื่นๆ ยังได้กำไรจากการขูดรีดอัตราดอกเบี้ยกับลูกหนี้รายใหม่อื่นๆ มากกว่าการเอาเงินมาตั้งสำรอง“หนี้สูญ”แบบนี้โดยที่ไม่ได้ดอกเบี้ยอะไรเลย แถมยังได้เงินสดกลับคืนมาจากลูกหนี้อีก 60,000.-บาท (ลดหนี้ให้ 40%) เมื่อเอาเงินทั้งสองก้อนนี้มารวมกันแล้ว ก็เป็นจำนวนเงิน 160,000.-บาท...สู้เอาเงินจำนวนนี้ไปปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยราคาแพงๆ ให้กับลูกค้ารายอื่นๆเสียยังจะดีกว่า

:dry: - ทางเจ้าหนี้ "กลัว" แพ้คดี ถ้าถึงขั้นการฟ้องร้องต่อศาล เพราะตัวเองก็มีการหมกเม็ด และการโกงอัตราดอกเบี้ยของลูกหนี้เอาไว้เพียบ...ดังนั้น ถ้าวันนี้ ได้เงินคืนกลับมาบ้างบางส่วน ก็ยังดีกว่าที่ได้คืนมาน้อย
หรือไม่ได้คืนเลยในชั้นศาล หากตัวเองฟ้องแล้วแพ้คดี (ตามสุภาษิตที่ว่า...กำขี้...ดีกว่ากำตด)

:sick: - ทางเจ้าหนี้กลัวว่าลูกหนี้จะเป็นอะไรไป...เนื่องจากการคิดสั้นของลูกหนี้ที่มีหนี้สินเยอะ
เพราะถ้าหากลูกหนี้เป็นอะไรไป (หมายถึง ล้มหายตายจากไป) หนี้ดังกล่าว จะเป็น"หนี้ศูนย์"(0)ทันที
และจะไปฟ้องร้องกับใครก็ไม่ได้ เนื่องจากเป็นหนี้สินส่วนบุคคล (หนี้ส่วนตัวที่ไม่มีผู้ค้ำประกัน) จึงไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น ดังนั้น ถ้าอยากจะฟ้องต่อ เจ้าหนี้ก็ต้องฆ่าตัวตายตามลูกหนี้ เพื่อไปฟ้องร้องต่อจากท่านยมบาลเอาเอง (แล้วใครมันยอมจะฆ่าตัวตายเพื่อตามไปทวงหนี้ต่อล่ะวะ)

:cheer: - เจ้าหนี้ได้รับเงินคืนตามที่ตัวเองพึงพอใจแล้ว โดยคิดจากส่วนต่างที่หักจากค่าคอมมิชชั่นในการทวงหนี้ออกไป...ตัวอย่างเช่น...เจ้าหนี้มีการตั้งค่าหัวในการทวงหนี้เราไว้ที่ 30% หากสำนักงานทวงหนี้ที่ใดก็ตาม
ที่สามารถทวงหนี้จากเราได้สำเร็จ...เช่น...ถ้าสมมุติว่า สำนักงานทวงหนี้ "ชั่ว"คอลเลคชั่น สามารถทวงหนี้เราได้ที่ 100,000.-บาท ดังนั้น สำนักงาน"ชั่ว"คอลเลคชั่น...รับเอาค่าคอมมิชชั่นนี้ไปเลย 30,000.-บาท เพื่อเป็นค่าแรงในการทวงหนี้ ส่วนทางเจ้าหนี้พอใจที่จะเอาเงินคืนเพียงแค่ 70,000.-บาทเท่านั้นก็พอ ถ้าเป็นเช่นนั้น
สู้เราไปจ่ายชำระหนี้ให้กับทางเจ้าหนี้โดยตรง ไม่ดีกว่าเหรอ? (โดยไม่จ่ายผ่านสำนักงานทวงหนี้) ทางเจ้าหนี้ก็พอใจในการรับเงินคืนเหมือนกัน เพราะถึงอย่างไรทางเจ้าหนี้ก็มีความต้องการที่จะได้รับเงินคืนเพียงแค่ 70,000.-บาท อยู่แล้วนี่ โดยไม่สนใจว่าจะได้เงินคืนมาจากใครหรือด้วยวิธีใดก็ตาม

:P - ทางเจ้าหนี้มีการขาย"หนี้เน่า"ของเรา ให้กับสำนักงานทวงหนี้ข้างนอก ในราคาถูกๆไปแล้ว
เนื่องจากขี้เกียจตั้งทุนสำรองหนี้สูญ (อาจขาย"หนี้เน่า"ของเราในราคาประมาณสัก 2-3 หมื่นบาท จากราคาหนี้ ณ.ปัจจุบันที่ 100,000.-บาท) เพื่อให้สำนักงานทวงหนี้ ไปทวงหนี้ต่อเอาเอง แล้วแต่จะตั้งราคาในการทวงต่อ
ดังนั้น ถ้าสำนักงานทวงหนี้เสนอราคาให้กับเราที่ 60,000.-บาท ในการทำ Hair-cut...ตัวสำนักงานทวงหนี้เองก็ยังได้กำไรจากส่วนต่างนี้ตั้ง 3-4 หมื่นบาท)

:pinch: - เจ้าหนี้รีบลดราคาในการทำ Hair-cut ให้...ด้วยราคาที่งามมาก เนื่องจากคดีขาดอายุความในการฟ้องร้องไปแล้ว

ด้วยเหตุผลต่างๆ ตามที่กล่าวมานี้ จึงเกิดกระบวนการที่เรียกกันว่า

Hair-cut เกิดขึ้น

แต่กระบวนการ Hair-cut นี้ มิได้เกิดขึ้นได้โดยง่าย
ต้องผ่านการบ่มระยะเวลามายาวนานพอสมควร โดยมีสูตรดังนี้

ต้องหยุดจ่ายซะก่อน ถึงจะเกิดกระบวนการ

Hair-cut ขึ้นได้


ยิ่งหยุดจ่ายนานเท่าไหร่

หนี้ก็ยิ่งเน่ามากขึ้นเท่านั้น


หนี้ยิ่งเน่ามากเท่าไหร่

ก็ยิ่งได้ส่วนลดมากขึ้นเท่านั้น


หลายๆคนชอบเข้ามาตั้งคำถามที่ว่า
หยุดจ่ายมาได้ 3 เดือนแล้วครับ...จะได้ส่วนลดแล้วหรือยังครับ และถ้าได้ลด จะได้ส่วนลดกี่เปอร์เซนต์ครับ

คำตอบที่ชัดเจนก็คือ

ยัง!...และไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลย

เพราะการหยุดจ่ายเพียงแค่ 2-3 เดือน มันเป็นเพียงบันไดก้าวแรก ที่จะไปสู่กระบวนการ Hair-cut อันแท้จริงต่อไป

การ Hair-cut ที่แท้จริง มันต้องหยุดจ่ายนาน 8-10 เดือนขึ้นไปเป็นอย่างน้อย หรือบางทีอาจต้องรอเป็นปี หรือจนถึงขั้นได้รับหมายศาลแล้วนั่นแหละ

จึงมีคำถามต่อมาอีกว่า...
แล้วถ้าเช่นนั้น ต้องหยุดจ่ายนานเท่าไหร่? ถึงจะได้รับหมายศาลล่ะ?

คำตอบก็คือ

เฉลี่ยโดยทั่วไปแล้ว ประมาณ 1 ปีครับ

แต่บางราย...ก็นานเกินกว่า 1 ปีนะครับ

ยกเว้น หนี้บัตรเครดิต City Bank และ หนี้บัตรเครดิต UOB และ หนี้บัตรเครดิต KTC เพียงสามประเภทนี้เท่านั้น ที่ฟ้องเร็วที่สุด (หมายถึง เฉพาะหนี้บัตรเครดิตเท่านั้นนะครับ ไม่รวมถึงหนี้ประเภทบัตรกดเงินสด หรือหนี้เงินกู้สินเชื่อส่วนบุคคล) โดยหยุดจ่ายประมาณแค่ 4-6 เดือนก็ฟ้องแล้วสำหรับหนี้ประเภทบัตรเครดิตของทั้งสามรายนี้...แต่ถ้าหากเป็นหนี้ประเภทอื่นๆที่ไม่ใช่บัตรเครดิต ก็ยังคงฟ้องช้าตามปกติ

แต่สำหรับบัตรเครดิตของ City Bank หรือของ UOB เฉพาะสองอันนี้ ถ้าหากเราได้รับหมายศาลแล้ว...ก็จะได้รับข้อเสนอราคา Hair-cut ที่งามสุดๆเช่นกัน

สำหรับส่วนลดที่ทางเจ้าหนี้เสนอมาให้ โดยทั่วๆไป ก็มีตั้งแต่ 30% , 40% , 50% , 60% , 70% แล้วแต่เงื่อนไขการเจรจา , เทคนิคการต่อรอง , นโยบายส่วนลดหนี้ของสถาบันการเงินนั้นๆ และ ความ“เน่า”ของหนี้ที่หยุดจ่าย

เพียงแต่อยากให้มองว่า เงื่อนไขที่ทางเจ้าหนี้เสนอมานั้น เราจ่ายไหวไหม? น่าสนใจและรับได้หรือเปล่า? อย่าไปมองเพียงแค่ต้องการให้ได้ส่วนลดเยอะๆเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ให้พิจารณาว่าถ้าเราจ่ายไปแล้ว เราจะได้ลดเจ้าหนี้ไปอีกหนึ่งราย(ได้ลดศัตรูในการทวงหนี้ไปแล้วอีกหนึ่งที่) ที่เหลือก็ค่อยๆมาปลดหนี้ทีละรายต่อไป ตามกำลังและความสามารถ (แต่ต้องจ่ายไหวจริงๆนะ ห้ามไปกู้หนี้ยืมสินที่ต้องเสียดอกเบี้ยจากที่อื่นมาปิด Hair-cut อีก มิฉะนั้น มันจะไม่มีวันจบสิ้น)...ถ้าสามารถทำได้เช่นนี้ ก็จะสามารถปลดหนี้ได้โดยเร็ววัน

และทั้งนี้ทั้งนั้น...ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้รายไหนๆ เงื่อนไขของการ Hair-cut ก็เหมือนๆกันหมดทั้งนั้น คือ
การเสนอส่วนลดให้ในราคาที่งามมาก แต่ต้องจ่ายชำระคืนเพียง“งวดเดียว”เท่านั้น…โดยไม่มีการผ่อน (จ่ายปิด“ตูมเดียว”เพื่อปิดบัญชีหนี้เน่า)

แต่ก็มีบางคนถามต่ออีกว่า...แล้วถ้าอยากได้ส่วนลด Hair-cut เนื่องจากหนี้ก้อนนี้มันเน่ามากพอสมควรแล้ว แต่เราไม่สามารถจ่ายแบบ“งวดเดียว”หรือ“ตูมเดียว”เพื่อปิดบัญชีได้...เราสามารถขอส่วนลดด้วย และก็ขอผ่อนต่อด้วย จะได้ไหม?

ผมจะขอตอบว่า...ไอ้ได้น่ะ มันได้อยู่หรอกนะครับ แต่ทางฝ่ายเจ้าหนี้มันจะไม่ยอมให้คุณสามารถผ่อนต่อ ในระยะเวลานานๆหรอกนะครับ (เต็มที่สูงสุด มันก็ยอมให้ผ่อนได้ในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือนเท่านั้น) และส่วนลดที่มันจะให้ ก็จะแตกต่างกันไปด้วย ขอยกตัวอย่างให้ดูตามนี้นะครับ

สมมุติว่าเมื่อปีที่แล้ว เรามีหนี้บัตรเครดิตอยู่กับธนาคาร A เป็นจำนวนเงิน 80,000.-บาท แล้วเราก็หยุดจ่ายหนี้ตัวนี้มานานประมาณ 1 ปีแล้ว...โดย ณ.ปัจจุบัน(ณ.ตอนนี้) หนี้เงินต้น+ดอกเบี้ย+ค่าทวงถามหนี้ ปาเข้าเป็นจำนวนเงิน 100,000.-บาทแล้ว โดยทางฝ่ายเจ้าหนี้ได้ติดต่อขอให้เราชำระหนี้ทั้งหมด เพื่อทำการปิดบัญชี โดยจะมีส่วนลดให้ด้วย ถ้าสามารถจ่ายแบบ“งวดเดียว”(ตูมเดียว)ได้ ก็จะให้ส่วนลดครึ่งหนึ่ง(50%) จากราคาหนี้ ณ.ปัจจุบัน (ที่ 100,000.-บาท)

ถ้าเราตอบกลับไปว่า จ่าย“งวดเดียว”ไม่ไหว ขอผ่อนได้ไหม...ราคามันก็จะเป็นไปตามนี้ครับ

-ถ้าสามารถจ่าย“งวดเดียว”ได้...ก็จ่ายเพียง 50,000.-บาท เพื่อปิดบัญชี ส่วนลด 50%
-ถ้าขอผ่อน 2 งวด มันก็จะบังคับให้จ่ายงวดละ 27,500.-บาท (รวม 2 งวดก็เป็นเงิน 55,000.-บาท) ลด 45%
-ถ้าขอผ่อน 3 งวด มันก็จะบังคับให้จ่ายงวดละ 20,000.-บาท (รวม 3 งวดก็เป็นเงิน 60,000.-บาท) ลด 40%
-ถ้าขอผ่อน 4 งวด มันก็จะบังคับให้จ่ายงวดละ 16,250.-บาท (รวม 4 งวดก็เป็นเงิน 65,000.-บาท) ลด 35%
-ถ้าขอผ่อน 5 งวด มันก็จะบังคับให้จ่ายงวดละ 14,000.-บาท (รวม 5 งวดก็เป็นเงิน 70,000.-บาท) ลด 30%
-ถ้าขอผ่อน 6 งวด มันก็จะบังคับให้จ่ายงวดละ 12,250.-บาท (รวม 6 งวดก็เป็นเงิน 75,000.-บาท) ลด 25%

ก็แล้วแต่คุณไปพิจารณาเอาเองนะครับ ว่าอยากได้ส่วนลดในราคาแบบไหน

และสุดท้ายแล้ว สำหรับคำว่า Hair-cut

Hair-cut สามารถทำได้ตลอด

ทุกช่วงเวลาหลังจากที่"หนี้"ของเรา"เน่า"แล้ว...ไม่ว่าจะเป็น

- ก่อนได้รับหมายฟ้อง (แต่ต้องหยุดจ่ายนานๆ หลายๆเดือนซะก่อนนะครับ)
- ได้รับหมายฟ้องแล้ว แต่ยังไม่ถึงวันที่ต้องไปขึ้นศาล
- ขึ้นศาลแล้ว แต่ยังอยู่ในระยะเวลาระหว่างการต่อสู้คดี โดยรอขึ้นศาลอีกครั้งในนัดหน้านัด หรือนัดต่อไป (ศาลยังไม่ได้พิพากษา)
- ได้รับหมายฟ้องแล้ว และไปขึ้นศาลมาแล้ว โดยไปทำ"สัญญาไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความ"ที่ชั้นศาลมาแล้ว
- ถูกศาลพิพากษาแล้ว และอยู่ในระหว่าง รอการจ่ายชำระหนี้คืนตามคำพิพากษา
- ถูกศาลพิพากษาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้จ่ายชำระหนี้คืน จนกระทั่งถูกอายัดเงินเดือน หรือถูกอายัดทรัพย์สินอยู่ในขณะนี้

