JMT ขู่จะอายัดเงินเดือนทั้งที่ยังไม่ได้ฟ้อง

ตอนนี้ยังไม่ได้หมายศาลมาครับ เพราะทางนั้นก็คงเกรงๆผมอยู่ ทำกับผมไว้เยอะครับ บอกมูลหนี้กับคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อแม่ ภรรยา แถมส่งคนไปขอดูทรัพย์สินที่บ้านอีก ทั้งๆที่ยังไม่ขึ้น ศาล จากข้อมูลที่หา มีบางคนโดนยิ่งกว่าผมอีก มีน้องบางคนขึ้นศาลแล้วโดนทนายฝั่ง JMT หลอกให้กลับก่อน เงินกู้มา 4 หมื่น โดนดอกเบี้ยไป 5 หมื่น เหออออออ เท่าที่ผมสอบถามไม่ได้มีผมคนเดียวที่โดน แต่ละคนที่โดน....น่าจะมีหน่วยงานตรวจสอบเนอะ

ตอนนี้ผมก็กำลังต่อสู้กับ JMT ขอส่วนลดในการปิดบัญชีก็ไม่ได้ ต้น 34000 หยุดมา 2 เดือน ตอนนี้ปาเข้าไป 40000 แล้ว ขู่จะส่งคนลงพื้นที่อย่างเดียว เราก็ขู่กับว่าถ้าส่งคนลงพื้นที่จะแจ้งความดำเนินคดีกลับ เขาก็บอกว่าเขามีสิทธิที่จะส่งคนลงมาได้ แต่เราก้ยืนยันว่าเราไม่อนุญาติ ถือเป็นการรบกวนและจงใจที่จะประจานเรา มันก็เลยไม่พูดอะไรต่อ แค่ 2เดือนยังขุ่ขนาดนี้เลย

สงครามประสาทกับ JMT มากเลยครับตอนนี้ บริษัทอื่นคุยง่ายมากปิดไปหมดแล้ว เหลือของ JMTเจ้าเดียว บอกเราว่าไม่มีนโยบายลดหนี้ให้

ThamGKGK เขียน: ขึ้นศาลนัดแรก วันที่ 19 มิถุนายน 2561 ในวันนั้น ทนายโจทก์ ยื่นข้อเสนอ ให้ผ่อน 26 งวด งวดละ 4500 คือ ผ่อนเต็มจากยอดฟ้อง แต่ผมขอ เจรจาขอส่วนลด ปิดในงวดเดียว ทางทนาย บอกไม่มีเงื่อนไขปิดในงวดเดียวมา จึงขอเบอร์ผม เพื่อให้ทาง JMT ติดต่อกลับ รอ 1 ชั่วโมง JMT ไม่ติดต่อมา
ทางทนายโจทก์ จึงได้ขอเลื่อนพิจารณาคดี ศาลให้เลื่อน 1 นัด นัดหน้า เดือน กรกฎาคม 2561
หลังจากโทรปรึกษา คุณอาไพรโรจน์ บอกว่าให้กลับไปหา คุณอา จะแก้ วันที่ ในคำให้การ เพื่อยื่น ให้ตรงกับวันที่ นัดหน้า คือ เดือนกรกฎาคม 2561

JMT เพิ่งจะติดต่อมา เสนอ ลดให้ที่ 8 หมื่นบาท จากยอดฟ้อง เงินต้น 64,588.80 : ดอกเบี้ย 51,459,56 : ค่าธรรมเนียมอื่นๆ 1,103.69 : รวมฟ้องที่ 117,122.05 บาท

ซึ่งผมเห็นว่า เยอะไป เลยคิดว่า จะยื่นคำให้การ เพื่อให้ ศาลตัดสิน ในนัดหน้าเลย

ผมรบกวน สอบถาม
ตามตาราง ในหมายฟ้องของโจทก์

27 ก.ย 59 : เงินต้น 64,588.80 : ดอกเบี้ย 36,124,63 : ค่าธรรมเนียมอื่นๆ 1,103.69 : รวม 101,787.12

27 เม.ย 61 : เงินต้น 0 : ดอกเบี้ย 15,334,93 : ค่าธรรมเนียมอื่น 0 : รวม 15,334.93

27 เม.ย 61 จำนวน 578 วัน จึงเป็น เงินต้น 64,558.80 : ดอกเบี้ยรวม 51,459.56 : ค่าธรรมเนียมอื่นๆ 1,103.69 รวมฟ้อง 117,122,05 บาท

รบกวนสอบถามว่า ผมจะทราบได้อย่างไร ว่าดอกเบี้ย ตามตารางนั้นคิดเป็น อัตราดอกเบี้ยร้อยละเท่าไหร่ต่อปี จากตัวเลขผมสามารถคำนวณทราบคร่าวๆ ได้หรือไม่

ตกลง ว่าได้ ปิดบัญชีไปเรียบร้อยหรือ ยังคะ พอดี เรากำลังมีเรื่อง กับ บริษัท ในเครือนี้ พอดี เลย คุยล่าสุด เดือนนี้ ค่ะ ว่าจะส่งฟ้อง บังคับให้ปิดบัญชีอย่างเดียว ขอผ่อนจ่ายก็ไม่ให้ อยากทราบว่า อีกนานแค่ไหน กว่าเรา จะได้ รับหมายศาล เพราะแอบลุ้น ว่า จะทัน สิ้นปีนี้ไหม เพราะตั้งใจ เอาโบนัส ปิดอยุ่แล้ว ลุ้นมากกก กลัว หมายศาล จะมาก่อน โบนัส เพราะขี้เกียจไป 555

เจอปัญหา เดียวกัน เรย โครตตตตเล่นตัวเลย ขู่บังคับจะเอายอดเต็มเท่านั้น

ผมก็รอเคสกรณีศึกษาอยู่เหมือนกันครับ รอเจ้าของกระทู้มาตอบ เขาเล่นไม่ยอมลดให้เลยซักบาทเดียว

ของบริษัท JMT คงจะยากครับ บริษัทเขาให้ส่วนลดจนปิดไปหมดหละ เหลือบริษัท JMT บริษัทเดียวที่ยังไม่ได้ปิด สาเหตุก็เหมือนกับทุกคนนะครับ คือไม่มีส่วนลด ขนาดขอจ่ายปิดมันยังคิดอัตราดอกเบี้ย 60 เดือน หรือ 6 ปี ซึ่งผมหยุดจ่ายมาแค่ 4 เดือนนะครับ จนปัจจุบันนี้ 10 เดือนแล้ว มันก็ยังยืนยันให้จ่ายดอกเบี้ยเต็มที่ 60 เดือน ซึ่งมันไม่ยุติธรรมอ่ะครับ ตอนนี้รอมันส่งหมายศาลมาอยู่ครับ คงจะไปฉะกับมันที่ศาลซะหน่อย อยากจะถามมันด้วยครับ ที่มันเรียกเก็บเนี่ย อัตราดอกเบี้ยมันเกินที่กฏหมายกำหนดหรือเปล่า ซึ่งผมเองก็มีปัญหากับทาง JMT เยอะมาก หลักๆ

1. มันโทรบอกมูลหนี้ผมกับคนอื่นที่ไม่ใช่ พ่อ แม่ ภรรยา
2.โทรท้วงเงินกับเพื่อน และแฟนผม ถึงขั้นส่งคนและโทรฟ้องบริษัทที่แฟนผมทำงาน จนเป็นเหตุให้แฟนผมตกงาน แถมตอนนี้ก็เลิกกันแล้ว (แฟนนะครับ ยังไม่ได้แต่งงาน)
3. พอท้วงไม่ได้ก็ส่งเจ้าหน้าที่ไปดูทรัพย์สินตามที่อยู่ทะเบียนบ้าน พอเจ้าของบ้านไม่ให้เข้า ก็โทรมาหาผม ตอนนั้นก็เลยจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบให้ จนเงียบหายไป 3 เดือน

ตอนนี้กำลังรอหมายศาลอยู่ครับ ได้ความว่าไงด้วยจะมาลงให้ทราบครับ

โอ้โห โหดร้ายมาก เรายังไม่ถึงขั้นนั้น แค่ต่อรอง เจรจาเรื่องส่วนลดกันไม่ได้ เท่านั้นเอง ประมาทไม่ได้ แร้ว ที่นี่ โหดจัง

padungkij เขียน: ของบริษัท JMT คงจะยากครับ บริษัทเขาให้ส่วนลดจนปิดไปหมดหละ เหลือบริษัท JMT บริษัทเดียวที่ยังไม่ได้ปิด สาเหตุก็เหมือนกับทุกคนนะครับ คือไม่มีส่วนลด ขนาดขอจ่ายปิดมันยังคิดอัตราดอกเบี้ย 60 เดือน หรือ 6 ปี ซึ่งผมหยุดจ่ายมาแค่ 4 เดือนนะครับ จนปัจจุบันนี้ 10 เดือนแล้ว มันก็ยังยืนยันให้จ่ายดอกเบี้ยเต็มที่ 60 เดือน ซึ่งมันไม่ยุติธรรมอ่ะครับ ตอนนี้รอมันส่งหมายศาลมาอยู่ครับ คงจะไปฉะกับมันที่ศาลซะหน่อย อยากจะถามมันด้วยครับ ที่มันเรียกเก็บเนี่ย อัตราดอกเบี้ยมันเกินที่กฏหมายกำหนดหรือเปล่า ซึ่งผมเองก็มีปัญหากับทาง JMT เยอะมาก หลักๆ

1. มันโทรบอกมูลหนี้ผมกับคนอื่นที่ไม่ใช่ พ่อ แม่ ภรรยา
2.โทรท้วงเงินกับเพื่อน และแฟนผม ถึงขั้นส่งคนและโทรฟ้องบริษัทที่แฟนผมทำงาน จนเป็นเหตุให้แฟนผมตกงาน แถมตอนนี้ก็เลิกกันแล้ว (แฟนนะครับ ยังไม่ได้แต่งงาน)
3. พอท้วงไม่ได้ก็ส่งเจ้าหน้าที่ไปดูทรัพย์สินตามที่อยู่ทะเบียนบ้าน พอเจ้าของบ้านไม่ให้เข้า ก็โทรมาหาผม ตอนนั้นก็เลยจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบให้ จนเงียบหายไป 3 เดือน

ตอนนี้กำลังรอหมายศาลอยู่ครับ ได้ความว่าไงด้วยจะมาลงให้ทราบครับ

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=41532&limitstart=20&Itemid=64#104639

ของผมกระทู้นี้มีหนี้ใบสุดท้ายกับ JMT เหมือนกัน


JMT รับมือได้ลำบากถ้าคดียังไม่ขาดอายุความ มันไม่มีนโยบายลดหนี้ให้ลูกหนี้เลย ที่จริงแล้วข้อเสนอที่ทนายฝ่ายโจทก์ยื่นมา ผมก็ชำระไหวโดยแบ่งเป็นงวดๆทั้งหมด 23 งวด แต่เนื่องจากเป็นหนี้ใบสุดท้ายแล้วผมพอมีเงินเก็บอยู่บ้างจึงขอสู้ให้ถึงที่สุด

โดยขึ้นศาลนัดที่ 2 วันที่ 25 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมาคืบหน้าดังนี้

ทางเดียวคือต้องสู้โดยการยื่นคำให้การ ไม่ว่าจะเรื่องดอกเบี้ย และยื่นคำให้การให้ ให้โจทก์แถลงว่าซื้อหนี้ของจำเลยมาเป็นจำนวนเท่าไหร่ แล้วฟ้องจำเลยเท่าไหร่
การกระทำของจำเลยนั้นทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอย่างไร เป็นการเรียกร้องความเสียหาย จากการที่จำเลยไม่ชำระหนี้หรือเป็นการหาประโยชน์จากหนี้ของจำเลย เป็นการค้ากำไรเกินควรหรือไม่


ผมไปศาลมา 2 นัด ผู้พิพากษา แต่ละท่านก็มี ดุลพินิจต่างกันแม้จะเป็นคดีเดียวกัน
ในนัดแรกที่ผมได้กล่าว ขอเลื่อนและได้เตรียมคำให้การไว้ตั้งแต่นัดแรก ท่านให้โจทก์แถลงว่าซื้อหนี้ของผมมาเป็นจำนวนเท่าไหร่ และยังกล่าวด้วยว่าแม้จะไม่ยื่นคำให้การศาลก็จะช่วยดูเรื่องดอกเบี้ยและลดดอกเบี้ยให้เป็นไปตามกฎหมาย

นัดที่ 2 ที่เลื่อนมา ผู้พิพากษาท่านแรกท่านย้าย ทำให้ผมต้องพบกับผู้พิพากษาอีกท่าน หลังจากยื่นคำให้การไปแล้ว ท่านบอกว่าโจทก์ก็มีความเสี่ยงเนื่องจากซื้อหนี้มาแบบเหมาเข่ง ทวงได้บ้างไม่ได้บ้าง และท่านก็บอกว่าท่านเคยเป็นทนาย ทวงหนี้มาก่อน ผมนี่อึ้งเลย ท่านให้ผมยืนและพูดต่อหน้าจำเลยคนอื่นๆที่มาในคดีผู้บริโภคเหมือนกัน ว่าดูซิคุณเป็นคนเดียวที่ยื่นคำให้การ คนอื่นๆเขาโง่หรือที่เขาไม่ยื่นปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง แต่ผมก็อยากจะสู้ให้ถึงที่สุด ได้ยื่นคำให้การไปอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

ขอแนะนำคนอื่นๆ จากประสบการณ์ของตัวเอง JMT เป็นหนี้ใบสุดท้ายของผม หากมีประเด็นเรื่องดอกเบี้ยแล้วจำเลยพิสูจน์ได้ว่าโจทก์คิดดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด คือเกินร้อยละ 28 ต่อปี เกินประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยก็มีโอกาสที่เราจะลดดอกเบี้ยได้ โดยดอกเบี้ยจะเป็นโมฆะเนื่องจากเกินกฎหมายกำหนด ดอกเบี้ยจะถูกตัดออกไปเหลือแต่ต้น เงินที่เคยชำระไปก็เอาไปตัดต้น เหลือเท่าไหร่ก็ได้ชำระต้นเท่านั้น

หรืออาจจะถูกลดลงมาให้คิดดอกเบี้ยได้ในอัตราสูงสุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยก็ได้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้พิพากษามีหลายฎีกาที่คำพิพากษาแตกต่างกันออกไป

ส่วนของผมยื่นคำให้การไปประเด็นแรกคือเรื่องดอกเบี้ยสูงเกินส่วนเนื่องจากกรณีของผมดอกเบี้ยไม่เกิน 28 เปอร์เซ็นต์ต่อปีเสียเปรียบครับ สู้ได้ยากอีก ประเด็นหนึ่งคือผมยื่นคำให้การให้โจทก์แถลงว่าซื้อนี่ของผมมาเป็นจำนวนเท่าไหร่ ได้รับความเสียหายอย่างไร

โดยสิ่งที่ผมได้ท่องไปกล่าวต่อหน้าบัลลังก์ศาลมีดังนี้

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติไว้ว่า
มาตรา 379 ถ้าลูกหนี้สัญญาแก่เจ้าหนี้ว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งเป็น เบี้ยปรับ เมื่อตนไม่ชำระหนี้ก็ดี หรือเมื่อไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องตามสมควรก็ดี เมื่อลูกหนี้ผิดนัดก็ให้ริบเบี้ยปรับ
มาตรา 383 ถ้าเบี้ยปรับที่ริบนั้นสูงเกินส่วน ศาลจะลดลงเป็นจำนวนพอสมควรก็ได้

ตามคำฟ้องที่โจทก์ แจ้งว่าได้รับความเสียหาย จำเลยมีหน้าที่รับผิด ชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ขอเงินต้นที่โจทก์ฟ้อง

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บัญญัติไว้การเรียกค่าเสียหายและดอกเบี้ยผิดนัดชำระไว้ดังนี้

มาตรา 222 การเรียกเอาค่าเสียหายนั้น ได้แก่ค่าสินไหมทดแทน เพื่อความเสียหาย เช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้น แต่การไม่ชำระหนี้นั้น

มาตรา 224 หนี้เงินนั้น ท่านให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดชำระ ร้อยละเจ็ดกึ่งต่อปี การเรียกดอกเบี้ยผิดนัดชำระ ร้อยละ 15 ต่อปี จึงไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย

เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม หนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ของจำเลยกับธนาคารธนชาต

ตามที่โจทก์สมัครใจเข้าซื้อหนี้จากธนาคารธนชาต โจทก์จะต้องแสดงให้เห็นว่าโจทก์ซื้อหนี้ของจำเลยมาเป็นจำนวนเท่าไร ได้รับความเสียหายตามมาตรา 222 ดังกล่าวอย่างไร โจทก์ซื้อหนี้ของจำเลยมากี่บาทแล้วฟ้องจำเลยให้ต้องชดใช้หนี้นั้น เป็นการค้ากำไรเกินควรหรือไม่ หากไม่แสดงหลักฐานให้เห็น จะเรียกความเสียหายเป็นมูลค่าที่ยุติธรรมได้อย่างไร

จำเลยกราบเรียนศาลขอได้โปรดพิจารณา


ศาลนัดอ่านคำพิพากษาวันที่ 28 สิงหาคม 2561 ผมได้พยายามสู้จนถึงที่สุดแล้ว และอย่างเลวร้ายที่สุดหากศาลพิพากษาให้ผมชำระตามที่โจทก์ยื่นฟ้อง อย่างน้อยผมได้เปรียบตรง ที่ว่าผมไม่เคยได้รับโอนทรัพย์สินจากใครและไม่เคยโอนทรัพย์สินไปให้ใครสืบทรัพย์ผมคงยึดอะไรไม่ได้

ก็เหลือแต่อายัดเงินเดือนแต่คิดว่าผมมีเงินเก็บพอจะปิดหนี้ได้ จากการขอส่วนลดเมื่อได้ตัวเลขหลังคำพิพากษา แล้วผมจะอัพเดทให้ทราบอีกครั้งครับ

www.change.org/p/สถาบันการเงินห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญกําหนด


ผมอยากให้สมาชิกทุกท่านช่วยกันโหวตร่วมลงชื่อ ตามลิงค์นี้จะช่วยพวกเราลูกหนี้ให้จ่ายหนี้โดยยุติธรรม


พร้อมกันผมขอหยิบยกประเด็น
ที่เกิดขึ้นแล้ว คือกรณีที่ธนาคารเป็นหนี้แต่กลับเบี้ยวไม่จ่ายหนี้เล่นบทซามูไรชักดาบเสียเองก็มี
brandinside.asia/fox-sue-bangkokbank-for-lg-tvdigital/

แกรมมี่จ่ายนะ แต่ธนาคารกรุงเทพติดแบล็คลิสไปแล้ว
positioningmag.com/1139221

ของผม JMT ก็เป็นใบสุดท้ายเหมือนกันครับ หลักๆ ก็คงเหมือนกันตรงที่อัตราดอกเบี้ยเกินกฏหมายกำหนด

ยอดกู้ 84,468.58 บาท
อัตราดอกเบี้ยรวม 60 เดือน 53,215.21 บาท
รวมยอดที่ต้องจ่าย 137,683.79 บาท

เป็นยอดที่ผมหยุดจ่ายไป 4 เดือน และทาง JMT ส่งมาประนอมหนี้ครับ.....ย้ำนะครับ มันบอกประนอมหนี้....... (ประนอมหนี้บ้านพ่องงงง) คืออย่างที่ผมเคยเล่าไปในกระทู้ที่ JMT มันทำกับชีวิตผมจนพังพินาศ ผมก็ไม่อยากให้มันได้ง่ายๆ เหมือนกัน ดีไม่ดีก็ให้ยอมตายดีกว่าจ่ายให้กับมันไป เพราะผมเองก็ป่วยเป็นมะเร็งอยู่ ผมเคยให้โอกาสมันแล้วนะครับ คือเสนอจ่ายปิดมันไปที่ 84,468.58 บาท แต่คำตอบที่ได้รับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2560 จนล่าสุดเมื่อเดือนที่ผ่านมา ก.ค. 2561 มันไม่เอาครับ มันเอายอดเต็มอย่างเดียว คือ 137,683.79 บาท เคยถามมันหลายครั้งแล้ว ว่าทำไมต้องจ่ายยอดนี้ คุณรู้กฏหมายหรือเปล่า ว่ากฏหมายห้ามเก็บเกินกี่เปอร์เซ็นต์ต่อปี มันก็บอกมันรู้ แต่มันเป็นนโยบายบริษัท มันก็เคยบอกผมอยู่ ว่าไม่มีศาลไหนในโลกช่วยผมได้ ยังไงผมก็ต้องจ่ายเต็มอยู่ดี ฮืมมมมม ตอนนี้ 10 เดือนแล้ว ยังไม่ถึงปี คิดเล่นๆ อัตราดอกเบี้ยกฏหมายกำหนดไม่เกิน 28% ต่อ ปี (สินเชื่อส่วนบุคคล) ผมต้องจ่ายเพิ่ม 23651.20 บาท แต่มันจะเอาเต็ม 60 เดือน เหอออออออ จะทำยังไงกับไอ้บริษัทเหี้ยนี่ได้บ้างนะ (ขอโทษที่ใช้คำไม่สุภาพนะครับ มันเหลืออดจริงๆ กับไอ้บริาัท JMT เนี่ย)

ขอให้เจอ ศาล ที่เมตตาครับ เมตตาให้โจทก์แถลงว่า ซื้อหนี้มาเท่าไหร่ แล้วฟ้องเท่าไหร่

ประเด็นคือ ถ้า ดอกเบี้ยเกิน 28% ต่อปี เป็นอัตราสูงสุดที กฎหมายให้คิดได้ นับตั้งแต่ วันผิดนัดชำระ เราถึงจะได้เปรียบ ขอให้ สู้ๆ ครับ ผมเป็นกำลังใจ

ของ JMT เป็นยังไงบ้างครับ ของผมตอนนี้มันส่งเจ้าหน้าที่ไปขู่ยึดทรัพย์ตามทะเบียนบ้านนะครับ แต่โชคดีที่ทางเจ้าของบ้านไม่ยอมและขู่จะฟ้องกลับข้อหาบุกรุก ถ้าให้มันส่งหมายศาลมาให้อยู่ครับ ยังไม่ได้รับหมายศาลเลยตอนนี้ แต่มันส่งเจ้าหน้าที่ไปยังที่ทำงานบุคคลอ้างอิง และที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ประมาณว่าไปท้วงเงินกับบุคคลอ้างอิง และไปขู่ยึดทรัพย์นะครับ ตอนนี้อยากจะบุกไปที่บริษัท JMT มาก แต่ผมดันพิการอยู่ เดินทางลำบากมาก ไม่รู้จะทำไงแฮะ

ThamGKGK เขียน: www.change.org/p/สถาบันการเงินห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญกําหนด


ผมอยากให้สมาชิกทุกท่านช่วยกันโหวตร่วมลงชื่อ ตามลิงค์นี้จะช่วยพวกเราลูกหนี้ให้จ่ายหนี้โดยยุติธรรม


พร้อมกันผมขอหยิบยกประเด็น
ที่เกิดขึ้นแล้ว คือกรณีที่ธนาคารเป็นหนี้แต่กลับเบี้ยวไม่จ่ายหนี้เล่นบทซามูไรชักดาบเสียเองก็มี
brandinside.asia/fox-sue-bangkokbank-for-lg-tvdigital/

แกรมมี่จ่ายนะ แต่ธนาคารกรุงเทพติดแบล็คลิสไปแล้ว
positioningmag.com/1139221

เราก็เคยเจอค่ะ นางโทรเข้าเบอร์มือถือเจ้านายของเราเลยค่ะ หลายรอบมาก บางครั้งถ้าเราอยู่ใกล้เจ้านาย เราก็จะเอาโทรศัพท์เจ้านายมาคุยเลย บางครั้งก็ไม่ได้คุยเวลาเจ้านายไม่อยู่ วันนั้นก็เหมือนกัน ตอนแรกมีเจ้าหน้าที่ ฟังเสียงเหมือนจะเป็นเด็กน่าจะพึ่งเข้าทำงาน นางพูดตะกุกตะกักเวลาเราย้อนถามกลับไป คำถามแรกเราย้อนถามนางว่าทำไมต้องโทรเข้ามือถือเจ้านาย เบอร์ออฟฟิตก็มีแบบนีคุณละเมิดหรือเปล่า นางก็อึ้งไปและเหมือนมีหัวหน้านางมายืนอยู่ข้างๆ นางเลยยื่นโทรศัพท์ให้หัวหน้าทางคุยแทน มารยาทแย่มากค่ะ นางขู่เราจะว่าจะอายัดทรัพย์สิน เราก็สวนกลับไปว่าเดี๋ยวๆคุณฟ้องฉันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ หมายศาล ส่งไปที่ใหน ทำไม่ฉันไม่รู้ แค่นั้นล่ะค่ะ คือน้ำเสียงนางคือโมโหเรามากเสียงสั่นเลย นางบอกจะไปสืบทรัพย์ที่บ้านให้บอกพ่อง!! ของคุณไว้ด้วย และให้พ่อง! ของคุณโทรติดต่อมาหาเราด้วย เราก็บอกบ้านเลขที่ชัดเจนไปตามนั้นแหละ ถ้าไม่รู้ว่าอยู่ตรงใหนให้โทรมาถามทางฉัน พ่อฉันเป็นคนแก่อยู่บ้านนอก ไม่มารู้เรื่องหรอก แค่นี้นะ เราก็กดวางหูไปโดยที่มีเสียงนาง @#$%^&&((*&% ยังไม่หยุดพูด คือวันนั้นโมโหตัวเองมากที่ไม่ทันบันทึกเสียงไว้ ทวงหนี้หยาบคายไม่เคยพบเคยเจอ ใจอยากจะด่าบุพการีนางกลับเหมือนกันแต่บุพการีนางไม่ได้มารู้เห็นกับการกระทำนี้ของนางบาปเปล่าๆค่ะ