เจอเหมือนกันค่ะ #ยูเมะkluaylso เขียน: Ubdate 1/2/61
Tmb—-โทรน้อยคะ มะวานคุยกันครั้งสุดท้ายเค้าบอกให้จ่ายเข้ามา 4000฿ ไม่งั้นเรื่องจะไปที่ฝ่าย กฏหมายคะ เลยไม่ได้จ่ายไปคะ
Umay+ ——-อันนี้โมโหมากคะ เนื่องจากงานน้องต้องออกพื้นที่คะ รับบ้างไม่รับบ้าง วันนี้นางโทรมารัวๆ ไม่ได้รับ เพราะอยู่ข้างนอกไม่ได้ยิน นางขอโทรเข้าออฟฟิต ขอคุยกับหัวหน้างานเราเลยค่ะ อันนี้เรางงมากเค้ามีสิทธิ์คุยกับหัวหน้างานเราด้วยหรอคะ ไม่ใช่รายชื่อของคนที่เราให้ติดต่อได้นะ
Uob -โทรมาน้อยมากคะ คุยสุภาพดีคะ
Citibank - โทรน้อย ยังสุภาพอยู่คะ
KTc —- โทรน้อยมากคะ
****ถามจริงๆนะคะ เค้ามีสิทธิ์คุยกับหัวหน้างานเราจริงหรอคะ
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
สู้ๆคะ สู้ไปด้วยกันเพื่อวันหมดหนี้คะnoo.sun เขียน:
เจอเหมือนกันค่ะ #ยูเมะkluaylso เขียน: Ubdate 1/2/61
Tmb—-โทรน้อยคะ มะวานคุยกันครั้งสุดท้ายเค้าบอกให้จ่ายเข้ามา 4000฿ ไม่งั้นเรื่องจะไปที่ฝ่าย กฏหมายคะ เลยไม่ได้จ่ายไปคะ
Umay+ ——-อันนี้โมโหมากคะ เนื่องจากงานน้องต้องออกพื้นที่คะ รับบ้างไม่รับบ้าง วันนี้นางโทรมารัวๆ ไม่ได้รับ เพราะอยู่ข้างนอกไม่ได้ยิน นางขอโทรเข้าออฟฟิต ขอคุยกับหัวหน้างานเราเลยค่ะ อันนี้เรางงมากเค้ามีสิทธิ์คุยกับหัวหน้างานเราด้วยหรอคะ ไม่ใช่รายชื่อของคนที่เราให้ติดต่อได้นะ
Uob -โทรมาน้อยมากคะ คุยสุภาพดีคะ
Citibank - โทรน้อย ยังสุภาพอยู่คะ
KTc —- โทรน้อยมากคะ
****ถามจริงๆนะคะ เค้ามีสิทธิ์คุยกับหัวหน้างานเราจริงหรอคะ
แต่พอดีทำหน้าที่รับโทรศัพท์ส่วนกลางค่ะ
บางครั้งเราก็อ้างว่าหัวหน้าประชุม/ไม่ว่าง
เพราะถ้าคุยกับหัวหน้ายังไงเกิดผลเสียแน่นอน
มือถือไม่ได้ใช้เวลาทำงาน ยูเมะโทรเข้า ที่ทำงานรัวๆค่ะ
เฉลี่ยวันละ3ครั้ง ตอนนี้เพิ่งเข้าเดือนที่2ค่ะ
วันนี้โทรเข้ามาเป็นการโชว์เบอร์ เรารับสายแล้วทางนั้นวาง
สายล่าสุดมีเอฟเฟคเสียงปรบมือให้ด้วยตอนเรารับสาย แล้วเค้าก์วางไป
เพื่ออะไรไม่รู้ ใครรู้ตอบทีค่ะ
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
kluaylso เขียน: Update บ่าย14:30
Umay +
-เสียงผู้ชายโทรมา ขู่ว่าถ้าไม่จ่ายจะมีผลเวลาโทรตามที่ทำงาน
มีความหมายเป็นนัยว่าชั้ลจะโทรไปกวนเทอทร่ทำงาน ข่ะ
อดทนสุดชีวิตเพื่อจะแฮร์คัด
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
number เขียน: Kluaylso เหมือนดิฉันเลยค่ะ umay+ ไม่ได้รับสายแค่สายเดียว
ประมาณว่า วิ่งมารับปุ๊บ วางปั๊บ จากนั้นโทหาบุคคลอ้างอิงทันทีเลยค่ะ
บอกแล้วจะค่ะ ว่าแยกกันอยุ ก็ไม่ฟัง สุดยอดจิง ดิฉันหยุดเข้ารอบบิลที่2แล้วค่ะ
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
FrozenHeart เขียน:
kluaylso เขียน: Update บ่าย14:30
Umay +
-เสียงผู้ชายโทรมา ขู่ว่าถ้าไม่จ่ายจะมีผลเวลาโทรตามที่ทำงาน
มีความหมายเป็นนัยว่าชั้ลจะโทรไปกวนเทอทร่ทำงาน ข่ะ
อดทนสุดชีวิตเพื่อจะแฮร์คัด
เค้าโทรจจริงคะไม่ได้ขู่ ไม่ได้รับมีฝากข้อความให้โทรกลับด่วนด้วยคะ จากอีซี่บาย เลยโทรด่วนกลับไปตามชื่อที่ให้ไว้คะ พร้อมกับให้บทเรียนชุดใหญ่ (ด่าไฟแลบแบบไม่หายใจไม่เว้นวรรค) ยังมาบอกอีกนะว่าก็เราไม่รับมือถือ เลยบอกว่ารับตลอดแต่พวกคุณโทรกันคนละครั้งคนละรอบ รับทั้งวันต้องให้โดนไล่ออกก่อนหรือไง ให้โทรมาเวลานี้นี้เท่านั้น ถ้าโทรมาไม่ตามกำหนด แม่ด่าเปิงจิงนะ ช่วงแรกมีคนลองของคะ โทรมานอกเวลากำหนดก็บอกดีดีว่าไม่สะดวกรับโทรมาเวลากำหนดเท่านั้นแล้วตัดสายเลย ถ้ายังมีลองของมาอีกก็จัดชุดใหญ่ให้ เค้าก็ทำตามหน้าที่เค้าคะ เค้ากำหนดจำนวนเวลาโทรไม่ได้ก็จัดให้เค้าคะ ยอมรับว่าตอนต่อว่ากลับไปเนี่ย เหมือนได้ปลดปล่อยยังไงไม่รู้
เป็นกำลังในนะคะ ไม่แปลกถ้าจะกลัว แต่อย่าถอยนะคะ
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
Oreo_ เขียน: เมื่อวาน (15/2:18) เป็นวันปล่อยของของeasy buyปะคะ โทรเข้าออฟฟิส เพราะเรารับไม่ทัน(1ครั้ง) น้องคนที่นั่งตรงข้ามรับให้ หน้าตกใจมาก เราเลยรับมาสวัสดีค่ะ แล้ววางสาย เลยโทรกลับเข้าเบอร์ที่โทรมา โทร2รอบ ให้รอรับสาย2รอบ อีกครึ่งชม.พ่อโทรมาอีก บอกeasy buyโทรมาอีกแล้วนะ เราปรี๊ดแตกที่สุด โกรธจนตัวสั่น โทรกลับไปคุยประมาณ15นาที อะไรนักหนา บอกไปแล้วว่าห้ามโทรหาบุคคลที่สามอีก ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง เราให้นางโทรไปขอโทษพ่อเราเลย เค้าไม่ควรมาเกี่ยวมั้ยอะ ลูกค้าคุณก็ไม่ได้เป็น เราโกรธมากที่สุดดดดด นี่รอบบิลแรกนะเนี่ย จะต้องเจออะไรอีก
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
Pheonix เขียน: ตัวอย่างการต่อสู้่คดี สัญญาเลิกต่อกันแล้ว
ข้อ ๒. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๒ หนี้ ลักษณะ ๒ สัญญา หมวด ๑ ก่อให้เกิดสัญญา หมวด ๒ ผลแห่งสัญญา มีพื้นฐานมาจากเสรีภาพของบุคคล ตามหลักของความศักดิ์สิทธิ์ของการแสดงเจตนา ซึ่งรัฐจะไม่เข้าแทรกแซงแม้ว่าคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งจะได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง เว้นแต่จะเป็นการต้องห้ามโดยกฎหมายหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ผู้มีอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจเหนือกว่าถือโอกาสอาศัยหลักดังกล่าว เอาเปรียบคู่สัญญาซึ่งอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจด้อยกว่า ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมและไม่สงบสุขในสังคม ดังนั้น เมื่อลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ได้ เพื่อความสงบสุขในสังคม จึงได้มีบทบัญญัติในหมวด ๔ เลิกสัญญา เป็นบทบัญญัติที่กำหนดเพื่อความสงบสุขของสังคม และเพื่อให้ลูกหนี้สามารถชำระหนี้คืนให้เจ้าหนี้ได้ ดังนี้ มาตรา ๓๘๖ ถ้าคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งมีสิทธิเลิกสัญญาโดยข้อสัญญา หรือโดยบทบัญญัติแห่งกฎหมาย การเลิกสัญญาเช่นว่านั้นย่อมทำด้วยแสดงเจตนาแก่อีกฝ่ายหนี่ง การแสดงเจตนาดังกล่าวมาในวรรคก่อนนั้น ท่านว่าหาอาจจะถอนได้ไม่ มาตรา ๓๘๗ ถ้าคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งไม่ชำระหนี้ อีกฝ่ายหนึ่งจะกำหนดระยะเวลาพอสมควร แล้วบอกกล่าวให้ฝ่ายนั้นชำระหนี้ภายในระยะเวลานั้นก็ได้ ถ้าและฝ่ายนั้นไม่ชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ไซร้ อีกฝ่ายหนึ่งจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้
มาตรา ๓๙๑ เมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม แต่ทั้งนี้จะให้เป็นที่เสื่อมเสียแก่สิทธิของบุคคลภายนอกหาได้ไม่ วรรค ๔ การใช้สิทธิเลิกสัญญานั้นหากระทบกระทั่งถึงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายไม่ มาตรา ๒๒๒ การเรียกเอาค่าเสียหายนั้น ได้แก่เรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำระหนี้นั้น มาตรา ๒๒๔ หนี้เงินนั้น ท่านให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดร้อยละเจ็ดกึ่งต่อปี ตามคำฟ้องข้อ ๓. จำเลยตกลงชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยให้แก่โจทก์เป็นรายเดือน เดือนละ ๒,๗๔๐ บาท (เงินต้นและดอกเบี้ย) เริ่มผ่อนชำระงวดแรก และในเดือนต่อไป ชำระตามใบแจ้งยอดบัญชีในแต่ละเดือนของทุกเดือนถัดไป แต่ทั้งนี้ต้องให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาตามใบแจ้งยอดบัญชีในแต่ละเดือน นับตั้งแต่การชำระงวดแรกเป็นต้นไป หลังจากจำเลยได้รับเงินกู้ไปเรียบร้อยแล้วตามฟ้องข้อ ๒. จำเลยได้ผ่อนชำระแก่โจทก์เพียงบางส่วน และผิดนัดผิดสัญญาไม่ชำระหนี้แก่โจทก์ ปรากฏยอดหนี้ ณ วันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๘ จำเลยค้างชำระเป็นต้นเงินจำนวน ๘๕,๐๗๑.๑๗ บาท ดอกเบี้ยจำนวน ๘,๓๖๗.๔๑ บาท เบี้ยปรับจำนวน ๐.๐๐ บาท รวมเป็นเงินจำนวน ๙๓,๔๓๘.๕๘ บาท หลังจากนั้นไม่เคยชำระอีกเลย การกระทำดังกล่าวของจำเลยเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยต้องรับผิดแก่โจทก์เป็นเงินจำนวน ๙๓,๔๓๘.๕๘ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๒๘ ต่อปี ของต้นเงินจำนวน ๘๕,๐๗๑.๑๗ บาท นับตั้งแต่วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ จนถึงวันฟ้อง คิดดอกเบี้ยเป็นเงินจำนวน ๖๑,๖๗๐.๗๗ บาท (๗๒.๔๙% ของเงินต้น อัตราสูงมาก) รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน ๑๕๕,๑๐๙.๓๕ บาท (๑๘๒.๓๓% ของเงินต้น เป็นอัตราสูงมาก) ซึ่งโจทก์ขอถือเอาเป็นจำนวนทุนทรัพย์ในการฟ้องเป็นคดีนี้ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายใบแจ้งยอดบัญชีสินเชื่อบุคคล และสำเนาภาพถ่ายใบบันทึกรายการยอดหนี้ เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๖ และ ๗ จำเลยขอให้การว่า การที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า โจทก์และจำเลยไม่ประสงค์จะทำสัญญากันอีกต่อไป สัญญาระหว่างโจทก์และจำเลยจึงเลิกต่อกันแล้วโดยปริยาย โจทก์และจำเลยจึงต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๙๑ เมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม วรรค ๔ การใช้สิทธิเลิกสัญญาหากระทบกระทั่งถึงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายไม่ โจทก์จึงเรียกค่าเสียหายได้ ตามมาตรา ๒๒๒ การเรียกเอาค่าเสียหายนั้น ได้แก่เรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำระหนี้นั้น ตามมาตรา ๒๒๔ หนี้เงินนั้น ท่านให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดร้อยละ ๗.๕๐ ต่อปี การเรียกดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๒๘ ต่อปี ของต้นเงินจำนวน ๘๕,๐๗๑.๑๗ บาท นับตั้งแต่วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ จนถึงวันฟ้องวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ คิดดอกเบี้ยเป็นเงินจำนวน ๖๑,๖๗๐.๗๗ บาท (๗๒.๔๙% ของเงินต้น อัตราสูงมาก) รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน ๑๕๕,๑๐๙.๓๕ บาท (๑๘๒.๓๓% ของเงินต้น อัตราสูงมาก) ไม่ใช่ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำระหนี้นั้น ตามมาตรา ๒๒๒ แต่เป็นกำไรที่สูงเกินส่วนไปเป็นมาก ตามข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย อัตราดอกเบี้ยเงินฝากสำหรับบุคคลธรรมดา ของธนาคารพาณิชย์ ประจำวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๑ ธนาคารทหารไทยกำหนดให้ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๑๒ เดือน แก่ผู้ฝากเงิน อัตราร้อยละ ๐.๗๕ - ๑.๐๐ ต่อปี ถ้าคิดดอกเบี้ยหลังเลิกสัญญาแล้ว ในอัตราร้อยละ ๒๘ ต่อปี หักด้วยต้นทุนเงินฝากประจำ ๑๒ เดือน อัตราสูงสุดร้อยละ ๑ ต่อปี โจทก์มีกำไรขั้นต้นอัตราร้อยละ ๒๗ ต่อปี (๒๘ ลบ ๑ เท่ากับ ๒๗) เมื่อเปรียบเทียบกับต้นทุนเงินฝากประจำสูงสุดร้อยละ ๑ ต่อปี โจทก์มีกำไรขั้นต้นอัตราร้อยละ ๒,๗๐๐ ของต้นทุนเงินฝากประจำ (๒๗ หาร ๑ คูณ ๑๐๐ เท่ากับ ๒,๗๐๐) เป็นกำไรขั้นต้นที่สูงเกินส่วนไปเป็นอันมาก จึงไม่ใช่ค่าเสียหาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๒
ข้อ ๓. ตามคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๓/๒๕๔๗ สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๒ พิพากษาโดยท่านไพโรจน์ วายุภาพ ท่านปัญญา ถนอมรอด ท่านวรนาถ ภูมิถาวร วางหลักกฎหมายในเรื่องเบี้ยปรับไว้ในหน้า ๑ วรรค ๒ ว่า ส่วนการคิดดอกเบี้ยหลังจากที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญากู้เงินนั้น ตามสัญญากู้เงิน ข้อ ๔ ระบุถึงอัตราดอกเบี้ยในกรณีที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้ ให้คิดในอัตราดอกเบี้ยสูงสุดตามที่ระบุในสัญญาข้อ ๒ ซึ่งหมายถึงอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสำหรับลูกค้าที่ปฏิบัติผิดเงื่อนไขตามประกาศธนาคารโจทก์ และในกรณีที่มีการผิดนัดแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยซึ่งปฏิบัติผิดเงื่อนไขแล้วในอัตราผิดนัดสูงสุดสำหรับลูกค้าปฏิบัติผิดเงื่อนไขตามประกาศธนาคารโจทก์ได้ โดยไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย จึงไม่ตกเป็นโมฆะ แต่การกำหนดให้โจทก์คิดดอกเบี้ยสูง อันเนื่องมาจากการที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้อันเป็นการผิดสัญญา เท่ากับเป็นข้อสัญญาที่กำหนดค่าเสียหายในลักษณะเป็นดอกเบี้ยไว้ล่วงหน้า อันถือเป็นเบี้ยปรับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๗๙ ซึ่งหากศาลเห็นว่าสูงเกินส่วน ก็มีอำนาจพิพากษาลดเบี้ยปรับลงเหลือเป็นจำนวนพอสมควรได้ ตามมาตรา ๓๘๓ และในหน้า ๕ วรรค ๒ เมื่อพิเคราะห์ถึงทางได้เสียของโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เกี่ยวกับการกู้ยืมเงินรายนี้แล้ว เห็นว่าฯ อัตราดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดตามที่ระบุในสัญญากู้เงินข้อ ๔ ที่กำหนดไว้เป็นอัตราผิดนัดสูงสุดตามประกาศธนาคารโจทก์ ซึ่งนับว่าเป็นอัตราสูงมาก เช่น บางช่วงอัตราร้อยละ ๑๙ ต่อปี และบางช่วงสูงถึงร้อยละ ๒๔ ต่อปี นับว่าเป็นเบี้ยปรับในลักษณะดอกเบี้ยที่สูงเกินส่วนไปมาก เห็นสมควรลดลงเหลือเพียงอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปี เท่านั้น ฯ (ไพโรจน์ วายุภาพ ปัญญา ถนอมรอด วรนาถ ภูมิถาวร) หมายเหตุ ท่านปัญญา ถนอมรอด ดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกาเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๙
ท่านไพโรจน์ วายุภาพ ดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกาเมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ (คำพิพากษาฎีกาปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ตอนที่ ๔ หน้า ๕๓๙-๕๕๐ จัดพิมพ์โดยเนติบัณฑิตยสภา)
จำเลยกราบขอบารมีท่านไพโรจน์ วายุภาพ ท่านปัญญา ถนอมรอด และท่านวรนาถ ภูมิถาวร ขอให้การตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๓/๒๕๔๗ ดังกล่าวข้างต้นว่า ตามคำฟ้องข้อ ๓. วรรค ๓ การกระทำดังกล่าวของจำเลยเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยต้องรับผิดแก่โจทก์เป็นเงินจำนวน ๙๓,๔๓๘.๕๘ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราผิดนัดร้อยละ ๒๘ ต่อปี ของต้นเงินจำนวน ๘๕,๐๗๑.๑๗ บาท นับตั้งแต่วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ จนถึงวันฟ้อง คิดดอกเบี้ยเป็นเงินจำนวน ๖๑,๖๗๐.๗๗ บาท (๗๒.๔๙% ของเงินต้น อัตราสูงมาก) รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน ๑๕๕,๑๐๙.๓๕ บาท (๑๘๒.๓๓% ของเงินต้น เป็นอัตราสูงมาก) ซึ่งโจทก์ขอถือเอาเป็นจำนวนทุนทรัพย์ในการฟ้องเป็นคดีนี้ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายใบแจ้งยอดบัญชีสินเชื่อบุคคล และสำเนาภาพถ่ายใบบันทึกรายการยอดหนี้ เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๖ และ ๗ จำเลยขอให้การว่า การกำหนดให้โจทก์คิดดอกเบี้ยสูงมากถึงร้อยละ ๒๘ ต่อปี อันเนื่องมาจากการที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้ อันเป็นการผิดสัญญา เท่ากับเป็นข้อสัญญาที่กำหนดค่าเสียหายในลักษณะเป็นดอกเบี้ยไว้ล่วงหน้า อันถือเป็นเบี้ยปรับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๗๙ หากศาลเห็นว่าสูงเกินส่วนก็มีอำนาจพิพากษาลดเบี้ยปรับลงเหลือเป็นจำนวนพอสมควรได้ตามมาตรา ๓๘๓ ตามข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย อัตราดอกเบี้ยเงินฝากสำหรับบุคคลธรรมดา ของธนาคารพาณิชย์ ประจำวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๑ ธนาคารทหารไทยกำหนดให้ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๑๒ เดือน แก่ผู้ฝากเงิน อัตราร้อยละ ๐.๗๕ - ๑.๐๐ ต่อปี การกำหนดให้โจทก์คิดดอกเบี้ยสูงมากถึงร้อยละ ๒๘ ต่อปี อันเนื่องมาจากการที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้ อันเป็นการผิดสัญญา เท่ากับเป็นข้อสัญญาที่กำหนดค่าเสียหายในลักษณะเป็นดอกเบี้ยไว้ล่วงหน้า อันถือเป็นเบี้ยปรับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๗๙ ถ้าคิดดอกเบี้ยอันถือเป็นเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ ๒๘ ต่อปี หักด้วยต้นทุนเงินฝากประจำ ๑๒ เดือน อัตราสูงสุดร้อยละ ๑ ต่อปี โจทก์มีกำไรขั้นต้นอัตราร้อยละ ๒๗ ต่อปี (๒๘ ลบ ๑ เท่ากับ ๒๗) เมื่อเปรียบเทียบกับต้นทุนเงินฝากประจำสูงสุดร้อยละ ๑ ต่อปี โจทก์มีกำไรขั้นต้นอัตราร้อยละ ๒,๗๐๐ ของต้นทุนเงินฝากประจำ (๒๗ หาร ๑ คูณ ๑๐๐ เท่ากับ ๒,๗๐๐) จึงเป็นเบี้ยปรับที่สูงเกินส่วนไปเป็นอันมาก ข้อ ๔. ตามข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๓ สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ จำนวนบัญชีทั้งสิ้น ๑๒.๗๘ ล้านบัญชี ยอดสินเชื่อคงค้าง ๓๕๔,๒๙๔ ล้านบาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ ๒๘ ต่อปี เป็นเงินค่าดอกเบี้ยปีละ ๙๙,๒๐๒.๓๒ ล้านบาท (เกือบ ๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท) ถ้าคิดไปอีก ๕ ปี เป็นเงินค่าดอกเบี้ยสะสม ๔๙๖,๐๑๑.๖๐ ล้านบาท (เกือบ ๕๐๐,๐๐๐ ล้านบาท) ถึงวันนั้น ทุกอย่างคงจบ เพราะประชาชนผู้บริโภคไม่มีกำลังซื้อ เศรษฐกิจของประเทศไทยจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร ทุนต่างชาติเอาเงินของประชาชนผู้บริโภคไปเป็นอันมาก จำเลยกราบขอประทานศาลท่านได้โปรดเมตตา เพื่อให้จำเลยสามารถชำระหนี้ให้โจทก์ได้
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
kluaylso เขียน: Update 20/2/61
ปล.
1.งงคะ อ่านของชมรม ส่วนใหญ่นิ นาทีทองเค้าอยุ่ที่เดือนที่ 5-6 รึเปนเพราะเราไปบอกเค้าว่าจะมีเงินกุ้นะ โง่อีกละ
2.อันนี้ ค้าง 2รอบ เค้าจะให้ส่วนลดจริงรึป่าว รึหลอกให้จ่ายหยอดคะ รบกวนเพื่อนๆพี่ๆชมรมด้วยคะ ว่ามีแฮร์คัด ช่วงนี้ด้วยหรอคะ
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
Pheonix เขียน: ตัวอย่างการต่อสู้่คดี สัญญาเลิกต่อกันแล้ว
ข้อ ๒. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๒ หนี้ ลักษณะ ๒ สัญญา หมวด ๑ ก่อให้เกิดสัญญา หมวด ๒ ผลแห่งสัญญา มีพื้นฐานมาจากเสรีภาพของบุคคล ตามหลักของความศักดิ์สิทธิ์ของการแสดงเจตนา ซึ่งรัฐจะไม่เข้าแทรกแซงแม้ว่าคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งจะได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง เว้นแต่จะเป็นการต้องห้ามโดยกฎหมายหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ผู้มีอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจเหนือกว่าถือโอกาสอาศัยหลักดังกล่าว เอาเปรียบคู่สัญญาซึ่งอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจด้อยกว่า ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมและไม่สงบสุขในสังคม ดังนั้น เมื่อลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ได้ เพื่อความสงบสุขในสังคม จึงได้มีบทบัญญัติในหมวด ๔ เลิกสัญญา เป็นบทบัญญัติที่กำหนดเพื่อความสงบสุขของสังคม และเพื่อให้ลูกหนี้สามารถชำระหนี้คืนให้เจ้าหนี้ได้ ดังนี้ มาตรา ๓๘๖ ถ้าคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งมีสิทธิเลิกสัญญาโดยข้อสัญญา หรือโดยบทบัญญัติแห่งกฎหมาย การเลิกสัญญาเช่นว่านั้นย่อมทำด้วยแสดงเจตนาแก่อีกฝ่ายหนี่ง การแสดงเจตนาดังกล่าวมาในวรรคก่อนนั้น ท่านว่าหาอาจจะถอนได้ไม่ มาตรา ๓๘๗ ถ้าคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งไม่ชำระหนี้ อีกฝ่ายหนึ่งจะกำหนดระยะเวลาพอสมควร แล้วบอกกล่าวให้ฝ่ายนั้นชำระหนี้ภายในระยะเวลานั้นก็ได้ ถ้าและฝ่ายนั้นไม่ชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ไซร้ อีกฝ่ายหนึ่งจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้
มาตรา ๓๙๑ เมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม แต่ทั้งนี้จะให้เป็นที่เสื่อมเสียแก่สิทธิของบุคคลภายนอกหาได้ไม่ วรรค ๔ การใช้สิทธิเลิกสัญญานั้นหากระทบกระทั่งถึงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายไม่ มาตรา ๒๒๒ การเรียกเอาค่าเสียหายนั้น ได้แก่เรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำระหนี้นั้น มาตรา ๒๒๔ หนี้เงินนั้น ท่านให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดร้อยละเจ็ดกึ่งต่อปี ตามคำฟ้องข้อ ๓. จำเลยตกลงชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยให้แก่โจทก์เป็นรายเดือน เดือนละ ๒,๗๔๐ บาท (เงินต้นและดอกเบี้ย) เริ่มผ่อนชำระงวดแรก และในเดือนต่อไป ชำระตามใบแจ้งยอดบัญชีในแต่ละเดือนของทุกเดือนถัดไป แต่ทั้งนี้ต้องให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาตามใบแจ้งยอดบัญชีในแต่ละเดือน นับตั้งแต่การชำระงวดแรกเป็นต้นไป หลังจากจำเลยได้รับเงินกู้ไปเรียบร้อยแล้วตามฟ้องข้อ ๒. จำเลยได้ผ่อนชำระแก่โจทก์เพียงบางส่วน และผิดนัดผิดสัญญาไม่ชำระหนี้แก่โจทก์ ปรากฏยอดหนี้ ณ วันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๘ จำเลยค้างชำระเป็นต้นเงินจำนวน ๘๕,๐๗๑.๑๗ บาท ดอกเบี้ยจำนวน ๘,๓๖๗.๔๑ บาท เบี้ยปรับจำนวน ๐.๐๐ บาท รวมเป็นเงินจำนวน ๙๓,๔๓๘.๕๘ บาท หลังจากนั้นไม่เคยชำระอีกเลย การกระทำดังกล่าวของจำเลยเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยต้องรับผิดแก่โจทก์เป็นเงินจำนวน ๙๓,๔๓๘.๕๘ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๒๘ ต่อปี ของต้นเงินจำนวน ๘๕,๐๗๑.๑๗ บาท นับตั้งแต่วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ จนถึงวันฟ้อง คิดดอกเบี้ยเป็นเงินจำนวน ๖๑,๖๗๐.๗๗ บาท (๗๒.๔๙% ของเงินต้น อัตราสูงมาก) รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน ๑๕๕,๑๐๙.๓๕ บาท (๑๘๒.๓๓% ของเงินต้น เป็นอัตราสูงมาก) ซึ่งโจทก์ขอถือเอาเป็นจำนวนทุนทรัพย์ในการฟ้องเป็นคดีนี้ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายใบแจ้งยอดบัญชีสินเชื่อบุคคล และสำเนาภาพถ่ายใบบันทึกรายการยอดหนี้ เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๖ และ ๗ จำเลยขอให้การว่า การที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า โจทก์และจำเลยไม่ประสงค์จะทำสัญญากันอีกต่อไป สัญญาระหว่างโจทก์และจำเลยจึงเลิกต่อกันแล้วโดยปริยาย โจทก์และจำเลยจึงต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๙๑ เมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม วรรค ๔ การใช้สิทธิเลิกสัญญาหากระทบกระทั่งถึงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายไม่ โจทก์จึงเรียกค่าเสียหายได้ ตามมาตรา ๒๒๒ การเรียกเอาค่าเสียหายนั้น ได้แก่เรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำระหนี้นั้น ตามมาตรา ๒๒๔ หนี้เงินนั้น ท่านให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดร้อยละ ๗.๕๐ ต่อปี การเรียกดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๒๘ ต่อปี ของต้นเงินจำนวน ๘๕,๐๗๑.๑๗ บาท นับตั้งแต่วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ จนถึงวันฟ้องวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ คิดดอกเบี้ยเป็นเงินจำนวน ๖๑,๖๗๐.๗๗ บาท (๗๒.๔๙% ของเงินต้น อัตราสูงมาก) รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน ๑๕๕,๑๐๙.๓๕ บาท (๑๘๒.๓๓% ของเงินต้น อัตราสูงมาก) ไม่ใช่ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำระหนี้นั้น ตามมาตรา ๒๒๒ แต่เป็นกำไรที่สูงเกินส่วนไปเป็นมาก ตามข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย อัตราดอกเบี้ยเงินฝากสำหรับบุคคลธรรมดา ของธนาคารพาณิชย์ ประจำวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๑ ธนาคารทหารไทยกำหนดให้ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๑๒ เดือน แก่ผู้ฝากเงิน อัตราร้อยละ ๐.๗๕ - ๑.๐๐ ต่อปี ถ้าคิดดอกเบี้ยหลังเลิกสัญญาแล้ว ในอัตราร้อยละ ๒๘ ต่อปี หักด้วยต้นทุนเงินฝากประจำ ๑๒ เดือน อัตราสูงสุดร้อยละ ๑ ต่อปี โจทก์มีกำไรขั้นต้นอัตราร้อยละ ๒๗ ต่อปี (๒๘ ลบ ๑ เท่ากับ ๒๗) เมื่อเปรียบเทียบกับต้นทุนเงินฝากประจำสูงสุดร้อยละ ๑ ต่อปี โจทก์มีกำไรขั้นต้นอัตราร้อยละ ๒,๗๐๐ ของต้นทุนเงินฝากประจำ (๒๗ หาร ๑ คูณ ๑๐๐ เท่ากับ ๒,๗๐๐) เป็นกำไรขั้นต้นที่สูงเกินส่วนไปเป็นอันมาก จึงไม่ใช่ค่าเสียหาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๒
ข้อ ๓. ตามคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๓/๒๕๔๗ สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๒ พิพากษาโดยท่านไพโรจน์ วายุภาพ ท่านปัญญา ถนอมรอด ท่านวรนาถ ภูมิถาวร วางหลักกฎหมายในเรื่องเบี้ยปรับไว้ในหน้า ๑ วรรค ๒ ว่า ส่วนการคิดดอกเบี้ยหลังจากที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญากู้เงินนั้น ตามสัญญากู้เงิน ข้อ ๔ ระบุถึงอัตราดอกเบี้ยในกรณีที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้ ให้คิดในอัตราดอกเบี้ยสูงสุดตามที่ระบุในสัญญาข้อ ๒ ซึ่งหมายถึงอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสำหรับลูกค้าที่ปฏิบัติผิดเงื่อนไขตามประกาศธนาคารโจทก์ และในกรณีที่มีการผิดนัดแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยซึ่งปฏิบัติผิดเงื่อนไขแล้วในอัตราผิดนัดสูงสุดสำหรับลูกค้าปฏิบัติผิดเงื่อนไขตามประกาศธนาคารโจทก์ได้ โดยไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย จึงไม่ตกเป็นโมฆะ แต่การกำหนดให้โจทก์คิดดอกเบี้ยสูง อันเนื่องมาจากการที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้อันเป็นการผิดสัญญา เท่ากับเป็นข้อสัญญาที่กำหนดค่าเสียหายในลักษณะเป็นดอกเบี้ยไว้ล่วงหน้า อันถือเป็นเบี้ยปรับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๗๙ ซึ่งหากศาลเห็นว่าสูงเกินส่วน ก็มีอำนาจพิพากษาลดเบี้ยปรับลงเหลือเป็นจำนวนพอสมควรได้ ตามมาตรา ๓๘๓ และในหน้า ๕ วรรค ๒ เมื่อพิเคราะห์ถึงทางได้เสียของโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เกี่ยวกับการกู้ยืมเงินรายนี้แล้ว เห็นว่าฯ อัตราดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดตามที่ระบุในสัญญากู้เงินข้อ ๔ ที่กำหนดไว้เป็นอัตราผิดนัดสูงสุดตามประกาศธนาคารโจทก์ ซึ่งนับว่าเป็นอัตราสูงมาก เช่น บางช่วงอัตราร้อยละ ๑๙ ต่อปี และบางช่วงสูงถึงร้อยละ ๒๔ ต่อปี นับว่าเป็นเบี้ยปรับในลักษณะดอกเบี้ยที่สูงเกินส่วนไปมาก เห็นสมควรลดลงเหลือเพียงอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปี เท่านั้น ฯ (ไพโรจน์ วายุภาพ ปัญญา ถนอมรอด วรนาถ ภูมิถาวร) หมายเหตุ ท่านปัญญา ถนอมรอด ดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกาเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๙
ท่านไพโรจน์ วายุภาพ ดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกาเมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ (คำพิพากษาฎีกาปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ตอนที่ ๔ หน้า ๕๓๙-๕๕๐ จัดพิมพ์โดยเนติบัณฑิตยสภา)
จำเลยกราบขอบารมีท่านไพโรจน์ วายุภาพ ท่านปัญญา ถนอมรอด และท่านวรนาถ ภูมิถาวร ขอให้การตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๓/๒๕๔๗ ดังกล่าวข้างต้นว่า ตามคำฟ้องข้อ ๓. วรรค ๓ การกระทำดังกล่าวของจำเลยเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยต้องรับผิดแก่โจทก์เป็นเงินจำนวน ๙๓,๔๓๘.๕๘ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราผิดนัดร้อยละ ๒๘ ต่อปี ของต้นเงินจำนวน ๘๕,๐๗๑.๑๗ บาท นับตั้งแต่วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ จนถึงวันฟ้อง คิดดอกเบี้ยเป็นเงินจำนวน ๖๑,๖๗๐.๗๗ บาท (๗๒.๔๙% ของเงินต้น อัตราสูงมาก) รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน ๑๕๕,๑๐๙.๓๕ บาท (๑๘๒.๓๓% ของเงินต้น เป็นอัตราสูงมาก) ซึ่งโจทก์ขอถือเอาเป็นจำนวนทุนทรัพย์ในการฟ้องเป็นคดีนี้ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายใบแจ้งยอดบัญชีสินเชื่อบุคคล และสำเนาภาพถ่ายใบบันทึกรายการยอดหนี้ เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๖ และ ๗ จำเลยขอให้การว่า การกำหนดให้โจทก์คิดดอกเบี้ยสูงมากถึงร้อยละ ๒๘ ต่อปี อันเนื่องมาจากการที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้ อันเป็นการผิดสัญญา เท่ากับเป็นข้อสัญญาที่กำหนดค่าเสียหายในลักษณะเป็นดอกเบี้ยไว้ล่วงหน้า อันถือเป็นเบี้ยปรับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๗๙ หากศาลเห็นว่าสูงเกินส่วนก็มีอำนาจพิพากษาลดเบี้ยปรับลงเหลือเป็นจำนวนพอสมควรได้ตามมาตรา ๓๘๓ ตามข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย อัตราดอกเบี้ยเงินฝากสำหรับบุคคลธรรมดา ของธนาคารพาณิชย์ ประจำวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๑ ธนาคารทหารไทยกำหนดให้ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๑๒ เดือน แก่ผู้ฝากเงิน อัตราร้อยละ ๐.๗๕ - ๑.๐๐ ต่อปี การกำหนดให้โจทก์คิดดอกเบี้ยสูงมากถึงร้อยละ ๒๘ ต่อปี อันเนื่องมาจากการที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้ อันเป็นการผิดสัญญา เท่ากับเป็นข้อสัญญาที่กำหนดค่าเสียหายในลักษณะเป็นดอกเบี้ยไว้ล่วงหน้า อันถือเป็นเบี้ยปรับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๗๙ ถ้าคิดดอกเบี้ยอันถือเป็นเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ ๒๘ ต่อปี หักด้วยต้นทุนเงินฝากประจำ ๑๒ เดือน อัตราสูงสุดร้อยละ ๑ ต่อปี โจทก์มีกำไรขั้นต้นอัตราร้อยละ ๒๗ ต่อปี (๒๘ ลบ ๑ เท่ากับ ๒๗) เมื่อเปรียบเทียบกับต้นทุนเงินฝากประจำสูงสุดร้อยละ ๑ ต่อปี โจทก์มีกำไรขั้นต้นอัตราร้อยละ ๒,๗๐๐ ของต้นทุนเงินฝากประจำ (๒๗ หาร ๑ คูณ ๑๐๐ เท่ากับ ๒,๗๐๐) จึงเป็นเบี้ยปรับที่สูงเกินส่วนไปเป็นอันมาก ข้อ ๔. ตามข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๓ สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ จำนวนบัญชีทั้งสิ้น ๑๒.๗๘ ล้านบัญชี ยอดสินเชื่อคงค้าง ๓๕๔,๒๙๔ ล้านบาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ ๒๘ ต่อปี เป็นเงินค่าดอกเบี้ยปีละ ๙๙,๒๐๒.๓๒ ล้านบาท (เกือบ ๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท) ถ้าคิดไปอีก ๕ ปี เป็นเงินค่าดอกเบี้ยสะสม ๔๙๖,๐๑๑.๖๐ ล้านบาท (เกือบ ๕๐๐,๐๐๐ ล้านบาท) ถึงวันนั้น ทุกอย่างคงจบ เพราะประชาชนผู้บริโภคไม่มีกำลังซื้อ เศรษฐกิจของประเทศไทยจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร ทุนต่างชาติเอาเงินของประชาชนผู้บริโภคไปเป็นอันมาก จำเลยกราบขอประทานศาลท่านได้โปรดเมตตา เพื่อให้จำเลยสามารถชำระหนี้ให้โจทก์ได้
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
มีบัตรเครดิตกสิกรเหมือนกันค่ะ ถ้าลดได้ขนาดขนาดนี้น่าจะดีค่ะ รอๆ เพิ่งะหยุดเมื่อ 7/3/61 นี่เอง หยุดที่ 79,000ZZZ เขียน:
Ebumohsu เขียน: สู้ๆครับ ของผมหยุดมา 5 เดือนละครับ
มี Kbank เสนอ ส่วนลด50% ปิดจบ จ่ายงวดเดียว
มี SCB เสนอ30 % ผ่อน 3 งวด
ทนกับการทวง อดทนรอๆๆๆๆๆ อย่าไปกลัวครับ
Kbank ของผมยอด 16xxxx หยุดชำระมา 3 เดือน เดือนหน้าส่งเรื่องออกข้างนอกละครับ. ถ้าได้ส่วนลด 50% คงพร้อมจบ
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา