ตัวสุดท้าย!!

สวัสดีครับ ผมมีหนี้อยู่ประมาณ 800,000 บาท ปัจจุบันได้ทยอยใช้หนี้ไปเกือบหมดแล้ว เหลืออยู่ไม่กี่ตัว
หนักสุดจะเป็นของ UOB ครับ และเพิ่งไปศาลให้ท่านพิพากษา โดยไม่สามารถตกลงกับธ.ได้

ยอดหนี้ฟ้อง 209,000 บาท ยอดเงินต้นประมาณ 180,000 บาท

ทางธ.ให้ใช้หนี้โดยผ่อนไม่เกิน 12 เดือนตกเดือนละ 17,000 บาท สุดปัญญาที่จะหามาผ่อนได้

ตอนนี้กำลังรอคำพิพากษาจากศาลท่านครับ เห็นพนักงานบอกว่าประมาณเดือนนึง ให้ผมมาคัดคำพิพากษาเองที่ศาล ทางธ.ไม่มีการคัดแล้วส่งมาให้ที่บ้าน

วันนี้ทางธ.โทรมาสอบถามว่าตกลงพี่จะเอายังไง ผ่อนไหม แต่ก็คำถามเดิมๆให้ได้ไม่เกิน 12 งวด พี่ ไม่งั้นถ้าศาลท่านพิพากษามาผมก็ตั้งเรื่องบังคับคดีเลย!!

มีเรื่องอยากสอบถามท่านผู้รู้ดังนี้ครับ

1. ทางธ.ไม่มีการส่งคำพิพากษามาที่บ้าน ยังงี้ผมทำเป็นเฉยไม่ต้องไปคัดคำพิพากษาดีหรือไม่ จะได้ยืดเวลาออกไป และรอให้ทางธ.ส่งมาดีกว่า ใช่หรือไม่
2. แนวทางของผมก็คือ "หักคอจ่าย" กะว่าจะจ่ายประมาณเดือนละ 5,000 บาท แต่ทางธ.โทรมาบอกแบบนี้ ถ้าหักคอจ่ายแบบเดิมคือเดือนละ 5,000 บาท ผมมีสิทธิให้ศาลแพ่งคุ้มครองเรื่องการอายัติเงินเดือนได้อยู่หรือไม่ครับ เพราะพยายามต่อรองกับทางธ.แล้ว แต่ไม่ยอมท่าเดียว
3. ถ้าทางธ.โทรมาแบบนี้อีก มีวิธีบอกเค้าไปยังไงบ้างครับ เพราะโทรมาหลายรอบแล้ว แต่ก็พูดแบบเดียวกันตลอด ไม่เกิน 12 เดือน ไม่ประณีประนอม
4. ผมอยากขอความกรุณาท่านผู้รู้ ช่วยคำนวณตารางให้ทีครับ ว่าถ้ายอดฟ้อง 209,000 บาท ผ่อนกี่เดือนจึงจะหมดครับ แล้วถ้าเค้าทำเรื่องอายัติเงินเดือน หรือว่าโทรมาแบบนี้อีก ผมควรทำอย่างไรดีครับ

ขอบพระคุณมากครับ

หลังจากได้เลื่อนนัดไป และไม่ยอมสู้คดี รอให้ศาลท่านพิพากษาเลย ก็ได้รับคำพิพากษามาแล้ว ดังนี้ครับ

จากยอดฟ้อง สองตัว
1 บัตรเครดิต ยอดฟ้อง 46,270.44 พิพากษา 50,241.47 บาท พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 15
2 สินเชื่อส่วนบุคคล ยอดฟ้อง 138,156.61 พิพากษา 148,785.75 บาท พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 15
และค่าฤชาธรรมเนียม ค่าทนาย 3,000 บาท

ผมไม่มีเงินก้อนเลยตอนนี้ คงต้องใช้วิธีหักคอจ่ายเอาครับ

อยากรบกวนสอบถามดังนี้ครับ
-ด้วยตัวเลขยอดนี้ ถ้าหักคอจ่าย จะต้องจ่าย แต่ละตัวเดือนละประมาณเท่าไหร่ครับ คือผมทำตารางและคำนวนไม่เป็นนะครับ
-ทางธนาคารนี้คุยยากที่สุดในสามโลก กะว่าจะโทรไปเรื่องขอผ่อนจ่าย แต่ก็คงโดนตอบกลับมาไม่พ้นให้ชำระภายใน 1 ปี แน่ๆ ไม่งั้น จะส่งเรื่องกรมบังคับคดีให้เร็วที่สุด คือหนักใจมากครับ กับการคุยกับเจ้านี้ ไม่ทราบพอมีคำแนะนำในการคุยบ้างไหมครับ

ขอบพระคุณครับ

เป็นกำลังใจให้นะครับคงต้องรอผู้รู้มาตอบพอดีก็เข้ามาเก็บข้อมูลนะครับสู้ สู้ ครับ

p.namdech เขียน: เป็นกำลังใจให้นะครับคงต้องรอผู้รู้มาตอบพอดีก็เข้ามาเก็บข้อมูลนะครับสู้ สู้ ครับ

ขอบคุณมากๆครับ เช้านี้โทรไปเพื่อคุยเรื่องการจ่ายเงิน แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่รับสายเลย!!!

ไม่น่าจะต่ำกว่าเดือนละ 5 พันนะ... ถ้ามีมากก็จ่ายมากก็ได้ ที่สำคัญคือเก็บใบเสร็จรับเงินไว้ให้ครบ ถ้าไปจ่ายที่เซเว่น ก็ถ่ายสำเนาใบเสร็จไว้ด้วย

คุณต้องเข้าใจก่อนนะว่าการหักคอจ่ายไม่ได้ชัวร์ 100% ว่าจะไม่โดนบังคับคดี แต่เป็นหนทางสุดท้ายจริงๆ เพราะไม่มีทางเลือกอื่น ซึ่งผมก็ใช้วิธีหักคอจ่ายเหมือนกัน และก็ปิดไปได้ บางตัวหักคอจ่ายไปเรื่อยๆ แล้วก็ทำ HC ก็มี ก็ไม่ได้โดนบังคับคดี

keng เขียน: ไม่น่าจะต่ำกว่าเดือนละ 5 พันนะ... ถ้ามีมากก็จ่ายมากก็ได้ ที่สำคัญคือเก็บใบเสร็จรับเงินไว้ให้ครบ ถ้าไปจ่ายที่เซเว่น ก็ถ่ายสำเนาใบเสร็จไว้ด้วย

คุณต้องเข้าใจก่อนนะว่าการหักคอจ่ายไม่ได้ชัวร์ 100% ว่าจะไม่โดนบังคับคดี แต่เป็นหนทางสุดท้ายจริงๆ เพราะไม่มีทางเลือกอื่น ซึ่งผมก็ใช้วิธีหักคอจ่ายเหมือนกัน และก็ปิดไปได้ บางตัวหักคอจ่ายไปเรื่อยๆ แล้วก็ทำ HC ก็มี ก็ไม่ได้โดนบังคับคดี

ด้วยเหตุที่ผมต้องหักคอจ่ายก็คือ พยายามคุยหลายครั้้งมากๆเลยครับ ตั้งใจว่าจะจ่ายเดือนละ 5000 อยู่แล้วครับ แต่ทางธนาคาร ขอให้จบภายใน 1 ปี ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าจะสามารถจ่ายให้จบได้ไหม ก็เลยยังไม่รับปากกับทางธนาคารไป เพราะจริงๆก็รับงานเสริมมาทำที่บ้านอยู่ด้วยครับ
เคยไปปรึกษาท่านประธานชมรม ท่านก็แนะนำว่าให้ลองหักคอจ่ายไปครับ ถ้าเกิดโดนหมายบังคับคดี เราก็สามารถไปยื่นเรื่อง"ขอระงับการบังคับคดี ชั่วคราว" ไว้ได้ โดยไปยื่นคำร้องที่ศาล เพราะเรามีเจตนาที่จะจ่าย แต่จ่ายไม่ไหว เอาหลักฐานการจ่ายเงินไปยื่นให้ศาลท่านดู ว่าจะสามารถชำระหนี้หมดภายในเวลา 5 ปี (แต่ก็ไม่ได้ถามท่านประธานต่อว่า 100% ไหม ว่าศาลท่านจะคุ้มครอง) เพราะบางทีกลัวท่านประธานเหมือนกัน ท่านเสียงดุมว๊ากก ก็เลยไม่กล้าถามต่ออะครับ

กะว่าถ้าผ่อนจ่ายไปทุกงวด โดยคงแบ่งจ่ายดังนี้
1 บัญชีบัตรเครดิต จ่ายเดือนละ 1500 บาท
2 บัญชีเงินกู้ จ่ายเดือนละ 3500 บาท
เพราะเห็นศาลท่านสั่งให้จ่ายสองบัญชีนะครับ

แต่ตอนนี้ติดปัญหาว่าต้องจ่ายนานกี่เดือนถึงจะหมดอะครับผม

ที่กล่าวมาทั้งหมดคือบัตร UOB เลยใช่มั้ย
ทำไมศาลพิพากษาแล้วไม่มีการลดดอกเบี้ยให้เลยล่ะ
คิดว่าถ้้าปล่อยให้ศาลตัดสิน จะได้ลดดอกเบี้ยหรือยอดหนี้บ้าง
หรือว่านี่ลดแล้วคะ
UOB น่ากลัวจริงๆ

ดอกไม้สีขาว เขียน: ที่กล่าวมาทั้งหมดคือบัตร UOB เลยใช่มั้ย
ทำไมศาลพิพากษาแล้วไม่มีการลดดอกเบี้ยให้เลยล่ะ
คิดว่าถ้้าปล่อยให้ศาลตัดสิน จะได้ลดดอกเบี้ยหรือยอดหนี้บ้าง
หรือว่านี่ลดแล้วคะ
UOB น่ากลัวจริงๆ

ใช่ครับ มีอยู่จ้าวเดียวจริงๆ. ศาลท่านลดอัตราดอกเบี้ยให้นะครับ. แต่ที่ยอดเพิ่มขึ้น ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน
คงต้องรบกวนผู้รู้มาช่วยตอบครับ

ยังไงหลังจากนี้ จะพยายามอัพเดตในส่วนของหักคอจ่ายมากๆนะครับ เผื่อจะได้พอเป็นแนวทางให้ คนอื่นได้บ้าง
ไดด้ลองโทรไปเจรจาอีกรอบกับจนท. ธนาคาร. ผลก็เหมือนเดิม. เลยกะว่าจะจ่าย 5000 บาทในวันที่. 1 ธค นี้ครับ

UOB รายนี้เคี่ยวจริงๆ ยิ่งถ้าฟ้องแล้ว ไม่ค่อยยอมคุยง่ายๆ
อย่างที่ท่านทราบครับ การหักคอจ่าย มันไม่ 100% ว่าเจ้าหนี้เค้าจะยอมหรือเปล่า
เพราะยอดที่คุณจะจ่าย 5000 กับยอดที่ธนาคารเค้าต้องการประมาณ 16000/เดือน
มันห่างกันเยอะเกินครับ แต่ถ้าอย่างเสี่ยงก็ลองหักคอจ่ายดูครับ
แต่ถ้าเทียบกับการปล่อยอายัดเงินเดือน อย่างไหนคุณได้ประโยชน์กว่า ลองพิจารณาดูครับ

ultra เขียน: UOB รายนี้เคี่ยวจริงๆ ยิ่งถ้าฟ้องแล้ว ไม่ค่อยยอมคุยง่ายๆ
อย่างที่ท่านทราบครับ การหักคอจ่าย มันไม่ 100% ว่าเจ้าหนี้เค้าจะยอมหรือเปล่า
เพราะยอดที่คุณจะจ่าย 5000 กับยอดที่ธนาคารเค้าต้องการประมาณ 16000/เดือน
มันห่างกันเยอะเกินครับ แต่ถ้าอย่างเสี่ยงก็ลองหักคอจ่ายดูครับ
แต่ถ้าเทียบกับการปล่อยอายัดเงินเดือน อย่างไหนคุณได้ประโยชน์กว่า ลองพิจารณาดูครับ

ครับ แต่จริงๆที่ผมไม่อยากให้อายัติเงินเดือน ก็เพราะจริงๆถ้าเก็บ ให้แบบกระเบียดกระเสียนเลย ก็คงให้ได้ครับ 16000 ต่อเดือน แต่ ด้วยความเคี่ยวของธนาคาร ก็อยากลองสักตั้งนึงครับ

ในตอนแรกก็เครียดเหมือนกัน แต่จะลองทำอย่างที่ท่านประธานว่านะครับ ถึงมันไม่ 100% แต่ตั้งแต่ เปิดเว็ปมา ทำหักคอจ่าย ยังไม่มีใครโดนยึดเงินเดือนเลย เพราะถ้าเราจ่ายแบบสมน้ำสมเนื้อ แล้วหมดหนี้ภายใน 5 ปี ศาลท่านคงพิจารณาช่วยครับ เพราะในคำพิพากษา ท่านเขียนด้วยว่า" ด้วยสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ ..."
ผมก็หวังว่า ถ้าเค้ายื่นอายัติเงินเดือนมา จะไปยื่นคำระงับการอายัติเงินเดือนชั่วคราวนะครับ

ผมก็บอกทางธนาคารไปว่า ผมอ่ะเป็นคนผิดที่กู้มา แต่ขอระยะเวลาให้ผมผ่อนได้หน่อย เราจะได้ทำได้ แต่นี่ทางธนาคารไม่ให้เลย แถมยังโกหกด้วยว่าไม่มีส่วนลดให้ที่อื่น พระเจ้าาา ก็หักคอจ่ายไปละกันครับ วัดๆกัน

วันนี้tmb. โทรมาถามเรื่องบัตรเครดิต ยอดหยุดประมาณ35,000บอกลดให้เหลือ24,000ตังยังไม่พอ. บอกทำตามระบบได้เลยครับ. คาดว่าหมายศาลคงมาหลังจากนี้

tmb หยุดไปกี่เดือนครับ

niranum เขียน: tmb หยุดไปกี่เดือนครับ

หยุดไปประมาณ 10 เดือนครับ มีโทรเข้ามาสอบถามเรื่อยๆ แต่คงด้วยยอดมันน้อยมั๊งครับเค้าก็เลยยังไม่ได้อะไรมาก มีส่วนลดให้ แต่ผมกะรอลดให้ได้สัก 50% หน่อยค่อยจ่ายอ่ะครับ ช่วงนี้ต้องจ่ายหลายตัว ก็เลยบอกเค้าไปว่าทำตามระบบได้เลย

กะว่าจะเอาเวลาช่วงนี้เก็บเงินแล้วไปเจรจาหน้าศาลเอาครับ

ตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล จังหวัดมีนบุรี ที่บังคับให้ จำเลยชำระหนี้บัตรเครดิต 50,214.47 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของต้นเงิน 46,270.44 บาท นับตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2557 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

และชำระหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล 148,785.75 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อไป(ในคำพิพากษาพิมพ์แบบนี้จริงๆนะ) ของต้นเงิน 138,156.61 บาท นับตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2547(อันนี้ก็พิมพ์แบบนี้เหมือนกันครับ พศ.เลยมาเป็นสิบปี) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท


ขอสอบถามนิดนึงครับ คือด้วยคำพิพากษามีบางส่วนหน้าจะพิมพ์ผิด เช่นปีพศ.แบบนี้ จะมีผลอะไรหรือเปล่าครับผม ขอบคุณครับ

ขอถามหน่อยสิครับ ศาลตัดสินทำไม ยอดเพิ่มขึ้นอ่าครับ ไม่เข้าใจ ทำไมลดให้แต่ดอกเบี้ย

น่านนะสิครับ ผมก็งงเหมือนกัน คงต้องรบกวนผู้รู้มาช่วยตอบ ครับผม

รอผู้รู้มาตอบ อยากทราบ

October เขียน: ตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล จังหวัดมีนบุรี ที่บังคับให้ จำเลยชำระหนี้บัตรเครดิต 50,214.47 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของต้นเงิน 46,270.44 บาท นับตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2557 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

และชำระหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล 148,785.75 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อไป(ในคำพิพากษาพิมพ์แบบนี้จริงๆนะ) ของต้นเงิน 138,156.61 บาท นับตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2547(อันนี้ก็พิมพ์แบบนี้เหมือนกันครับ พศ.เลยมาเป็นสิบปี) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท


ขอสอบถามนิดนึงครับ คือด้วยคำพิพากษามีบางส่วนหน้าจะพิมพ์ผิด เช่นปีพศ.แบบนี้ จะมีผลอะไรหรือเปล่าครับผม ขอบคุณครับ

148,785.75 บาท คือ"ทุนฟ้อง"โดยคิดมาจาก = หนี้เงินต้น(138,156.61 บาท) + ดอกเบี้ยระหว่างที่หยุดจ่าย + ค่าติดตามทวงถามหนี้ระหว่างที่หยุดจ่าย = 148,785.75 บาท

สมมุติว่า ถ้าหากคุณกำเงินสดจำนวนมากไปขึ้นศาล ในวันที่ศาลนัดฟังคำพิพากษา แล้วคุณจ่ายชำระหนี้ตามที่ศาลพิพากษา ก็ต้องจ่ายเป็นจำนวนเงิน 148,785.75 บาท + ดอกเบี้ยย้อนหลัง(ตั้งแต่ 11/มี.ค./57) + ค่าฤชาธรรมเนียมศาล(ประมาณสามพันกว่าบาท) + ค่าทนายโทก์อีก 3,000 บาท...ก็เป็นอันจบหนี้เลยทันที ไม่ต้องมีดอกเบี้ยใดๆทั้งสิ้น

แต่ถ้าคุณไม่มีเงินก้อนดังกล่าว แต่จะใช้หนี้โดยการผ่อนจ่าย(แบบหักคอจ่าย) หรือ ผ่อนโดยการยอมให้ถูกอายัดเงินเดือน ศาลท่านสั่งให้คุณต้องจ่ายหนี้ตามทุนฟ้อง(148,785.75 บาท) และให้มีการคิดดอกเบี้ยเดินตามตูดคุณ ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของหนี้เงินต้น 138,156.61 บาท โดยดอกเบี้ยจำนวนนี้ จะเดินตามตูดคุณไปเรื่อยๆจนกว่าจะใช้หนี้จนหมด

ที่สำคัญที่สุดคือ ศาลท่านสั่งให้คุณต้องจ่ายดอกเบี้ย"ย้อนหลัง"อีกด้วย โดยให้คิดดอกเบี้ยย้อนหลังไปจนถึง 11 มีนาคม 2557 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน รวมเข้าไปอีกด้วย

ปัญหาที่หนักที่สุดของคุณในตอนนี้ก็คือ คำพิพากษาของคุณมันดันพิมพ์ปี พ.ศ. ผิด แทนที่จะคิดดอกเบี้ยย้อนหลังไปถึงแค่ 11 มีนาคม 2557 แต่ถ้าพิมพ์ผิดอย่างนี้ คุณจะต้องโดนคิดดอกเบี้ย"ย้อนหลัง"ไปอีกสิบปี...งานนี้แค่ค่าดอกเบี้ย"ย้อนหลัง"อย่างเดียว คุณก็อ่วมอรทัยแล้วล่ะครับ (ใช้หนี้อย่างไรก็ไม่มีวันหมดเสียที)

เรื่องที่เร่งด่วนที่สุดในตอนนี้ คือคุณต้องรีบกลับไปที่ศาล แล้วเขียน"คำร้อง"ขอให้มีการพิมพ์คำพิพากษาเสียใหม่ เนื่องจากคำพิพากษาที่ออกมาในตอนนี้ มัน"พิมพ์ปี พ.ศ. ผิด"

ถ้าหากคุณไม่รีบดำเนินการแก้ไขใหม่ คุณนั่นแหละที่จะซวย

อย่ามัวแต่มา"งง"กับ ตัวเลขของทุนฟ้อง , หนี้เงินต้น , ดอกเบี้ย ให้เสียเวลาเลยครับ...ถ้าหากคุณแก้ไขคำพิพากษาไม่ทัน คนที่จะซวยที่สุด ก็คือคุณนั่นแหละ

งานเข้าแล้ว แย่ๆๆ

งานงอก พระเจ้าช่วย จะรีบกลับไปในวันพฤหัสเลยครับ ขอบคุณครับ