อยากหยุดจ่ายฟอมิส แต่ตอดอยู่ที่หักเงินผ่านบัญชี

6 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #94400 โดย bivty
สวัสดีคะ ตอนนี้อยากจะหยุดจ่ายขั้นต่ำฟอมิส มียอดหนี้ทั้งหมด 34,000 บาทคะ แต่ปัญหาติดอยู่ที่ฟอมิสจะทำการหักผ่านบัญชี พอจะมีวิธีแก้ไขช่วยแนะนำหน่อยคะ #หรือถ้าไปเปิดบัญชีใหม่จะมีหรือป่าวคะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

6 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #94402 โดย Pheonix
ข้อ ๑. ตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. ๒๕๔๐ สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๑ ความว่า มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้ “ข้อสัญญา” หมายความว่า ข้อตกลง ความตกลง และความยินยอม รวมทั้งประกาศ และคำแจ้งความเพื่อยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดด้วย
“ผู้บริโภค” หมายความว่า ผู้เข้าทำสัญญาในฐานะ ผู้ซื้อ ผู้เช่า ผู้เช่าซื้อ ผู้กู้ ผู้เอาประกันภัย หรือ ผู้เข้าทำสัญญาอื่นใดเพื่อให้ได้มา ซึ่งทรัพย์สิน บริการ หรือประโยชน์อื่นใดโดยมีค่าตอบแทน ทั้งนี้ การเข้าทำสัญญานั้นต้องเป็นไปโดยมิใช่เพื่อการค้า ทรัพย์สิน บริการ หรือประโยชน์อื่นใดนั้น และให้หมายความรวมถึงผู้เข้าทำสัญญาในฐานะผู้ค้ำประกันของบุคคลดังกล่าวซึ่งมิได้กระทำเพื่อการค้าด้วย “ผู้ประกอบธุรกิจการค้าหรือวิชาชีพ” หมายความว่า ผู้เข้าทำสัญญาในฐานะผู้ขาย ผู้ให้เช่า ผู้ให้เช่าซื้อ ผู้ให้กู้ ผู้รับประกันภัย หรือผู้เข้าทำสัญญาอื่นใดเพื่อจัดให้ซึ่งทรัพย์สิน บริการ หรือประโยชน์อื่นใด ทั้งนี้ การเข้าทำสัญญานั้นต้องเป็นไปเพื่อการค้า ทรัพย์สิน บริการ หรือประโยชน์อื่นใดนั้นเป็นทางค้าปกติของตน “สัญญาสำเร็จรูป” หมายความว่า สัญญาที่ทำเป็นลายลักษณ์อักษรโดยมีการกำหนดข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญไว้ล่วงหน้า ไม่ว่าจะทำในรูปแบบใด ซึ่งคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดนำมาใช้ในการประกอบกิจการของตน
มาตรา ๔ ข้อตกลงในสัญญาระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจการค้า หรือวิชาชีพ หรือในสัญญาสำเร็จรูป หรือในสัญญาขายฝาก ที่ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจการค้า หรือวิชาชีพ หรือผู้กำหนดสัญญาสำเร็จรูป หรือผู้ซื้อฝาก ได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกินสมควร เป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และให้มีผลบังคับได้เพียงเท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณีเท่านั้น ในกรณีที่มีข้อสงสัยให้ตีความสัญญาสำเร็จรูปไปในทางที่เป็นคุณแก่ฝ่ายซึ่งมิได้เป็นผู้กำหนดสัญญาสำเร็จรูปนั้น ข้อตกลงที่มีลักษณะ หรือมีผลให้คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง ปฏิบัติหรือรับภาระเกินกว่าที่วิญญูชนจะพึงคาดหมายได้ตามปกติ เป็นข้อตกลงที่อาจถือได้ว่า ทำให้ได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง เช่น (๒) ข้อตกลงให้ต้องรับผิดหรือรับภาระมากกว่าที่กฎหมายกำหนด หมายเหตุ เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากหลักกฎหมายเกี่ยวกับนิติกรรมหรือสัญญาที่ใช้บังคับอยู่มีพื้นฐานมาจากเสรีภาพของบุคคล ตามหลักของความศักดิ์สิทธิ์ของการแสดงเจตนา รัฐจะไม่เข้าไปแทรกแซงแม้ว่าคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง เว้นแต่จะเป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน แต่ในปัจจุบันสภาพสังคมเปลี่ยนแปลงไป ทำให้ผู้ซี่งมีอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจเหนือกว่าถือโอกาสอาศัยหลักดังกล่าวเอาเปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งอำนาจต่อรองทางเศรฐกิจด้อยกว่าอย่างมาก ซี่งทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมและไม่สงบสุขในสังคม สมควรที่รัฐจะกำหนดกรอบของการใช้หลักความศักดิ์สิทธิของการแสดงเจตนาและเสรีภาพของบุคคล เพื่อแก้ไขความไม่เป็นธรรมและความไม่สงบสุขในสังคมดังกล่าว โดยกำหนดแนวทางให้แก่ศาล เพื่อใช้ในการพิจารณาว่าข้อสัญญาหรือข้อตกลงใดที่ไม่เป็นธรรม และให้อำนาจแก่ศาลที่จะสั่งให้ข้อสัญญาหรือข้อตกลงที่ไม่เป็นธรรมนั้นมีผลใช้บังคับเท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณี จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น ศุภสรณ์ / อภิสิทธิ์ ผู้จัดทำ ๒๑/๐๓/๒๕๔๖ ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๒ “ดอกเบี้ย” หมายความว่า (กฎ) น. ค่าตอบแทนที่บุคคลหนึ่งต้องใช้ให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เพื่อการที่ได้ใช้เงินของบุคคลนั้น หรือเพื่อทดแทนการไม่ชำระหนี้หรือชำระหนี้ไม่ถูกต้อง ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน เป็นค่าตอบแทนที่จำเลยต้องใช้ให้แก่โจทก์ เพื่อการที่ได้ใช้เงินของโจทก์ จึงเป็นดอกเบี้ยตามพจนานุกรม ที่โจทก์กำหนดเรียกชื่ออย่างอื่น ข้อ ๒. ตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. ๒๕๔๐ มาตรา ๔ ข้อตกลงในสัญญาระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจการค้า หรือในสัญญาสำเร็จรูป ที่ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจการค้าหรือผู้กำหนดสัญญาสำเร็จรูป ได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกินสมควร เป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และให้มีผลบังคับได้เพียงเท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณีเท่านั้น ในกรณีที่มีข้อสงสัยให้ตีความสัญญาสำเร็จรูปไปในทางที่เป็นคุณแก่ฝ่ายซึ่งมิได้เป็นผู้กำหนดสัญญาสำเร็จรูปนั้น ข้อตกลงที่มีลักษณะ หรือมีผลให้คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง ปฏิบัติหรือรับภาระเกินกว่าที่วิญญูชนจะพึงคาดหมายได้ตามปกติ เป็นข้อตกลงที่อาจถือได้ว่า ทำให้ได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง เช่น (๒) ข้อตกลงให้ต้องรับผิดหรือรับภาระมากกว่าที่กฎหมายกำหนด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๔ ท่านห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยเกินร้อยละ ๑๕ ต่อปี ถ้าในสัญญากำหนดดอกเบี้ยเกินกว่านั้น ก็ให้ลดลงมาเป็นร้อยละ ๑๕ ต่อปี ตามคำฟ้องข้อ ๒. โจทก์อนุมัติเงินกู้ให้จำเลย ๓ ครั้ง ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ จำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๑๕,๐๐๐ บาท ตามตารางการชำระเงินค่างวด และการหักชำระดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๘ เมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ จำเลยได้ชำระหนี้เงินกู้ ครั้งที่ ๑ และครั้งที่ ๒ ให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว จึงไม่กล่าวถึงอีก ตามคำฟ้องข้อ ๒.โจทก์พิจารณาอนุมัติเงินกู้ให้จำเลย ครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๒๕๕๗ จำนวน ๕๓,๐๐๐ บาท คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี คิดค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินอัตราร้อยละ ๑๓ ต่อปี รวมกันเป็นอัตราร้อยละ ๒๘ ต่อปี ซึ่งเป็นดอกเบี้ยตามพจนานุกรมทั้งสิ้น จึงเป็นข้อตกลงให้จำเลยต้องรับผิดหรือรับภาระมากกว่าที่กฎหมายกำหนด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๔ ท่านห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยเกินร้อยละ ๑๕ ต่อปี เป็นข้อตกลงที่ถือได้ว่า ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจการค้าและผู้กำหนดสัญญาสำเร็จรูป ได้เปรียบจำเลยคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกินสมควร จึงเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และให้มีผลบังคับได้เพียงเท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณีเท่านั้น ตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. ๒๕๔๐ มาตรา ๔ ข้อ ๓. ทำให้โจทก์ได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกินสมควร จึงจำเป็นต้องคำนวณดังนี้ ตารางที่ ๑ โจทก์ให้จำเลยกู้ยืมเงิน ๕๓,๐๐๐ บาท ดอกเบี้ย ๑๕% ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน ๑๓% จำนวนชำระขั้นต่ำเดือนละ ๑,๗๐๐ บาท สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๓ ปรากฏว่า จำเลยผ่อนชำระเดือนละ ๑,๗๐๐ บาท รวม ๕๖ เดือน และเดือนที่ ๕๗ เดือนสุดท้าย ชำระ ๖๑๔.๙๐ บาท รวมจำนวนเงินที่จำเลยผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ทั้งสิ้น ๙๕,๘๑๔.๙๐ บาท (๑๘๐.๗๘% ของเงินต้น) นำไปชำระดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี เป็นเงิน ๒๒,๙๓๖.๕๕ บาท (๔๓.๒๘% ของเงินต้น) นำไปชำระค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินร้อยละ ๑๓ ต่อปี เป็นเงิน ๑๙,๘๗๘.๓๔ บาท (๓๗.๕๑% ของเงินต้น) นำไปชำระเงินต้นจำนวน ๕๓,๐๐๐ บาท (๑๐๐% ของเงินต้น) รวมดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินทั้งสิ้น ๔๒,๘๑๔.๙๐ บาท (๘๐.๗๘% ของเงินต้น) ตารางที่ ๒ โจทก์ให้จำเลยกู้ยืมเงิน ๕๓,๐๐๐ บาท ดอกเบี้ย ๑๕% ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน ๐% จำนวนชำระขั้นต่ำเดือนละ ๑,๗๐๐ บาท สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๔ ปรากฏว่า จำเลยผ่อนชำระเดือนละ ๑,๗๐๐ บาท รวม ๓๙ เดือน เดือนที่ ๔๐ เดือนสุดท้าย ชำระ ๑,๒๗๙.๕๘ บาท รวมจำนวนเงินที่จำเลยผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ทั้งสิ้น ๖๗,๕๗๙.๕๘ บาท (๑๒๗.๕๑% ของเงินต้น) นำไปชำระดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี เป็นเงิน ๑๔,๕๗๙.๕๘ บาท (๒๗.๕๑% ของเงินต้น) นำไปชำระเงินต้นจำนวน ๕๓,๐๐๐ บาท (๑๐๐% ของเงินต้น) เปรียบเทียบ ดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี เป็นเงิน ๑๔,๕๗๙.๕๘ บาท (๑๐๐%) กับดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินร้อยละ ๒๘ ต่อปี เป็นเงิน ๔๒,๘๑๔.๙๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๒๙๓.๖๖% ของดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี จึงเป็นข้อตกลงที่ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจการค้าและผู้กำหนดสัญญาสำเร็จรูปได้เปรียบจำเลยคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกินสมควร จึงเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และให้มีผลบังคับได้เพียงเท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณีเท่านั้น ตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. ๒๕๔๐ มาตรา ๔ ข้อ ๔. ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยข้อสัญญาไม่เป็นธรรม มาตรา ๑๐ ในการวินิจฉัยว่าข้อสัญญาจะมีผลบังคับเพียงใดจึงจะเป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณี ให้พิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ทั้งปวง รวมทั้ง (๑) ความสุจริต อำนาจต่อรอง ฐานะทางเศรษฐกิจ ความรู้ความเข้าใข ความสันทัดจัดเจน ความคาดหมาย แนวทางที่เคยปฏิบัติ ทางเลือกอย่างอื่น และทางได้เสียทุกอย่างของคู่สัญญาตามสภาพที่เป็นจริง (๒) ปกติประเพณีของสัญญาชนิดนั้น (๓) เวลาและสถานที่ในการทำสัญญาหรือในการปฏิบัติตามสัญญา (๔) การรับภาระที่หนักกว่ามากของคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง จำเลยขอกราบเรียนว่า เมื่อได้พิจารณาถึงความสุจริต อำนาจต่อรอง ฐานะทางเศรษฐกิจ ความรู้ความเข้าใจ ความสันทัดจัดเจน ความคาดหมาย แนวทางที่เคยปฏิบัติ ทางเลือกอย่างอื่นระหว่างโจทก์และจำเลยแล้ว จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นอำนาจในการต่อรอง ฐานะทางเศรษฐกิจ โจทก์มีเหนือกว่าจำเลยทุกประการ มีความสันทัดจัดเจนในการทำสัญญา ด้วยมีบุคลากรทรงคุณวุฒิมีความเชี่ยวชาญในทางกฎหมายเพื่อร่างข้อตกลงดังกล่าว หรือทางเลือกของจำเลยในการทำสัญญาประเภทนี้ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารพาณิชย์ หรือบริษัทใดก็มีข้อตกลงในการคิดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินแบบเดียวกัน จำเลยจึงมีทางเลือกน้อยกว่า ทางได้เสียของคู่สัญญา โจทก์เป็นผู้กำหนดอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินได้เองฝ่ายเดียว แม้จะอยู่ภายใต้ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย แต่เมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการดำเนินธุรกิจให้สินเชื่อของโจทก์แล้ว ทางได้เสียของโจทก์ดีกว่าคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง ข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินดังกล่าว จำเลยในฐานะผู้บริโภคต้องรับภาระที่หนักกว่าโจทก์ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจการค้าเป็นอย่างมาก ทำให้โจทก์ได้เปรียบจำเลยคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกินสมควร (๔) การรับภาระที่หนักกว่ามากของคู่สัญญาฝ่ายหนึ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง ภาระของโจทก์ในการทำธุรกิจ พิจารณาจากดอกเบี้ยเงินฝาก ซึ่งเป็นต้นทุนการให้สินเชื่อ ตามข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย อัตราดอกเบี้ยเงินฝากสำหรับบุคคลธรรมดาของธนาคารพาณิชย์ ประจำวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๐ สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๕ ธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศไทย ๕ อันดับแรก กรุงเทพ กรุงไทย กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ กรุงศรีอยุธยา กำหนดให้ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๑๒ เดือน แก่ผู้ฝากเงิน อัตราร้อยละ ๑.๕๐, ๑.๓๐, ๑.๓๐, ๑.๔๐, ๑.๓๕ ต่อปี สูงสุดร้อยละ ๑.๕๐ ต่อปี โจทก์ให้จำเลยกู้ยืมเงินจำนวน ๕๓,๐๐๐ บาท อัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูงสุดร้อยละ ๑.๕๐ ต่อปี ต้นทุนเงินให้กู้ยืมเงิน คิดเป็นเงินจำนวน ๗๙๕ บาท (๕๓,๐๐๐ คูณ ๑.๕๐ หาร ๑๐๐ เท่ากับ ๗๙๕) เป็นต้นทุนเงินให้กู้ยืมที่น้อยมาก แต่จำเลยต้องรับภาระที่หนักกว่าโจทก์ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจการค้า และเป็นผู้กำหนดสัญญาสำเร็จรูป เป็นอย่างมาก จึงเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และให้มีผลบังคับได้เพียงเท่าที่เป็นธรรมและตามสมควรแก่กรณีเท่านั้น ตามพระราชบนัญญัติ ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. ๒๕๔๐ มาตรา ๔ ข้อ ๕. ตามข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพัน์ ๒๕๖๐ สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๖ สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับมีจำนวนบัญชีทั้งสิ้น ๑๒.๑๙ ล้านบัญชี มียอดสินเชื่อคงค้าง ๓๓๑,๔๒๑ ล้านบาท ถ้าคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๒๘ ต่อปี เป็นเงินค่าดอกเบี้ยปีละ ๙๒,๗๙๗.๘๘ ล้านบาท ถ้าระยะเวลาผ่านไป ๕ ปี ดอกเบี้ยสะสมจะเป็นเงินมากถึง ๔๖๓,๙๘๙.๔๐ ล้านบาท คิดเป็น ๑๔๐% ของเงินต้นคงค้าง ๓๓๑,๔๒๑ ล้านบาท ถึงวันนั้น ทุกอย่างคงจบ เพราะประชาชนผู้บริโภคไม่มีกำลังซื้อ เศรษฐกิจประเทศไทยจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร ทุนต่างชาติเอาเงินของประชาชนผู้บริโภคไปค่อนข้างมาก การคิดดอกเบี้ยร้อยละ ๒๘ ปี ประกาศใช้มาตั้งแต่วันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๔๘ ถึงวันนี้ เป็นเวลาเกือบ ๑๒ ปี คิดเป็นดอกเบี้ยที่ประชาชนผู้บริโภคต้องจ่ายมากถึง ๓๓๖% (๒๘ คูณ ๑๒ เท่ากับ ๓๓๖%) เศรษฐกิจของประเทศไทยถึงได้ฝืดเคืองมาก ข้อ ๖. ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ ๕ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ (เรื่อง สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ) สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๗ ความว่า อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๕ ข้อ ๗ ข้อ ๘ และข้อ ๑๔ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ ลงวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๑๕ ว่าด้วยการควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุกแห่งสาธารณชน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การกำหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ สำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่สถาบันการเงิน ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๙ เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๙ ความว่า ๒. อำนาจตามกฎหมาย อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๘ แห่งประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ ๕ แห่งประกาศของคณะปฎิวัติ ฉบับที่ ๕๘ (เรื่องสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ) โจทก์ให้จำเลยกู้เงินจำนวน ๕๓,๐๐๐ บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี เป็นเงิน ๑๔,๕๗๙.๕๘ บาท แต่โจทก์คิดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินร้อยละ ๒๘ ต่อปี เป็นเงิน ๔๒,๘๑๔.๙๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๒๙๓.๖๖% ของดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี จึงเป็นการประกอบกิจการค้าขายที่ก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยและไม่ผาสุกแก่สาธารณชนเป็นอันมาก จึงไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ ว่าด้วยการควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุกแห่งสาธารณชน โจทก์จึงไม่อาจกล่าวอ้างประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ ประกาศกระทรวงการคลัง และประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ดังกล่าวได้ จำเลยจึงกราบขอประทานศาลท่านได้โปรดเมตตาตามแต่จะโปรดเห็นสมควร

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

6 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #94416 โดย happydead
ผมก็ติดของพรอมิสนะ แต่ผมเงินเดือนออกผมก็กดออกมาหมดบัญชีเลย
ไม่ได้จ่าย 4 เดือนละกำลังจะเข้าบิลที่ 5

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

6 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #94475 โดย jackaew
เหมือนกันค่ะ พอเงินเดือนออกก็กดออกหมดค่ะ แล้วก็ไปเปิดบัญชีใหม่ด้วย ยกเลิกบัญชีนั้นไปเลย แต่ฟ้องเรียบร้อยแล้วค่ะ พรอมิส ไม่มี H/C ถ้าโดนฟ้องแล้วชดใช้หมดเลยตามยอดฟ้องค่ะ พรอมิสจะให้ผ่อน ประมาณ 60 งวด+- แต่ไม่คิดดอกเบี้ย

ยังงัยก็สู้ๆนะคะ ไม่น่า่กลัวอย่างที่คิดค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.423 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena