JMT ขู่จะอายัดเงินเดือนทั้งที่ยังไม่ได้ฟ้อง

ทำไงดีครับ JMT เค้าขู่จะอายัดเงินเดือนผม??

ท้าวความก่อน
เป็นหนี้ค้างชำระผ่อนสินค้าของอิออนอยู่ประมาณ 4 บัญชี
มูลค่ารวม น่าจะประมาณ 3หมื่นบาท
หยุดจ่ายครั้งล่าสุดเมื่อปี 2010 (จำเดือนไม่ได้)

อิออนน่าจะขายหนี้ให้ JMT เพราะ JMT เร่ิมต้นมาทวงผมกับที่ทำงานใหม่เมื่อปีที่แล้ว (2017)
ทั้งโทรมาเบอร์โต๊ะ ทั้งส่ง จม. ทั้งเบอร์มือถือ
เคยบอกไปแล้วว่าติดต่อเราได้ตลอด เบอร์มือถือ --> แต่ก็ยังชอบโทรมาเบอร์ บ. เรื่อยๆครับ
.................
วันนี้ เมื่อเช้า JMT โทรมาทวง บลาๆๆๆๆๆ
เราเคยแจ้งไปก่อนหน้านี้แล้วว่าให้ส่งเอกสารที่เค้ารับมอบอำนาจทวงหนี้จากอิออนมาให้เราดูก่อน
เนื่องจากยอดค้างชำระที่ JMT แจ้งมานั้นดูมากกว่าความจริงอยู่มากและเรายอมรับว่่าต้องการเอกสารเพื่อดูยอดจริงและวันที่ผิดนัดชำระครั้งล่าสุดไว้เพื่อต่อสู้คดีหมดอายุความในชั้นศาลด้วย

ทาง JMT บอกว่าส่งให้แล้วนะ-->ตกลงจะให้ฟ้องใช่มั้ย --> ต้องการอย่างนั้นใช่มั้ย? ถามทุกครั้ง
เราให้ญาติไปเช็คเอกสาร..ก็ไม่เห็นมีมาเลย แต่บอกว่าส่งแล้ว
ครั้งก่อนบอกจะส่งคนมาหาที่ทำงาน เราก็บอกว่ามาก็เอาเอกสารมาให้ด้วยแล้วกัน..ก็ไม่มา

ทุกครั้งที่ JMT ถามเราว่าจะให้ฟ้องใช่มั้ย?
เราก็ตอบทุกครั้งว่า..ฟ้องเถอะครับ เราขอไปจ่ายในชั้นศาล เมื่อศาลตัดสิน (เรารู้ว่าคดีเราหมดอายุความแล้ว)
หรือหากเกิดข้อเข้าใจผิดใดๆแล้วศาลตัดสนให้เราต้องจ่าย... -->เราก็ยินดีจ่ายในอัตราที่ศาลตัดสิน

แต่... JMT ขู่เราว่าจะส่งคน ส่ง จม. มาอายัดเงินเดือนเราที่บริษัทที่ทำงานอยู่ปัจจุบัน!!!

เราอยากถามสมาชิกท่านอื่นว่า
1. JMT อายัดเงินเดือนเราได้เหรอ หากยังไม่มีการฟ้องศาล
2. ถ้า JMT ฟ้องศาล หมายศาลจะไปตามที่อยู่ที่อยู่ในสัญญา หรือ ที่อยู่ปัจจุบันของเรา (เนื่องจากเราย้ายมานานแล้ว กลัวไม่ได้รับหมายศาล)
3. เราจะมีวิธีการตอบกลับ หรือ โต้ตอบ JMT อย่างไร ให้เหมาะสมกับเจตนาที่เราต้องการ คือ ต้องการต่อสู้ในชั้นศาล (พนง.พูดจาไม่ค่อยจะดี เกือบด่าไปหลายครั้ง)

ขอบคุณสมาชิกทุกคนมากครับสำหรับคำตอบ

Jibfizz เขียน: ทำไงดีครับ JMT เค้าขู่จะอายัดเงินเดือนผม??

ท้าวความก่อน
เป็นหนี้ค้างชำระผ่อนสินค้าของอิออนอยู่ประมาณ 4 บัญชี
มูลค่ารวม น่าจะประมาณ 3หมื่นบาท
หยุดจ่ายครั้งล่าสุดเมื่อปี 2010 (จำเดือนไม่ได้)

อิออนน่าจะขายหนี้ให้ JMT เพราะ JMT เร่ิมต้นมาทวงผมกับที่ทำงานใหม่เมื่อปีที่แล้ว (2017)
ทั้งโทรมาเบอร์โต๊ะ ทั้งส่ง จม. ทั้งเบอร์มือถือ
เคยบอกไปแล้วว่าติดต่อเราได้ตลอด เบอร์มือถือ --> แต่ก็ยังชอบโทรมาเบอร์ บ. เรื่อยๆครับ
.................
วันนี้ เมื่อเช้า JMT โทรมาทวง บลาๆๆๆๆๆ
เราเคยแจ้งไปก่อนหน้านี้แล้วว่าให้ส่งเอกสารที่เค้ารับมอบอำนาจทวงหนี้จากอิออนมาให้เราดูก่อน
เนื่องจากยอดค้างชำระที่ JMT แจ้งมานั้นดูมากกว่าความจริงอยู่มากและเรายอมรับว่่าต้องการเอกสารเพื่อดูยอดจริงและวันที่ผิดนัดชำระครั้งล่าสุดไว้เพื่อต่อสู้คดีหมดอายุความในชั้นศาลด้วย

ทาง JMT บอกว่าส่งให้แล้วนะ-->ตกลงจะให้ฟ้องใช่มั้ย --> ต้องการอย่างนั้นใช่มั้ย? ถามทุกครั้ง
เราให้ญาติไปเช็คเอกสาร..ก็ไม่เห็นมีมาเลย แต่บอกว่าส่งแล้ว
ครั้งก่อนบอกจะส่งคนมาหาที่ทำงาน เราก็บอกว่ามาก็เอาเอกสารมาให้ด้วยแล้วกัน..ก็ไม่มา

ทุกครั้งที่ JMT ถามเราว่าจะให้ฟ้องใช่มั้ย?
เราก็ตอบทุกครั้งว่า..ฟ้องเถอะครับ เราขอไปจ่ายในชั้นศาล เมื่อศาลตัดสิน (เรารู้ว่าคดีเราหมดอายุความแล้ว)
หรือหากเกิดข้อเข้าใจผิดใดๆแล้วศาลตัดสนให้เราต้องจ่าย... -->เราก็ยินดีจ่ายในอัตราที่ศาลตัดสิน

แต่... JMT ขู่เราว่าจะส่งคน ส่ง จม. มาอายัดเงินเดือนเราที่บริษัทที่ทำงานอยู่ปัจจุบัน!!!

เราอยากถามสมาชิกท่านอื่นว่า
1. JMT อายัดเงินเดือนเราได้เหรอ หากยังไม่มีการฟ้องศาล
2. ถ้า JMT ฟ้องศาล หมายศาลจะไปตามที่อยู่ที่อยู่ในสัญญา หรือ ที่อยู่ปัจจุบันของเรา (เนื่องจากเราย้ายมานานแล้ว กลัวไม่ได้รับหมายศาล)

3. เราจะมีวิธีการตอบกลับ หรือ โต้ตอบ JMT อย่างไร ให้เหมาะสมกับเจตนาที่เราต้องการ คือ ต้องการต่อสู้ในชั้นศาล (พนง.พูดจาไม่ค่อยจะดี เกือบด่าไปหลายครั้ง)

ขอบคุณสมาชิกทุกคนมากครับสำหรับคำตอบ

ตอบ
1. ถ้ายังไม่ฟ้อง แล้วมันมีปัญญา มาอายัดเงินเดือนได้ ก็ลองให้มันทำดูครับ (555)
2. หมายศาล...จะถูกส่งไปที่ไหน?
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=6974&Itemid=64
3. ข้อนี้ ผมไม่สามารถมากบอกได้ในนี้นะครับ เพราะอาจจะทำให้เจ้าหนี้รู้ได้ ผมแนะนำให้คุณหาเหตุผล ของคุณเอง ที่เจ้าหนี้ ไม่สามารถจะปฏิเสธได้ครับ

สรุป
- คุณมีโอกาสที่จะถูกฟ้องโดยที่คุณไม่ได้รับหมายศาล เพราะเนื่องจากการย้ายที่อยู่ ยังไงลองตรวจเช็คดูครับ

ขอบคุณมากครับ..

ผมจะพยายามให้ญาติไปเช็คดูเรื่อยๆเผื่อมีหมายศาลมาที่ที่อยู่เดิม
จริงๆผมอยากขึ้นศาลไวไวนะครับ จะได้จบปัญหากันไป แต่ก็อดทนไปตามขั้นตอน
อย่างนี้มีโอกาสที่ JMT จะฟ้องผมจริงๆหรือเปล่าครับ

ขอรบกวนสอบถามเพิ่มเติมว่า หากสมมุติหมายศาลถูกส่งไปตามที่อยู่เดิม (ตจว) ผมสามารถขอความเห็นใจศาลให้พิจารณาให้ขึ้นศาลตามภูมิลำเนาปัจจุบันได้ใช่มั้ยครับ??

โดยเราจะอ้างว่า เราไม่สะดวกเดินทางไปขึ้นศาลที่อยู่ ตจว. และต้องมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นเพิ่มอีก

แล้วศาลท่านจะเมตตาให้เราไปขึ้นศาลตามที่อยู่ทะเบียนบ้านเราใช่มั้ยครับ?

ขอบคุณครับ

Jibfizz เขียน: ขอบคุณมากครับ..

ผมจะพยายามให้ญาติไปเช็คดูเรื่อยๆเผื่อมีหมายศาลมาที่ที่อยู่เดิม
จริงๆผมอยากขึ้นศาลไวไวนะครับ จะได้จบปัญหากันไป แต่ก็อดทนไปตามขั้นตอน
อย่างนี้มีโอกาสที่ JMT จะฟ้องผมจริงๆหรือเปล่าครับ

ขอรบกวนสอบถามเพิ่มเติมว่า หากสมมุติหมายศาลถูกส่งไปตามที่อยู่เดิม (ตจว) ผมสามารถขอความเห็นใจศาลให้พิจารณาให้ขึ้นศาลตามภูมิลำเนาปัจจุบันได้ใช่มั้ยครับ??

โดยเราจะอ้างว่า เราไม่สะดวกเดินทางไปขึ้นศาลที่อยู่ ตจว. และต้องมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นเพิ่มอีก

แล้วศาลท่านจะเมตตาให้เราไปขึ้นศาลตามที่อยู่ทะเบียนบ้านเราใช่มั้ยครับ?

ขอบคุณครับ

ตามกฏหมายแล้ว ไม่ได้ครับ

อ้างอิงจากลิ้งค์ที่ผมให้เข้าไปอ่านครับ Reply #6977

1. ฟ้องมาก็เตรียมหาทนายเขียนคำให้การสู้คดีเรื่องอายุความได้เลยครับ
2. คำขู่ทำไม่ได้ครับ
3. JMT ทำได้แต่ต้องฟ้องร้องและร้องต่อศาลแพ่งก่อนบังคับคดีครับ ซึ่งไม่ง่ายอย่างที่ขู่แน่นอน

JMT ชอบทำผิดกฏหมายอ่ะครับ ของผมโดนทางมันเปิดเผยข้อมูลการเป็นหนี้กับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ พ่อ แม่ ภรรยา ชอบโทรไปท้วงหนี้กับบุคคลอ้างอิงโดยให้เขาจ่ายขั้นต่ำแทนผม ล่าสุดบุกไปถึงที่อยู่ตามทะเบียนบ้านเพื่อข้อดูทรัพย์สิน ทั้งๆที่บ้านหลังนั้น ผมไม่ใช้เจ้าของบ้าน เลยงงกับมันว่าบริษัทนี้มีแต่พนักงานเถื่อนๆหรอ

สอบถามเพิ่มเติมนะครับ พอดีเห็นเป็นของ JMT
ไม่ทราบว่ามีสมาชิกท่านไหน ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการท้วงหนี้ของเจ้าหน้าที่ JMT บ้างครับ เช่น

- โทรบอกมูลหนี้บุคคลอื่นให้ทราบ ซึ่งไม่ใช่ พ่อ แม่ ภรรยา
- โทรหาบุคคลอ้างอิงให้จ่ายหนี้ขั้นต่ำแทนเรา
- ส่งเจ้าหน้าที่ไปตามที่อยู่ทะเบียน เพื่อขอเข้าไปดูทรัพย์สิน
ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ขึ้นศาล
- ถูกอายัดเงินในบัญชีธนาคาร
- อัตราดอกเบี้ยโหดมหาศาล จากนอกกู้ 80,000 บาท จ่ายมา
ตลอด 1 ปี หยุดจ่ายไป 5 เดือน ตอนนี้ยอด 140,000 บาท
ซึ่งเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นแล้ว ไม่ถึงแสน แถมจ่ายปิด
มีส่วนลดให้ด้วย แค่ JMT ไม่ จะเก็บเต็มอย่างเดียว

ที่พูดมานี่ผมโดนทั้งนั้นเลย ตอนนี้กำลังทำเอกสารส่งไปหากรรมการ/ผู้บริหาร JMT อยู่ครับ มีสำเนาส่งถึง มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ศูนย์ดำรงธรรม ธนาคาแห่งประเทศไทย กำลังรอคำตอบอยู่ครับ แต่หลักๆทางธนาคารแห่งประเทศไทยโทรมาถามข้อมูลแล้ว เดี๋ยวจะเร่งตรวจสอบให้อีกที อาจจะให้มีการเจรจากับทาง JMT ครับ เพื่อมีใครโดรเหมือนผม ผมตะได้เอาข้อมูลไปแจ้ง แต่ใจจริงอยากจะรวมพลคนที่ถูกเจ้าหน้าที่ JMT กระทำมากกว่า ไปร้องเรียนด้วยกันเลย อะไรประมาณนี้

รบกวนขอคำชี้แนะ JMT ด้วยอีกคนนะคะ
ตอนนี้กำลังจะหมดอายุความ เพราะหยุดจ่ายจะครบ 2 ปีแล้ว
เลยมี จนท.ติดต่อมาถี่ หน่อย เรื่องการปิดบัญชี ของบัตร kbank
หรือไม่มีนโยบายปิด รอฟ้อง

ร้องเรียนแบงค์ชาติ+ศูนย์ดำรงธรรมครับ

ผมก็กำลังอยู่ระหว่าง ฟ้องกับ JMT ฟ้องผมอยู่เลื่อนมาแล้ว 1 นัด นัดหน้าขึ้นศาลเดือนกรกฎาคม 2561

ตามที่ได้ปรึกษากับคุณอาไพโรจน์ผมจะยื่นคำให้การสู้คดีมีใจความประมาณนี้

ตามคำฟ้องโจทก์แจ้งว่าได้รับความเสียหายจำเลยมีหน้าที่รับผิดชำระหนี้และอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บัญญัติไว้เรื่องของการเรียกค่าเสียหายและดอกเบี้ย ผิดนัดชำระไว้ดังนี้
ตามที่โจทก์ได้สมัครใจเข้าซื้อหนี้จากธนาคารธนชาต โจทย์ต้องแสดงให้เห็นว่าโจทก์ซื้อหนี้ของจำเลยมาเป็นจำนวนเท่าไร และโจทก์ได้รับความเสียหายตามมาตรา 222 ดังกล่าวอย่างไร

การเรียกดอกเบี้ยผิดนัดชำระ ร้อยละ 15 ต่อปี ตามมาตรา 224 หนี้เงินนั้น ท่านให้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 7 กึ่งต่อปี

เรื่องดอกเบี้ยค่อนข้างยาวผมจึงยกมาพิมพ์แค่นี้

.
โปรดเกล้าฯ ก.ม.ทวงหนี้ฉบับใหม่ ห้ามข่มขู่ ดูหมิ่น ก่อความรำคาญ (ชมคลิป)
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=42576&Itemid=64




ความรู้ต่างๆ มีอยู่ในนี้หมดแล้ว

www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&catid=7&Itemid=64&view=category&limitstart=0&limit=20

ขอบคุณครับ ผมจะลองอ่าน ที่ห้องรู้ทันกฏหมายหนี้

สอบถามเพิ่มเติมครับ เห็นเป็นกระทู้ JMT (เจฟินเทค)
อยากรู้ว่า มีใครเคยได้ส่วนลดของ JMT บ้างครับ คือผมงงตรงที่ว่า เราขอจ่ายปิด แต่ทาง JMT ไม่ลดให้สักบาท จ่ายเต็มพร้อมดอกเบี้ยที่เกิน 28% ต่อปี

ผมหยุดจ่ายเมื่อเดือน ก.ย. 60 นะครับ เมื่อเดือน ธ.ค. 60 มีจดหมายประนอมหนี้จาก JMT ส่งมา (ไม่รู้ไปประนอมหนี้กับมันตอนไหน อยู่ดีๆก็ส่งมา) เนื้อหานะครับ

วงเงินกู้ 84,468.58 บาท
อัตราดอกเบี้ยคงที่ 1.05 % ต่อเดือน
อัตราดอกเบี้ยคงที่ 16.60 % ต่อปี
ระยะเวลาผ่อนชำระ 60 เดือน
ดอกเบี้ยรวม 53,215.21 บาท
ผ่อนชำระเดือน 2,295.00 บาท

คือไม่เข้าใจตรงที่ เราถามว่า ถ้าจะขอจ่ายปิดจะคิดเท่าไร.....มันคิดเต็มอัตราศึกเลย ไม่ลดให้สักบาทเดียวคือ 137,683.79 บาท (เงินกู้+ดอกเบี้ย) ย้ำนะครับ หนึ่งแสน สามหมื่น เจ็ดพัน หกร้อย แปดสิบสามบาท เจ็ดสิบเก้าสตางค์ คือผมหยุดจ่ายไป 4 เดือน ทำไมดอกเบี้ย..... 5 หมื่นกว่าบาทเลยหรอ มันบอกว่านโยบายบริษัท (นโยบายบ้านพ่องมึงหรอ) ตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค. 61 จนถึงเมื่อวันจันทร์ที่ 25 มิ.ย. 61 ที่ผ่านมา มันโทรมาบอก ทางเราเสนอปิดหนี้ เราก็ถามไปเท่าไร สรุปได้คำตอบเดิม 13x,xxx บาท (เสนอหาพ่.....หรอ) มีด่ากับเจ้าหน้าที่บริษัทนี้หลายครั้งแล้ว จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ครบปีนะครับ อยู่ประมาณ 10 เดือน ตอนคุยกันมันก็กวนตีนนะหละครับ

JMT : เดี๋ยวทางเราจะส่งฟ้องศาลนะคะ ถ้าไปถึงศาลแล้วเดี๋ยวทางคุณจะเสียผลประโยชน์ เพราะยังไงศาลก็สั่งให้จ่ายเต็มอยู่ดี

ผม : หรอครับ ก็ดีครับ เพราะผมขึ้นศาลมาแล้ว 2 ครั้ง ศาลตัดสินจ่ายเฉพาะเงินที่กู้ไม่ต้องจ่ายดอกทั้ง 2 แบงค์ ขึ้นก็ดี รีบๆส่งมาหน่อยละกัน

JMT : ก็ได้คะ เดี๋ยวทางเราจะรีบดำเนินการฟ้องศาลให้เร็วที่สุด ขอบอกไว้ก่อนนะคะ ไม่มีศาลไหนในโลกช่วยคุณได้หรอก

ผม : (........ฮืมมมมมม มันเล่นถึงศาลโลก -_-" ) คร๊าบบบบบบ ช่วยทำให้เร็วๆ ด้วยคร๊าบบบบบ พูดมาตั้งแต่ต้นปี นี่จะกลางปีแล้ว ไม่เห็นแม้แต่เงาหมายศาล รีบๆ จัดมาเลยนะครับ เออ แล้วก็ฝากบอกไอ้เจ้าหน้าที่ ที่โทรไปบอกข้อมูลหนี้ผมกับคนอื่นที่ไม่ใช่ พ่อ แม่ ภรรยา เตรียมตัวด้วยนะครับ แล้วไอ้พวกที่ขอเข้าไปดูทรัพย์สินที่บ้านด้วย ระวังตัวติดคุกพร้อมค่าปรับด้วยนะครับ (ขู่มันคืน แต่ก็เรื่องจริงน)

JMT : อะไรคะ ใครทำ

ผม : ขึ้นศาลเดี๋ยวก็รู้ครับ ผมไม่ยอมความแน่ แล้วก็อธิบายกับศาลดีๆ นะครับ เรื่องอัตราดอกเบี้ย เพราะผมคิดถึงทุกวันนี้ คิดยังไง ยังไง มันก็ไม่ถึง 5 หมื่นกว่าบาทหรอกครับ อธิบายที่ศาลให้ได้นะครับ ตัดสายไป

คือ จริงไหมละครับ เราจะจ่ายปิด ให้คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 28% ต่อปี ก็จะอยู่ประมาณ 2 หมื่นกว่าบาท แม่งเล่นไปถึง 5 หมื่นกว่า อยากรู้ว่ามีใครโดนบริษัท JMT มันอะไรไม่ดีอีกบ้างครับ เพราะเดี๋ยววันอังคารที่ 3 ก.ค. 61 นี้ ผมจะเอาเอกสารหลักฐานไปให้ทาง มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคช่วยดู เพราะมันมีเรื่องพฤติกรรมการท้วงนี้ของ JMT ต้องบอกโคตรเหี้ยอ่ะ พอโทรท้วงกับเราไม่ได้ ก็โทรไปฟ้องพ่อ แม่ หรือบุคคลอ้างอิง รวมถึงบริษัท เท่าที่ทราบ มีน้องบ้างคนโดนทนายหลอกให้กลับก่อน โดยไม่รอพบผู้พิพากษา สรุปน้องคนนั้นโดนไปบาน เป็นหนี้ 4หมื่น ดอกเบื้ย 5 หมื่น จะเอาเรื่องนี้ไปคุยเหมือนกัน เพื่อมีใครสามารถให้ข้อมูลได้ รบกวนหน่อยครับ ผมจะได้รวบรวมส่ง เพื่อให้ทางมูลนิธิตรวจสอบ ขอบคุณครับ

เดี๋ยวผม มาอัพเดท ครับ ผมเลื่อนมาแล้ว 1 นัด นัดหน้า กรกฎาคม 2561 ผมจะยื่นคำให้การ สู้คดี (ยังไม่หมดอายุความ)

ขึ้นศาลนัดแรก วันที่ 19 มิถุนายน 2561 ในวันนั้น ทนายโจทก์ ยื่นข้อเสนอ ให้ผ่อน 26 งวด งวดละ 4500 คือ ผ่อนเต็มจากยอดฟ้อง แต่ผมขอ เจรจาขอส่วนลด ปิดในงวดเดียว ทางทนาย บอกไม่มีเงื่อนไขปิดในงวดเดียวมา จึงขอเบอร์ผม เพื่อให้ทาง JMT ติดต่อกลับ รอ 1 ชั่วโมง JMT ไม่ติดต่อมา
ทางทนายโจทก์ จึงได้ขอเลื่อนพิจารณาคดี ศาลให้เลื่อน 1 นัด นัดหน้า เดือน กรกฎาคม 2561
หลังจากโทรปรึกษา คุณอาไพรโรจน์ บอกว่าให้กลับไปหา คุณอา จะแก้ วันที่ ในคำให้การ เพื่อยื่น ให้ตรงกับวันที่ นัดหน้า คือ เดือนกรกฎาคม 2561

JMT เพิ่งจะติดต่อมา เสนอ ลดให้ที่ 8 หมื่นบาท จากยอดฟ้อง เงินต้น 64,588.80 : ดอกเบี้ย 51,459,56 : ค่าธรรมเนียมอื่นๆ 1,103.69 : รวมฟ้องที่ 117,122.05 บาท

ซึ่งผมเห็นว่า เยอะไป เลยคิดว่า จะยื่นคำให้การ เพื่อให้ ศาลตัดสิน ในนัดหน้าเลย

ผมรบกวน สอบถาม
ตามตาราง ในหมายฟ้องของโจทก์

27 ก.ย 59 : เงินต้น 64,588.80 : ดอกเบี้ย 36,124,63 : ค่าธรรมเนียมอื่นๆ 1,103.69 : รวม 101,787.12

27 เม.ย 61 : เงินต้น 0 : ดอกเบี้ย 15,334,93 : ค่าธรรมเนียมอื่น 0 : รวม 15,334.93

27 เม.ย 61 จำนวน 578 วัน จึงเป็น เงินต้น 64,558.80 : ดอกเบี้ยรวม 51,459.56 : ค่าธรรมเนียมอื่นๆ 1,103.69 รวมฟ้อง 117,122,05 บาท

รบกวนสอบถามว่า ผมจะทราบได้อย่างไร ว่าดอกเบี้ย ตามตารางนั้นคิดเป็น อัตราดอกเบี้ยร้อยละเท่าไหร่ต่อปี จากตัวเลขผมสามารถคำนวณทราบคร่าวๆ ได้หรือไม่

ลักษณะโดนคล้ายๆกับของผมนะครับ แต่ของผมยังไม่มีหมายศาลมา คืออัตราดอกเบี้ยแพงเกิน และมากกว่า 28% ต่อปีเมื่อเราจ่ายปิด มันไม่ลดให้สักบาทครับ ของผมหยุดจ่ายไป 4 เดือน มันทำหนังสือประนอมหนี้มา อัตราดอกเบี้ย 5 หมื่นกว่าบาท คือเราบอกแล้วนะว่าเราจะจ่ายปิด ทำไมดอกเบี้ยยังคิดแพง มันบอกว่าเป็นนโยบายบริษัท ไม่มีส่วนลด ยอดกู้ผม 84,000 กว่าบาท ดอกเบี้ยไม่ถึงปี ในคิด 5 หมื่นกว่าบาท ผมก็เลยรีบให้มันส่งหมายศาลมา มันบอกว่า "ไม่มีศาลไหนในโลกช่วยผมได้" ฮืมมมม เสียดายไม่ได้อัดคลิปเสียงไว้ แต่เก็บข้อมูลบางส่วนไว้แล้ว เดี๋ยวจะนำไปให้ทางมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ส่วนธนาคารแห่งชาติไม่หวังแล้วครับ เพราะช่วยอะไรเราไม่ได้เลย

เมื่อครู่เจ้าหน้าที่ JMT โทรมาพูดจากวนตีนเหมือนเดิม ก็ปล่อยให้มันเห่าไปซะให้พอ อ๋อ มันบอกว่าหนี้ที่ลดให้ไม่ได้ เป็นหนี้เสีย ก็เลยให้การบ้านมันไป "แล้วไอ้หนี้เสียเนี่ย มันต้องคิดอัตราเกิน 28% ต่อปีใช่ไหม " มันบอกว่าใช่ ฮืมมมม งั้นเจอกันที่ศาลละกันครับ

ตอนนี้กำลังโดนสงครามประสาทกับ JMT เช่นกันค่ะ
บัตรน่าจะหมดอายุความแล้ว หยุดจ่าย 2 ปี ได้
ขอคำแนะนำ ด้วยนะคะ

nukatae2525 เขียน: ตอนนี้กำลังโดนสงครามประสาทกับ JMT เช่นกันค่ะ
บัตรน่าจะหมดอายุความแล้ว หยุดจ่าย 2 ปี ได้
ขอคำแนะนำ ด้วยนะคะ

น่าจะหมดอายุความแล้วยิ่งง่ายเลยครับ ถ้าฟ้องแล้ว ต้องยื่นคำให้การ สู้คดีนะครับ

www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=813&Itemid

padungkij เขียน: สอบถามเพิ่มเติมครับ เห็นเป็นกระทู้ JMT (เจฟินเทค)
อยากรู้ว่า มีใครเคยได้ส่วนลดของ JMT บ้างครับ คือผมงงตรงที่ว่า เราขอจ่ายปิด แต่ทาง JMT ไม่ลดให้สักบาท จ่ายเต็มพร้อมดอกเบี้ยที่เกิน 28% ต่อปี

ผมหยุดจ่ายเมื่อเดือน ก.ย. 60 นะครับ เมื่อเดือน ธ.ค. 60 มีจดหมายประนอมหนี้จาก JMT ส่งมา (ไม่รู้ไปประนอมหนี้กับมันตอนไหน อยู่ดีๆก็ส่งมา) เนื้อหานะครับ

วงเงินกู้ 84,468.58 บาท
อัตราดอกเบี้ยคงที่ 1.05 % ต่อเดือน
อัตราดอกเบี้ยคงที่ 16.60 % ต่อปี
ระยะเวลาผ่อนชำระ 60 เดือน
ดอกเบี้ยรวม 53,215.21 บาท
ผ่อนชำระเดือน 2,295.00 บาท

คือไม่เข้าใจตรงที่ เราถามว่า ถ้าจะขอจ่ายปิดจะคิดเท่าไร.....มันคิดเต็มอัตราศึกเลย ไม่ลดให้สักบาทเดียวคือ 137,683.79 บาท (เงินกู้+ดอกเบี้ย) ย้ำนะครับ หนึ่งแสน สามหมื่น เจ็ดพัน หกร้อย แปดสิบสามบาท เจ็ดสิบเก้าสตางค์ คือผมหยุดจ่ายไป 4 เดือน ทำไมดอกเบี้ย..... 5 หมื่นกว่าบาทเลยหรอ มันบอกว่านโยบายบริษัท (นโยบายบ้านพ่องมึงหรอ) ตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค. 61 จนถึงเมื่อวันจันทร์ที่ 25 มิ.ย. 61 ที่ผ่านมา มันโทรมาบอก ทางเราเสนอปิดหนี้ เราก็ถามไปเท่าไร สรุปได้คำตอบเดิม 13x,xxx บาท (เสนอหาพ่.....หรอ) มีด่ากับเจ้าหน้าที่บริษัทนี้หลายครั้งแล้ว จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ครบปีนะครับ อยู่ประมาณ 10 เดือน ตอนคุยกันมันก็กวนตีนนะหละครับ

JMT : เดี๋ยวทางเราจะส่งฟ้องศาลนะคะ ถ้าไปถึงศาลแล้วเดี๋ยวทางคุณจะเสียผลประโยชน์ เพราะยังไงศาลก็สั่งให้จ่ายเต็มอยู่ดี

ผม : หรอครับ ก็ดีครับ เพราะผมขึ้นศาลมาแล้ว 2 ครั้ง ศาลตัดสินจ่ายเฉพาะเงินที่กู้ไม่ต้องจ่ายดอกทั้ง 2 แบงค์ ขึ้นก็ดี รีบๆส่งมาหน่อยละกัน

JMT : ก็ได้คะ เดี๋ยวทางเราจะรีบดำเนินการฟ้องศาลให้เร็วที่สุด ขอบอกไว้ก่อนนะคะ ไม่มีศาลไหนในโลกช่วยคุณได้หรอก

ผม : (........ฮืมมมมมม มันเล่นถึงศาลโลก -_-" ) คร๊าบบบบบบ ช่วยทำให้เร็วๆ ด้วยคร๊าบบบบบ พูดมาตั้งแต่ต้นปี นี่จะกลางปีแล้ว ไม่เห็นแม้แต่เงาหมายศาล รีบๆ จัดมาเลยนะครับ เออ แล้วก็ฝากบอกไอ้เจ้าหน้าที่ ที่โทรไปบอกข้อมูลหนี้ผมกับคนอื่นที่ไม่ใช่ พ่อ แม่ ภรรยา เตรียมตัวด้วยนะครับ แล้วไอ้พวกที่ขอเข้าไปดูทรัพย์สินที่บ้านด้วย ระวังตัวติดคุกพร้อมค่าปรับด้วยนะครับ (ขู่มันคืน แต่ก็เรื่องจริงน)

JMT : อะไรคะ ใครทำ

ผม : ขึ้นศาลเดี๋ยวก็รู้ครับ ผมไม่ยอมความแน่ แล้วก็อธิบายกับศาลดีๆ นะครับ เรื่องอัตราดอกเบี้ย เพราะผมคิดถึงทุกวันนี้ คิดยังไง ยังไง มันก็ไม่ถึง 5 หมื่นกว่าบาทหรอกครับ อธิบายที่ศาลให้ได้นะครับ ตัดสายไป

คือ จริงไหมละครับ เราจะจ่ายปิด ให้คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 28% ต่อปี ก็จะอยู่ประมาณ 2 หมื่นกว่าบาท แม่งเล่นไปถึง 5 หมื่นกว่า อยากรู้ว่ามีใครโดนบริษัท JMT มันอะไรไม่ดีอีกบ้างครับ เพราะเดี๋ยววันอังคารที่ 3 ก.ค. 61 นี้ ผมจะเอาเอกสารหลักฐานไปให้ทาง มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคช่วยดู เพราะมันมีเรื่องพฤติกรรมการท้วงนี้ของ JMT ต้องบอกโคตรเหี้ยอ่ะ พอโทรท้วงกับเราไม่ได้ ก็โทรไปฟ้องพ่อ แม่ หรือบุคคลอ้างอิง รวมถึงบริษัท เท่าที่ทราบ มีน้องบ้างคนโดนทนายหลอกให้กลับก่อน โดยไม่รอพบผู้พิพากษา สรุปน้องคนนั้นโดนไปบาน เป็นหนี้ 4หมื่น ดอกเบื้ย 5 หมื่น จะเอาเรื่องนี้ไปคุยเหมือนกัน เพื่อมีใครสามารถให้ข้อมูลได้ รบกวนหน่อยครับ ผมจะได้รวบรวมส่ง เพื่อให้ทางมูลนิธิตรวจสอบ ขอบคุณครับ

ดอกเบี้ย มันจะคิดตั้งแต่ วันที่กู้ ไม่หยุดไป ตามที่เราหยุดจ่าย ที่เพิ่มเติมมา คือ ค่าปรับ ค่าติดตาม อันนี้ ต้องดูในใบสมัครสินเชื่อ แต่เท่าที่ดู คงจะเกิน 28% ดอกเบี้ย จะเป็นโมฆะ แต่เราต้อง ยื่นคำให้การ ด้วยนะครับ แล้ว ไปซักฟอก JMT กรณ๊้ ขึ้นหน้า บัลลังก์ศาล ด้วยว่า ตามที่ JMT ได้สมัครใจเข้าซื้อหนี้มา โจทย์ต้องแสดงให้เห็นว่าโจทก์ซื้อหนี้ของจำเลยมาเป็นจำนวนเท่าไร และโจทก์ได้รับความเสียหายอย่างไร

อันนี้ ตัวอย่าง คำให้การเรื่อง ดอกเบี้ย
เขียนโดย ชมรมหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล
Thursday, 14 June 2007
ทุนทรัพย์ตามฟ้อง 519,084 บาท จำเลยต่อสู้คดีว่าดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมเป็นโมฆะ ให้นำเงินที่ผ่อนชำระไปแล้ว ไปชำระต้นเงิน ชำระแล้วต้นเงินคงเหลือ 392,518 บาท

ข้อ ๑. ตามคำฟ้อง ข้อ ๒ โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๔๗ จำเลยได้ทำสัญญาสินเชื่อเงินสดกับโจทก์ เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น ๕๐๐,๐๐๐ บาท จำเลยตกลงยินยอมให้โจทก์คิดค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินในอัตราร้อยละ ๑.๐๓ ต่อเดือน ของต้นเงินจำนวนดังกล่าว และจำเลยตกลงให้โจทก์คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๐.๙๓ ต่อเดือน จำเลยได้รับเงินตามจำนวนเงินที่ได้ทำสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวไปจากโจทก์ครบถ้วนถูกต้องแล้ว ซึ่งจำเลยตกลงชำระเงินทั้งหมดโดยแบ่งชำระออกเป็นงวดรายเดือน โดยงวดแรกกำหนดชำระวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๔๗ จำนวน ๑๕,๖๐๐ บาท งวดต่อไปชำระทุกวันที่ ๒ ของทุกเดือน ติดต่อกันงวดละ ๑๕,๖๐๐ บาท หากจำเลยผิดนัดไม่ผ่อนชำระค่างวดงวดหนึ่งงวดใดทั้งหมดหรือบางส่วนให้แก่โจทก์ตามจำนวนเงินและระยะเวลาที่กำหนดในสัญญา โจทก์มีสิทธิคิดเบี้ยปรับของเงินค่างวดนั้นในอัตราร้อยละ ๓ ต่อเดือน และมีสิทธิคิดค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามอีกเดือนละ ๕๐ บาท ต่อเดือนที่ค้างชำระ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาสัญญาสินเชื่อเงินสด เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๔ และตามคำฟ้องข้อ ๓ โจทก์ฟ้องว่า นับแต่จำเลยทำสัญญาสินเชื่อเงินสดและรับเงินจากโจทก์ไปแล้ว จำเลยชำระค่างวดแก่โจทก์เพียง ๖ งวด ตั้งแต่งวดแรกประจำเดือนมิถุนายน ๒๕๔๗ ถึงงวดที่ ๕ ประจำเดือนตุลาคม ๒๕๔๗ เป็นเงินจำนวน ๗๘,๐๐๐ บาท และงวดที่ ๖ ประจำเดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๗ จำเลยชำระเพียง ๔,๔๘๒ บาท รวมเป็นเงินที่จำเลยได้ชำระมาทั้งสิ้นจำนวน ๘๒,๔๘๒ บาท รายละเอียดปรากฏตามสำเนารายการชำระหนี้ ฯ เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๕
ตามสัญญาสินเชื่อเงินสด ลงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๔๗ เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๕ จำเลยตกลงกู้เงินโจทก์จำนวนเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และตกลงดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังนี้
๑. ค่าธรรมเนียมการกู้เงิน ๒๕,๐๐๐ บาท ให้โจทก์หักจากเงินกู้
๒. ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๐.๙๓ ต่อเดือน
๓. ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน ร้อยละ ๑.๐๓ ต่อเดือน
๔. ค่าปรับของค่างวดที่ค้างชำระในอัตราร้อยละ ๓ ต่อเดือน

จำเลยขอให้การว่า ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ให้ความหมายของคำว่า “ดอกเบี้ย” ว่า เป็นค่าตอบแทนที่บุคคลหนึ่งต้องใช้ให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เพื่อการที่ได้ใช้เงินของบุคคลนั้น หรือเพื่อทดแทนการไม่ชำระหนี้ หรือชำระหนี้ไม่ถูกต้อง ดังนี้ ค่าธรรมเนียมการกู้เงิน ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน จึงเป็นดอกเบี้ยตามที่พจนานุกรมให้ความหมายไว้ดังกล่าวข้างต้น ฉะนั้น เมื่อโจทก์ให้จำเลยกู้เงินจำนวน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และโจทก์ยังเรียกดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมจากจำเลยอีกดังนี้
๑. ค่าธรรมเนียมการกู้เงิน ๒๕,๐๐๐ บาท หรืออัตราร้อยละ ๕.๐ ของต้นเงินกู้
๒. ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๐.๙๓ ต่อเดือน หรือร้อยละ ๑๑.๑๖ ต่อปี และ
๓. ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินอัตราร้อยละ ๑.๐๓ ต่อเดือน หรือร้อยละ ๑๒.๓๖ ต่อปี
รวมเป็นดอกเบี้ยตามที่พจนานุกรมให้ความหมายไว้อัตราร้อยละ ๒๘.๕๒ ต่อปี และเมื่อรวมกับค่าปรับของค่างวดที่ค้างชำระซึ่งเป็นดอกเบี้ยตามที่พจนานุกรมให้ความหมายไว้ดังกล่าวข้างต้น ในอัตราร้อยละ ๓ ต่อเดือน หรือร้อยละ ๓๖ ต่อปี จึงเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ร้อยละ ๑๕ ต่อปี เป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติ ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. ๒๔๗๕ ดังนั้น ค่าธรรมเนียมการกู้เงิน ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน และค่าปรับของค่างวดที่ค้างชำระดังกล่าว จึงตกเป็นโมฆะทั้งหมด โจทก์มีสิทธิเรียกได้เฉพาะต้นเงินคืนจากจำเลยเท่านั้น


ข้อ ๒. จำเลยขอให้การว่า ตามพระราชบัญญัติ ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พุทธศักราช ๒๔๗๕ มาตรา ๓ บัญญัติไว้ว่า

“ มาตรา ๓ บุคคลใด
(ก) ให้บุคคลอื่นยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ หรือ
(ข) เพื่อปิดบังการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราท่านบัญญัติไว้ในกฎหมาย บังอาจกำหนดข้อความอันไม่จริงในเรื่องจำนวนเงินกู้หรืออื่นๆ ไว้ในหนังสือสัญญา หรือตราสารที่เปลี่ยนมือได้ หรือ
(ค) นอกจากดอกเบี้ยยังบังอาจกำหนดจะเอาหรือรับเอาซึ่งกำไรอื่นเป็นเงิน หรือสิ่งของ หรือโดยวิธีเพิกถอนหนี้ หรืออื่นๆ จนเห็นได้ชัดว่าประโยชน์ที่ได้รับนั้นมากเกินส่วนอันสมควรตามเงื่อนไขแห่งการกู้ยืม
ท่านว่าบุคคลนั้นมีความผิดฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

ตามคำฟ้องและเอกสารท้ายฟ้องดังกล่าวข้างต้น นอกจากโจทก์จะเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยในอัตราร้อยละ ๐.๙๓ ต่อเดือน หรือร้อยละ ๑๑.๑๖ ต่อปี แล้ว โจทก์ยังเรียกค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินจากจำเลยในอัตราร้อยละ ๑.๐๓ ต่อเดือน หรืออัตราร้อยละ ๑๒.๓๖ ต่อปี เมื่อเปรียบเทียบกับดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๑.๑๖ ต่อปีแล้ว คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ ๑๑๐.๗๕ ของอัตราดอกเบี้ย (๑๒.๓๖ หาร ๑๑.๑๖ คูณ ๑๐๐) จึงเห็นได้ว่า นอกจากโจทก์เรียกดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๑.๑๖ ต่อปี แล้ว โจทก์ยังบังอาจกำหนดจะเอาหรือรับเอาซึ่งกำไรอื่นเป็นเงินอีกร้อยละ ๑๑๐.๗๕ ของดอกเบี้ย เป็นการเห็นได้ชัดว่าประโยชน์ที่ได้รับนั้นมากเกินส่วนอันสมควรตามเงื่อนไขแห่งการกู้ยืม

นอกจากนี้ โจทก์ยังเรียกเก็บค่าค่าธรรมเนียมการกู้เงินจากจำเลยเป็นจำนวน ๒๕,๐๐๐ บาท คำนวณแล้วเท่ากับอัตราร้อยละ ๕ ของต้นเงินกู้ (๒๕,๐๐๐ หาร ๕๐๐,๐๐๐ คูณ ๑๐๐) เปรียบเทียบกับอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑๑.๑๖ ต่อปีแล้ว คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ ๔๔.๘๐ ของดอกเบี้ย (๕ หาร ๑๑.๑๖ คูณ ๑๐๐) จึงเห็นได้ว่า นอกจากดอกเบี้ยร้อยละ ๑๑.๑๖ ต่อปี แล้ว โจทก์ยังบังอาจกำหนดจะเอาหรือรับเอาซึ่งกำไรอื่นเป็นเงินอีกร้อยละ ๔๔.๘๐ ของดอกเบี้ย เป็นการเห็นได้ชัดว่าประโยชน์ที่ได้รับนั้นมากเกินส่วนอันสมควรตามเงื่อนไขแห่งการกู้ยืม


และนอกจากนี้ โจทก์ยังเรียกค่าปรับของค่างวดที่ค้างชำระจากจำเลยอีกในอัตราร้อยละ ๓ ต่อเดือน หรือร้อยละ ๓๖ ต่อปี (๓ คูณ ๑๒) เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑๑.๑๖ ต่อปีแล้ว คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ ๓๒๒.๕๘ ของดอกเบี้ย (๓๖ หาร ๑๑.๑๖ คูณ ๑๐๐) จึงเห็นได้ว่า นอกจากดอกเบี้ยร้อยละ ๑๑.๑๖ ต่อปี แล้ว โจทก์ยังบังอาจกำหนดจะเอาหรือรับเอาซึ่งกำไรอื่นเป็นเงินอีกร้อยละ ๓๒๒.๕๘ ของดอกเบี้ย เป็นการเห็นได้ชัดว่าประโยชน์ที่ได้รับนั้นมากเกินส่วนอันสมควรตามเงื่อนไขแห่งการกู้ยืม

การกระทำของโจทก์ทั้งการเรียกค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน ค่าธรรมเนียมการกู้เงิน ค่าปรับของค่างวดที่ค้างชำระ ดังกล่าวข้างต้น จึงเป็นความผิดฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ตามมาตรา ๓ (ค) แห่งพระราชบัญญัติ ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. ๒๔๗๕ มีโทษจำคุกไม่เกิน ๑ ปี หรือปรับไม่เกิน ๒,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ข้อตกลงให้เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราเป็นการขัดต่อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๐

ข้อ ๓. เมื่อข้อเท็จจริงตามคำฟ้องปรากฏว่า โจทก์ให้จำเลยกู้เงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และโจทก์หักค่าธรรมเนียมการกู้เงินจากจำเลย ๒๕,๐๐๐ บาท จำเลยคงได้รับเงินกู้ไปเป็นเงิน ๔๗๕,๐๐๐ บาท และจำเลยได้ผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ไปเป็นจำนวนเงิน ๘๒,๔๘๒ บาท แต่เนื่องจากค่าธรรมเนียมการกู้เงิน ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน และค่าปรับของค่างวดที่ค้างชำระดังกล่าว ตกเป็นโมฆะทั้งหมด โจทก์ไม่มีสิทธิได้ค่าธรรมเนียมการกู้เงิน ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน และค่าปรับของค่างวดที่ค้างชำระที่เป็นโมฆะ จึงต้องนำไปหักต้นเงิน เมื่อหักแล้ว จำเลยจึงยังคงค้างชำระต้นเงิน ๓๙๒,๕๑๘ บาท

ทั้งนี้ ตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๓/๒๕๔๗ ธนาคาร นครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) โจทก์ นายสุพจน์ คล่องเชิงศร กับพวก จำเลย ลงพิมพ์ในหนังสือคำพิพากษาฎีกา พุทธศักราช ๒๕๔๗ จัดพิมพ์โดยเนติบัณฑิตยสภา ตอนที่ ๔ หน้า ๕๓๙ ถึง ๕๕๐ เอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๑


ข้อ ๔. จำเลยขอให้การว่า การที่โจทก์เรียกค่าธรรมเนียมการกู้เงิน ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน และค่าปรับของค่างวดที่ค้างชำระดังกล่าว เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติ ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. ๒๔๗๕ จึงทำให้ค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยดังกล่าวตกเป็นโมฆะ การคิดดอกเบี้ยที่ผิดกฎหมายเป็นการเอาเปรียบจำเลย และเป็นภาระแก่จำเลยเป็นอย่างมาก ทำให้จำเลยไม่สามารถผ่อนชำระหนี้ตามข้อตกลงได้ โดยโจทก์เป็นผู้กระทำความผิดโดยตรง เป็นพฤติการณ์ซึ่งจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบ จำเลยจึงยังไม่ตกเป็นผู้ผิดนัด ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๐๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จำเลยจึงควรเสียดอกเบี้ยระหว่างเวลาผิดนัดในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาชี้ขาดในเรื่องนี้แล้ว

จำเลยจึงขอประทานศาลได้โปรดพิจารณา และมีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์เสีย ให้โจทก์ชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนจำเลยด้วย

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด