การคิดดอกเบี้ยก่อนฟ้องและหลังฟ้อง

สวัสดีครับเพื่อนสมาชิกทุกท่าน ผมมี 10 บัญชี ยอดเงินต้นประมาณ 400,000 บาท อยากเรียนสอบถามท่านผู้รู้ว่า ประเด็นที่หนึ่ง การคิดดอกเบี้ยก่อนฟ้องตามกฎหมายคือ 15% ต่อปี และหลังฟ้อง ไม่เกิน 15 % ต่อปี (ตามคำพิพากษา) นั้น ค่าดอกเบี้ยสามารถคิดเกินเงินต้นได้หรือไม่ เช่น ผมเป็นหนี้เงินต้น(คดีเงินกู้ยืม) 50,000 บาท เจ้าหนี้ไปฟ้องเอาปีที่ 8 ก่อนอายุความหมด ค่าดอกเบี้ย = 50,000x0.15x8=60,000 บาท ดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้น 10,000 บาท (เงินต้น 50,000 บาท) การคิดดอกเบี้ยแบบนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ประเด็นต่อมา หลังศาลมีคำพิพากษา ให้จำเลยชำระเงินต้นและดอกเบี้ยตามคำฟ้อง(15% ต่อปี) และยังมีค่าดอกเบี้ยนับจากวันพิพากษาจนกว่าจะชำระเงินแก่โจท์เสร็จ ถามว่าหากโจทย์ยังไม่ขอให้ศาลบังคับคดี แต่ไปขอบังคับคดีในปีที่ 8 ดอกเบี้ยหลังฟ้องคือ ยอดเงินที่ศาลสั่งให้ชำระแกโจทย์รวมกับดอกเบี้ยที่นับตั้งแต่วันตัดสินคดีใช่หรือไม่ สมมุติ เงินต้น 50,000 บาท ดอกเบี้ยก่อนฟ้อง 60,000 บาท ดอกเบี้ยหลังฟ้อง = 50,000x0.15x8= 60,000 บาท ดังนั้นผมจะต้องชำระเงินให้แกโจทย์ทั้งสิ้น = 50,000+60,000+60,000 =170,000 บาท ใช่หรือไม่ครับ

การคิดดอกเบี้ยก่อนฟ้องผมค้นเจอคำตอบแล้วครับ ความว่า อายุความที่เจ้าหนี้ฟ้องเรียกดอกเบี้ยค้างชำระคืนกับลูกหนี้
เป็นไปตาม ป.พ.พ.มาตรา 193/33(1) กฎหมายกำหนดให้ต้องฟ้องเรียกดอกเบี้ยภายใน 5 ปี นับแต่วันผิดนัด ส่วนดอกเบี้ยที่ลูกหนี้ค้างชำระเกิน 5 ปี ขาดอายุความ (ฎีกา 3212/2532) แต่ดอกเบี้ยหลังฟ้องยังไม่ทราบคำตอบ หากท่านใดทราบรบกวนขอความรู้เป็นวิทยาทานด้วยครับ

ไปเอาคำพิพากษาของศาลมาลงในกระทู้ให้ดูเสียก่อน แล้วจะอธิบายให้ฟัง

คำพิพากษาครับ

คดีนี้ คุณไม่ยอมสู้คดีว่าด้วยเรื่อง"ขาดอายุความ"(สินเชื่อมีอายุความ 5ปี) จาก Link ในกระทู้นี้

อายุความในการฟ้องร้อง คดีแพ่ง (หนี้เงิน)
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=813&Itemid=64


debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=41327&Itemid=64#52480


จึงเป้นเหตุให้คุณต้องชำระหนี้ตามที่ถูกฟ้องมา แทนที่จะไม่ต้องจ่ายหนี้เลยซักบาท

การไม่ไปศาล(จะด้วยเหตุอะไรก็ตาม) ศาลจะถือว่าจำเลย"หนีศาล"และจะพิพากษาไปตามที่โจทก์ฟ้อง
โดยศาลจะถือว่าจำเลยสละสิทธิ์ต่างๆอันเป็นสิทธิ์ที่จำเลยพึงมีทั้งหมด

หากจำเลยจะขอยื่นอุทธรณ์ต่อ ในกรณีของคุณนี้ ก็จะไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากได้หมดเวลาในการยื่นอุทธรณ์ไปนานแล้วด้วย

ตอนนี้ คงทำได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือคุณต้องก้มหน้ารับกรรม ชำระหนี้ตามที่ศาลสั่ง โดยสามารถคิดได้ดังนี้

หนี้ตามที่ศาลสั่ง = 71,947 บาท + ดอกเบี้ยร้อยละ 10 ของเงิน 41,219.05 บาท นับจากวันที่ฟ้องศาล + ค่าฤชาธรรมเนียมศาล(ประมาณสามพันกว่าบาท) + ค่าทนายโจทก์ 3,000 บาท

ปัญหาก็คือ ผมไม่รู้ว่าคุณถูกหมายศาลฟ้องใน วันที่/เดือน/ปี ที่เท่าไหร่?

เพราะคุณไม่ได้บอกเอาไว้
.

ขอขอบพระคุณท่านเป็นอย่างสูงครับที่ได้กรุณาช่วยตอบคำถาม ผมเป็นอีกคนหนึ่งครับที่หากรู้จัก web นี้มาก่อนคงไม่เป็นแบบนี้ ยอมรับตรงๆครับว่ากลัวๆๆๆ แต่ขนาดผมลงทุนไปเรียนกฎหมาย(ผมเป็นนักศึกษา มสธ. ระหัสปี 55...)ก็ยังกลัวอยู่เพราะเรารู้ยังไม่ถึงและยังไม่มีใครบอกเราแบบหมดไม่มีกั๊กเหมือนอย่างที Web นี้ พอผมได้ซื้อหนังสือที่ที่บู๊ชของทางชมรมงานมหกรรมหนังสือมาอ่าน(เป็นหนี้แก้ไขชีวิตอย่างไร) ผมหายกลัวเลยและกลับอยากไปศาลแทนการที่เคยหนีศาล แล้วโกรธตัวเองมากว่าทำไมถึงโง่อย่างนี้น่ะ เรียนสารภาพตรงๆ อีกครั้งตอนหยุดจ่ายเคยคิดฆ่าตัวตายมาแล้วครับเพราะต้องเปลี่ยนงานหนีพวกทวงหนี้ตลอด แต่ตอนนี้ผมกับอยากให้เขาฟ้องเร็วๆ ดอกจะได้หยุดและผมเลือกใช้บริการ 30 บาทรักษาทุกบัญชีครับ (ให้อายัดเงินเดือนและไม่ขอลดอายัดเพราะจะได้หมดเร็วๆ) สำหรับบัญชีนี้ใกล้หมดแล้วครับอีกสองเดือนผมก็จะจ่ายหมดบัญชีแรก และเจ้าต่อไปผมก็ให้เขาไปเข้าคิวกันบังคับกันเอาครับ
แรกๆ ก็ปรับตัวมากครับเพราะภาระครอบครัวเยอะ แต่ผ่านสามเดือนผมปรับตัวได้แล้วครับ และประมาณไม่เกินสามปีผมก็จะเป็นไทแล้วครับ(เพราะเขาสามารถอายัดโบนัสได้อีก 50 % ก็ยิ่งจะทำให้ผมชำระได้เยอะขึ้น)
ขอรบกวนสอบถามอีกนิดหนึ่งครับ ระยะเวลานับจากวันที่ฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จมีกำหนดหรือเปล่าครับ เพราะผมเข้าใจว่าหากตราบใดที่ยังชำระไม่ครบ(ไม่ว่าจะนานแค่ไหน)โจทย์ก็ยังสามารถคิดดอกเบี้ยได้ตลอดไปใช่หรือไม่ครับ ด้วยความเคารพครับ

ไฟล์เอกสารอายัดเงินเดือนครับ

ส่งไม่ผ่าน(ส่งใหม่)

thewinpuntung เขียน: ขอรบกวนสอบถามอีกนิดหนึ่งครับ ระยะเวลานับจากวันที่ฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จมีกำหนดหรือเปล่าครับ เพราะผมเข้าใจว่าหากตราบใดที่ยังชำระไม่ครบ(ไม่ว่าจะนานแค่ไหน)โจทย์ก็ยังสามารถคิดดอกเบี้ยได้ตลอดไปใช่หรือไม่ครับ

ถ้าหากเมื่อเจ้าหนี้ได้ทำการยื่นเรื่อง “บังคับคดี” ให้กับหน่วยงานราชการ ที่มีชื่อเรียกว่า “กรมบังคับคดี” ภายในระรยะเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่มีคำพิพากษาแล้ว...ก็ถือว่าเจ้าหนี้ได้ปฎิบัติหน้าที่ของตัวเอง ในการยื่นเรื่องเพื่อขอ “บังคับคดี” กับลูกหนี้เสร็จสิ้นแล้ว

ดังนั้น ต่อมา...หากจะมีการอายัเงินเดือนของจำเลย ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของศาล ต่อให้ระยะเวลาเกิน 10 ปีไปแล้วก็ตาม…ก็ยังสามารถตามอายัดเงินเดือนของลูกหนี้ได้ตลอดไป ไม่มีระยะเวลากำหนดอีกแล้ว(ยึดได้เรื่อยๆ จนกว่าหนี้จะหมด)

อ้างอิงข้อมูลจาก
อายุความในการบังคับคดี (ยึดทรัพย์ + อายัดเงินเดือน)
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=1296&Itemid=64

ยกเว้นแต่...ถ้าลูกหนี้ยอมให้ถูกอายัดเงินเดือนไปเรื่อยๆจนถึง 10ปี แต่หนี้ก็ยังไม่ยอมหมดเสียที
แล้วลูกหนี้ได้ทำการ"ลาออก"จากที่ทำงานเดิม และไปทำงานในที่บริษัทใหม่...ในปีที่11
การอายัดเงินเดือนก็จะถูกยุติทันที เพราะถือว่าเงินเดือนของลูกหนี้ ณ ที่บริษัทใหม่นั้น จัดเป็น"ทรัพย์ใหม่" จึงไม่สามารถอายัดเงินเดือนต่อไปอีกได้ เนื่องจากขาดอายุความ

ขอบคุณครับเข้าใจแล้วครับผม

เข้ามา Update ครับ หมดไปหนึ่งบัญชีแล้วครับ รอเจ้าต่อไปอยู่ ครั้งนี้จะสู้คดีครับ เพราะไม่ได้รับหมายศาลและไม่รู้ว่าถูกฟ้อง มีแต่จดหมายทวงนี้ว่าฟ้องแล้ว คดีดำหมายเลข... คดีแดงหมายเลข... รบกวนขอคำแนะนำท่านด้วยน่ะครับ ขอบคุณครับ