หากมีธุระต้องการเลื่อนนัดศาลต้องทำอย่างไรบ้างครับ

5 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา - 5 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #106623 โดย Armazuma
รบกวนปรึกษาครับ

ผมมีนัดกับศาลแขวงพระนคร(บัตรKTC)วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายนนี้ครับ
แต่ทางโรงเรียนลูกเพิ่งแจ้งมาเมื่อเช้าว่าวันนั้นลูกต้องPresentโครงงาน
ซึ่งก่อนหน้านี้ผมให้สัญญากับลูกไว้ว่าจะไปดูเค้าPresentครับ

ผมสามารถขอเลื่อนนัดกับศาลได้หรือเปล่าครับ แล้วถ้าได้ผมต้องติดต่อที่ไหนอย่างไรครับ
ขอบคุณมากครับ

:sweat:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

5 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #106628 โดย ReFreshZzz

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

5 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #106684 โดย Armazuma

ReFreshZzz เขียน: มารยาทในการตั้งกระทู้
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=8062&Itemid=64



ความหมายของ วันนัดไปศาล
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=6915&Itemid=64



คือไม่สามารถเลื่อนนัดศาลได้ใช่มั้ยครับ?

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

5 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา - 5 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #106691 โดย ReFreshZzz

Armazuma เขียน:

ReFreshZzz เขียน: มารยาทในการตั้งกระทู้
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=8062&Itemid=64



ความหมายของ วันนัดไปศาล
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=6915&Itemid=64



คือไม่สามารถเลื่อนนัดศาลได้ใช่มั้ยครับ?



คุณได้อ่านลิ้งค์ที่ผม ให้ไปแล้วหรือยังครับ


ถ้าอ่านแล้ว ไม่เข้าใจตรงจุดไหนมาถามเพิ่มได้ตลอดครับ


ที่นี่ไม่ได้ห้าม ไม่ให้ถามนะครับ แต่ !!!


รบกวนอ่านก่อนแล้วค่อยถามครับ


เพิ่มให้อีก 1 ลิ้งค์ ด้านล่างครับ



ความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับหน้าที่ของศาล
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=9240&Itemid=64

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

5 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา - 5 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #106718 โดย jackTs
.
คุณ ReFreshZzz อุตส่าห์ทำ Link ให้อ่านแล้ว

ก็กรุณาไปอ่านด้วยนะครับ



กรุณาอ่านก่อนนะครับ

อ่านแล้วค่อยมาถาม

.

.
อนณสุข ปรมาลาภา

ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

5 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #106719 โดย jackTs
.
คุณอย่าลืมนะครับครับว่า หนี้ทุกบาททุกสตางค์ของคุณ...คุณสร้างด้วยมือของตัวคุณเองทั้งนั้น
พวกเราในชมรมฯแห่งนี้ ไม่ได้เป็นผู้สร้างหนี้ให้กับคุณเลยแม้แต่สักบาทเดียว


แล้วจะให้พวกเรา ต้องมาใช้หนี้แทน ให้กับตัวคุณหรือไงครับ?


ถ้าเป็นหนี้ แต่ไม่ยอมรู้จักขวนขวายหาความรู้

เพื่อหาทางออกในการแก้ปัญหาหนี้ ด้วยตัวเอง

มันก็เหมือนกับการผูกปมเชือกเอาไว้ ด้วยตัวเอง

แล้วก็มาพร่ำเรียกร้องให้คนอื่น

ต้องคอยมาช่วยแก้ปมเชือกให้กับคุณอยู่ตลอดเวลา

นั่นแหละครับ







.
อนณสุข ปรมาลาภา

ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

5 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #106720 โดย jackTs

.
อนณสุข ปรมาลาภา

ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

5 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #106818 โดย Armazuma

ReFreshZzz เขียน:

Armazuma เขียน:

ReFreshZzz เขียน: มารยาทในการตั้งกระทู้
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=8062&Itemid=64



ความหมายของ วันนัดไปศาล
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=6915&Itemid=64



คือไม่สามารถเลื่อนนัดศาลได้ใช่มั้ยครับ?



คุณได้อ่านลิ้งค์ที่ผม ให้ไปแล้วหรือยังครับ


ถ้าอ่านแล้ว ไม่เข้าใจตรงจุดไหนมาถามเพิ่มได้ตลอดครับ


ที่นี่ไม่ได้ห้าม ไม่ให้ถามนะครับ แต่ !!!


รบกวนอ่านก่อนแล้วค่อยถามครับ


เพิ่มให้อีก 1 ลิ้งค์ ด้านล่างครับ



ความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับหน้าที่ของศาล
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=9240&Itemid=64


ผมอ่านแล้วครับ อ่านทุกlinkที่ส่งให้เลย อ่านหลายรอบด้วย
แต่ผมไม่เจอตรงไหนที่เกี่ยวกับการขอเลื่อนนัดเลย ว่าสามารถทำได้มั้ย หรือต้องทำอย่างไร
ผมเลยไม่เข้าใจ และกลับมาถามครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

5 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #106823 โดย Armazuma

นกกระจอกเทศ เขียน: .
คุณ ReFreshZzz อุตส่าห์ทำ Link ให้อ่านแล้ว

ก็กรุณาไปอ่านด้วยนะครับ



กรุณาอ่านก่อนนะครับ

อ่านแล้วค่อยมาถาม

.


อ่านแล้วครับ แล้วก็ไม่เข้าใจถึงได้ถาม

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

5 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #106824 โดย Badman
การไปขึ้นศาล มีอยู่ 3 แนวทาง...ดังนี้



แนวทางที่ 1. ไปศาลเพื่อไปต่อสู้คดี เพื่อให้รู้ผล แพ้-ชนะ คดี กันไปข้างหนึ่ง ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ (จะสู้คดีว่าด้วยเรื่องการคิดดอกเบี้ยที่เกินกว่ากฏหมายกำหนด หรือสู้คดีว่าด้วยเรื่องอายุความ...ก็แล้วแต่) ซึ่งแนวทางนี้ จะต้องเขียน คำให้การในการต่อสู้คดี โดยใช้แบบฟอร์มของศาลที่มี“ตราครุฑ” ๑๑(ก.) สำหรับคดีแพ่ง หรือแบบฟอร์ม ผบ.๓ สำหรับคดีผู้บริโภค โดยเขียนคำให้การต่อสู้คดีเป็นภาษากฏหมาย และต้องอ้างอิงมาตราต่างๆของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาประกอบลงในคำให้การด้วย ซึ่งถ้าเขียนเองไม่เป็น ก็ต้องจ้างทนายความให้ช่วยเขียนให้

Paplkg.jpg


สามารถ Download แบบฟอร์ม"คำให้การในการต่อสู้คดี"(คำให้การจำเลย) ได้จากใน Link นี้
www.trachu.com/userfiles/download/%E0%B8%9C%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%A2.doc


ขอย้ำว่า...การต่อสู้คดีบนชั้นศาล จะต้องยื่นคำให้การด้วยทุกครั้ง ไม่สามารถสู้คดีด้วยปากเปล่าได้

หากจำเลยไม่เขียนคำให้การไปยื่นต่อศาล...ศาลจะถือว่าจำเลยมีเจตนา“ไม่ต้องการสู้คดี” ต่อให้จำเลยมีหลักฐานอันแน่นหนาว่า โจทก์โกง , โจทก์คิดดอกเบี้ยผิดกฏหมาย , โจทก์ฉ้อฉล , คดีขาดอายุความไปแล้ว...ฯลฯ ศาลท่านก็จะไม่พิจารณาตามหลักฐานดังกล่าวเลย เพราะถือว่า จำเลยไม่ยอมปฎิบัติให้ถูกต้องตามขั้นตอนของศาล ดังนั้น คำพูดต่างๆของจำเลยในชั้นศาล ศาลจึงไม่ถือว่าเป็น"คำให้การ" แต่มันเป็นแค่เพียง"คำแก้ตัว"

เมื่อเป็นดังนี้...จำเลยอาจถูกศาลพิพากษา ให้ต้องชำระหนี้ตามที่โจทก์ฟ้องมาทันที เพราะศาลจะถือว่า จำเลยไม่ยอมปฎิบัติให้ถูกต้องตามขั้นตอนของการสู้คดี ตามที่กฏหมายได้บัญญัติไว้




แนวทางที่ 2. ไปศาลเพื่อการไกล่เกลี่ย ประนีประนอมยอมความกับทนายโจทก์ เช่น ถูกหมายฟ้องให้ชดใช้หนี้เป็นจำนวนเงิน xx,xxx บาท แต่ฝ่ายจำเลยยังไม่มีเงินก้อนที่จะสามารถชำระหนี้ให้ได้ในตอนนี้ จึงขอไกล่เกลี่ยกับทนายโจทก์ว่า อยากจะขอผ่อนต่อนับจากนี้เป็นต้นไป ซึ่งเงื่อนไขที่จะสามารถตกลงกันได้บนชั้นศาลนี้ ทางฝ่ายโจทก์มักจะไม่ยอมให้ผ่อนต่อในระยะเวลายาวๆอีกต่อไป ส่วนมากก็จะบังคับให้ผ่อนให้หมดภายในระยะเวลา 1 ถึง 2 ปี (แต่บางรายอาจขอได้นานสูงสุดถึง 3 ปี) โดยในช่วงที่ผ่อนอยู่นี้ โจทก์อาจขอคิดดอกเบี้ยในระหว่างที่ผ่อนนี้ด้วย ซึ่งก็ต้องมาพูดคุยตกลงกันอีกว่า จะยอมให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างผ่อนที่เท่าไหร่? ก็จะมีตั้งแต่ 15% , 13% , 10%...หรือบางรายอาจขอได้ 0%(ไม่คิดดอกเบี้ยในระหว่างที่ผ่อน ก็มี) ทั้งนี้ก็แล้วแต่ฝีปากและเทคนิคในการเจรจาต่อรอง และขึ้นอยู่กับนโยบายของเจ้าหนี้ในแต่ละรายด้วย...เช่น ถ้าจำเลยสามารถผ่อนให้หมดได้ในภายระยะเวลาอันสั้น ไม่เกิน 6 เดือน ก็ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยในระหว่างผ่อน(ดอกเบี้ย 0%)เป็้นต้น

แต่...ตัวเลขยอดหนี้ที่จะตกลงผ่อนกันใหม่นี้ จะเป็นตัวเลขตามที่โจทก์ยื่นฟ้องมาในหมายศาลแบบ"เต็มๆ" โดยแทบจะไม่มีส่วนลดอะไรให้กับลูกหนี้เลย (เรียกได้ว่า เขียนฟ้องมาเท่าไหร่ ก็เอาตัวเลขอันนั้นแหละ มาทำสัญญาผ่อนกันใหม่)

เมื่อได้ข้อตกลงอันเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายแล้ว ก็ทำการร่างสัญญาที่ตกลงกันเอาไว้ ลงในแบบฟอร์ม“สัญญาประนีประนอมยอมความ”(ตราครุฑ ๒๙) พร้อมกับเซ็นต์ลงนาม ชื่อโจทก์ , ชื่อจำเลย และชื่อของผู้พิพากษา(ในฐานะเป็นพยาน)

Resizeof_Page_1.jpg


ResizePage_2.jpg


วิธีการนี้ เหมาะสำหรับลูกหนี้ที่มีเจ้าหนี้“เพียงรายเดียว”เท่านั้น...หรือ เหลือเจ้าหนี้แค่รายนี้“เป็นรายสุดท้าย”
เพราะถ้าหากลูกหนี้มีเจ้าหนี้หลายราย แล้วดันไปเซ็นต์สัญญา"ประนีประนอมยอมความ"ในชั้นศาล กับเจ้าหนี้หมดทุกราย แล้วจะมีปัญญาไปผ่อนจ่ายตามสัญญาหมดทุกฉบับไหวไหม?...มันก็เข้าอีหรอบเดิมเหมือนกับตอนที่ต้องผ่อนจ่ายหนี้ให้กับเจ้าหนี้ทุกราย ก่อนที่จะถูกฟ้องศาลนั่นแหละ...จริงไหม?

ดังนั้น ตัวของลูกหนี้เอง จะต้องมีความมั่นใจเป็นอย่างสูงว่า หากเซ็นต์ชื่อลงในสัญญาแล้ว จะต้องปฎิบัติให้ได้ตามข้อตกลงในสัญญา เพราะในสัญญาฉบับนี้ มีลายเซ็นต์ของผู้พิพากษาลงนามเป็นพยานด้วย หากลูกหนี้ไม่สามารถจ่ายตามข้อตกลงได้ สัญญาประนีประนอมยอมความที่เซ็นต์ไปนี้ ก็จะถือว่าเป็น“โมฆะ” และจะถูกย้อนให้กลับไปใช้ตัวเลขตามมูลหนี้ทั้งหมด ที่ยังคงเหลือค้างอยู่ตามในสัญญาทันที
*** คิดง่ายๆก็คือการเอา"ตัวเลขสูงสุด"ในหมายฟ้อง ลบด้วยจำนวนเงินต้นที่ได้เคยผ่อนไปบ้างแล้วตามสัญญาฉบับนี้(ถ้ามี) แล้วที่เหลือก็คือเงินหนี้ที่จะต้องจ่ายต่ออีก บวกด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี(ตามที่กำหนดไว้ในสัญญา) โดยดอกเบี้ยจำนวนนี้ จะเดินต่อไปเรื่อยๆไม่มีหยุด จนกว่าจะชำระหนี้เสร็จสิ้น ไม่ว่าจะชำระด้วยวิธีการอย่างใดก็ตาม ***


ตัวอย่าง สัญญาประนีประนอมยอมความ ที่จะเซ็นต์ต่อหน้าศาล

samplecourtdoc-2.jpg


ตัวอย่างของสัญญาในกรณีนี้ จำเลยขอผ่อนยอดหนี้ตามที่โจทก์ฟ้องมา(โดยไม่มีส่วนลดใดๆเลย)
โดยขอผ่อนเป็น 24 งวด(2ปี) และในระหว่างที่ผ่อนนี้ ทางโจทก์ไม่คิดดอกเบี้ยในระหว่างที่ผ่อน 2ปี ดังกล่าว (ดอกเบี้ย 0% ในระหว่างที่ผ่อน)
ยกเว้น...ถ้าจำเลยทำผิดจากเงื่อนไขในสัญญา(เช่น จ่ายล่าช้าไม่ตรงตามวันที่กำหนด หรือ จ่ายบ้าง-ไม่จ่ายบ้าง หรือจ่ายเงินค่าผ่อนน้้อยกว่าที่กำหนดเอาไว้ในสัญญา เพียงแค่งวดเดียวก็ตาม) ดอกเบี้ย 0% ที่ว่านี้ ก็เป็นอันโมฆะและยกเลิก และจะถูกปรับให้ไปใช้เป็นดอกเบี้ยใหม่ ในอัตรา 15% ต่อปี โดยคิดจากยอดของเงินต้นที่ยังคงค้างเหลืออยู่ทันที

อีกทั้ง ทางฝ่ายโจทก์ยังสามารถยื่นเรื่องตรงไปที่“กรมบังคับคดี”ได้เลย โดยไม่ต้องฟ้องซ้ำอีกแล้ว และจำเลยก็ไม่สามารถอุทธรณ์ได้ด้วย เพราะถือว่าจำเลยได้กระทำผิดต่อสัญญาดังกล่าว ต่อศาลชั้นต้นไปแล้ว ซึ่งสัญญาฉบับนี้มีความหมายเทียบเท่ากับว่า โจทก์และจำเลยขอยินยันให้ศาลพิพากษาไปตามสัญญาการผ่อนชำระฉบับนี้ได้เลย โดยมีลายเซ็นต์ของทุกฝ่ายลงนามยืนยันไว้เป็นหลักฐาน

หรือพูดง่ายๆก็คือ การทำสัญญายอมความต่อหน้าศาลนั้น เทียบเท่าได้กับคำพิพากษาของศาลนั่นเอง แต่เป็นคำพิพากษาที่เกิดจาก การที่คู่ความทั้งสองฝ่าย ได้ตกลงพร้อมใจกัน เพื่อให้ศาลพิพากษาไปตามข้อตกลงที่ได้เซ็นต์ยอมความกันในไว้ในสัญญา

ดังนั้น...ถ้าหากลูกหนี้ทำการประเมินตัวเองแล้ว คาดว่าในภายภาคหน้าอาจจ่ายชำระตามข้อตกลงในสัญญาไม่ไหว ก็อย่าไปตกลงทำสัญญาดีกว่าครับ หันมาใช้วิธีการตามในแนวทางที่ 1. หรือแนวทางที่ 3. จะดีกว่า




แนวทางที่ 3. ไปศาลเพื่อร้องขอความเมตตากรุณาจากศาล(จำเลยสามารถพูดร้องขอด้วยปากเปล่าได้เลย ไม่ต้องเขียนแบบฟอร์มใดๆ) โดยการพูดขอให้ท่านช่วยตัดลดมูลหนี้บางอย่างลงมาให้บ้าง...เช่น ดอกเบี้ยที่ศาลพิพากษา , ค่าธรรมเนียมต่างๆ รวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมศาล และค่าทนายโจทก์ด้วย ซึ่งจะได้ลดมากหรือลดน้อย หรืออาจไม่ได้ลดเลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับความเมตตาจากท่าน (ต้องไปวัดดวงเอาเอง) แต่สำหรับหนี้เงินต้นนั้น ศาลท่านไม่สามารถช่วยปรับลดให้ได้ (ตามข้อกฏหมาย)...ฉะนั้นอย่าไปขอท่านในส่วนนี้เป็นอันขาด แล้วหลังจากนั้น ก็ปล่อยให้ท่านพิพากษาไปเลย

สรุปก็คือ
ศาลแพ่งหรือศาลผู้บริโภค มีหน้าที่แค่พิจารณาหนี้ไปตาม คำร้อง/คำโต้แย้ง ของคู่ความเท่านั้น
โดยใช้ข้อกฏหมาย(มาตราต่างๆ)เป็นตัวพินิจพิเคราะห์
และเมื่อพิจารณาเสร็จแล้วก็จะออกเป็นคำสั่ง“พิพากษา”เพื่อบังคับให้ใช้หนี้ระหว่างกัน โดยเสียดอกเบี้ยไม่เกินกว่าที่กฏหมายกำหนด (อาจเป็นร้อยละ 7.5 , 10 , 12 , 15 ต่อปี...แล้วแต่ศาลเป็นผู้พิจารณา)
และเมื่อศาลพิพากษาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็หมดสิ้นหน้าที่ของศาล เรื่องต่างๆต่อจากนี้ ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับศาลอีกต่อไปแล้ว จะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับการชดใช้หนี้ระหว่างโจทก์และจำเลย โดยอาจมีกรมบังคับคดีมามีส่วนเกี่ยวข้อง
ถ้าหากจำเลยไม่ยอมชดใช้หนี้ตามที่ศาลสั่ง หรือจำเลยทำผิดจากข้อตกลงที่ได้ไปเซ็นต์สัญญาไว้ต่อศาล โจทก์สามารถร้องขอให้ทำการ ยึดทรัพย์/อายัดเงินเดือน ของจำเลย...ตามที่โจทก์ไปยื่นคำร้องไว้ที่กรมบังคับคดีได้เลย




ข้อกฏหมายที่ต้องจำ

ศาลไม่มีหน้าที่ไปอายัดหรือยึดทรัพย์ใดๆของลูกหนี้

หน้าที่ในการอายัดหรือยึดทรัพย์ของจำเลย เป็นหน้าที่ของกรมบังคับคดีเท่านั้น...ผู้อื่นไม่มีสิทธิ์...แม้กระทั่งตัวของเจ้าหนี้เอง...ก็ไม่มีสิทธิ์

โดยกระบวนการอายัดหรือยึดทรัพย์ดังกล่าว จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ
ต้องจบสิ้นคดีในการฟ้องร้องต่อศาลแล้ว โดยศาลได้มีคำสั่งให้ลูกหนี้ต้องจ่ายหนี้ ตามคำพิพากษาที่ศาลสั่ง

หากลูกหนี้ยังคงเพิกเฉย ไม่ยอมปฎิบัติตามคำพิพากษาของศาลอีก (ลูกหนี้"ดื้อแพ่ง")
เจ้าหนี้ก็จะเอาคำพิพากษาของศาลในคดีดังกล่าว ไปยื่นคำร้องต่อ"กรมบังคับคดี"
เพื่อให้ทางกรมบังคับคดีเป็นผู้ออกคำสั่ง ยึด/อายัด (หมายบังคับคดี)

โดยเจ้าหน้าที่บังคับคดีจะเป็นผู้ดำเนินการ ในการยึดทรัพย์หรืออายัดเงินเดือนของลูกหนี้ (ซึ่งเจ้าหนี้อาจยื่นคำร้อง ขอให้ทำการยึดทรัพย์และอายัดเงินเดือน พร้อมๆกันเลยก็ได้) เพื่อนำมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาลต่อไป


ดังนั้น...การที่ไอ้พวกทวงหนี้ชอบอ้างว่า หากลูกหนี้ไม่ยอมจ่ายหนี้ที่ค้างชำระอยู่

เจ้าหนี้มีสิทธิ์มาอายัดหรือยึดทรัพย์ใดๆของลูกหนี้ได้เลย

โดยไม่จำเป็นต้องฟ้องต่อศาล

และไม่ต้องทำเรื่องไปยังกรมบังคับคดี นั้น

จึงเป็นคำพูดที่โกหกตอแหลโดยสิ้นเชิง
.

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

5 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา - 5 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #106829 โดย eakkachai
สรุปง่ายๆตรงๆเลย การเลื่อนนัดศาลกระทำได้ด้ายการไปร้องขอต่อศาลด้วยตัวเอง หรือ มอบหมายให้ทนายไปแทน ไม่ว่าคุณจะติดธุระอะไรก็ตาม หรือ ป่วยจนจะเป็นจะตาย คุณก็ทำได้แค่สองอย่างนี้ไม่มีการขอเลื่อนด้วยวิธีอื่น เพราะคุณเป็นจำเลยไม่ไดเป็นคนฟ้อง ให้ทนายไปแทนต้องมีใบมอบด้วยไปติดต่อสอบถามเอาที่ทนาย

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

5 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #106855 โดย jackTs
.
ถ้าลูกหนี้(จำเลย)ไปขอใช้สิทธิ์เลื่อนคดีต่อศาล จะสามารถใช้สิทธิ์ขอเลื่อนคดีได้แค่เพียง"ครั้งเดียว"เท่านั้น ในฐานะที่เป็นจำเลย...และส่วนมากศาลจะให้เลื่อนได้นานแค่ประมาณ 1เดือน ถ้าขอเลื่อนนานมากกว่านี้ ศาลมักไม่อนุญาตให้

เหตุผลที่จำเลยจะขอต่อศาลเพื่อใช้เลื่อนคดี ...อาทิเช่น

- จำเลยขอเลื่อนคดีเนื่องจาก เดือนหน้าจำเลยจะได้รับเงิน Bonus มาก้อนใหญ่ สามารถจ่ายปิดบัญชีหนี้(Haircit)กับฝ่ายโจทก์ได้ จึงขอเลื่อนคดีไปอีก 1เดือน เพื่อนำเงิน Bonus มาจ่ายปิดบัญชีหนี้ที่ถูกฟ้องในคดีนี้

- เนื่องจากจำเลยมีความประสงค์จะสู้คดีความ ว่าด้วยเรื่อง ดอกเบี้ยที่โจทก์คิด"เกินกว่ากฎหมายกำหนด" แต่ในขณะนี้จำเลยยังไม่สามารถหาทนายความได้ จึงขอศาลเลื่อนคดีออกไปอีก 1เดือน เพื่อให้จำเลยได้มีเวลาติดต่อหาว่าจ้างทนายความมาเพื่อสู้คดี


แต่ถ้าหากจำเลยอยากจะเลื่อนคดีออกไปประมาณ 2-3 ครั้ง(ครั้งละ 1เดือน) จำเลยต้องว่าจ้างทนายความให้มาสู้คดีและดำเนินการให้ เพราะทนายความจะมีลูกเล่นในการขอเลื่อนศาลได้หลายครั้ง(ที่เขาเรียกกันว่า"เทคนิคทนาย") แต่นั่นก็หมายความว่า ลูกหนี้(จำเลย)จะต้องเสียเงินเพื่อการว่าจ้างทนายความด้วย


ความหมายของ วันนัดไปศาล
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=6915&Itemid=64#8748




ความรู้ต่างๆ มีอยู่ในนี้หมดแล้ว

www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&catid=7&Itemid=64&view=category&limitstart=0&limit=20


.
อนณสุข ปรมาลาภา

ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

5 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา #106856 โดย Armazuma

eakkachai เขียน: สรุปง่ายๆตรงๆเลย การเลื่อนนัดศาลกระทำได้ด้ายการไปร้องขอต่อศาลด้วยตัวเอง หรือ มอบหมายให้ทนายไปแทน ไม่ว่าคุณจะติดธุระอะไรก็ตาม หรือ ป่วยจนจะเป็นจะตาย คุณก็ทำได้แค่สองอย่างนี้ไม่มีการขอเลื่อนด้วยวิธีอื่น เพราะคุณเป็นจำเลยไม่ไดเป็นคนฟ้อง ให้ทนายไปแทนต้องมีใบมอบด้วยไปติดต่อสอบถามเอาที่ทนาย


ขอบคุณครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

5 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา #107570 โดย airin
สอบถามพี่นกกระจอกเทศเพิ่มเติมคะ
หนูมีนัดหมายศาลมาที่บ้านแล้ว ให้ไปตามนัดในวันที่ 19 ธันวาคม 2561
เดือนนี้หนูจะไปขอเลื่อนนัดศาลออกไป เป็นวันที่ 19 มกราคม 2562 เพื่อรอเงินโบนัสออก
แล้วจะขอทำการแฮคัท หนูจะไปติดต่อขอเลื่อนที่ศาลได้เลยมั้ย
หรือมีขั้นตอนต้องทำแบบไหน ยังไงบ้าง ไปแจ้งด้วยปากเปล่าได้มั้ยคะ
รบกวนด้วยคะ


ขอบคุณมากคะ



นกกระจอกเทศ เขียน: .
ถ้าลูกหนี้(จำเลย)ไปขอใช้สิทธิ์เลื่อนคดีต่อศาล จะสามารถใช้สิทธิ์ขอเลื่อนคดีได้แค่เพียง"ครั้งเดียว"เท่านั้น ในฐานะที่เป็นจำเลย...และส่วนมากศาลจะให้เลื่อนได้นานแค่ประมาณ 1เดือน ถ้าขอเลื่อนนานมากกว่านี้ ศาลมักไม่อนุญาตให้

เหตุผลที่จำเลยจะขอต่อศาลเพื่อใช้เลื่อนคดี ...อาทิเช่น

- จำเลยขอเลื่อนคดีเนื่องจาก เดือนหน้าจำเลยจะได้รับเงิน Bonus มาก้อนใหญ่ สามารถจ่ายปิดบัญชีหนี้(Haircit)กับฝ่ายโจทก์ได้ จึงขอเลื่อนคดีไปอีก 1เดือน เพื่อนำเงิน Bonus มาจ่ายปิดบัญชีหนี้ที่ถูกฟ้องในคดีนี้

- เนื่องจากจำเลยมีความประสงค์จะสู้คดีความ ว่าด้วยเรื่อง ดอกเบี้ยที่โจทก์คิด"เกินกว่ากฎหมายกำหนด" แต่ในขณะนี้จำเลยยังไม่สามารถหาทนายความได้ จึงขอศาลเลื่อนคดีออกไปอีก 1เดือน เพื่อให้จำเลยได้มีเวลาติดต่อหาว่าจ้างทนายความมาเพื่อสู้คดี


แต่ถ้าหากจำเลยอยากจะเลื่อนคดีออกไปประมาณ 2-3 ครั้ง(ครั้งละ 1เดือน) จำเลยต้องว่าจ้างทนายความให้มาสู้คดีและดำเนินการให้ เพราะทนายความจะมีลูกเล่นในการขอเลื่อนศาลได้หลายครั้ง(ที่เขาเรียกกันว่า"เทคนิคทนาย") แต่นั่นก็หมายความว่า ลูกหนี้(จำเลย)จะต้องเสียเงินเพื่อการว่าจ้างทนายความด้วย


ความหมายของ วันนัดไปศาล
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=6915&Itemid=64#8748




ความรู้ต่างๆ มีอยู่ในนี้หมดแล้ว

www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&catid=7&Itemid=64&view=category&limitstart=0&limit=20

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

5 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา #107571 โดย eakkachai
สอบถามพี่นกกระจอกเทศเพิ่มเติมคะ
หนูมีนัดหมายศาลมาที่บ้านแล้ว ให้ไปตามนัดในวันที่ 19 ธันวาคม 2561
เดือนนี้หนูจะไปขอเลื่อนนัดศาลออกไป เป็นวันที่ 19 มกราคม 2562 เพื่อรอเงินโบนัสออก
แล้วจะขอทำการแฮคัท หนูจะไปติดต่อขอเลื่อนที่ศาลได้เลยมั้ย
หรือมีขั้นตอนต้องทำแบบไหน ยังไงบ้าง ไปแจ้งด้วยปากเปล่าได้มั้ยคะ
รบกวนด้วยคะ

ตอบให้ก่อนตามประสพการ์ณตัวเอง การขอเลื่อนนัดศาลถ้าคุณคิดว่าโบนัสออกจะปิดหนี้ที่เจ้าหนี้ฟ้องอยู่ ในวันนัดนัดแรกคือนัดไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ ให้คุณไปศาลด้วยตัวเองเอาหมายศาลไปด้วย 1. ขั้นแรกเมื่อคุณไปถึงศาลให้ไปดูที่บอร์ดหน้าประตูทางเข้าศาลไปดูหมายเลขคดีของตัวเองว่าศาลท่านนัดพิจารณาที่ห้องไหนบัลลังค์ไหนเสร็จแล้วจำใว้ 2. ขั้นที่สองไปพบทนายโจทยน์ที่ห้องไกล่เกลี่ยจะมีเจ้าหน้าที่ศาล1ท่านนั่งฟังอยู่ให้คุณเจรจากับทนายโจทย์ตามที่คุณต้องการเลื่อนเพื่อรอโบนัสออกจะมาปิดหนี้ หากมีเอกสารตกลงกันให้อ่านทั้งหมดก่อนเซ็นต์ชื่อ 3. ขั้นตอนที่สามอันนี้สำคัญ อย่าพึ่งกลับบ้านทันทีไม่ว่าจะใครบอกถ้ามีการพิจารณาที่ห้องคดีให้ไปฟังคำสั่งศาลที่ห้องพิจารณาคดีตามที่คุณดูมาในขั้นตอนแรก รอจนศาลท่านจะเรียกคดีของเรา อย่าไปนั่งรอหน้าห้องเข้าไปนั่งรอในห้องพิจารณคดีเลย ถ้าตกลงกับทนายโจทย์ได้ว่าเลื่อนได้ก็รอศาลท่านสั่ง ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ออกไปยืนหน้าบัลลังค์แถลงขอเลื่อนด้วยตัวเองเหตุผลก็ตามที่คุณบอกใว้ การเลื่อนศาลเราไม่สามารถกำหนดวันที่เองได้ศาลท่านจะสั่งเองแต่มากกว่า1เดือนแน่นอน เสร็จแล้วรอเสมียนศาลพิมพ์เอกสารมาให้เซ็นต์ อย่าลืมอ่านดูก่อน เป็นอันจบการไปศาลนัดนี้ ถ้านัดนอกรอบเช่น วันหยุด หรือ ศาลท่านคดีมาก การตัดสินศาลท่านจะมานั่งฟังที่เราไกล่เกลี่ยเลยตกลงยังไงท่านจะตัดสินให้เลย ส่วนเอกสารก็คล้ายห้องพิจารณาคดี ถ้าศาลท่านมานั่งด้วยท่านจะแจ้งก่อนว่าท่านคือผู้พิพากษาหรือศาลนั่นแหละ ส่วนคนแรกที่ผมบอกมานั่งฟังด้วยคือเจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ยประจำศาล ไม่ใช่ศาล อย่าสับสน ขอให้โชคดีครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.798 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena