narisame เขียน: ขอบคุณคะคุณนกกระจอกเทศ คำพิพากษามาปิดที่บ้าน วันที่ 10 กันยายน 2559
คะ....
ศาลมีคำพิพากษามาปิดไว้ที่หน้าบ้านของคุณ ในวันที่ 10 กันยายน 2559
วันนี้...เป็นวันที่ 14 กันยายน 2559 เพิ่งผ่านมาแค่ 4วัน ยังสามารถทำการ"
หักคอจ่าย"ภายใน 15วัน ตามที่ศาลสั่งทันครับ(เพราะเพิ่งผ่านมาแค่ 4วันเอง)...ยังเหลือเวลาอีก 11วัน รีบไปทำการ"
หักคอจ่าย"ซะ
ปล. ใครที่อยากเห็นรูปหมายศาล(ในกระทู้ด้านบน)ให้เป็นภาพใหญ่ ให้เลื่อนเมาส์ไปที่รูปภาพนั้น
แล้วกดคลิ๊กขวา
แล้วเลือกที่บรรทัดแรก คำว่า Open link in new tab จะได้เห็นรูปหมายศาลที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
เอกสารที่คุณได้รับฉบับนี้ มันคือ"
คำบังคับ
"(คำพิพากษา)อย่างเป็นทางการของศาล
(ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการพิพากษาโดยวาจาไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 4/สิงหาคม/2559)
โดยให้มีผลบังคับใช้ในทางกฎหมาย
นับตั้งแต่วันที่ 10/ก.ย./2559 เป็นต้นไป(วันที่มีคำพิพากษาฉบับนี้ มาปิดที่หน้าบ้านของคุณ)...ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1. บังคับให้จำเลยชำระหนี้เป็นจำนวนเงิน 53,924.31 บาท
2. บังคับให้จำเลยต้องจ่ายดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงินร้อยละ 15ต่อปี(15% ต่อปี) โดยดอกเบี้ยที่ว่านี้ ให้คิดคำนวณจากเงินต้นที่ 46.301.75 บาท และให้มีการคิดดอกเบี้ยที่ว่านี้"
ย้อนหลัง"ไปอีกด้วย โดยให้เริ่มคิดดอกเบี้ยย้อนหลัง นับจากวันที่โดนฟ้องเป็นต้นไป
(ฟ้องวันที่ 24/มิถุนายน/2559)...และดอกเบี้ยจำนวนนี้ จะเดินตามตูดลูกหนี้ทุกเดือน
(มีการคิดดอกเบี้ยไปเรื่อยๆทุกเดือน) จนกว่าจะชำระหนี้ให้หมด
3. บังคับให้จำเลยต้องจ่าย
ค่าฤชาธรรมเนียมศาลแทนโจทก์ จำนวน 4,460.-บาท
(อันนี้อ้างตัวเลขมาจาก ที่คุณพิมพ์บอกเอาไว้ในกระทู้ด้านบน)
4. บังคับให้จำเลยต้องจ่าย
ค่าทนายความของฝ่ายโจทก์ เป็นจำนวนเงิน 3,000 บาท
5. ส่วนคำลงท้ายที่ศาลสั่งว่า
ให้จำเลยต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 15วัน(โดยให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่ 10/ก.ย./2559 เป็นต้นไป เพราะเป็นวันที่ศาลเอาคำสั่งฉบับนี้มาแปะไว้ที่หน้าบ้าน)...หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับดังกล่าว จะต้องถูกยึดทรัพย์หรือถูกจับและจำขัง ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น
*** มันเป็นคำลงท้ายที่เป็นมาตราฐานโดยทั่วๆไปของศาล ที่ศาลจะต้องกล่าวลงท้ายไว้เป็นเช่นนี้...ไม่ว่าจะเป็นคดีอะไรก็ตาม จะเป็นคดีเล็กๆน้อยๆ หรือเป็นคดีประเภทขี้หมูรา-ขี้หมาแห้ง หากมีการพิพากษาเสร็จสิ้นแล้ว ศาลก็ต้องกล่าวลงท้าย(กล่าวปิดท้าย)ไว้เป็นเช่นนี้ทุกคดีด้วยกันทั้งนั้น ***
แต่ว่า...เนื่องจากว่าคดีนี้ เป็นเพียงแค่คดีแพ่งเท่านั้น
(คดีที่ฟ้องร้องกันว่าด้วยเรื่อง"หนี้เงิน"เพียงอย่างเดียว) ดังนั้น จึงไม่มีบทลงโทษในทางกฎหมายให้ลูกหนี้ต้องติดคุกติดตะรางแต่อย่างใด
(ถึงแม้ศาลจะกล่าวลงท้ายเอาไว้ว่า"ต้องถูกจับและจำขัง"ก็ตาม) เนื่องจากในคดีแพ่งไม่ได้มีบทบัญญัติให้ลูกหนี้ต้องติดคุกแทนการใช้หนี้...แต่...ก็มีบทบัญญัติเอาไว้ว่า
ให้เจ้าหนี้สามารถทำการ"ยึดทรัพย์"หรือ"อายัดเงินเดือน"ของลูกหนี้เพื่อนำไปชำระหนี้แทนได้
ซึ่งเป็นบทลงโทษที่สูงที่สุดแล้ว สำหรับในคดีแพ่ง
สรุปก็คือ...เรื่องการฟ้องศาลของคุณกับเจ้าหนี้ในคดีนี้ มันได้จบลงไปแล้ว และไม่สามารถย้อนกลับไปทำการแก้ไขที่ชั้นศาลได้อีกแล้ว เพราะศาลได้ทำหน้าที่พิพากษาไปเสร็จเรียบร้อยแล้ว
โดยคุณต้องปฏิบัติตามที่ศาลสั่งภายในไม่เกิน 15วัน(นับตั้งแต่วันที่ 10/ก.ย./59 เป็นต้นไป) หากคุณไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว เจ้าหนี้ก็มีสิทธิ์ยื่นเรื่องของคุณไปที่"
กรมบังคับคดี" เพื่อให้ทำการ
ยึดทรัพย์/อายัดเงินเดือนของคุณต่อไป
เราลองมาคิดคำนวณทั้ง
ดอกเบี้ยย้อนหลัง และ
ดอกเบี้ยเดินหน้า(ดอกเบี้ยเดินตามตูด) ตามที่ศาลสั่งกันก่อนดีกว่า
ศาลสั่งว่า การคิดดอกเบี้ยดังกล่าวนี้
ให้คิดจากยอดเงินต้นที่ 46,301.75 บาท...ไม่ใช่คิดดอกเบี้ยเอาจากยอดหนี้สูงสุดที่ศาลพิพากษา(53,924.31 บาท)
โดยดอกเบี้ยที่ว่านี้ ตามคำสั่งศาล ให้คิดในอัตราร้อยละ 15ต่อปี...ซึ่งถ้าคิดเป็นดอกเบี้ยต่อเดือน ก็จะได้เท่ากับ
= ดอกเบี้ย 15 เปอร์เซ็นต์
ต่อปี หารด้วย 12 เดือน
= 15 ÷ 12 = ร้อยละ 1.25 ต่อเดือน (1.25% ต่อเดือน)
เอาเงินต้นตั้ง คูณด้วยดอกเบี้ยต่อเดือน(ตามบัญญัติไตรยางศ์) ก็จะได้ดังนี้
= เงินต้น 46,301.75 บาท ÷ 100 x 1.25
=
ดอกเบี้ย 921.23 บาท ต่อเดือน
ดอกเบี้ยจำนวน 921.23 บาทต่อเดือนนี้ ให้จำเลยต้องจ่ายย้อนหลังไปจนถึง
วันที่ 24 มิถุนายน 2559ด้วย และดอกเบี้ยที่ว่านี้ จะเดินตามตูดจำเลยไปเรื่อยๆจนกว่าจะชำระหนี้ให้หมด โดยอัตราดอกเบี้ยจำนวนนี้ จะไม่ลดลงเลย จนกว่า
ยอดหนี้ที่คงเหลือ(ยอดหนี้ที่เหลืออยู่) จะมีจำนวนน้อยกว่า
ยอดหนี้เงินต้นจากที่ศาลสั่ง(46,301.75 บาท)...และเมื่อใดก็ตาม ที่ยอดหนี้คงเหลือ มียอดตัวเลขเหลือน้อยกว่าเงินต้นจากที่ศาลสั่งแล้ว ดอกเบี้ยที่ว่านี้จึงจะลดลงเป็นไปในอัตราอัตรา"
ลดต้น-ลดดอก"ต่อไป
ทีนี้มาดู
ดอกเบี้ย"ย้อนหลัง"กันก่อน...ศาลสั่งให้จำเลย
ต้องจ่ายดอกเบี้ย"ย้อนหลัง"ไปจนถึงวันที่ 24 มิถุนายน 2559 ด้วย
โดยมีคำพิพากษาของศาล(คำบังคับ)ฉบับนี้ มาติดไว้ที่หน้าบ้านของจำเลยในวันที่ 10 กันยายน 2559
นั่นก็หมายความว่า จำเลยต้องจ่ายดอกเบี้ยย้อนหลังทั้งหมด
เป็นจำนวน 2เดือนกว่าๆ (ดอกเบี้ยย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 24/มิ.ย./59 จนถึงปัจจุบัน)...แต่วันนี้ เป็นวันที่ 14 กันยายน 2559 แล้ว
จึงต้องคิดดอกเบี้ยย้อนหลังเป็นจำนวนรวมทั้งหมดเท่ากับ 3เดือน
(ต้องปัดเศษขึ้นให้เป็นจำนวนเต็ม)
= ดอกเบี้ย 921.23 บาท x 3 เดือน =
1,736.32 บาท...นี่คือดอกเบี้ยย้อนหลังทั้งหมด ที่จำเลยจะต้องจ่ายด้วย…ตามที่ศาลสั่ง
แล้วจำเลยยังจะต้องมีดอกเบี้ยเดินตามตูดไปอีกทุกๆเดือน เดือนละ 921.23 บาท นับตั้งแต่วันที่จำเลยเริ่มผ่อนชำระหนี้แบบ"หักคอจ่าย"เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระหนี้ให้หมด โดยดอกเบี้ยจำนวนนี้ จะปรับลดลงได้ก็ต่อเมื่อ จำเลยมียอดหนี้ที่ค้างชำระเหลือน้อยกว่า
เงินต้นจากที่ศาลสั่ง(46,301.75 บาท)...แล้วหลังจากนั้น ดอกเบี้ยเดินตามตูดที่ว่านี้ จึงจะลดลงไปเป็นในอัตรา ลดต้น-ลดดอก ต่อไป
ดังนั้น
ยอดหนี้จำนวนเต็มที่ลูกหนี้จะต้องจ่ายก็คือ ยอดหนี้ตัวเลขสูงสุดของคำพิพากษา +
ดอกเบี้ยย้อนหลังไปอีก 3เดือน + ค่าฤชาธรรมเนียมศาล + ค่าทนายโจทก์ + ดอกเบี้ย 1.25% ต่อเดือน เดินตามตูดไปเรื่อยๆ ในระหว่างที่ผ่อน
ก็จะได้ตามนี้
ยอดหนี้ที่ศาลสั่ง 53,924.31 บาท + ดอกเบี้ยย้อนหลัง
1,736.32 บาท + ค่าฤชาธรรมเนียมศาล 4,460 บาท + ค่าทนายโจทก์ 3,000 บาท + ดอกเบี้ยเดินตามตูด 921.23 บาท ต่อเดือน (จนกว่ายอดหนี้ค้างชำระ จะเหลือน้อยกว่า 46,301.75 บาท)
=
63,120.63
บาท (ยอดหนี้รวมทั้งหมด ณ วันนี้)
หากจำเลยจะใช้วิธี"
หักคอจ่าย" จำเลยจะต้องผ่อนจ่ายหนี้ทั้งหมด เป็นจำนวนเงิน
63,120.63 บาท + ดอกเบี้ยเดินตามตูดอีก 1.25% ต่อเดือน...
ให้หมดภายใน 5ปี
หากคิดตามตารางคำนวณ(Excel) ก็จะได้ตัวเลขการผ่อนอยู่ที่เดือนละ 1,500 บาท
โดยผ่อนแค่ 58 งวด...ก็หมดหนี้แล้ว
(งวดสุดท้ายผ่อนจ่ายแค่ 800.-บาท)
ซึ่งหากทำเป็นตารางผ่อนจ่าย ก็จะได้ดังตารางนี้
หากลูกหนี้มีเจ้าหนี้มากราย(หลายราย) ลูกหนี้ไม่สามารถทำเรื่องผ่อนจ่ายต่อหน้าศาลในระยะเวลาอันสั้นได้หมดทุกราย(ผ่อนได้แค่ 1-3ปี ต่อเจ้าหนี้ที่ฟ้องศาลในแต่ละคดี) เพราะถ้าผ่อนจ่ายในระยะเวลาอันสั้นดังกล่าว กับเจ้าหนี้ที่ฟ้องศาลไปหมดทุกราย ยังไงลูกหนี้ก็ผ่อนจ่ายกับทุกรายไม่ไหวอยู่ดี
ลูกหนี้อาจใช้วิธีปล่อยให้ศาลพิพากษาไปก่อน แล้วหลังจากนั้นก็ใช้วิธี"
หักคอจ่าย"
(หน้าด้านจ่าย)...แล้วค่อยมา Haircut ทีหลังก็ได้ครับ
สอบถามเรื่องขึ้นศาลค่ะ
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=40812&Itemid=64#47926
การหักคอจ่าย แล้วค่อยมา Haircut ทีหลัง
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=38002&Itemid=64#69307
ใช้วิธีการของชมรมคือ "หักคอจ่ายครับ" ได้ผลดีเชียว
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=41932&Itemid=64&limitstart=20#79611
หักคอจ่ายมาได้ปีครึ่ง และแล้วก็มีส่วนลด 50%
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=41932&Itemid=64&limitstart=60
อ่านมา 1 ปีแล้ว ครับ ขอความรู้หน่อยครับ โดนเหมือนกัน
(หน้า 1)
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=43979&Itemid=64&limitstart=0#82368
อ่านมา 1 ปีแล้ว ครับ ขอความรู้หน่อยครับ โดนเหมือนกัน
(หน้า 2)
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=43979&Itemid=64&limitstart=20
ขออนุญาติสอบถามนะคะ
www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=44139&Itemid=64#82199
โดนบังคับคดีบัตรกรุงศรี
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=44818&Itemid=64#88498
.