สวัสดีครับ เริ่มหยุดจ่ายแล้ว

หลังจากที่ อ่านกระทู้ มาสักพักนึง เลยตัดสิ้นใจครั้ง ยิ่งใหญ่ คือ หยุดจ่าย

ผม อายุ 27 ปี เงินเดือน 20,400+รายได้อื่นๆ 20,000 บาท

ทีแรกก็จ่ายไหว แต่เกิดอุบัติเหตุรถชนแล้วรถมีประกันชั้น 3 เลยหมดไปกับการซ่อมรถ
และรายได้ ตอนนี้ ลดลง
ตอนนี้ บริษัท ที่ทำอยู่ มีปัญหา บมจ.จัสมิน ที่ถูกปรับเรื่อง แทบเล็ด ตามที่เป็นข่าว (มีนโยบายเลิกจ้าง)
ทำให้เหลือรายได้ 20,400 คือมีแค่เงินเดือน (กำลังมองหางานใหม่)

และมีหนี้ ดังนี้

1.ธนาคารไทยพาณิชย์ เครดิต 50,000 / สินเชื่อเงินสด Speedy Cash 50,000
2.ธนาคารกรุงเทพ บัตรเครดิต 20,000
3.ธนาคารกสิกรไทย เครดิต 40,000
4.ธนาคารกสิกรไทย บัตรกดเงินสด 50,000
5.กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ 70,000
6. บัตรเทสโก้ พรีเมียร์ 40,000
7.สินเชื่อบุคคล ธนชาติ 70,000

อย่างแรกที่ต้องการ ตอนนี้ คือ กำลังใจครับ

...สู้ๆ นะคะ ช่วงเดือน-3 เดือนแรกอาจจะต้องจิตตกหน่อยเพราะบรรดาเจ้าหนี้จะพากันกระหน่ำ
โทร.หาคุณทุกวัน แต่ต้องรับสายเค้านะคะเค้าจะได้รู้ว่าคุณยังอยู่ ไม่ได้หนีไปไหน ไม่มีก็บอก
ไปว่ายังไม่มีค่ะ มันพูดอะไรมาก็ฟังๆ มันไปค่ะ หากพล่ามนานก็ตัดบทไปก็ได้ค่ะว่าให้โทร.มา
ใหม่ตอนต้นเดือนอะไรประมาณเนี้ยอ่ะค่ะ อาจจะเครียดหน่อยแต่ก็เป็นกันทุกคนค่ะ พอผ่านช่วง
นั้นมาได้ก็จะเริ่มเบาขึ้นค่ะ เป็นหนี้เค้าเราก็ต้องใช้ค่ะ ไม่ได้หนีไปไหน ถ้ามันเสนอให้จ่ายขั้นต่ำ
หรือประนอมหนี้ก็อย่าไปตกลงนะคะเพราะนั่นมันคือสัญญานรกค่ะ ผ่อนน้อยก็จริงแต่อีกกี่ปีกี่
ชาติจะหมดก็ไม่รู้ รอเวลาแล้วค่อยๆ เก็บเงินเพื่อเอาไปปิดหนี้ทีละตัวดีกว่าค่ะ อ่านกระทู้เยอะๆ
แล้วจะมีกำลังใจขึ้นเยอะค่ะ ของเราหยุดมาเข้าเดือนที่ 4 กว่าๆ แล้วค่ะ อาทิตย์นึงจะโทร.มา
ทวงสักที เงียบหูไปเยอะค่ะ ตอนนี้ก็กะลังพยายามเก็บเงินอยู่ค่ะ บางเดือนก็เก็บได้ตามยอด
ที่วางไว้ แต่บางเดือนก็มีเหตุจำเป็นทำให้เก็บได้ไม่ตามเป้าค่ะ แต่ก็ต้องเก็บค่ะเพื่อรอวันที่เรา
จะได้เป็นไทสักที ค่อยๆ คิด ค่อยๆ อ่านกระทู้ไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ตอนนี้ เริ่มมี โทรศัพมาทวงบ้างแล้วและยังพูดจาดีมาก ผมก็บอกไปตรงว่า ยังไม่มีและ ไม่ทราบว่าจะชำระขั้นต่ำได้เมื่อไหร่

เฮ้ลลลล

หลังจากที่ บมจ.จัสมิน ลดขนาดองค์กร บีบให้ผมต้องหางานใหม่ โชคดีมาได้งาน บริษัท AIS ตำแหน่ง วิศวกร แต่ประสบการณ์น้อย จบมาได้ 4 ปี (อายุ 27) เงินเลยไม่เยอะ

แต่ ปัญหา ก็คือ รายได้ลดลงค่อนข้างเยอะครับ ตอนนี้ มีเงินเดือน ที่ 26,300+อื่นๆ อีก ก็ประมาณ 2000
รายได้รวม ประมาณ 28,000 บาท
มีรายจ่าย ผมเป็นคนต่างจังหวัด มีค่าหอ+ค่าน้ำ ค่าไฟ ประมาณ 4000
ค่างวดรถ 7000
ค่ากิน+ค่าน่ำมัน ค่าแก๊ส /เดือน ประมาณ 6000

บัตรที่ยังจ่ายอยู่คือ
1.ธนาคารไทยพาณิชย์ เครดิต 50,000 / สินเชื่อเงินสด Speedy Cash 50,000 เป็น ธนาคารเดียวกับ finance รถยนต์ที่ผ่อนอยู่
2.ธนาคารกรุงเทพ บัตรเครดิต 20,000 ธนาคารเดียวกับบัญชีเงินเดือน


หลังจาก หยุดจ่าย ตั้งแต่เดือน 7/2557

รายละเอียดดังนี้

กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ 70,000 กับ บัตรเทสโก้ พรีเมียร์ 40,000 เหมือนจะเป็นเครือเดียวกัน เพราะเบอร์ที่ โทรมา ทวงนี้เป็นเบอร์เดียวกัน
เสนอให้ปรับโครงสร้างนี้

สินเชื่อบุคคล ธนชาติ 70,000
ตอนนี้ให้ บริษัทกฏหมาย โทรมา บอกให้จ่าย 3150 บาท เข้าไปก่อน เพื่อไม่ให้ จนท ลงพื้นที่ตรวจสอบ

ธนาคารกสิกรไทย เครดิต 40,000 ,ธนาคารกสิกรไทย บัตรกดเงินสด 50,000 กสิกร ยังโทรมา ทวงปกติ บอกว่า ให้จ่ายแต่ ดอกได้มั้ย

ทั้ง 3 ที่ อัพเดท มาผมก็ บอกเค้าไปแค่ว่า ยังไม่มี

ขอคำปรึกษา ครับ

ตอนนี้ เนื้องจาก รายได้ ต่อ เดือนไม่เยอะ เหมือนเมื่อก่อน ก็พยายามใช้จ่าย อย่างประหยัด ข้าวเย็นก็ไม่กิน
แต่ คิดว่า ทำงานให้ครบ 1ปี รอโบนัท ที่ AIS ให้ค่อนข้าง ok แต่ต้อง รอ สิ้นปี 2558 (เพิ่งทำงานที่ใหม่ รอ 1 ปี) คง haircut ปิดได้ สัก ใบ 2 ใบ

แต่ สิ่งที่กังวลและกลัวคือ เราไม่รู้ว่า บัตรไหนจะฟ้อง ตอนไหน
ถ้าฟ้องหลายๆ ใบ พร้อมกัน ผมคงไม่สามารถ ใช้ วิธี หักคอจ่าย ทุกๆ ใบพร้อมกันได้

กำลัง คิดว่า อาจจะต้อง จ่ายหยอด ใน บางบัตร เพื่อ ซื้อเวลา

จึงเขียนรายละเอียดมา ขอคำแนะนำ จาก พี่ๆสมาชิก และ กรรมการ ครับ

รบกวนหน่อยนะครับ

ลองอ่านเรื่องข้อเสียการจ่ายหยอดดูนะครับ. ผมนี่ทุกเจ้าให้หยอดหมดไม่คิดดอกเบี้ย ผมไม่เอา เพราะตอนหลังมาหลุดให้ส่งเอกสารไปให้. เหมือนหลอกทำสัญญานรก อันนี้ระวังดีๆครับ

มาอัพเดพ ซึ่งตอนนี้ กรุงศรีเฟริสช้อย และ เทสโก้พรีเมียร์ ฟ้องละมีคำสั่งศาลมาแล้ว

เทสโก้พรีเมียร์ ยอดฟ้อง 5x,xxx เจรจาให้ชำระ เดือนละ 1,000

ส่วน กรุงศรีเฟริสช้อย ยอดฟ้อง 8x,xxx ยังไม่ได้คุย

กำลังจะใช้วิธี หักคอ จ่าย ของ กรุงศรีเฟริสช้อย ไม่แน่ใจเรื่องตัวเลขว่าควรจะ หักคอ จ่าย ประมาณเท่าไหร่ดี

จึงมา ขอคำแนะนำ จาก กรรมการ และ สมาชิกท่านอื่นๆ รบกวนด้วยนะ คร้บ

ผมลองคำนวณให้คร่าวๆนะครับ ถ้าจะหักคอจ่ายของ FC
ถ้าคุณจ่ายได้เดือนละ 3000 ก็ใช้เวลา 34 งวด จะหมดหนี้
แต่ถ้าจ่ายเดือนละ 2000 จะใช้เวลา 58 งวด

เพราะดอกเบี้ยร้อยละ 15 และมันลดต้นลดดอก ถ้าเรามีจ่ายเข้าไปเยอะ ดอกก็ยิ่งลด เงินที่จ่ายเข้าไปก็จะไปตัดต้น ทำให้หนี้หมดไว ลองพิจารณาดูครับ

ตอนนี้ ก็

เริ่ม วิธี หักคอจ่ายแล้ว ทาง tesco ok กับ เดือนละ 1000

แต่ FS นี่ ผมชำระ เดือนละ 2000 ดู ไม่ค่อย ok เท่าไหร่ (จากที่โทรไปคุยนะ)

1.ธนาคารไทยพาณิชย์ เครดิต 50,000 / สินเชื่อเงินสด Speedy Cash 50,000
2.ธนาคารกรุงเทพ บัตรเครดิต 20,000
3.ธนาคารกสิกรไทย เครดิต 40,000
4.ธนาคารกสิกรไทย บัตรกดเงินสด 50,000
5.กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ 70,000
6. บัตรเทสโก้ พรีเมียร์ 40,000
7.สินเชื่อบุคคล ธนชาติ 70,000

มาอัพเดท ครับ
1.ธนาคารไทยพาณิชย์ เครดิต 50,000 / สินเชื่อเงินสด Speedy Cash 50,000
เจรจาหักคอจ่าย บัตรละ 1000 รวม 2000

2.ธนาคารกรุงเทพ บัตรเครดิต 20,000
จ่ายปกติ เป็นบัญชีเงินเดือน

3.ธนาคารกสิกรไทย เครดิต 40,000
4.ธนาคารกสิกรไทย บัตรกดเงินสด 50,000
เจรจาหักคอจ่าย บัตรละ 1000 รวม 2000

5.กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ 70,000
เจรจาหักคอจ่าย 2000

6. บัตรเทสโก้ พรีเมียร์ 40,000
ฟ้องที่ 5000 กว่า มีหมายบังคับคดีมาแล้ว หักคอจาย 1000 คงน้อยไป
เจรจาปิดที่ 48000 (ลดได้ไม่เยอะ เนื่องจากเรื่องค้างที่กรมบังคับคดีแล้ว)

7.สินเชื่อบุคคล ธนชาติ 70,000
อีนนี้ เงียบอยู่ ไม่ทวงและยังไม่ฟ้อง



สอบถาม ครับ
ส่วนของบัตรเทสโก้ พรีเมียร์ 40,000

เจรจาปิดที่ 48000 (ลดได้ไม่เยอะ เนื่องจากเรื่องค้างที่กรมบังคับคดีแล้ว)
ผมสามารถ เอาหนังสือที่ ธนาคาร ยินยอม ลดหนี้ให้และใบเสร็จจ่ายเงินแจ้งโดยตรงที่ HR ได้มั้ย
ว่า หนี้ ส่วนนี้ได้ปิดไปแล้วและสอบถามไปยังธนาคารก็รับทราบว่าผมปิดแล้ว

แต่ทางธนาคารให้ผมไปทำเรื่องถอนอายัดที่กรมบังคับคดีโดยติดต่อบริษัทกฏหมายที่รับมอบอำนาจเอง

และหากโดนอายัดเงินเดือน ทั้งที่ ปิดหนี้ไปแล้ว ผมจะสามารถขอเงินส่วนที่โดนอายัดคืนได้ไหมครับ(ปัจจุบันยังไม่ได้อายัด ทั้งที่หนังสืออายัดส่งถึงที่บ้าน 4 เดือนแล้ว)

มาให้กำลังใจ คุณThamGKGK ครับเป็นวิศวกรเหมือนกัน ทำไมไม่มีบัตรไหนสามารถทำ hc ได้เลยครับ เพราะ กสิกร กับ ไทยพาณิชย์ 2เจ้านี้ให้ส่วนลดดีด้วย

สู้ๆน่ะครับ ตัวไหนลดดี ก็ปิดไป ตัวไหนไม่ลดก็หักคอจ่ายไป จะได้หมดหนี้เร็วๆ

ThamGKGK เขียน: ผมสามารถ เอาหนังสือที่ ธนาคาร ยินยอม ลดหนี้ให้และใบเสร็จจ่ายเงินแจ้งโดยตรงที่ HR ได้มั้ย
ว่า หนี้ ส่วนนี้ได้ปิดไปแล้วและสอบถามไปยังธนาคารก็รับทราบว่าผมปิดแล้ว

แต่ทางธนาคารให้ผมไปทำเรื่องถอนอายัดที่กรมบังคับคดีโดยติดต่อบริษัทกฏหมายที่รับมอบอำนาจเอง

และหากโดนอายัดเงินเดือน ทั้งที่ ปิดหนี้ไปแล้ว ผมจะสามารถขอเงินส่วนที่โดนอายัดคืนได้ไหมครับ(ปัจจุบันยังไม่ได้อายัด ทั้งที่หนังสืออายัดส่งถึงที่บ้าน 4 เดือนแล้ว)

ไม่ได้ครับ

คุณต้องทำตามนี้ครับ

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=44056&Itemid=64#81152

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=42775&Itemid=64#67779

หลังจากหยุดจ่ายมา 3 ปีกว่าวันนี้มาอัพเดทครับ


ใบแรก ที่ฟ้องคือ
เทสโก้ คาร์ด
ฟ้องและ บังคับคดี
ทำให้ ผมลดได้น้อย
ผมปิดที่ 48000
***เป็นข้อเสียเปรียบที่ผมไม่ได้ไปศาล เป็นประสบการณ์ทำให้ผมไป ศาลทุกครั้งที่มีการฟ้องเพื่อรักษาสิทธิ์***

ต่อมา ฟ้อง ใบที่ 2 ของกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์
หลังจากฟ้องแล้ว ผมใช้วิธีการหักคอจ่ายเดือนละ 2000 บาท โดยใช้บิลเก่าจ่ายเข้าไปเลย เจ้าหนี้ก็ ชะลอการอายัดเงินเดือน
จ่ายอยู่ปีกว่า ผมเจรจาปิดจบที่ 35000 บาท


ต่อมา ธนาคารไทยพาณิชย์
ฟ้องแล้ว ผมไปทำยอมจ่ายขั้นต่ำที่หน้าศาล เพราะ ไม่อยากให้ถูกอายัดเงินเดือน
ชำระ ตามที่ทำยอม ได้ 1 ปีเศษ
เจรจาขอปิดที่ 50000 บาท
(2 บัญชี บัญชี ละ 25000 บาท)


ต่อมา ธนาคารกสิกร ซื้อหนี้ โดย บริษัท ชโย
ตัวนี้โทรมาให้ผมชำระ เดือนละ 1000 บาท ผมชำระ ไปปีกว่า จึงขอปิดที่ 15000 บาท


สุดท้ายที่กำลัง ที่กำลังเป็นปัญหา จะขึ้นศาล คือ สินเชื่อบุคคลธนชาต ซื้อหนี้โดยบริษัท JMT
ข้อมูลเครดิต ยังไม่หมดอายุความ 5 ปี
ยอดฟ้อง 117,102,05 บาท

ุถ้าหมดหนี้ ธนชาต ผมก็เป็นไทแล้วครับ

หากขอเลื่อนศาล ไปก่อน พอจะมีโอกาสที่จะได้เจอขอส่วนลดได้สักครึ่งนึงมั้ยครับ

หากให้ศาลตัดสิน พอจะสู้เรื่อง ดอกเบี้ยที่เกินกฎหมายกำหนด และค่าธรรมเนียมอื่นๆ
ศาลท่านมีโอกาสจะ ลดให้เหลือแต่เงินต้นได้มั้ย

ThamGKGK เขียน: หลังจากหยุดจ่ายมา 3 ปีกว่าวันนี้มาอัพเดทครับ


ใบแรก ที่ฟ้องคือ
เทสโก้ คาร์ด
ฟ้องและ บังคับคดี
ทำให้ ผมลดได้น้อย
ผมปิดที่ 48000
***เป็นข้อเสียเปรียบที่ผมไม่ได้ไปศาล เป็นประสบการณ์ทำให้ผมไป ศาลทุกครั้งที่มีการฟ้องเพื่อรักษาสิทธิ์***

ต่อมา ฟ้อง ใบที่ 2 ของกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์
หลังจากฟ้องแล้ว ผมใช้วิธีการหักคอจ่ายเดือนละ 2000 บาท โดยใช้บิลเก่าจ่ายเข้าไปเลย เจ้าหนี้ก็ ชะลอการอายัดเงินเดือน
จ่ายอยู่ปีกว่า ผมเจรจาปิดจบที่ 35000 บาท


ต่อมา ธนาคารไทยพาณิชย์
ฟ้องแล้ว ผมไปทำยอมจ่ายขั้นต่ำที่หน้าศาล เพราะ ไม่อยากให้ถูกอายัดเงินเดือน
ชำระ ตามที่ทำยอม ได้ 1 ปีเศษ
เจรจาขอปิดที่ 50000 บาท
(2 บัญชี บัญชี ละ 25000 บาท)


ต่อมา ธนาคารกสิกร ซื้อหนี้ โดย บริษัท ชโย
ตัวนี้โทรมาให้ผมชำระ เดือนละ 1000 บาท ผมชำระ ไปปีกว่า จึงขอปิดที่ 15000 บาท


สุดท้ายที่กำลัง ที่กำลังเป็นปัญหา จะขึ้นศาล คือ สินเชื่อบุคคลธนชาต ซื้อหนี้โดยบริษัท JMT
ข้อมูลเครดิต ยังไม่หมดอายุความ 5 ปี
ยอดฟ้อง 117,102,05 บาท

ุถ้าหมดหนี้ ธนชาต ผมก็เป็นไทแล้วครับ

หากขอเลื่อนศาล ไปก่อน พอจะมีโอกาสที่จะได้เจอขอส่วนลดได้สักครึ่งนึงมั้ยครับ

หากให้ศาลตัดสิน พอจะสู้เรื่อง ดอกเบี้ยที่เกินกฎหมายกำหนด และค่าธรรมเนียมอื่นๆ
ศาลท่านมีโอกาสจะ ลดให้เหลือแต่เงินต้นได้มั้ย

ความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับหน้าที่ของศาล
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=9240&Itemid=64

ใครที่ยังไม่เข้าใจว่า Hair cut คืออะไร?...กรุณาเข้ามาอ่าน
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=749&Itemid=64


คำถามที่คุณถามมา ผมว่า คุณก็รู้คำตอบอยู่แล้วมั้งครับ


ลองอ่านทบทวนครับ

ขอบคุณครับ ผมจะทบทวน ดู

มา อัพเดท ครับ ผมติดต่อ คุณอา ไพโรจน์ และเดินทางไปหา คุณอาแล้ว ซึ่งคุณอาก็ใจดีมาก จะช่วยเขียน คำร้องสู้ คดีเรื่องดอกเบียให้

และ ทำให้ ทราบมาว่า คุณอาอายุ 71 แล้ว ปัจจุบัน ไม่ได้ ไปให้คำปรึกษาที่สวนลุมทุกวันอาทิตย์แล้ว

แต่ทำให้ทราบว่ามีบุคคลบางกลุ่ม หาประโยนช์จาก สมาชิก โดยให้คำปรึกษา แล้ว ขอค่าใช้จ่าย
เช่น เรื่องอายุความ โดยมาให้ คุณอาไพโรจน์ เขียนคำร้องให้ แล้ว เอาใบคำร้องนั้นๆ ไปให้สมาชิก และเก็บเงินกับสมาชิกอีกราคา เช่น คุณอาไพโรจน์ เขียนคำร้องเรื่อง อายุความ 1000 บาท แต่ คนกลุ่มนั้น ก็เอาใบคำร้องนั้นๆ ไปเก็บกับสมาชิก 10,000 บาท

ขอแนะนำ สมาชิก ให้ ติดต่อ โทรหา คุณอาไพโรจน์ โดยตรง

รบกวนสอบถามครับ ทางคุณอาไพโรจน์ โทรมาแจ้งว่าได้เขียนคำให้การที่จะยื่นสู้เรียกดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนดเสร็จแล้ว

วันนี้ผมไปรับเอกสาร ก็คือคำให้การจำเลย 3 ฉบับ ฉบับจริง 1 และสำเนา 2 ฉบับ
และ คำให้การ พยานจำเลยอีก 1 ฉบับ

ซึ่ง คุณอา ได้อธิบาย ขั้นตอนการ ยื่นแล้ว

คำถามคือ ในคำให้การ ที่ยื่นนั้น ผมต้องท่องจำ ทุกตัวอักษร หรือ ไม่ เช่น ต้องจำตัวเลขเงิน ที่โจทย์ฟ้อง
หรือ ต้องท่อง คำให้การ แก้ต่างตามคำฟ้องข้อ 2 ข้อ 3 ข้อ 4 หรือทุกข้อ ทุกคำ เป๊ะๆ หรือไม่ หรือ จำแต่ ประเด็นสำคัญที่เราแก้คำฟ้องนั้นๆ คือถ้าต้องท่อง เช่น ตามกฎหมายมาตราไหน

ถ้าต้องท่อง ทั้งหมด ประมาณ 6 หน้ากระดาษให้ขึ้นใจ ทุกตัวอักษร กลัวว่าจะจำได้ไม่หมด

ThamGKGK เขียน: รบกวนสอบถามครับ ทางคุณอาไพโรจน์ โทรมาแจ้งว่าได้เขียนคำให้การที่จะยื่นสู้เรียกดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนดเสร็จแล้ว

วันนี้ผมไปรับเอกสาร ก็คือคำให้การจำเลย 3 ฉบับ ฉบับจริง 1 และสำเนา 2 ฉบับ
และ คำให้การ พยานจำเลยอีก 1 ฉบับ

ซึ่ง คุณอา ได้อธิบาย ขั้นตอนการ ยื่นแล้ว

คำถามคือ ในคำให้การ ที่ยื่นนั้น ผมต้องท่องจำ ทุกตัวอักษร หรือ ไม่ เช่น ต้องจำตัวเลขเงิน ที่โจทย์ฟ้อง
หรือ ต้องท่อง คำให้การ แก้ต่างตามคำฟ้องข้อ 2 ข้อ 3 ข้อ 4 หรือทุกข้อ ทุกคำ เป๊ะๆ หรือไม่ หรือ จำแต่ ประเด็นสำคัญที่เราแก้คำฟ้องนั้นๆ คือถ้าต้องท่อง เช่น ตามกฎหมายมาตราไหน

ถ้าต้องท่อง ทั้งหมด ประมาณ 6 หน้ากระดาษให้ขึ้นใจ ทุกตัวอักษร กลัวว่าจะจำได้ไม่หมด

โทรถามคุณอาไพโรจน์ สิครับ เร็วกว่า

มาอัพเดท ครับ ขึ้นศาลนัดแรก วันที่ 19 มิถุนายน 2561 ในวันนั้น ทนายโจทก์ ยื่นข้อเสนอ ให้ผ่อน 26 งวด งวดละ 4500 คือ ผ่อนเต็มจากยอดฟ้อง แต่ผมขอ เจรจาขอส่วนลด ปิดในงวดเดียว ทางทนาย บอกไม่มีเงื่อนไขปิดในงวดเดียวมา จึงขอเบอร์ผม เพื่อให้ทาง JMT ติดต่อกลับ รอ 1 ชั่วโมง JMT ไม่ติดต่อมา
ทางทนายโจทก์ จึงได้ขอเลื่อนพิจารณาคดี ศาลให้เลื่อน 1 นัด นัดหน้า เดือน กรกฎาคม 2561
หลังจากโทรปรึกษา คุณอาไพรโรจน์ บอกว่าให้กลับไปหา คุณอา จะแก้ วันที่ ในคำให้การ เพื่อยื่น ให้ตรงกับวันที่ นัดหน้า คือ เดือนกรกฎาคม 2561

JMT เพิ่งจะติดต่อมา เสนอ ลดให้ที่ 8 หมื่นบาท จากยอดฟ้อง เงินต้น 64,588.80 : ดอกเบี้ย 51,459,56 : ค่าธรรมเนียมอื่นๆ 1,103.69 : รวมฟ้องที่ 117,122.05 บาท

ซึ่งผมเห็นว่า เยอะไป เลยคิดว่า จะยื่นคำให้การ เพื่อให้ ศาลตัดสิน ในนัดหน้าเลย

ผมรบกวน สอบถาม
ตามตาราง ในหมายฟ้องของโจทก์

27 ก.ย 59 : เงินต้น 64,588.80 : ดอกเบี้ย 36,124,63 : ค่าธรรมเนียมอื่นๆ 1,103.69 : รวม 101,787.12

27 เม.ย 61 : เงินต้น 0 : ดอกเบี้ย 15,334,93 : ค่าธรรมเนียมอื่น 0 : รวม 15,334.93

27 เม.ย 61 จำนวน 578 วัน จึงเป็น เงินต้น 64,558.80 : ดอกเบี้ยรวม 51,459.56 : ค่าธรรมเนียมอื่นๆ 1,103.69 รวมฟ้อง 117,122,05 บาท

รบกวนสอบถามว่า ผมจะทราบได้อย่างไร ว่าดอกเบี้ย ตามตารางนั้นคิดเป็น อัตราดอกเบี้ยร้อยละเท่าไหร่ต่อปี จากตัวเลขผมสามารถคำนวณทราบคร่าวๆ ได้หรือไม่

JMT รับมือได้ลำบากถ้าคดียังไม่ขาดอายุความ มันไม่มีนโยบายลดหนี้ให้ลูกหนี้เลย ที่จริงแล้วข้อเสนอที่ทนายฝ่ายโจทก์ยื่นมา ผมก็ชำระไหวโดยแบ่งเป็นงวดๆทั้งหมด 23 งวด แต่เนื่องจากเป็นหนี้ใบสุดท้ายแล้วผมพอมีเงินเก็บอยู่บ้างจึงขอสู้ให้ถึงที่สุด

โดยขึ้นศาลนัดที่ 2 วันที่ 25 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมาคืบหน้าดังนี้

ทางเดียวคือต้องสู้โดยการยื่นคำให้การ ไม่ว่าจะเรื่องดอกเบี้ย และยื่นคำให้การให้ ให้โจทก์แถลงว่าซื้อหนี้ของจำเลยมาเป็นจำนวนเท่าไหร่ แล้วฟ้องจำเลยเท่าไหร่
การกระทำของจำเลยนั้นทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอย่างไร เป็นการเรียกร้องความเสียหาย จากการที่จำเลยไม่ชำระหนี้หรือเป็นการหาประโยชน์จากหนี้ของจำเลย เป็นการค้ากำไรเกินควรหรือไม่


ผมไปศาลมา 2 นัด ผู้พิพากษา แต่ละท่านก็มี ดุลพินิจต่างกันแม้จะเป็นคดีเดียวกัน
ในนัดแรกที่ผมได้กล่าว ขอเลื่อนและได้เตรียมคำให้การไว้ตั้งแต่นัดแรก ท่านให้โจทก์แถลงว่าซื้อหนี้ของผมมาเป็นจำนวนเท่าไหร่ และยังกล่าวด้วยว่าแม้จะไม่ยื่นคำให้การศาลก็จะช่วยดูเรื่องดอกเบี้ยและลดดอกเบี้ยให้เป็นไปตามกฎหมาย

นัดที่ 2 ที่เลื่อนมา ผู้พิพากษาท่านแรกท่านย้าย ทำให้ผมต้องพบกับผู้พิพากษาอีกท่าน หลังจากยื่นคำให้การไปแล้ว ท่านบอกว่าโจทก์ก็มีความเสี่ยงเนื่องจากซื้อหนี้มาแบบเหมาเข่ง ทวงได้บ้างไม่ได้บ้าง และท่านก็บอกว่าท่านเคยเป็นทนาย ทวงหนี้มาก่อน ผมนี่อึ้งเลย ท่านให้ผมยืนและพูดต่อหน้าจำเลยคนอื่นๆที่มาในคดีผู้บริโภคเหมือนกัน ว่าดูซิคุณเป็นคนเดียวที่ยื่นคำให้การ คนอื่นๆเขาโง่หรือที่เขาไม่ยื่นปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง แต่ผมก็อยากจะสู้ให้ถึงที่สุด ได้ยื่นคำให้การไปอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

ขอแนะนำคนอื่นๆ จากประสบการณ์ของตัวเอง JMT เป็นหนี้ใบสุดท้ายของผม หากมีประเด็นเรื่องดอกเบี้ยแล้วจำเลยพิสูจน์ได้ว่าโจทก์คิดดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด คือเกินร้อยละ 28 ต่อปี เกินประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยก็มีโอกาสที่เราจะลดดอกเบี้ยได้ โดยดอกเบี้ยจะเป็นโมฆะเนื่องจากเกินกฎหมายกำหนด ดอกเบี้ยจะถูกตัดออกไปเหลือแต่ต้น เงินที่เคยชำระไปก็เอาไปตัดต้น เหลือเท่าไหร่ก็ได้ชำระต้นเท่านั้น

หรืออาจจะถูกลดลงมาให้คิดดอกเบี้ยได้ในอัตราสูงสุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยก็ได้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้พิพากษามีหลายฎีกาที่คำพิพากษาแตกต่างกันออกไป

ส่วนของผมยื่นคำให้การไปประเด็นแรกคือเรื่องดอกเบี้ยสูงเกินส่วนเนื่องจากกรณีของผมดอกเบี้ยไม่เกิน 28 เปอร์เซ็นต์ต่อปีเสียเปรียบครับ สู้ได้ยากอีก ประเด็นหนึ่งคือผมยื่นคำให้การให้โจทก์แถลงว่าซื้อนี่ของผมมาเป็นจำนวนเท่าไหร่ ได้รับความเสียหายอย่างไร

โดยสิ่งที่ผมได้ท่องไปกล่าวต่อหน้าบัลลังก์ศาลมีดังนี้

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติไว้ว่า
มาตรา 379 ถ้าลูกหนี้สัญญาแก่เจ้าหนี้ว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งเป็น เบี้ยปรับ เมื่อตนไม่ชำระหนี้ก็ดี หรือเมื่อไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องตามสมควรก็ดี เมื่อลูกหนี้ผิดนัดก็ให้ริบเบี้ยปรับ
มาตรา 383 ถ้าเบี้ยปรับที่ริบนั้นสูงเกินส่วน ศาลจะลดลงเป็นจำนวนพอสมควรก็ได้

ตามคำฟ้องที่โจทก์ แจ้งว่าได้รับความเสียหาย จำเลยมีหน้าที่รับผิด ชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ขอเงินต้นที่โจทก์ฟ้อง

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บัญญัติไว้การเรียกค่าเสียหายและดอกเบี้ยผิดนัดชำระไว้ดังนี้

มาตรา 222 การเรียกเอาค่าเสียหายนั้น ได้แก่ค่าสินไหมทดแทน เพื่อความเสียหาย เช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้น แต่การไม่ชำระหนี้นั้น

มาตรา 224 หนี้เงินนั้น ท่านให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดชำระ ร้อยละเจ็ดกึ่งต่อปี การเรียกดอกเบี้ยผิดนัดชำระ ร้อยละ 15 ต่อปี จึงไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย

เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม หนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ของจำเลยกับธนาคารธนชาต

ตามที่โจทก์สมัครใจเข้าซื้อหนี้จากธนาคารธนชาต โจทก์จะต้องแสดงให้เห็นว่าโจทก์ซื้อหนี้ของจำเลยมาเป็นจำนวนเท่าไร ได้รับความเสียหายตามมาตรา 222 ดังกล่าวอย่างไร โจทก์ซื้อหนี้ของจำเลยมากี่บาทแล้วฟ้องจำเลยให้ต้องชดใช้หนี้นั้น เป็นการค้ากำไรเกินควรหรือไม่ หากไม่แสดงหลักฐานให้เห็น จะเรียกความเสียหายเป็นมูลค่าที่ยุติธรรมได้อย่างไร

จำเลยกราบเรียนศาลขอได้โปรดพิจารณา


ศาลนัดอ่านคำพิพากษาวันที่ 28 สิงหาคม 2561 ผมได้พยายามสู้จนถึงที่สุดแล้ว และอย่างเลวร้ายที่สุดหากศาลพิพากษาให้ผมชำระตามที่โจทก์ยื่นฟ้อง อย่างน้อยผมได้เปรียบตรง ที่ว่าผมไม่เคยได้รับโอนทรัพย์สินจากใครและไม่เคยโอนทรัพย์สินไปให้ใครสืบทรัพย์ผมคงยึดอะไรไม่ได้

ก็เหลือแต่อายัดเงินเดือนแต่คิดว่าผมมีเงินเก็บพอจะปิดหนี้ได้ จากการขอส่วนลดเมื่อได้ตัวเลขหลังคำพิพากษา แล้วผมจะอัพเดทให้ทราบอีกครั้งครับ