เห็นไหมล่ะครับ ว่า Hair-cut สามารถทำได้ตลอดชีพจริงๆ

แต่การ Hair-cut ที่ได้ราคางามที่สุด (หรือที่เรียกว่า "นาทีทอง" นั้น...มักจะอยู่ในช่วงของเวลาดังต่อไปนี้
- หยุดจ่ายนานเกิน 10 เดือนขึ้นไป
- ได้รับหมายฟ้องแล้ว แต่ยังไม่ถึงวันที่ต้องไปขึ้นศาลในนัดแรก
- ขึ้นศาลแล้ว แต่ยังอยู่ในระยะเวลาระหว่างการต่อสู้คดี อีกหลายนัด (ยังไม่ได้พิพากษา)
ถ้าพ้นกำหนดช่วงเวลาดังกล่าวนี้ไปแล้ว โปรโมชั่น "นาทีทอง" อาจหมดไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะทำ Hair-cut ไม่ได้...เพียงแต่ว่า อาจไม่ได้ราคางามๆตามโปรโมชั่นของ "นาทีทอง" ก็เท่านั้นเอง

และที่สำคัญ การทำ Hair-cut จะต้องให้ทางเจ้าหนี้ออกเอกสาร

ยืนยันว่า จะลดหนี้ให้ตามเงื่อนไขที่เจรจาตกลงกันไว้ ด้วยทุกครั้ง

โดยเราต้องได้รับหนังสือยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรจากทางเจ้าหนี้

ก่อนที่จะทำการจ่ายชำระ Hair-cut ใดๆ

อย่าไปจ่ายหนี้ที่ตกลงกันด้วยวาจาผ่านทางโทรศัพท์โดยเด็ดขาด (สัญญาหรือข้อตกลงใดๆ ที่เป็นแค่วาจาหรือ“ลมปาก” ไม่สามารถใช้เป็นข้อยืนยันตามกฏหมายได้)

ขอย้ำอีกครั้ง...ถ้าคุณยังไม่ได้รับหนังสือยืนยันการ

ลดหนี้ (หนังสือ Hair-cut) เสียก่อน

ห้ามจ่ายโดยเด็ดขาด...!

ถูกหลอกให้จ่ายเงินเข้าไปเพื่อหักหนี้ในราคาเดิม(ไม่มีส่วนลด) โดยโกหกว่าจะยอมลดราคา Hair-cut ให้
ด้วยคำพูด หรือการรับปากกันทางโทรศัพท์ แต่แล้วก็ไม่ยอมทำ Hair-cut ให้จริงๆ

มีลูกหนี้โดนหลอกมานับไม่ถ้วนแล้วนะครับ...ขอเตือน...

19459-attachment.jpg
2026.jpg



สำหรับตัวอย่างหนังสือ Hair-cut สามารถไปดูได้จากใน Link นี้

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=8&id=829&

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #48720 โดย darkman
หมายถึงยอดหนี้ 29,097.67 คุนเจียบเจรจาเหลือแค่ 15,000 เหรอคับ หรือยังไง ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยครับ แล้วติดต่อทางเบอของธนาคารโดยตรงเลยไช่มั้ยคับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #48751 โดย เคโระ
ขอโทษทีที่ถามคำถามเดิมๆ คะ คนมันเครียดก็อย่างนี้แหละ ความจริงเข้ามาตอบก็พูดดีๆก็ได้นะคะ ไม่เห็นจะต้องตำหนิกันขนาดนี้ ควรจะนึกถึงใจเขาใจเราบ้าง ถ้าไม่มีปัญหา หรือเครียด ก็คงไม่ถามหรอกค่ะ คูณ tomyumkung

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #48752 โดย tomyumkung
เชื่อผมเถอะครับ ว่าทุกคนที่เป็นหนี้ก็เครียดกันทุกคนอะละครับ

แต่ถ้าได้ทำความเข้าใจมากขึ้น มีแผนการรองรับไว้ต่อสู้เจ้าหนี้

รับรอง ความเครียด จะเบาบางลงไปทันที

สู้ ๆ ครับ รักนะ จุ๊บ ๆ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา - 10 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #48753 โดย jackTs

เคโระ เขียน: ช่วยด้วยค่ะ โดนรุกหนักทั้งบัตรกดเงินสดกสิกร บัตรกดเงินสดธนชาต และบัตรเฟิร์สช้อย กสิการมันส่งข้อความให้ชำระยอด 21,915.26 บาททันที เพื่อเลี่ยงการถูกดำเนินคดี จะทำไงดีค่ะ วิตกมาก และอยากทราบว่า ช่วงที่เราหยุดจ่าย ทั้งสามบัตร ทำไมเงินต้น+ดอกเบี้ยมันเพิ่มขึ้นค่ะ ถ้าเราหยุดจ่ายมันก็จะคิดดอกเราหราค่ะ เครียดมากเลยตอนนี้ ช่วยด้วยค่ะ


ขออนุญาตอ้างอิงข้อมูลอีกครั้ง

ใครที่ยังไม่เข้าใจว่า Hair-cut คืออะไร?...กรุณาเข้ามาอ่าน
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=749&Itemid=64

"นิยาม" ของคำว่า Hair-cut

Hair-cut ก็คือการจ่ายชำระมูลหนี้ ที่มีการค้างชำระกันไว้ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ โดยมีข้อตกลงเจรจาเป็นการนำเสนอที่จะทำการลดมูลหนี้ที่คงค้างกันอยู่...ว่าจะมีการลดหนี้ให้เป็นจำนวนเท่าไหร่?

โดยคิดจากมูลหนี้ที่คงค้างทั้งหมด จากยอด ณ.ปัจจุบัน

ซึ่งก็คือยอดหนี้ของ ณ.วันนี้ นั่นเอง

วันที่เรากำลังเจรจาต่อรองเรื่องส่วนลดหนี้กันอยู่ ณ.ขณะนี้

(ไม่ใช่ยอดหนี้ของเงินต้นในอดีต...ไม่ใช่ยอดหนี้ของวันที่เราเริ่มต้นหยุดจ่าย)


สมมุติว่าเมื่อปีที่แล้ว เรามีหนี้บัตรเครดิตอยู่กับธนาคาร A เป็นจำนวนเงิน 80,000.-บาท แล้วเราก็หยุดจ่ายหนี้ตัวนี้มานานประมาณ 1 ปีแล้ว...โดย ณ.ปัจจุบัน(ณ.ตอนนี้) หนี้เงินต้น+ดอกเบี้ย+ค่าทวงถามหนี้ ปาเข้าเป็นจำนวนเงิน 100,000.-บาทแล้ว โดยทางฝ่ายเจ้าหนี้ได้ติดต่อขอให้เราชำระหนี้ทั้งหมด เพื่อทำการปิดบัญชี โดยจะมีส่วนลดให้ด้วย ถ้าสามารถจ่ายแบบ“งวดเดียว”(ตูมเดียว)ได้ ก็จะให้ส่วนลดครึ่งหนึ่ง(50%) จากราคาหนี้ ณ.ปัจจุบัน (ที่ 100,000.-บาท)




เคโระ เขียน: วันนี้ที่กสิกรโทรมา เค้าเสนอปรับโครงสร้างหนี้ ดิฉันปฏิเสธ แต่บอกไปว่าจะขอทำแฮร์คัต มันก็ขอบคุณแล้ววางสายไปเลย เลยอยากทราบน่ะค่ะว่า กสิกรไทย ธนชาต เฟิร์สช้อย แต่ละบัตรมีระยะเวลาเท่าไหร่ เราถึงจะขอเก็บเงินทำแฮร์คัตได้ ขอบคุณค่ะ


สรุปแล้วก็คือ...คุณไม่ยอมเข้าไปอ่าน บทความที่ผมเขียนเอาไว้เลยจริงๆนั่นแหละ :sweat:

ทั้งๆที่ผมอุตส่าห์ทำ Link เพื่อแนะนำให้เข้าคุณไปอ่านตั้งหลายครั้้งแล้วนะครับ



ยิ่งหยุดจ่ายนานเท่าไหร่

หนี้ก็ยิ่งเน่ามากขึ้นเท่านั้น


หนี้ยิ่งเน่ามากเท่าไหร่

ก็ยิ่งได้ส่วนลดมากขึ้นเท่านั้น



หลายๆคนชอบเข้ามาตั้งคำถามที่ว่า
หยุดจ่ายมาได้ 3 เดือนแล้วครับ...จะได้ส่วนลดแล้วหรือยังครับ และถ้าได้ลด จะได้ส่วนลดกี่เปอร์เซนต์ครับ

คำตอบที่ชัดเจนก็คือ

ยัง!...และไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลย


เพราะการหยุดจ่ายเพียงแค่ 2-3 เดือน มันเป็นเพียงบันไดก้าวแรก ที่จะไปสู่กระบวนการ Hair-cut อันแท้จริงต่อไป

การ Hair-cut ที่แท้จริง มันต้องหยุดจ่ายนาน 8-10 เดือนขึ้นไปเป็นอย่างน้อย หรือบางทีอาจต้องรอเป็นปี หรือจนถึงขั้นได้รับหมายศาลแล้วนั่นแหละ

จึงมีคำถามต่อมาอีกว่า...
แล้วถ้าเช่นนั้น ต้องหยุดจ่ายนานเท่าไหร่? ถึงจะได้รับหมายศาลล่ะ?

คำตอบก็คือ

เฉลี่ยโดยทั่วไปแล้ว ประมาณ 1 ปีครับ

แต่บางราย...ก็นานเกินกว่า 1 ปีนะครับ

ยกเว้น หนี้บัตรเครดิต City Bank และ หนี้บัตรเครดิต UOB และ หนี้บัตรเครดิต KTC เพียงสามประเภทนี้เท่านั้น ที่ฟ้องเร็วที่สุด (หมายถึง เฉพาะหนี้บัตรเครดิตเท่านั้นนะครับ ไม่รวมถึงหนี้ประเภทบัตรกดเงินสด หรือหนี้เงินกู้สินเชื่อส่วนบุคคล) โดยหยุดจ่ายประมาณแค่ 4-6 เดือนก็ฟ้องแล้วสำหรับหนี้ประเภทบัตรเครดิตของทั้งสามรายนี้...แต่ถ้าหากเป็นหนี้ประเภทอื่นๆที่ไม่ใช่บัตรเครดิต ก็ยังคงฟ้องช้าตามปกติ

แต่สำหรับบัตรเครดิตของ City Bank หรือของ UOB เฉพาะสองอันนี้ ถ้าหากเราได้รับหมายศาลแล้ว...ก็จะได้รับข้อเสนอราคา Hair-cut ที่งามสุดๆเช่นกัน


สำหรับส่วนลดที่ทางเจ้าหนี้เสนอมาให้ ก็มีตั้งแต่ 30% , 40% , 50% , 60% , 70% แล้วแต่เงื่อนไขการเจรจา , เทคนิคการต่อรอง , นโยบายส่วนลดหนี้ของสถาบันการเงินนั้นๆ และ ความ“เน่า ”ของหนี้ที่หยุดจ่าย




เรียน คุณ เคโระ

ผมจะขอตอบคุณในกระทู้นี้เป็น"ครั้งสุดท้าย"แล้วนะครับ
แล้วต่อจากนี้ไป ผมจะไม่เข้ามาตอบหรือให้คำแนะนำกับคุณในกระทู้ของคุณอีกต่อไปแล้ว ผมขอเข้าไปตอบในกระทู้ของสมาชิกท่านอื่นๆดีกว่า เพราะพวกเขาเหล่านั้น ก็ยังรู้จักเข้าไปอ่านกระทู้ที่ผมอุตส่าห์แนะนำไปให้ ซึ่งมันทำให้ผู้ที่เข้ามาตอบให้ความรู้อย่างพวกเรา ได้รู้สึกว่ายังพอมีกำลังใจในการตอบและแนะนำขึ้นมาบ้าง

ไม่เหมือนกับในกรณีของคุณ ที่ไม่ยอมอ่านกระทู้ที่ผมแนะนำไปเลยแม้แต่น้อย (เพราะถ้าคุณตั้งใจอ่านจริงๆ ก็คงไม่มีคำถามซ้ำๆซากๆแบบนี้หรอก...จริงไหม?)

ผมไม่ได้ห้ามนะครับ...หากจะมีสมาชิกหรือกรรมการชมรมฯท่านอื่นๆเข้ามาตอบกระทู้ให้คุณนะครับ แต่สำหรับตัวผมเองคงพอกันที เพราะผมหมดกำลังใจในการแนะนำคุณต่อไปแล้ว

ขอให้โชคดี หาทางปลดหนี้ให้ได้ด้วยตนเองนะครับ :bye:

.
อนณสุข ปรมาลาภา

ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #48775 โดย navykao
ผมว่าเจ้าของกะทู้อยากรู้และใจร้อนในสิ่งที่ยังไม่น่าใจร้อน 2 เรื่องคือ
1. อยากทราบดอกเบี้ยระหว่างที่หยุดจ่าย...
ผมว่าไม่ต้องไปกังวลหรอกคับเราทำตารางเงินต้นไว้ตามที่ในกะทู้นี้แนะนำส่วนดอกเบี้ยจะวิ่งไปเท่าไหร่ เดียวทางเจ้าหนี้ก็แจ้งเรามาเองแหละคับ(จะกังวลทำไมในเมื่อจะไม่จ่ายอยู่แล้วนี้)
2. คุณอยากได้แฮร์คัทเร้วเกินไป....
โดยปกติที่ผมอ่านเจอประมาณ 8 - 12 เดือนนะคับที่เค้าได้แฮร์คัทงามๆกัน แต่ทางเจ้าของกระทู้ค้างแค่ 2 เดือนก็ไปขอแฮร์คัทสะแล้ว ซึ่งถ้าจะให้ดีเราต้องนิ่งๆๆๆ ไว้อย่างเดียวครับ ให้ทางเค้า(เจ้าหนี้)เป็นคนเสนอเองจะดีที่สุด
ป.ล.ท่าทาง จขกท.จะเป็นคนใจร้อนด่วนได้นะคับเนี้ย คิดง่ายๆ หยุดจ่ายแค่ 2 เดือนจะให้เค้าลด 50% เป็นไปไม่ได้หรอกคับ *-*

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

10 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #48807 โดย เคโระ
ขอบคุณทุกคำแนะนำนะคะ แต่ที่คุณ navykao บอกว่าดิฉันหยุดจ่ายแค่ 2 เดือนนั้นขอแย้งนะคะ แต่ละบัตรตอนนี้หยุดจ่ายมากกว่า 2 เดือนแล้ว ถ้าก่อนหน้านี้ให้ข้อมูลผิดก็ขออภัยนะค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.859 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena