มีใครเป็นหนี้บัตร ควิกแคช แล้วหยุดจ่ายเงินบ้างคะ เข้ามาช่วยแชร์ประสบการณ์หน่อยค่ะ

8 ปี 3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #83401 โดย nok05

jinnyja เขียน:

nok05 เขียน: เรียนถามคุณนกกระจอกเทศ และทีมงานท่านอื่น ๆ ที่สามารถตอบได้ด้วยนะคะ

วันที่ 4 เมษายน นี้ จะเดินทางไปศาลเพื่อไกล่เกลี่ยกับทาง ควิกแคช (กรุงศรี เซอร์วิสเซส) แล้ว อยากทราบคร่าว ๆ ค่ะว่า เราควรเตรียมอะไรไปบ้าง แล้วควรตกลงยังไง หรือหยิบยกอะไรมาได้บ้าง เพื่อขอลดยอดหนี้ หรือขอผ่อนชำระยอดได้บ้างคะ ....ต้องเดินทางไปคนเดียวแบบ หัวเดียวกระเทียมลีบ คิดไม่ออกจริง ๆ ค่ะว่า จะสู้รบปรบมือกับอีกฝ่ายอย่างไรดี ช่วยหน่อยนะคะ :-( :-(

แล้วหากว่าในวันที่ 4 เรา 'ตกลง' กับทางเจ้าหนี้ได้ลงตัว ในวันที่ศาลนัด คือวันที่ 26 เมษายน เราต้องเดินทางไปศาลอีกหรือไม่คะ...กลัวจะเป็นเหมือนคนอื่น ๆ ที่ถูกเจ้าหนี้หลอก สุดท้ายไปได้ไปศาลเพราะคิดว่าตกลงกันได้แล้ว แล้วมาถูกย้อนศรเอาทีหลังค่ะ

ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ


เข้ามาให้กำลังใจนะค่ะ รู้สึกว่า คุณ nok05 จะกังวลมากๆใช่ไหมค่ะ ต้องตั้งสติ และดึงตัวเองกลับมาให้เร็ว นะค่ะ เพราะคำถามที่คุณถามซ้ำ เราว่าพี่ประธาน นกกระจอกเทศ ตอบให้ครอบคลุมหมดแล้วนะค่ะ ตามกระทู้ก่อน หน้า ตั้งสติ แล้วอ่านใหม่ สติมา ปัญญา เกิด ค่ะ สู้ๆ นะค่ะ เอาใจช่วยค่ะ

:สู้ๆ::สู้ๆ:



ขอบคุณคุณ Jinnyja มาก ๆ นะจ๊ะ.... คือตอนนี้ไม่ได้กังวลอะไรเลยค่ะ แค่กลัวว่าเราจะตามเกมเจ้าหนี้ไม่ทันเท่านั้นเองค่ะ มาถึงขนาดนี้ไม่กลัวอะไรแล้วค่ะ แค่อยากเตรียมพร้อมให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ ^____^

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

8 ปี 2 วัน ที่ผ่านมา - 7 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #84166 โดย nok05
หลังจากได้รับหมายศาลมา ก็ตัดสินใจว่าจะไปตามนัดไกล่เกลี่ยที่ทางเจ้าหน้าที่เสนอมาค่ะ...วันที่ไป มีลูกหนี้ไปเยอะมากๆๆๆ มีทนายฝั่งโจทก์มาคนเดียว พอดีว่าของเราเป็นนัดช่วงบ่าย ไปถึงเลยได้เห็นคนก่อนหน้ากำลังพูดคุยตกลงกันก่อนค่ะ

ฟังคร่าว ๆ ทุกคนคือ ได้เหมือนกันหมดเลยคือ ลดดอกให้เหลือ 12% ค่าทนาย 1000 ผ่อนไม่น้อยกว่า 2000 / ภายใน 24 ด. ไม่ลดต้น ไม่ผ่อนผัน ต่อให้ลูกหนี้พูดยังไงก็ยืนยันแบบนี้ ไม่มีใครได้ลดเลย....

พอมาถึงคิวเรา...เขาก็ถามว่าตกลงมั้ย คือถามแบบว่า ไม่ได้เกริ่นอะไรเราเลย จู่ ๆ มาถามตกลงมั้ย เราก็เลยถามกลับว่า ตกลงเรื่องไร ให้รายละเอียดหน่อย เขาก็พูดแบบเดิม เหมือนรายอื่น ๆ แต่เพิ่มเงินส่งต่อเดือนเป็น 3000 เพราะยอดหนี้เราค่อนข้างสูง แต่อย่างอื่นเหมือนกันหมด

เราก็เลยบอกไปว่า เราอยากได้ส่วนลดค่ะ คิดว่าจะปิดบัญชีไปเลย // ทางทนายก็เงยหน้าขึ้นมองเรา หยุดเขียนเอกสารทุกอย่างเลย แล้วก็บอกว่า จะจ่ายปิดใช่มั้ยคะ ลดได้ค่ะ จะปิดแบบไหน งวดเดียวจบเลยมั้ย
(คือให้ความสนใจเราขึ้นมาทันที) 55555

เราก็บอกต่อว่า งวดเดียวเลยคงไม่ไหว แต่จะขอปิดจบภายใน 4-6 งวด เพราะอยากให้มันจบ ๆ ซะ ลดให้ได้เท่าไหร่

ทางนั้นก็จัดการโทรฯ ไปถามข้างใน (น่าจะเป็นคนที่ทำงานอยู่ที่สำนักงาน) บอกว่าเราจะขอปิด ขอลด จะเอาไง ลดได้มั้ย บลา ๆๆๆๆๆ พอวางสาย ก็หันมาคุยกับเราต่อว่า

ถ้างั้นวันนี้ก็เซ็นสัญญาตัวนี้ไปก่อน แล้วก็จ่ายเงินเข้ามาก่อน 1 งวด 3000 บาทก็ได้ แล้วก็โทรศัพท์เข้าไปหาเจ้าหน้าที่ บอกว่าเราต้องการจะปิด ขอส่วนลด ทางนั้นจะจัดการต่อให้เอง...

เราก็ถามไปต่อว่า เราจะได้ส่วนลด และผ่อนจ่าย 4 เดือนได้ใช่มั้ย ทางนั้นก็ตอบว่า ได้ค่ะแล้วก็ยื่นสัญญามาให้

เราว่าเราคิดมาดีแล้วนะ รอบคอบแล้วนะ แต่ไม่รู้ยังไง ดันไปเซ็นสัญญานั้นซะได้...ไม่รู้ว่าเราหลงกล ถูกหลอก หรือเปล่า รู้สึกเหมือนเราจะไม่ได้อะไรเลย ยังไงก็ไม่รู้.... -__-"

**************************

พอกลับมาบ้านแล้วก็มานั่งไตร่ตรอง คิดๆๆๆๆ รู้สึกเหมือนว่าตัวเองพลาด ไม่น่าไปเซ็นสัญญาตัวนั้นเลยค่ะ

แล้วก็มีคำถามเกิดขึ้น แล้วอย่างนี้วันที่ 26 เมษายนนี้ ที่มีนัดขึ้นศาล เราจะต้องไปหรือเปล่าคะ

เรียนสอบถามคุณนกกระจอกเทศ หน่อยนะคะ คือไม่แน่ใจว่า เราต้องไปมั้ย แต่วันนั้นรู้สึกเหมือนทางทนายจะบอกว่า เราไม่ต้องไปแล้ว เพราะวันนี้เราเซ็นสัญญาแล้ว...แต่อยากให้แน่ใจค่ะ กลัวจะมีปัญหาตามมาอีก

ปล. ส่งเอกสารมาให้ดูด้วยค่ะ ....จำได้ว่าเหมือนเคยเห็นคุณนกกระจอกเทศ ทำตารางการผ่อนชำระให้ดู แต่หากระทู้นั้นไม่เจอแล้ว...คืออยากจะทำตารางผ่อนชำระ เปรียบเทียบดูด้วยค่ะ คุณนกกระจอกเทศพอจะช่วยได้มั้ยคะ หรือส่งตารางมาให้ดูก็ได้ค่

ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

8 ปี 2 วัน ที่ผ่านมา - 7 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา #84191 โดย jackTs






ขอพิมพ์เนื้อหาของสัญญาไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความ ที่คุณได้ไปเซ็นต์ไว้ต่อหน้าศาล
โดยสรุปเป็นภาษาบ้านๆ(ไม่ใช่ภาษากฎหมาย) ได้ตามนี้นะครับ

ตามเนื้อหาในสัญญายอมความ ในข้อ ๑.

จำเลยตกลงใช้หนี้คืนให้กับโจทก์เป็นจำนวนเงิน 151,182.64 บาท + ดอกเบี้ยร้อยละ 12ต่อปี(ดอกเบี้ย 1% ต่อเดือน) ซึ่งดอกเบี้ยที่ว่านี้ ให้คิดจากเงินต้นที่ 123,045.53 บาท...โดยให้มีการคิดดอกเบี้ย"ย้อนหลัง"ไปจนถึงวันที่ฟ้องด้วย (ให้มีการคิดดอกเบี้ยย้อนหลังไปจนถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 รวมเป็นดอกเบี้ยย้อนหลังทั้งหมด 3เดือน)

ทั้งนี้ ดอกเบี้ยร้อยละ 12ต่อปี(1% ต่อเดือน)ที่ว่านี้...ให้มีการคิดดอกเบี้ย"เดินตามตูด"ลูกหนี้ไปเรื่อยๆอีกด้วย จนกว่าจะจ่ายหนี้ให้หมดตามสัญญา

จำเลยสัญญาว่า จะผ่อนจ่ายหนี้คืนให้กับโจทก์ทุกๆเดือน เดือนละไม่ต่ำกว่า 3,000 บาท โดยกำหนดให้จ่ายหนี้งวดแรกในวันที่ 4 พฤษภาคม 2559 และจ่ายหนี้ในเดือนต่อๆไปภายในไม่เกินวันที่ 4 ของทุกเดือน จนกว่าจะชำระหนี้ให้หมด...แต่ทั้งนี้...จำเลยจะต้องจ่ายหนี้ทั้งหมดตามเงื่อนไขของสัญญาฉบับนี้ ให้หมดภายใน 24 งวด (ทั้งหนี้เงินต้น + ดอกเบี้ยย้อนหลัง + ดอกเบี้ยเดินตามตูด)

และถ้าเมื่อถึงงวดที่ 24แล้ว หากยังมีหนี้ค้างชำระคงเหลืออยู่อีก จำเลยต้องไปหาเงินมาโปะจ่ายค่าหนี้ส่วนต่างที่ยังคงเหลือนี้ให้หมดด้วย

วิธีการชำระหนี้ ให้จำเลยผ่อนจ่ายเงินเข้าบัญชีหมายเลข 1288-4005-4813-2003
หรือจ่ายเงินผ่านช่องทางอื่นๆตามที่เจ้าหนี้กำหนดไว้


ตามเนื้อหาในสัญญายอมความ ในข้อ ๒.

หากจำเลยผิดนัดชำระตามสัญญาในข้อ ๑. (เช่น...ผ่อนจ่ายเงินน้อยกว่า 3,000 บาท , จ่ายเงินล่าช้าเกินกว่าวันที่ 4 ของแต่ละเดือน , ไม่จ่ายหนี้ งวดใดงวดหนึ่ง)
ให้ถือว่าจำเลยผิดนัดตามสัญญาฉบับนี้ทั้งหมด โดยจำเลยยินยอมให้โจทก์ทำการบังคับคดี(ยึดทรัพย์/อายัดเงินเดือน)ของจำเลยได้ทันที
อีกทั้งจำเลยยินยอมให้โจทก์ทำการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยใหม่ จากเดิมที่คิดดอกเบี้ยร้อยละ 12ต่อปี(1% ต่อเดือน) โดยปรับดอกเบี้ยใหม้ให้เพิ่มเป็นร้อยละ 15ต่อปี(1.25% ต่อเดือน) ซึ่งดอกเบี้ยที่ว่านี้ จะคิดจากยอดหนี้เงินต้นที่ยังคงเหลืออยู่ (แต่ต้องไม่เกินกว่ายอดเงิน 123,045.53 บาท) โดยดอกเบี้ยที่ว่านี้ จะคิดเดินตามตูดจำเลยไปเรื่อยๆจนกว่าจะใช้หนี้ให้หมด


ตามเนื้อหาในสัญญายอมความ ในข้อ ๓.

จำเลยยินยอมจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมศาล แทนที่โจทก์จะเป็นผู้จ่ายเอง(อีกกี่พันบาทก็ไม่รู้)...และจำเลยยินยอมจ่ายค่าทนายความให้กับโจทก์เป็นจำนวนเงิน 1,000 บาทอีกด้วย


ตามเนื้อหาในสัญญายอมความ ในข้อ ๔.

โจทก์และจำเลย ตกลงยินยอมที่จะทำตามสัญญาตั้งแต่ข้อ ๑. ถึง ข้อ ๓. ทุกประการ โดยไม่ติดใจเรียกร้องอะไรเพิ่มเติมอีก ไม่ว่าจะเป็นการเรียกร้องขอความเป็นธรรม หรือจะสู้คดีต่อก็ตาม




สรุปว่า...ผมไม่สามารถทำตารางคำนวนดอกเบี้ยและหนี้เงินต้น สำหรับการผ่อนจ่ายหนี้ตามสัญญาให้กับคุณได้หรอกครับ เพราะผมไม่รู้ว่าศาลกำหนดให้ค่าฤชาธรรมเนียมศาลในคดีของคุณ มันเป็นจำนวนเงินกี่พันบาท

โดยปกติแล้ว ค่าฤชาธรรมเนียมศาล ทางฝ่ายเจ้าหนี้จะเป็นผู้จ่ายให้กับศาลเอง
แต่...ในสัญญาที่คุณไปเซ็นต์เอาไว้ มันกำหนดเอาไว้ในข้อ ๓. ว่าให้ตัวของจำเลย(ลูกหนี้)เป็นผู้จ่ายแทน
ดังนั้น คุณจะต้องย้อนกลับไปเช็คที่ศาลอีกครั้งเสียก่อน ว่าค่าฤชาธรรมเนียมศาลในคดีของคุณนั้น ศาลได้สั่งให้ต้องจ่ายค่าฤชาธรรมเนียม เป็นเงินจำนวนกี่พันบาทกันแน่? (น่าจะประมาณ 3 - 5 พันบาท)

ถ้าคุณไม่รู้ว่าค่าฤชาธรรมเนียมศาลเป็นเท่าไหร่
ก็ไม่มีทางคำนวณตัวเลขลงในตารางการผ่อนจ่ายหนี้ได้หรอกครับ





สำหรับการขอส่วนลดหนี้(Haircut) ภายหลังจากที่จำเลย(ลูกหนี้)ได้ทำการเซ็นต์สัญญายอมความไปแล้ว
ทางฝ่ายโจทก์(เจ้าหนี้)แทบทุกคดี จะให้ส่วนลดหนี้ Haircut เต็มที่สูงสุดก็ได้ไม่เกิน 30% หรอกครับ แถมยังกำหนดให้ต้องจ่ายหนี้ Haircut แบบงวดเดียวอีกด้วย (ห้ามจ่าย Haircut แบบผ่อนเด็ดขาด)

เพราะการจ่ายหนี้ Haircut แบบผ่อน ภายหลังจากคู่ความทั้งสองฝ่ายได้เซ็นต์สัญญายอมความในชั้นศาลไปแล้ว มันจะผิดต่อเงื่อนไขของสํญญาดังกล่าว เนื่องจากมันมีดอกเบี้ยเดินตามตูดอยู่ด้วย
ดังนั้น เจ้าหนี้จึงมักไม่ยอมให้จ่าย Haircut แบบผ่อนต่อ...แต่จะบังคับให้จ่ายหนี้แบบปิดบัญชีเพียงงวดเดียวเท่านั้น


ตัวอย่าง เป็นหนี้บัตรเครดิต ได้ประนีประนอมที่ศาล (อยู่ในด้านล่างสุดของกระทู้)
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=44003&Itemid=64#83904

.
อนณสุข ปรมาลาภา

ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

8 ปี 23 ชั่วโมง ที่ผ่านมา #84236 โดย nok05
สอบถามเพิ่มเติมอีกนิดนะคะ คุณนกกระจอกเทศ

เอกสารที่ได้มาในวัน 'นัดไกล่เกลี่ย' (ไม่ใช่วันจึ้นศาลนะคะ วันขึ้นศาลจริง ๆ คือ 26/4/59) คือ สัญญาประนีประนอม 1 แผ่น เท่านั้น

และหลังจากนี้จะต้องมีเอกสารทางศาลส่งไปที่บ้านอีกหรือไม่คะ .... เนื่องจากว่าได้ย้ายที่อยู่แล้ว ถ้ายังต้องมีส่งไปอีก เราจะสามารถติดต่อกับทาไหนได้บ้างคะ ให้เขาจัดส่งไปที่อยู่บ้านใหม่เรา ต้องติดต่อศาล หรือว่า กับเจ้าหนี้เราคะ

ปล. อ่านที่คุณนกกระจอกเทศอธิบายให้ฟังแล้ว รู้สึกเหมือนตัวเองเสียรู้อีกฝ่ายมาก ๆ เลย ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจไปฟังข้อเสนอดูก่อน หากไม่ดีพอ ก็รอขึ้นศาล ให้ศาลตัดสินให้แท้ ๆ ...เสียใจจังค่ะ

และขอขอบคุณคุณนกกระจอกเทศมาก ๆ นะคะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

8 ปี 22 ชั่วโมง ที่ผ่านมา - 8 ปี 20 ชั่วโมง ที่ผ่านมา #84237 โดย jackTs

nok05 เขียน: สอบถามเพิ่มเติมอีกนิดนะคะ คุณนกกระจอกเทศ

เอกสารที่ได้มาในวัน 'นัดไกล่เกลี่ย' (ไม่ใช่วันจึ้นศาลนะคะ วันขึ้นศาลจริง ๆ คือ 26/4/59) คือ สัญญาประนีประนอม 1 แผ่น เท่านั้น

และหลังจากนี้จะต้องมีเอกสารทางศาลส่งไปที่บ้านอีกหรือไม่คะ .... เนื่องจากว่าได้ย้ายที่อยู่แล้ว ถ้ายังต้องมีส่งไปอีก เราจะสามารถติดต่อกับทาไหนได้บ้างคะ ให้เขาจัดส่งไปที่อยู่บ้านใหม่เรา ต้องติดต่อศาล หรือว่า กับเจ้าหนี้เราคะ


หากคุณได้เซ็นต์สัญญาไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความไปแล้ว จะไม่มีคำพิพากษามาอีกแล้วครับ

เพราะสัญญาไกล่เกลี่ยที่คุณไปเซ็นต์ไว้ฉบับดังกล่าว เทียบเท่าได้กับคำพิพากษาของศาล แต่เป็นการพิพากษาแบบที่โจทก์และจำเลยสามารถตกลงกันเองได้
ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องมีคำพิพากษาซ้ำซ้อนขึ้นมาอีก และจำเลยก็ไม่สามารถอุทธรณ์ได้ด้วย

รายละเอียดแบบนี้ ผมได้อธิบายเอาไว้อยู่ในแนวทางที่ 2. แล้วนี่ครับ ลองไปอ่านดูให้ดีๆสิครับ

ความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับหน้าที่ของศาล
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=9240&Itemid=64


ปล. แล้วก็อย่าลืมไปเช็คค่าฤชาธรรมเนียมที่ศาลด้วยนะครับ ว่ามันเป็นจำนวนเงินกี่พันบาทกันแน่ จะได้เอามาคำนวณลงในตารางการผ่อนชำระหนี้ได้อย่างถูกต้อง

.
อนณสุข ปรมาลาภา

ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #86511 โดย nok05

นกกระจอกเทศ เขียน:

nok05 เขียน: สอบถามเพิ่มเติมอีกนิดนะคะ คุณนกกระจอกเทศ

เอกสารที่ได้มาในวัน 'นัดไกล่เกลี่ย' (ไม่ใช่วันจึ้นศาลนะคะ วันขึ้นศาลจริง ๆ คือ 26/4/59) คือ สัญญาประนีประนอม 1 แผ่น เท่านั้น

และหลังจากนี้จะต้องมีเอกสารทางศาลส่งไปที่บ้านอีกหรือไม่คะ .... เนื่องจากว่าได้ย้ายที่อยู่แล้ว ถ้ายังต้องมีส่งไปอีก เราจะสามารถติดต่อกับทาไหนได้บ้างคะ ให้เขาจัดส่งไปที่อยู่บ้านใหม่เรา ต้องติดต่อศาล หรือว่า กับเจ้าหนี้เราคะ


หากคุณได้เซ็นต์สัญญาไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความไปแล้ว จะไม่มีคำพิพากษามาอีกแล้วครับ

เพราะสัญญาไกล่เกลี่ยที่คุณไปเซ็นต์ไว้ฉบับดังกล่าว เทียบเท่าได้กับคำพิพากษาของศาล แต่เป็นการพิพากษาแบบที่โจทก์และจำเลยสามารถตกลงกันเองได้
ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องมีคำพิพากษาซ้ำซ้อนขึ้นมาอีก และจำเลยก็ไม่สามารถอุทธรณ์ได้ด้วย

รายละเอียดแบบนี้ ผมได้อธิบายเอาไว้อยู่ในแนวทางที่ 2. แล้วนี่ครับ ลองไปอ่านดูให้ดีๆสิครับ

ความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับหน้าที่ของศาล
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=9240&Itemid=64


ปล. แล้วก็อย่าลืมไปเช็คค่าฤชาธรรมเนียมที่ศาลด้วยนะครับ ว่ามันเป็นจำนวนเงินกี่พันบาทกันแน่ จะได้เอามาคำนวณลงในตารางการผ่อนชำระหนี้ได้อย่างถูกต้อง



สวัสดีค่ะคุณนกกระจอกเทศ

ขอโทษด้วยนะคะที่หายไปนานเลย หลังจากที่ได้ติดต่อสอบถามกับทางเจ้าหนี้แล้ว ได้ความว่า 'ค่าฤชาธรรมเนียมศาล' ทางศาลไม่คิด คงเหลือคิดแค่ค่าทนายความ จำนวน 1000 บาทเท่านั้นค่ะ

จึงอยากขอความช่วยเหลือจากคุณนกกระจอกเทศ ช่วยทำตารางการชำระหนี้ให้สักนิดค่ะ ว่าหากต้องชำระยอดหนี้ทั้งหมดภายใน 2 ปี จะต้องชำระเป็นจำนวนเท่าไหร่ต่อเดือนคะ


ทั้งนี้ ได้แนบเอกสารหนังสือประนีประนอมมาให้ดูอีกครั้งด้วยค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ


ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #86595 โดย nok05
อยากได้โปรแกรม ตารางการผ่อนชำระหนี้ ไม่ทราบว่า มีใครพอจะช่วยได้มั้ยคะ อยากได้มากเลยค่ะ เพื่อจะเอามาทำตารางการผ่อน ว่าตัวเองต้องจ่ายเท่าไหร่ต่อเดือน ถึงจะปลดหนี้ได้ภายใน 2 ปี ตามกำหนด หนังสือสัญญาประนีประนอม ค่ะ


ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ (o_O) (o_O) (o_O)

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา - 6 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #86632 โดย jackTs

nok05 เขียน: สวัสดีค่ะคุณนกกระจอกเทศ

ขอโทษด้วยนะคะที่หายไปนานเลย หลังจากที่ได้ติดต่อสอบถามกับทางเจ้าหนี้แล้ว ได้ความว่า 'ค่าฤชาธรรมเนียมศาล' ทางศาลไม่คิด คงเหลือคิดแค่ค่าทนายความ จำนวน 1000 บาทเท่านั้นค่ะ


คุณคิดผิดเสียแล้วล่ะครับ คุณโดนทนายโจทก์มันหลอก ให้คุณต้องยอมจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมศาล และค่าทนายโจทก์อีก 1,000 บาท ไว้อย่างชัดเจน โดยมันเขียนเป็นภาษากฎหมายเอาไว้อยู่ในสัญญา(ในข้อ 3.)เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เพราะเนื้อหาของสัญญา ในข้อ 3. นั้น มันพิมพ์โดยใช้ภาษากฎหมายที่ชัดเจนเอาไว้แล้วว่า

ข้อ 3. จำเลยยอมเสียค่าฤชาธรรมเนียม ในส่วนที่ศาลไม่สั่งคืน และ ค่าทนายความจำนวน 1,000 บาท


ซึ่งถ้าแปลเป็นภาษาชาวบ้าน ก็หมายความว่า


ข้อ 3. จำเลยยินยอมจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมศาล (อีกกี่พันบาทก็ไม่รู้ ถ้าอยากรู้ ก็ต้องไปเช็คที่ศาลเอาเอง) และจำเลยยินยอมจ่ายค่าทนายฝ่ายโจทก์อีก จำนวน 1,000 บาทด้วย



เพราะถ้าหากจำเลยไม่ต้องจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมศาล ตามในข้อ 3. จะต้องเขียนเป็นดังนี้ครับ

ข้อ 3. จำเลยยอมเสียค่าทนายโจทก์เป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนที่ศาลไม่สั่งคืนเป็นพับ


มันต้องเขียนไว้เป็นอย่างนี้ครับ จึงจะหมายความว่า

จำเลยยอมจ่ายเฉพาะในส่วนของค่าทนายความฝ่ายโจทก์

จำนวน 1,000 บาทเท่านั้น

ส่วนค่าฤชาธรรมเนียยมศาลนั้น จำเลยไม่ต้องจ่าย




หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้นเข้าไปอีก ก็ต้องบอกทนายโจทก์ให้มันเขียนให้เป็นอย่างนี้ครับ

ข้อ 3. ค่าค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนที่ศาลไม่สั่งคืน และค่าทนายความให้เป็นพับ


ซึ่งถ้าแปลเป็นภาษาชาวบ้าน ก็หมายความว่า


ข้อ 3. ค่าฤชาธรรมเนียมศาลและค่าทนายความของฝ่ายโจทก์ เป็นอันไม่ต้องจ่ายใดๆทั้งสิ้น


ให้มันต้องเขียนไว้เป็นอย่างนี้สิครับ ถึงจะเด็ดกว่า


ตัวอย่าง





ดังนั้น...คุณจะต้องไปเข็คค่าฤชาธรรมเนียมศาลในคดีนี้ของคุณเสียก่อน
ว่ามันเป็นจำนวนเท่าไหร่กันแน่?

หากได้ตัวเลขของค่าฤชาธรรมเนียมศาลมาแล้ว
จึงจะสามารถทำตรารางคำนวณต่อไปได้




nok05 เขียน: จึงอยากขอความช่วยเหลือจากคุณนกกระจอกเทศ ช่วยทำตารางการชำระหนี้ให้สักนิดค่ะ ว่าหากต้องชำระยอดหนี้ทั้งหมดภายใน 2 ปี จะต้องชำระเป็นจำนวนเท่าไหร่ต่อเดือนคะ


คุณต้องไปเช็คค่าฤชาธรรมเนียมศาลมาเสียก่อนนะครับ ไม่งั้นก็ไม่สามารภทำตารางคำนวณได้
.

.
อนณสุข ปรมาลาภา

ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา #90626 โดย nok05

นกกระจอกเทศ เขียน:

nok05 เขียน: สวัสดีค่ะคุณนกกระจอกเทศ

ขอโทษด้วยนะคะที่หายไปนานเลย หลังจากที่ได้ติดต่อสอบถามกับทางเจ้าหนี้แล้ว ได้ความว่า 'ค่าฤชาธรรมเนียมศาล ' ทางศาลไม่คิด คงเหลือคิดแค่ค่าทนายความ จำนวน 1000 บาทเท่านั้นค่ะ


คุณคิดผิดเสียแล้วล่ะครับ คุณโดนทนายโจทก์มันหลอก ให้คุณต้องยอมจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมศาล และค่าทนายโจทก์อีก 1,000 บาท ไว้อย่างชัดเจน โดยมันเขียนเป็นภาษากฎหมายเอาไว้อยู่ในสัญญา(ในข้อ 3.)เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เพราะเนื้อหาของสัญญา ในข้อ 3. นั้น มันพิมพ์โดยใช้ภาษากฎหมายที่ชัดเจนเอาไว้แล้วว่า

ข้อ 3. จำเลยยอมเสียค่าฤชาธรรมเนียม ในส่วนที่ศาลไม่สั่งคืน และ ค่าทนายความจำนวน 1,000 บาท


ซึ่งถ้าแปลเป็นภาษาชาวบ้าน ก็หมายความว่า


ข้อ 3. จำเลยยินยอมจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมศาล(อีกกี่พันบาทก็ไม่รู้ ถ้าอยากรู้ ก็ต้องไปเช็คที่ศาลเอาเอง) และจำเลยยินยอมจ่ายค่าทนายฝ่ายโจทก์อีก จำนวน 1,000 บาทด้วย



เพราะถ้าหากจำเลยไม่ต้องจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมศาล ตามในข้อ 3. จะต้องเขียนเป็นดังนี้ครับ

ข้อ 3. จำเลยยอมเสียค่าทนายโจทก์เป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนที่ศาลไม่สั่งคืนเป็นพับ


มันต้องเขียนไว้เป็นอย่างนี้ครับ จึงจะหมายความว่า

จำเลยยอมจ่ายเฉพาะในส่วนของค่าทนายความฝ่ายโจทก์

จำนวน 1,000 บาทเท่านั้น

ส่วนค่าฤชาธรรมเนียยมศาลนั้น จำเลยไม่ต้องจ่าย




หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้นเข้าไปอีก ก็ต้องบอกทนายโจทก์ให้มันเขียนให้เป็นอย่างนี้ครับ

ข้อ 3. ค่าค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนที่ศาลไม่สั่งคืน และค่าทนายความให้เป็นพับ


ซึ่งถ้าแปลเป็นภาษาชาวบ้าน ก็หมายความว่า


ข้อ 3. ค่าฤชาธรรมเนียมศาลและค่าทนายความของฝ่ายโจทก์ เป็นอันไม่ต้องจ่ายใดๆทั้งสิ้น


ให้มันต้องเขียนไว้เป็นอย่างนี้สิครับ ถึงจะเด็ดกว่า


ตัวอย่าง





ดังนั้น...คุณจะต้องไปเข็คค่าฤชาธรรมเนียมศาลในคดีนี้ของคุณเสียก่อน
ว่ามันเป็นจำนวนเท่าไหร่กันแน่?

หากได้ตัวเลขของค่าฤชาธรรมเนียมศาลมาแล้ว
จึงจะสามารถทำตรารางคำนวณต่อไปได้




nok05 เขียน: จึงอยากขอความช่วยเหลือจากคุณนกกระจอกเทศ ช่วยทำตารางการชำระหนี้ให้สักนิดค่ะ ว่าหากต้องชำระยอดหนี้ทั้งหมดภายใน 2 ปี จะต้องชำระเป็นจำนวนเท่าไหร่ต่อเดือนคะ


คุณต้องไปเช็คค่าฤชาธรรมเนียมศาลมาเสียก่อนนะครับ ไม่งั้นก็ไม่สามารภทำตารางคำนวณได้
.





สำหรับเรื่องของ บัตรควิกแคช ยังไม่ได้ทำการเช็คกกับทางศาล เกี่ยวกับค่าฤชาธรรมเนียมค่ะ เนื่องจากเพิ่งได้งานใหม่ ซึ่งงานค่อนข้างยุ่งมาก เลยไม่ได้เข้ามาอัพเดทในเว็บเพจเลย ทำให้เพิ่งเห็นว่า คุณนกกระจอกเทศ เข้ามาช่วยตอบคำถามให้แล้ว **** หลังจากนี้จะรีบดำเนินการสอบถามกับทางศาลโดยเร็วค่ะ แล้วจะเข้ามาแจ้งผลให้ทราบอีกครั้งนะคะ*****

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา #90627 โดย nok05
เรื่องเก่ายังไม่ทันจะจบเรียบร้อยดี ก็ได้หมายศาลฉบับที่ 2 (ของชีวิต) มาจนได้

หมายฉบับนี้เป็นของบัตร เคทีซีค่ะ ซึ่งก่อนหน้าที่จะทำการฟ้อง ทางเจ้าหน้าที่ก็มีโทรมาเพื่อต่อรองให้ส่วนลด โดยยื่นส่วนลดให้ที่ หกหมื่นกว่าบาท ผ่อน 6 งวด (ตกงวดละ หมื่นกว่าบาท) ซึ่งณ ตอนนั้น (เมื่อเดือนที่แล้ว) เจ้าหน้าที่ได้โทรมาแจ้งก่อนส่งเรื่องฟ้อง 7 วัน และหากตกลงตามเงื่อนไข ต้องชำระเงินงวดแรกให้ภายใน 2 วัน ซึ่งในขณะนั้นเงินเดือนยังไม่ออกค่ะ ถึงแม้จะสนใจข้อเสนอนั้นมากมายแค่ไหน และต่อรองขอชำระในวันที่ 26 กันยายน ไปแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ยินยอมโอนอ่อนให้ สุดท้ายเลยต้อง Say No กับข้อเสนอไป เพราะหาเงินมาจ่ายงวดแรกให้ไม่ทัน เป็นผลให้ได้รับหมายศาลฉบับนี้มา!!!!!

ซึ่งหลังจากได้รับหมายศาลแล้ว ก็มีเรื่องสงสัย และอยากสอบถาม คุณนกกระจอกเทศ และทีมงาน หรือผู้รู้ท่านอื่น ๆ ที่พอจะช่วยเหลือได้ดังนี้ค่ะ

1. ในหมายมีสอดเอกสารนัดไกล่เกลี่ยมาให้ โดยแจ้งนโยบายการมอบส่วนลดให้พิจารณาเสร็จสรรพ แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่า มันลดให้อย่างไร แล้วลดให้เยอะพอที่เราควรจะสนใจหรือไม่

2. ในหมายมีกำหนดวันที่นัดไกล่เกลี่ย และ วันนัดพิจารณา มาให้ ซึ่งอยากถามว่า หากเราไม่สนใจข้อเสนอต่าง ๆ ที่ทางเคซีทีแนบมา จึงไม่ไปในวันที่นัดไกล่เกลี่ย เราสามารถทำได้หรือไม่คะ ( คือรอไปวันที่นัดพิจารณาเลยทีเดียวค่ะ)

*****ทั้งนี้ ได้แนบเอกสารมาให้ดูด้วยค่ะ *****

ขอบคุณในความช่วยเหลือค่ะ








ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา #90707 โดย nok05
สัปดาห์หน้าก็ถึงวันนัดไกล่เกลี่ย ที่แจ้งมาในหมายศาลแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่า หากเราไม่ไป จะเกิดความเสียหายอะไรมั้ย แล้วหากไปส่วนลดที่จะได้ในวันนั้น จะได้ในจำนวนที่ดีกว่ามั้ยคะ

บัตรกรุงไทยค่ะ..... 2 วันก่อนมีเจ้าหน้าที่ติดต่อมา เสนอปิดบัญชี งวดเดียว แล้วจะถอนฟ้องให้ โดยให้ยอดมาที่ 73000 กว่า บาท (ซึ่งเพิ่มขึ้นมาจากวันที่แจ้งเสนอปิด ก่อนส่งฟ้อง ถึง 10000 กว่าบาท)...ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะมีเงินมากขนาดนั้นมาให้ ก็จำเป็นต้องปฏิเสธไปอีก....เสียใจมากค่ะ

ตอนนี้เลยสับสนว่า ควรจะไปในวันนัดไกล่เกลี่ยมั้ย นั่นเองค่ะ


nok05 เขียน: เรื่องเก่ายังไม่ทันจะจบเรียบร้อยดี ก็ได้หมายศาลฉบับที่ 2 (ของชีวิต) มาจนได้

หมายฉบับนี้เป็นของบัตร เคทีซีค่ะ ซึ่งก่อนหน้าที่จะทำการฟ้อง ทางเจ้าหน้าที่ก็มีโทรมาเพื่อต่อรองให้ส่วนลด โดยยื่นส่วนลดให้ที่ หกหมื่นกว่าบาท ผ่อน 6 งวด (ตกงวดละ หมื่นกว่าบาท) ซึ่งณ ตอนนั้น (เมื่อเดือนที่แล้ว) เจ้าหน้าที่ได้โทรมาแจ้งก่อนส่งเรื่องฟ้อง 7 วัน และหากตกลงตามเงื่อนไข ต้องชำระเงินงวดแรกให้ภายใน 2 วัน ซึ่งในขณะนั้นเงินเดือนยังไม่ออกค่ะ ถึงแม้จะสนใจข้อเสนอนั้นมากมายแค่ไหน และต่อรองขอชำระในวันที่ 26 กันยายน ไปแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ยินยอมโอนอ่อนให้ สุดท้ายเลยต้อง Say No กับข้อเสนอไป เพราะหาเงินมาจ่ายงวดแรกให้ไม่ทัน เป็นผลให้ได้รับหมายศาลฉบับนี้มา!!!!!

ซึ่งหลังจากได้รับหมายศาลแล้ว ก็มีเรื่องสงสัย และอยากสอบถาม คุณนกกระจอกเทศ และทีมงาน หรือผู้รู้ท่านอื่น ๆ ที่พอจะช่วยเหลือได้ดังนี้ค่ะ

1. ในหมายมีสอดเอกสารนัดไกล่เกลี่ยมาให้ โดยแจ้งนโยบายการมอบส่วนลดให้พิจารณาเสร็จสรรพ แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่า มันลดให้อย่างไร แล้วลดให้เยอะพอที่เราควรจะสนใจหรือไม่

2. ในหมายมีกำหนดวันที่นัดไกล่เกลี่ย และ วันนัดพิจารณา มาให้ ซึ่งอยากถามว่า หากเราไม่สนใจข้อเสนอต่าง ๆ ที่ทางเคซีทีแนบมา จึงไม่ไปในวันที่นัดไกล่เกลี่ย เราสามารถทำได้หรือไม่คะ ( คือรอไปวันที่นัดพิจารณาเลยทีเดียวค่ะ)

*****ทั้งนี้ ได้แนบเอกสารมาให้ดูด้วยค่ะ *****

ขอบคุณในความช่วยเหลือค่ะ









กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

7 ปี 1 เดือน ที่ผ่านมา #92997 โดย nok05
เรียนคุณนกกระจอกเทศ และทีมงานทุกท่านค่ะ


หายไปนานหลายเดือนวันนี้ได้พาตัวเอง ไปขึ้นศาลมา เป็นรอบที่ 2 หลังจากที่ก่อนหน้าไปมาแล้ว 1 รอบ กับบัตรควิกแคช รอบนี้ถึงคราวของบัตรเครดิตกรุงไทยค่ะ

สุดท้ายจบลงที่ยอมความ จ่ายราคาเต็มไม่มีลดหย่อน เพราะไม่ได้ไปในวันนัดไกล่เกลี่ย เลยหมดสิทธิ์ส่วนลดไปค่ะ

วันนี้ที่เข้ามาเพราะอยากสอบถามเกี่ยวกับตารางการคำนวณ การป่อนกนี้ค่ะ ไม่สามารถว่าทางเพจ และทีมงาน มีตีวอย่างตารางให้ดูบ้างมั้ยคะ อยากได้เพื่อนำมาคำนวนการผ่อนชำระค่ะ


ขอบคุณค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.885 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena