มีใครเข้าโครงการคลินิกแก้หนี้ได้บ้างไหมคะ ช่วยแชร์หน่อยค่ะ ส่วนตัวไม่ผ่านค่ะ

5 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #103825 โดย jackTs
.
จุดเริ่มต้นของโครงการ “คลินิกแก้หนี้”


อ้างอิงจาก

ข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ ต้นปี พ.ศ.2560

ประชากรไทยทั้งหมดทั่วประเทศ จำนวน 70 ล้านคน

มีคนที่เป็นหนี้ทั้งหมด 21 ล้านคน

และในจำนวนนี้ มีคนที่เป็นหนี้อยู่ 3 ล้านคน

ที่จ่ายหนี้ไม่ไหวแล้ว (หยุดจ่ายแล้ว)

จนกลายเป็น”หนี้เสีย” หรือ NPL จำนวนทั้งสิ้น 3 ล้านคน

ซึ่งส่วนใหญ่ จะเป็นคนไทยอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 30 ปี



.
อนณสุข ปรมาลาภา

ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

5 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา - 5 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #103826 โดย jackTs
.
ในช่วงเวลานั้น(ต้นปี 2560) ทางธนาคารแห่งประเทศไทย(หรือที่เรียกกันว่าแบงก์ชาติ) โดน"ด่าจนเละ"
ว่าปล่อยให้มีคนไทยที่เป็น"หนี้เสีย"(NPL) หรือที่เรียกกันว่า"ติด Blacklist"อยู่ในเครดิคบูโร

มีจำนวนมากถึง 3ล้านคน...ทางแบงก์ชาติไม่คิดจะหาทางทำอะไรบ้างเลยหรือไง?

เมื่อแบงก์ชาติโดนด่ามากๆเข้า ก็เลยต้องคิดทำโครงการ“คลินิกแก้หนี้”ขึ้นมา โดยการนำเอา"สัญญาประนอมหนี้" หรือ "สัญญาปรับโครงสร้างหนี้" (สัญญานรกต่างๆ) ที่เคยมีอยู่ของเดิม แต่นำมาปัดฝุ่นใหม่ แล้วตั้งชื่อขึ้นมาเสียใหม่ว่าเป็น"โครงการคลินิกแก้หนี้"...เพื่อลดแรงด่าจากทั่วสารทิศ

โครงการตัวนี้ ทางแบงก์ชาติได้ทำการเรียกประชุมสถาบันการเงินทั้งหมด ให้มาเข้าร่วมประชุม แล้วขอความร่วมมือให้สถาบันการเงินทั้งหลายดังกล่าว ช่วยให้ความร่วมมือในการเข้าร่วมโครงการตัวนี้ของแบงก์ชาติด้วย

ขอย้ำว่า...เป็นการขอความร่วมมือจากทางแบงก์ชาติ หรือที่เรียกกันว่าเป็น"สัญญา MOU"นะครับ...ไม่ใช่กฎหมายบังคับ

หากสถาบันการเงินใด ที่ยินดีให้ความร่วมมือในโครงการ"คลินิกแก้หนี้"ตัวนี้ ก็ให้ลงนามใน"สัญญา MOU"ดังกล่าว ว่าจะให้ความร่วมมือด้วย...หรือจะมีสถาบันการเงินใด ที่ไม่ประสงค์จะให้ความร่วมมือก็ได้...ไม่ได้บังคับ

ทั้งนี้...เพื่อให้เป็นไปในบรรทัดฐานเดียวกัน ทางแบงก์ชาติยังได้ออกข้อกำหนดมาด้วยว่า หากสถาบันการเงินใด ที่ให้ความร่วมมือในโครงการตัวนี้ จะต้องทำการคิดดอกเบี้ยกับลูกหนี้ ในระหว่างที่ลูกหนี้ขอผ่อนตามสัญญาตัวนี้ จะคิดดอกเบี้ยได้สูงสุด ไม่เกินกว่า 7% ต่อปี

โดยทางแบงก์ชาติ ได้ทำการแต่งตั้งให้บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท หรือมีชื่อย่อว่า SAM (แซม) ให้เป็นผู้แทนแบงก์ชาติ ในการเจรจาให้สถาบันการเงินที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการตัวนี้ ต้องปฏิบัติตามกฏของการคิดดอกเบี้ยดังกล่าว

ดังนั้น หากลูกหนี้คนใด ที่มีความสนใจจะเข้าสมัครในโครงการตัวนี้ ก็สามารถติดต่อกับทาง SAM ได้เลย
เพื่อให้ SAM เป็นผู้คัดกรอง และเจรจาในเรื่องดอกเบี้ยดังกล่าว กับสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ ที่เข้ามาร่วมกับโครงการตัวนี้

โดยกำหนดให้ลูกหนี้ที่จะเข้าร่วมในโครงการตัวนี้ จะต้องมีคุณสมบัติตามนี้ด้วย ถึงจะสามารถผ่านการเข้าร่วมโครงการได้


คุณสมบัติของลูกหนี้ ที่จะสามารถเข้าร่วมในโครงการดังกล่าวได้

1. ต้องมีอายุไม่เกินกว่า 60ปี (หรือห้ามแก่เกินกว่าเกษียนการทำงาน)

2. ต้องเป็นมนุษย์เงินเดือน มีเงินเดือนประจำที่มั่นคงแน่นอน

3. ต้องเป็นลูกหนี้ที่ติด Blacklist ในเครดิตบูโรมาแล้ว อย่างน้อย 2สถาบันการเงินขึ้นไป...และจะต้องเป็นผู้ที่ติด Blacklist มานานแล้ว ก่อนจะถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 2560 ด้วย

4. จะต้องเป็นลูกหนี้ที่ไม่เคยถูกเจ้าหนี้ฟ้องศาลมาก่อนเลย...แม้แต่คดีเดียว

5. ลูกหนี้ที่จะเข้าร่วมในโครงการ ต้องเอาหนี้ของลูกหนี้ที่มีอยู่ทั้งหมด ทุกเจ้า เข้าร่วมในโครงการให้หมด

6. ยอดหนี้รวมทั้งหมด ที่ลูกหนี้จะสามารถเข้าร่วมโครงการตัวนี้ได้ จะต้องไม่เกินกว่า 2ล้านบาท

7. ลูกหนี้สามารถขอผ่อนได้นานไม่เกิน 10ปี...แต่พอเอาเข้าจริงๆ เจ้าหนี้มันก็ยอมให้ลูกหนี้สามารถผ่อนได้นานสูงสุด เพียงแค่ 5ปีเท่านั้น
.

.
อนณสุข ปรมาลาภา

ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

5 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #103827 โดย jackTs
.
ผลจากการประชุมขอความร่วมมือของแบงก์ชาติในวันนั้น มีธนาคารที่ตอบรับเข้าร่วมลงนามในสัญญา MOU ของ“โครงการคลินิกแก้หนี้”ทั้งหมด จำนวน 16ธนาคาร โดยมีรายชื่อดังต่อไปนี้

รายชื่อธนาคารพาณิชย์ ที่เข้าร่วมในโครงการ“คลินิกแก้หนี้”

(ทั้งหมด 16 ราย)


- ธนาคารกรุงเทพ , ธนาคารกรุงไทย , ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ,

ธนาคารกสิกรไทย , ธนาคารซิตี้แบงก์ , ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ,

ธนาคารทหารไทย , ธนาคารไทยพาณิชย์ , ธนาคารธนชาต ,

ธนาคารยูโอบี


- ธนาคารเกียรตินาคิน , ธนาคารทิสโก้ , ธนาคารไทยเครดิต ,

ธนาคารแห่งประเทศจีน (Bank Of China) , ธนาคารไอซีบีซี ,

ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์



ส่วนสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (พวก Non-Bank ทั้งหมด) ไม่มีการลงนาม MOU เข้าร่วมกับโครงการนี้เลย...แม้แต่รายเดียว


ที่นี้...โปรดมาสังเกตรายชื่อของธนาคารที่เป็น“สีเขียว”ทั้ง 10ราย ในด้านบนให้ดีนะครับ เพราะมันเป็นรายชื่อของธนาคารที่เป็นผู้ออกบัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสดให้ประชาชนทั่วๆไปอยู่แล้ว...ลูกหนี้ต่างคุ้นเคยกันดี

แต่...รายชื่อของธนาคารที่เป็น“สีแดง”อีก 6ราย ที่ถัดลงมาข้างล่างนี่สิครับ...มันเคยทำบัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสดให้กับพวกเราด้วยหรือ?

พวกคุณเคยเห็นบัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสด ของ ธนาคารเกียรตินาคิน , ธนาคารทิสโก้ , ธนาคารไทยเครดิต , ธนาคารแห่งประเทศจีน (Bank Of China) , ธนาคารไอซีบีซี , ธนาคาร แลนด์ แอนด์เฮ้าส์...พวกคุณเคยเห็นด้วยหรือครับ?...รูปร่างหน้าของบัตรมันเป็นอย่างไร?...โดยเฉพาะไอ้ธนาคารไอซีบีซี มันตั้งอยู่ตรงส่วนไหนของประเทศไทยกัน(วะ)?

ในเมื่อไอ้พวกธนาคาร(ที่เป็นรายชื่อ“สีแดง”)อีก 6รายด้านล่าง มันไม่เคยทำบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสด ให้กับประชาชนทั่วไปอยู่แล้ว...แล้วแบงก์ชาติดันไปชักชวนพวกมัน ให้เข้ามาร่วมใน“โครงการคลินิกแก้หนี้”นี้ด้วยทำไม?...มันมีประโยชน์อะไรกับลูกหนี้?...หรือลูกหนี้อย่างพวกคุณ เคยมีบัตรของธนาคารไอ้พวกนี้อยู่ด้วย...มันเข้ามาร่วมแล้วมีประโยชน์อะไร(วะ)?

หรือแบงก์ชาติ ต้องการเพียงแค่จะโชว์รายชื่อของธนาคาร ที่ให้ความร่วมมือในโครงการตัวนี้ ว่ามันมีเยอะมากนะ...มีตั้ง 16ธนาคารเชียวนะโว้ย ถึงแม้มันจะมีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับหนี้บัตรต่างๆ...จริงๆแล้ว...ก็เพียงแค่ 10ธนาคารเท่านั้น

และที่สำคัญ มันไม่รายชื่อของ Non-Bank เลย...แม้แต่รายเดียว


.
อนณสุข ปรมาลาภา

ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

5 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา - 5 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #103828 โดย jackTs
.
ก็อย่างที่ผมเคยเกริ่นว่าไปในด้านบนนั่นแหละครับว่า ไอ้โครงการ“คลินิกแก้หนี้”ตัวนี้ มันเป็นเพียงแค่การขอความร่วมมือจากทางแบงก์ชาติ...ไม่ได้เป็นกฎหมาย...และไม่ได้บังคับ

เจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงินรายไหนอยากจะให้ความร่วมมือก็ได้ ถ้าให้ความร่วมมือก็ลงนามในสัญญา MOU กัน...หรือสถาบันการเงินรายใด จะไม่ให้ความร่วมมือก็ได้ ดังนั้น จึงไม่มีสถาบันการเงินที่เป็น Non-Bank รายใด ที่ลงนามในสัญญา MOU เลยแม้แต่รายเดียว...ขนาดธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด และธนาคารฮ่องกงแบงก์(HSBC) มันยังไม่ร่วมลงนามให้ความร่วมมือด้วยเลย ลองไปดูในรายชื่อ“ทั้งหมด”ให้ดีๆสิครับ ว่ามันมีรายชื่อซะที่ไหนกัน

สาเหตุที่ลูกหนี้ผู้ถือบัตรต่างๆ ที่สนใจใน“โครงการคลินิกแก้หนี้”

แต่ว่าสมัครแล้ว ไม่สามารถผ่านการอนุมัติได้เลยสักคน


1. ลูกหนี้คนนั้น จะต้องเคยหยุดจ่ายหนี้มาก่อน อย่างน้อยก็ต้องหยุดจ่ายตั้งแต่ 2ใบขึ้น และได้หยุดจ่ายมาเป็นระยะเวลานานมากแล้ว จนกระทั่งตัวของลูกหนี้คนนั้น ได้ติด Blacklist อยู่ในเครดิตบูโรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 2560…ถ้าใครที่เพิ่งเริ่มหยุดจ่าย หรือติดมา Blacklist ภายหลังจากวันที่ 1 พฤษภาคม 2560 ไปแล้ว...สมัครไม่ผ่าน

2. หากลูกหนี้ที่ต้องการจะสมัครเข้าในโครงการนี้ ในอดีตเคยเป็นมนุษย์เงินเดือน หรือมีเงินเดือนประจำ แต่ปัจจุบันตกงาน หรือลาออกมาประกอบอาชีพส่วนตัว หรือทำงานฟรีแลนซ์ ไม่มีเอกสารใบรับรองเงินเดือนหรือสลิปเงินเดือน มาประกอบแนบกับใบสมัครด้วย...สมัครไม่ผ่าน

3. หากปัจุบันลูกหนี้มีอายุมาก หรือเกษียณอายุจากการทำงานแล้ว...สมัครไม่ผ่าน

4. ลูกหนี้ที่เคยถูกเจ้าหนี้ฟ้องศาลมาแล้ว แม้แต่คดีเดียว...สมัครไม่ผ่าน

5. ลูกหนี้ที่จะสมัครเข้าโครงการตัวนี้ จะต้องถูกบังคับให้เอาเจ้าหนี้เข้าร่วมในโครงการให้หมด ทุกเจ้าหนี้ ทุกบัตร-ทุกราย ห้ามยกเว้นแม้แต่รายเดียว

6. สมมุติว่า ลูกหนี้ที่สนใจจะเข้าสมัคร มีบัตรเครดิตและบัตรกดเงินทั้งหมด 5ใบ และเคยติด Blacklist อยู่ในเครดิตบูโรมาก่อนแล้ว ก่อนจะถึงวันที่ 1 พฤษภาคม (ตรงตามเงื่อนไขของข้อ 1.) และต่อให้ยังไม่เคยถูกฟ้องศาลเลยก็ตาม แต่ดันมี 1ในบัตรที่ลูกหนี้ถืออยู่ เป็นบัตรของพวก Non-Bank ต่างๆ…อาทิเช่น บัตร อิออน , ยูเมะพลัส , KTC , เฟิร์สช้อยส์ , บริษัทบัตรกรุงศรี , พรอมิส , เอมันนี่ , เจมันนี่ , ควิกแคช , อยุธยาคาร์ด , บัตรเครดิตโลตัส , บัตรเครดิตบิ๊กซี , บัตรเครดิตโรบินสัน , บัตรกรุงศรีโฮมโปร , เซนทรัลการ์ด , จีอีมันนี่...ฯล...จะสมัครไม่ผ่าน เพราะพวก Non-Bank ทั้งหลายแหล่เหล่านี้ มันไม่ได้เข้าร่วมในโครงการคลินิกแก้หนี้ด้วย

เพราะข้อกำหนดในข้อ 5. บังคับเอาไว้ว่า ลูกหนี้จะต้องเอาเจ้าหนี้เข้าร่วมในโครงการนี้ให้หมด ทุกเจ้าหนี้ ทุกบัตร-ทุกราย ห้ามยกเว้นแม้แต่รายเดียว ดังนั้น หากลูกหนี้ดันมีบัตรที่เป็นเจ้าหนี้ประเภท Non-Bank เพียงใบใดใบหนึ่ง ก็จะไม่สามารถเข้าร่วมในโครงการนี้ได้เลย




สรุปแล้ว โครงการคลินิกแก้หนี้ตัวนี้ ทางแบงก์ชาติออกมาตรการมาเป็นเพียงแค่“ยาหอม”เพื่อลดแรงถูกด่า ในช่วงที่โดนด่ามากๆ ก็เท่านั้นเองครับ ว่ามีลูกหนี้ที่ติด Blacklist อยู่ 3ล้านราย(ณ ต้นปี 2560) ทางแบงก์ชาติไม่คิดที่จะทำอะไรบ้างเลยหรือ?

แบงก์ชาติก็เลยลดกระแสที่ถูกด่าอย่างหนัก(ในช่วงขณะนั้น) โดยการหยิบยกเอา“สัญญาประนอมหนี้” หรือ “สัญญาปรับโครงสร้างหนี้” ที่มีอยู่แล้วของเดิม มาทำการปัดฝุ่นใหม่ โดยการเปลี่ยนชื่อให้มันดูไพเราะเพราะพริ้ง ว่าเป็น“โครงการคลินิกแก้หนี้” โดยมอบหมายให้ SAM เป็นผู้ดำเนินการแทนในการคัดกรองและเจรจา
แล้วก็เอาดอกเบี้ยในระหว่างที่ผ่อนตามสัญญาคลินิกแก้หนี้ ว่าเป็นดอกเบี้ยราคาถูกมาก(ไม่เกิน 7% ต่อปี) มาเป็น“ตัวล่อ”ให้ลูกหนี้มีความหวังแบบ ลมๆแล้งๆ ไปวันๆ...จะได้ลืมเรื่องการด่าแบงก์ชาติไปก่อน

เสร็จแล้วแบงก์ชาติก็มาอ้างว่า ทางแบงก์ชาติได้มีการทำโครงการเพื่อลดจำนวนลูกหนี้ที่ติด Blacklist มากถึง 3ล้านคนให้แล้วนะ...แต่...ดันตั้งเงื่อนไขที่จะสามารถสมัครได้ผ่าน เอาไว้อย่างมหาโหด โดยไม่บอกความจริงให้ประชาชนที่เป็นลูกหนี้ได้รับทราบเลยแม้แต่น้อย


มาถึง ณ วันนี้...ก็กลางปี พ.ศ.2561 แล้วนะครับท่านแบงก์ชาติ

ผ่านมาปีกว่าแล้วนะครับท่าน


ปัจจุบันนี้ ตัวเลขของลูกหนี้ที่ติด Blacklist อยู่ในเครดิตบูโร พุ่งสูงเกินกว่า 3ล้านคนไปมากแล้วนะครับ มีลูกหนี้ที่สมัครในโครงการคลินิกของท่าน แล้วผ่านการอนุมัติสักกี่คนครับ?

ถึงหนึ่งพันคนแล้วหรือยัง? :sweat:



แล้วปีนี้...ท่านคิดจะทำโครงการ“ยาหอม”ที่มีชื่อว่าอะไรขึ้นมาอีกล่ะครับ?


ประชาชนอย่างพวกผมอยากรู้ครับ



เอ้า...ใครที่เข้ามาอ่านจนถึงจุดนี้แล้ว อยากจะสมัครเข้าใน“โครงการคลินิกแก้หนี้” ก็เชิญได้เลยนะครับ…ไม่ว่ากัน

แต่ถ้าผมเป็นลูกหนี้อย่างพวกคุณแล้วล่ะก็ แทนที่ผมจะเอาเวลาไปสมัครเข้าร่วมในโครงการตัวนี้ ผมจะไปทำงานอื่นให้มากๆ เพื่อที่จะเก็บเงินเอาไว้ Hair cut กับเจ้าหนี้ดีกว่าครับ ดีกว่ามาเสียเวลาไปยื่นใบสมัครแล้วก็ไม่ผ่าน

เสียเวลา เสียค่ารถ เสียทั้งค่าถ่ายเอกสารต่างๆ สู้ทำงานเก็บเงินเอาไว้ให้มากๆ เพื่อรอวันหมดหนี้ดีกว่าครับ
หรือไม่ก็รอลุ้นกันว่า ปีนี้ ทางแบงก์ชาติจะมีโครงการ“ยาหอม”ตัวใหม่อะไร ที่จะออกมาให้ลูกหนี้ได้“จั๊กกะจี้”เล่น...ก็สนุกดีนะครับ :P


ปล. ท่านผู้ว่าฯแบงก์ชาติกรุณาอย่าโกรธผมนะครับ

ที่ผมนำเอาความจริงมาเปิดเผยให้ประชาชน

โดยเฉพาะลูกหนี้ได้รับทราบ...555
:laughing:
.

.
อนณสุข ปรมาลาภา

ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

5 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา - 5 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #103832 โดย jackTs

.
อนณสุข ปรมาลาภา

ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.561 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena