สอบถามเรื่องอายุความบัตร KTC ค่ะ

พี่อังจะส่งกำลังใจไปให้เสมอ ทุกอย่างต้องผ่านไปได้ด้วยดี สู้ๆๆๆ....พี่อัง สวยประหาร

กลับมาอีกแล้วค่ะ จากที่ห่างหายไป 2 เดือน

สืบเนื่องมาจาก ได้ไปขึ้นศาลนัดแรกมาแล้วเมื่อเดือน กุมภาพันธ์
ยอดหนี้ที่ฟ้องอยู่ที่ 108,xxx บาท ตอนนั้นได้ตกลงขอเลื่อนการพิจารณาค่ะ
เนื่องจากว่ามีแนวโน้มได้เงินก้อนมา เรากะว่าจะทำการ H/C ปิดยอดเลย

เวลาผ่านไปรวดเร็ว ไวเหมือนโกหก
ตอนนี้ใกล้ถึงกำหนดขึ้นศาลนัดที่ 2 แล้ว
แนวโน้มเงินก้อนใหญ่ก็ดันมาเลื่อนมาเป็นเดือน มิ.ย. แทน (ซะงั้น)
ระหว่างที่เลื่อน ได้ติดต่อกับทาง KTC
จนท. แนะนำให้เราไปทำเรื่องยอมทำประนีประนอม
โดยจ่ายเดือนละ 1,500 x 36เดือน และก็จ่ายอีกต่อเนื่อง (เพราะยอดหนี้สูง) ดอกเบี้ย 15%
แต่ระหว่างนี้ถ้ามีเงินมาปิด ก็เจรจาขอส่วนลดได้ค่ะ

ทีนี้เนื่องจากว่าเราได้รับมอบอำนาจแทนคุณแม่
แม่เราไม่กล้าไปศาล เราก็เลยอยากสอบถามนะค่ะ
ว่าเราควรทำอย่างไร
1. ถ้าเราไม่ยอมอยากสู้คดีต่อ เผื่อจะทันเวลาตอนได้เงินก้อนมา (จะได้ปิด)
ไม่ทราบว่าจะทำได้ แล้วจะขอเลื่อนอีกได้หรือไม่ค่ะ
2. ถ้าเราเกิดหมดหนทางการเลื่อนแล้ว เราต้องยอมทำประนีประนอม เราควรเจรจาอย่างไร ไม่ให้เสียเปรียบมากค่ะ
3. เราเองอยากเจรจาตกลงนอกรอบ แต่เหมือนทางฝ่ายโน้นอยากให้ขึ้นศาลอย่างเดียวเลย เป็นการให้ศาลสั่งพิพากษาใช่หรือไม่ค่ะ
4. เราควรเจรจาขอส่วนลดอย่างไรบ้างค่ะ
5. หากพิพากษาแล้ว เราต้องปฏิบัติตามทันที หรือว่าพอมีระยะเวลาพอให้เราก่อนชำระเงินหรือไม่ค่ะ

ใจจริงอยาก H/C มากกว่าค่ะ ทางทนายเองก็บอกว่า
1. ประนอมหนี้ซะ แล้วมีเงินก้อนค่อยปิด
2. ถ้ามั่นใจว่าได้เงินแน่ ให้ทำเรื่องปิดในระยะเวลา 2 เดือน จะจ่ายแบบ 50-50 หรือจ่าย 10-90 ก็ได้

ซึ่งเราเองก็กลัวว่าเงินก้อนใหญ่ ถ้าเกิดเลื่อนไปอีกหล่ะ เราก็แย่แน่นอน เราก็เลยไม่รู้ว่าควรหาข้อคิดยังไงดี

เพราะวันนั้นเราได้รับมอบอำนาจแทนจากคุณแม่ ให้ขึ้นศาลแทน
หากมีการต้องเซ็นเอกสาร เราควรต้องระมัดระวังอะไรบ้างค่ะ

ขอบคุณมากๆ นะค่ะ สำหรับคำแนะนำทุกๆ ความเห็น

smilegirl เขียน: กลับมาอีกแล้วค่ะ จากที่ห่างหายไป 2 เดือน

สืบเนื่องมาจาก ได้ไปขึ้นศาลนัดแรกมาแล้วเมื่อเดือน กุมภาพันธ์
ยอดหนี้ที่ฟ้องอยู่ที่ 108,xxx บาท ตอนนั้นได้ตกลงขอเลื่อนการพิจารณาค่ะ
เนื่องจากว่ามีแนวโน้มได้เงินก้อนมา เรากะว่าจะทำการ H/C ปิดยอดเลย

เวลาผ่านไปรวดเร็ว ไวเหมือนโกหก
ตอนนี้ใกล้ถึงกำหนดขึ้นศาลนัดที่ 2 แล้ว
แนวโน้มเงินก้อนใหญ่ก็ดันมาเลื่อนมาเป็นเดือน มิ.ย. แทน (ซะงั้น)
ระหว่างที่เลื่อน ได้ติดต่อกับทาง KTC
จนท. แนะนำให้เราไปทำเรื่องยอมทำประนีประนอม
โดยจ่ายเดือนละ 1,500 x 36เดือน และก็จ่ายอีกต่อเนื่อง (เพราะยอดหนี้สูง) ดอกเบี้ย 15%
แต่ระหว่างนี้ถ้ามีเงินมาปิด ก็เจรจาขอส่วนลดได้ค่ะ

ทีนี้เนื่องจากว่าเราได้รับมอบอำนาจแทนคุณแม่
แม่เราไม่กล้าไปศาล เราก็เลยอยากสอบถามนะค่ะ
ว่าเราควรทำอย่างไร
1. ถ้าเราไม่ยอมอยากสู้คดีต่อ เผื่อจะทันเวลาตอนได้เงินก้อนมา (จะได้ปิด)
ไม่ทราบว่าจะทำได้ แล้วจะขอเลื่อนอีกได้หรือไม่ค่ะ

ต้องเขียนคำให้การสู้คดีค่ะ ติดต่อคุณอาค่ะ

2. ถ้าเราเกิดหมดหนทางการเลื่อนแล้ว เราต้องยอมทำประนีประนอม เราควรเจรจาอย่างไร ไม่ให้เสียเปรียบมากค่ะ


3. เราเองอยากเจรจาตกลงนอกรอบ แต่เหมือนทางฝ่ายโน้นอยากให้ขึ้นศาลอย่างเดียวเลย เป็นการให้ศาลสั่งพิพากษาใช่หรือไม่ค่ะ

เขารู้ว่า นโยบายแบงค์ไม่ลดต้นค่ะ เสนอให้แต่ผ่อน 36 งวด เขาก็อยากจบเร็วๆ
ที่นี่ เขาไม่ให้ทนาย หรือสำนักงานกฎหมายเสนออะไรอื่น นอกจากผ่อน 36 งวดค่ะ

4. เราควรเจรจาขอส่วนลดอย่างไรบ้างค่ะ

5. หากพิพากษาแล้ว เราต้องปฏิบัติตามทันที หรือว่าพอมีระยะเวลาพอให้เราก่อนชำระเงินหรือไม่ค่ะ

ภายใน 15 วัน ที่ได้รับหมายศาลค่ะ


ใจจริงอยาก H/C มากกว่าค่ะ ทางทนายเองก็บอกว่า
1. ประนอมหนี้ซะ แล้วมีเงินก้อนค่อยปิด
2. ถ้ามั่นใจว่าได้เงินแน่ ให้ทำเรื่องปิดในระยะเวลา 2 เดือน จะจ่ายแบบ 50-50 หรือจ่าย 10-90 ก็ได้

ซึ่งเราเองก็กลัวว่าเงินก้อนใหญ่ ถ้าเกิดเลื่อนไปอีกหล่ะ เราก็แย่แน่นอน เราก็เลยไม่รู้ว่าควรหาข้อคิดยังไงดี

เพราะวันนั้นเราได้รับมอบอำนาจแทนจากคุณแม่ ให้ขึ้นศาลแทน
หากมีการต้องเซ็นเอกสาร เราควรต้องระมัดระวังอะไรบ้างค่ะ

ขอบคุณมากๆ นะค่ะ สำหรับคำแนะนำทุกๆ ความเห็น

รู้สึกว่า KTC 1จะเร่งสปีดฟ้องแข่งกับ CITI Bank มังค่ะ คุณไม่สังเกตุหรือ
กระทู้ในห้องถามตอบ ห้องเล่า มีเคส KTC มากมาย ให้อ่านนะค่ะ

ถ้าคุณแม่คุณเป็นเพียงแม่บ้านธรรมดา ไม่มีรายได้ ไม่มีทรัพย์สินใดๆ
ก็ใจนิ่งๆ รองต่อรองกับแบงค์ แต่แน่ใจนะว่า คุณมีเงินพร้อมปิด รู้สึก
ถ้าลด เขาจะให้จ่ายงวดเดียวจบ แต่ถ้ายังไม่มี ก็ซื้อเวลาส่งคำให้การ
รอวันเงินพร้อมอีกทีก็ได้ค่ะ ถ้าสุดทางเดิน และเงินไม่พร้อม ก็ยอม
ความหน้าศาล มันอยากให้ผ่อนก็ให้ต่ำสุดไปเลยต่อเดือน แต่อย่า
ลืมดูเอกสารให้ดีๆ และก็ผ่อนแบบไม่มีดอกเบี้ยนะค่ะ

หากคุณเหลือตัวสุดท้าย ไม่ปล่อยอายัดละค่ะ แต่ต้องทำใจกับดอก
เบี้ยที่เดินตลอดนะค่ะ พอถึงเวลาเจรจาเจ้าหนี้ก็จะแจ้งยอดที่ศาล
ท่านพิพากษาให้จ่าย บวกดอกเบี้ย ซึ่งไม่รู้ว่า ท่านจะลดหรือไม่ค่ะ

ขอบคุณมากๆ นะค่ะ

พี่อังยังคงส่งกำลังใจไปให้คุณเสมอนะ....สุ้ๆๆๆ พี่อัง สวยประหาร

ขอบคุณค่ะพี่อัง
วันที่ 1 พ.ค. นี้แล้วค่ะ
ที่ต้องไปขึ้นศาล(รอบ2) แทนคุณแม่

ยังหาแนวทางไม่ได้เลยค่ะ
ว่าควรเจรจาให้ทางนั้น ควรต่อรองอย่างไรบ้างนะค่ะ

smilegirl เขียน: ขอบคุณค่ะพี่อัง
วันที่ 1 พ.ค. นี้แล้วค่ะ
ที่ต้องไปขึ้นศาล(รอบ2) แทนคุณแม่

ยังหาแนวทางไม่ได้เลยค่ะ
ว่าควรเจรจาให้ทางนั้น ควรต่อรองอย่างไรบ้างนะค่ะ

นำหมายศาลมาปรึกษากับคุณอาประพัฒน์นะ อาทิตย์นี้ (29 เม.ย.) คุณอาประพัฒน์มาที่ มพบ.คะ

จะต้องขึ้นศาลนัดที่ 2 วันพรุ่งนี้แล้วค่ะ

ได้โทรคุยเจรจากับทางทนาย ได้ข้อสรุปดังนี้ค่ะ

1. หากปิดบัญชี จากยอดฟ้อง 108,000 บาท ลดให้เหลือ 75,000 บาท (ผ่อนได้ 2 งวด)
2. ประนีประนอม จากยอดฟ้อง 108,000 บาท ให้ผ่อนเดือนละ 1,500 x 36 งวด (+ดอกเบี้ย 10%ต่อปี)
จากเดิมเงินต้น 62,172 บาท ดอกเบี้ย 38,435 บาท (จะลดดอกเบี้ยให้ 30% เหลือ 26,904.5 บาท)

จริงๆ เราอยากเจรจา ขอส่วนลดจากยอดฟ้อง 30% แล้วผ่อนชำระเป็นรายเดือน จำนวน 36 เดือน จะบวกดอกเบี้ย 10% ก็บวกไป แต่ทางทนายไม่ยอม

เราก็คิดว่า 1.จะบอกกับศาลท่านได้หรือไม่ ในเหตุผลขอส่วนลดอันนี้
เพื่อขอให้ท่านตัดสินเลย เนื่องจากยังเจรจากันไม่ได้
2. เราจะต้องทำยอมประนอม ตามที่ทนายบอกแบบนี้
แล้วถ้ามีเงินก้อนเมื่อไหร่ก็ปิดบัญชี

รบกวนขอคำแนะนำในการเจรจาด้วยนะค่ะ

smilegirl เขียน: จะต้องขึ้นศาลนัดที่ 2 วันพรุ่งนี้แล้วค่ะ

ได้โทรคุยเจรจากับทางทนาย ได้ข้อสรุปดังนี้ค่ะ

1. หากปิดบัญชี จากยอดฟ้อง 108,000 บาท ลดให้เหลือ 75,000 บาท (ผ่อนได้ 2 งวด)
2. ประนีประนอม จากยอดฟ้อง 108,000 บาท ให้ผ่อนเดือนละ 1,500 x 36 งวด (+ดอกเบี้ย 10%ต่อปี)
จากเดิมเงินต้น 62,172 บาท ดอกเบี้ย 38,435 บาท (จะลดดอกเบี้ยให้ 30% เหลือ 26,904.5 บาท)

จริงๆ เราอยากเจรจา ขอส่วนลดจากยอดฟ้อง 30% แล้วผ่อนชำระเป็นรายเดือน จำนวน 36 เดือน จะบวกดอกเบี้ย 10% ก็บวกไป แต่ทางทนายไม่ยอม

เราก็คิดว่า 1.จะบอกกับศาลท่านได้หรือไม่ ในเหตุผลขอส่วนลดอันนี้
เพื่อขอให้ท่านตัดสินเลย เนื่องจากยังเจรจากันไม่ได้
2. เราจะต้องทำยอมประนอม ตามที่ทนายบอกแบบนี้
แล้วถ้ามีเงินก้อนเมื่อไหร่ก็ปิดบัญชี

รบกวนขอคำแนะนำในการเจรจาด้วยนะค่ะ

ไปอ่านในกระทู้นี้ก่อนนะครับ

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=9240&Itemid=29

smilegirl เขียน: จะต้องขึ้นศาลนัดที่ 2 วันพรุ่งนี้แล้วค่ะ

ได้โทรคุยเจรจากับทางทนาย ได้ข้อสรุปดังนี้ค่ะ

1. หากปิดบัญชี จากยอดฟ้อง 108,000 บาท ลดให้เหลือ 75,000 บาท (ผ่อนได้ 2 งวด)
2. ประนีประนอม จากยอดฟ้อง 108,000 บาท ให้ผ่อนเดือนละ 1,500 x 36 งวด (+ดอกเบี้ย 10%ต่อปี)
จากเดิมเงินต้น 62,172 บาท ดอกเบี้ย 38,435 บาท (จะลดดอกเบี้ยให้ 30% เหลือ 26,904.5 บาท)

จริงๆ เราอยากเจรจา ขอส่วนลดจากยอดฟ้อง 30% แล้วผ่อนชำระเป็นรายเดือน จำนวน 36 เดือน จะบวกดอกเบี้ย 10% ก็บวกไป แต่ทางทนายไม่ยอม

เราก็คิดว่า 1.จะบอกกับศาลท่านได้หรือไม่ ในเหตุผลขอส่วนลดอันนี้
เพื่อขอให้ท่านตัดสินเลย เนื่องจากยังเจรจากันไม่ได้

ศาลท่านไม่เกี่ยวข้องกับการต่อรองค่ะ ถ้าท่านมาช่วยต่อรอง
อาจถูกมองว่า ตราชั่งเอียงนะค่ะ

2. เราจะต้องทำยอมประนอม ตามที่ทนายบอกแบบนี้
แล้วถ้ามีเงินก้อนเมื่อไหร่ก็ปิดบัญชี

อยู่ที่กระเป๋าเงินค่ะ คุณไปต่อเขาลด 30 แล้วในกระเป๋าเงินมีพร้อมจ่าย
หรือยังค่ะ เช่น เวลาคุณไปตลาดต่อของกับแม่ค้า แล้วถ้าแม่ค้ายอม
ลดให้ตามขอ แต่คุณกลับมีเงินไม่พร้อม ไม่พอ คุณจะโดนแม่ค้ายำ
ใหญ่ไหมค่ะ

ดูความพร้อม ความเป็นไปได้เป็นหลักค่ะ แล้วที่พี่อังแนะว่า ให้ไป
พบคุณอา ไปหรือเปล่าค่ะ

ในนัด 2 คุณต้องตัดสินใจว่า
1 จะยอมความหน้าศาล ต้องทำให้ได้ตลอด 36 งวด ค่ะ แต่ขอปลอดดอกเบี้ยไม่ดีกว่าหรือ

2 จะสู้ด้วยการยื่นคำให้การ ต้องให้คุณอาจัดการค่ะ

3 ปล่อยให้ศาลตัดสินไป อาจได้ลดดอกเบี้ย และเงินต้น หรืออาจต้องจ่าย=ยอดฟ้อง

4 คุณสามารถโน้มน้าวให้ทนายฝ่ายโน้นยอมเลื่อนนัดครั้งที่ 2ได้ค่ะ

อาจด้วยเหตุผล คุณแม่กำลังพยายามหาเงินมาปิดอยู่ หรือขอเจรจาอีกครั้งกับแบงค์โดย
ตรงอีกรอบ หรือ ขอไปหาทนายเขียนคำให้การ ยื่นสู้ครั้งหน้า เพราะวันนี้ทนายไม่พร้อมค่ะ
เป็นต้น

อยู่ที่คุณจะเลือกจบแบบไหน และอาจมีหลายทาง ขึ้นกับเหตุการณ์วันพรุ่งนี้ค่ะ
ขอให้คุมสติให้อยู่เท่านั้นค่ะ อย่าทำหรือเซ็นในสิ่งที่ทำไม่ได้ค่ะ



รบกวนขอคำแนะนำในการเจรจาด้วยนะค่ะ

.
ถ้าอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องของข้อกฏหมาย และกระบวนการของศาล

ให้ทำตามนี้นะครับ





แล้วเลื่อนลงมาล่างสุด

เข้าไปในห้องรู้ทันกฏหมายหนี้






ในนั้นมีความรู้ต่างๆมากมาย ที่คุณสามารถศึกษาจากข้อสงสัยของคุณได้เลย

พี่อัง ค่ะ จ๋าไปปรึกษาคุณอาที่บ้านท่านมาแล้วค่ะ
ตอนแรกก็ตั้งใจจะสู้คดี เพราะคุณอาบอกว่า ดอกเบี้ยมันเกินจริงๆ (แค่ดูคร่าวๆ คุณอาก็ทราบแล้ว)
คุณอาท่านให้ความอนุเคราะห์จะเป็นทนายให้ด้วย (ต้องขอบพระคุณท่านจริงๆ)


แต่ได้กลับมาคุยกับคุณแม่ ซึ่งท่านเองเครียดมากกับการต้องขึ้นศาล หรือคดีความ
ท่านเลยบอกว่าไม่อยากสู้คดีแล้ว อยากให้เรื่องมันจบๆ ไม่อยากให้ยืดยาวกันไป
อีกอย่าง อีกไม่กี่เดือนจะได้เงินก้อนใหญ่มาจากการทำงาน แต่เดือนไหนยังกำหนดไม่ได้
ซึ่งท่านเองก็เกรงว่าจะไม่ทันการ หากสู้คดีแล้ว ถึงกำหนดให้ชำระ
แล้วเกิดข้อผิดพลาด เงินยังไม่พร้อม เงินยังไม่ได้ ก็กลัวว่าจะมีปัญหาไปกว่านี้ค่ะ


คุยไปคุยมา ก็เลยคิดว่า จะทำเรื่องยอมจ่ายเดือนละ 1500 ไปก่อน อย่างน้อยในเวลา 3 ปีที่ผ่อนนี้
จ๋ามั่นใจว่าสามารถหาเงินมาปิดบัญชีได้แน่นอน เหมือนเป็นการซื้อเวลา จะได้ไม่ต้องเร่งหาเงิน
ภายใน 1-2 เดือน เพื่อปิดบัญชีนะค่ะ


ตอนนี้กำลังหาข้อมูลเยอะๆ เพื่อวันพรุ่งนี้ต้องไปขึ้นศาลแทนคุณแม่
อยากหาข้อเจรจาที่ให้รัดกุม และไม่เสียรู้ทนายไปมากกว่านี้นะค่ะ

ตื่นเต้นและกังวลใจอยู่เหมือนกันค่ะ
แต่พยายามเก็บข้อมูลเคสต่างๆ ไว้ เผื่อจะใช้เจรจาต่อหน้าศาลได้บ้าง


ขอบคุณทุกๆท่านมากนะค่ะ ที่ให้คำแนะนำและข้อคิดเห็น

พี่อังเป็นกำลังใจให้เสมอและเมื่อคุณไปศาลในวันพรุ่งนี้ พี่อังจะส่งกำลังใจไปยืนข้างๆ คุณ...สู้ๆๆ นะคะ พี่อัง สวยประหาร

ขอบคุณค่ะพี่อัง...... รักพี่อังที่สุดเลยค่ะ

เห็นสิ่งที่คุณ smilegirl โพสแล้วไม่สบายใจ ขอเข้ามาเตือน
ด้วยความหวังดี ซึ่งไม่รู้คุณจะแลไหม เพราะทั้งแก้วจ๋ากับ
คุณนกกระจอกเทศต่างพยายามบอกถึงสิ่งควรรู้อย่างถูกต้อง
แต่ดูเหมือนเราไม่ได้รับการตอบรับที่ดีสักเท่าไร ช่าง
เถอะค่ะ


แรกๆแก้วจ๋า เห็นใจคุณ และชอบในความกตัญญูของคุณมากค่ะ
แต่การที่คุณสื่อให้คุณแม่ฟัง เรื่องคดีความ การฟ้อง นะไม่ถูกต้องค่ะ
หนี้ของคุณแค่ 6 หมื่นกว่า ยอดฟ้อง แสนกว่า คุณอาและเราก็เห็น
ว่า มันไม่ยุติธรรม จึงบอกว่า ควรสู้คดีเรื่องดอก
เบี้ยที่เิกินกฎหมายกำหนด แต่คุณปฎิเสธท่าน ด้วยว่ากลัวการขึ้น
ศาล มีหลายกระทู้พูดเรื่องขึ้นศาล สืบพยาน ซึ่งแก้วจ๋าก็มีบอกไว้
ในกระทู้ตัวเอง หากคุณมอบให้คุณอาเขียนคำให้การสู้คดี ท่านจะ
ดำเนินการให้คุณเอง โดยคุณแม่และคุณไม่ต้องไปขึ้นศาลอีกเลย
ท่านจะไปสืบ จะไปต่อรองให้ค่ะ แล้วคุณจะกลัวอะไรค่ะ
ความกลัวไม่ช่วยให้รอดค่ะ

อีกเรื่อง หลายครั้งที่บอกในหลายกระทู้ว่า ตอนนี้ KTC มีนโยบาย
ไม่ลดต้น เขาให้คุณผ่อนไป 36 งวดจนถึงงวดสุดท้ายคุณต้องหา
เงินก้อนมาปิดจบ โดยไม่ได้ส่วนลด ยกเว้นเจ้าของนโยบายโดน
เด้ง และการฝากความหวังไว้กับเงินอนาคต ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำค่ะ
บริษัทแก้วจ๋าบอกว่า จะปรับเงินเดือนขึ้นให้พนักงานพร้อมเงิน
พิเศษ เขาก็บอกมาทุกเดือนที่พนักงานเริ่มหงุดหงิด แต่จนวันนี้ก็ยัง
ไม่ได้ อ้างว่า ยังไม่เสร็จ และถ้าคุณเกิดไม่ได้เงินก้อนมา คุณ
ก็ต้องจ่ายไปเรื่อย และเห็นว่ามีดอกเบี้ยด้วย คำนวณหรือยังค่ะ
ว่าสรุปแล้วเงินที่ต้องจ่ายนะเท่าไรค่ะ

ขอบคุณมากนะค่ะคุณแก้วจ๋าและทุกท่านแนะนำมา

จริงๆ แล้วเราเองก็อยากสู้คดีนะค่ะ
เราเองได้ไปพบคุณอาที่บ้านนั่งคุยอยู่จนค่อนข้างดึก
และเข้าใจในสิ่งที่คุณอาจะช่วยอนุเคราะห์และเป็นธุระจัดการในชั้นศาลให้ค่ะ

แต่อาจเป็นเพราะเราอาจจะไม่ได้ถามคุณอา ให้กระจ่างในข้อสงสัยในเรื่องของการจ่ายเงินให้เจ้าหนี้
เราไม่แน่ใจว่าเราเข้าใจถูกหรือไม่ เราได้ถามคุณอาว่าหากเราสู้คดีแล้วชนะ
เราจะจ่ายยอดหนี้ที่ชนะให้กับเจ้าหนี้ เราสามารถขอผ่อนเป็นรายเดือนได้หรือไม่
คุณอาท่านให้ความเห็นว่า ถ้าเราชนะคดี แล้วเจ้าหนี้จะยอมให้ผ่อนอีกหรือ??
ส่วนระยะเวลาในการสู้คดี ก็ใช้ประมาณ 2-3 เดือน

เราคิดหนักเลยค่ะ เพราะว่าตอนนี้ที่สำคัญเรายังไม่มีเงินในมือเลย

เจ้าหนี้คงให้เราต้องจ่ายเพียง 1-2 งวด
ซึ่งอย่างที่เราเรียนให้ทราบว่า
เราจะมีเงินก้อนใหญ่เข้ามา แต่ยังระบุไม่ได้ว่าเดือนไหน
ซึ่งเราเองก็คิดหนักในเรื่องนี้เช่นกัน ถ้าเงินก้อนใหญ่นี้ไม่ได้มาหล่ะ
แล้วเราจะหาเงินที่ไหนมาจ่ายปิดบัญชี ในเมื่อเราชนะคดีแล้ว????

ก่อนที่เราตัดสินใจหยุดจ่ายหนี้ทุกบัตร เราก็ได้เข้ามาศึกษาตามแนวทางในเว็บแห่งนี้
ซึ่งเราเองก็สู้ฟันฝ่า นำเทคนิคของต่างๆ มาใช้ จากหนี้บัตรที่มองไม่เห็นทางออก
ตอนนั้นทุกวันมีแต่เสียงโทรศัพท์ดังแทบจะทุกชั่วโมง บางทีมีคนมาด้อมๆมองๆหน้าบ้านอีกต่างหาก
เป็นโรคกลัวเสียงโทรศัพท์ไปพักใหญ่ ได้แต่เก็บตัวปิดบ้านเหมือนไม่มีใครอยู่ในบ้าน
เพราะกลัวคนมาทวงหนี้ แม่เราเอาแต่ร้องไห้ เครียด เปิดดูใบแจ้งหนี้ 3 เวลาก่อนอาหาร และก่อนนอน
จนแม่เราเริ่มมีอาการของโรคซึมเศร้า เบลอๆ

......แต่เพราะได้เว็บนี้ เราทำตามคำแนะนำทีละสเต็ป ซึ่งมันใช้ได้ผล
จนทำให้แม่และเราได้เงยหน้ามาได้จนทุกวันนี้

จนผ่านมาจะ 5 ปีแล้ว เราทำงานเก็บเงิน H/C บัตรมาตลอด (ซึ่งผ่านมาได้ด้วยดี)
หนี้ในส่วนของแม่เรา จาก 10 กว่าบัตร ตอนนี้เหลือ 2 บัตร คือ KTC ที่โดนฟ้อง กับ สแตนดารท์

หลังจากน้ำท่วม งานที่เราทำก็เงียบเหลือเกิน มีแค่เงินกินไปวันๆ
แม้แต่จะเก็บเงินไว้H/C ก็ยังทำไม่ได้เลยค่ะ

ส่วนเงินก้อนใหญ่ที่เราจะได้มา ก็เป็นงานที่เคยคุยไว้ก่อนน้ำท่วม
อยู่ระหว่างเซ็นสัญญา พอน้ำท่วม ก็เป็นโรคเลื่อนจะคุยงานกันอีกทีเดือน มิ.ย.
ช่วงเวลามันสูสีมากเลยค่ะ

ไม่ใช่ว่าเราไม่แล หรือไม่ตอบรับนะค่ะ
อาจจะเป็นเพราะว่าเรากำลังอยู่ตรงกลางของปัญหา
จึงมองไม่เห็นทางออกที่ดี

แต่ถึงยังไง ก็ขอขอบคุณมากๆ นะค่ะ ที่เข้ามาให้คำแนะนำ
และขอบคุณทุกๆ กำลังใจมากนะค่ะ

ผลเป็นอย่างไร จะมาแจ้งให้ทราบนะค่ะ

ถ้าคุณเป็นจรเข้ว่ายน้ำเก่ง แก้วจ๋าก็ไม่อยากท้วงติง ก็แล้วคุณค่ะ

แต่ที่เข้ามาตอบอีกครั้ง เพื่อให้ท่านอื่่นที่ผ่านมาอ่านเข้าใจคุณอา
อย่างถูกต้องค่ะ

คุณอาท่านหมายถึงว่า ถ้าพรุ่งนี้ยื่นคำให้การ ก็รออีกประมาณ 3เดือน
ถึงจะเีรียกสืบพยาน ซึ่งตอนนนั้นคุณอาท่านจัดการให้อยู่แล้วค่ะ
เมื่อถึงนัดสืบ ซึ่งเราก็ยังคงต่อรองปิดหนี้ได้ ถ้าเรามีเงินพร้อมค่ะ
ในระหว่างที่รอ หรือ วันที่ขึ้นนัดสืบค่ะ พอคุณอาท่านสืบเสร็จ เรา
ก็รอคำพิพากษาอีกประมาณเดือนกว่า ว่าท่านผู้พิพากษาจะเห็นตรง
กับเราหรือเห็นพ้องกับโจทก์ คุณอาท่านไม่เคยฟันธงว่า จะชนะใน
เรื่องดอกเบี้ยเลยสักครั้ง แก้วจ๋าเจอคดีขึ้นศาลมานับ 10 กว่าครั้ง
แล้วค่ะ และโดยเฉพาะ KTC ที่ทำยอมความไป เพราะไม่อยากอุทธรณ์
ซึ่งคาดไม่ได้ว่า ท่านผู้พิพากษาจะให้เราอุทธรณ์หรือไม่ด้วยค่ะ
และทาง KTC ยื่นข้อเสนอที่พอรับได้ คือผ่อนน้อยไม่มีดอกเบี้ย
ถึงรับค่ะ

ถ้าคุณชนะจริง เจ้าหนี้ต้องง้อคุณ ไม่ใช่คุณง้อเขา ดอกเบี้ยที่เรียก
หาก็มีอันพับไป คุณจะกลับมาเวทีต่อรองใหม่อีกครั้ง แต่ถ้าคุณชนะ
ได้จริง ไม่มีเจ้าหนี้รายไหน ไม่ยื่นอุทธรณ์ต่อหรอกค่ะ เพราะเขาไม่ยอม
ถ้าเขายื่นอุทธรณ์ ก็ใช้เวลาอีกนานกว่าจะตัดสินคดี แล้วมันไม่ดี
ต่อลูกหนี้ตรงไหนค่ะ

แก้วจ๋าได้เคลียร์ความหมายของคุณอา เพื่อความถูกต้องค่ะ มิบังอาจ
จะก้าวล่วงการตัดสินใจของคุณ เพราะคุณคงไม่ใช่มือใหม่

เพราะเราเห็นใจจึงไม่อยากให้คุณต้องลำบากนะสิค่ะ ถ้าคุณศึกษารู้
ข้อมูลอย่างถูกต้องและแม่นยำ คุณจะมั่นใจ และสามารถถ่ายทอดให้
คุณแม่คุณมั่นใจได้ แต่ตอนนี้คุณเองยังไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด
แล้วเพราะคุณตั้งคำถามแต่ว่า ยังไม่มีแนวทางในการขึ้นศาลนัด 2
เราถึงเข้ามาช่วย แม้จะไม่รับ ก็ถือว่าเราทำหน้าที่ดีที่สุดของเราแล้วค่ะ

คุณกอบัวเคยบอกคุณแล้วว่า ถ้าเลื่อนแล้ว คราวหน้าก็ต้องจบให้ลง ยิ่งจบดี จบสวย
เราทุกคนก็ปรารถนาให้คุณเป็นเช่นนั้น เหมือนเวลาที่คุณไปตลาด คุณเห็นแม่ค้าขาย
ผลไม้ วางแผงดูสวยงามน่าทาน คุณพอใจอยากซื้อ แต่พวกเรารู้ทันแม่ค้าคนนี้ว่า
สิ่งที่เขานำเสนอคุณนั้น ภายนอกดูสวยงามแต่ข้างในมันเน่า เรารู้ เราจึงเข้ามาเตือน
ว่าอย่าซื้อเลย ซื้อของอย่างอื่นเถอะ หรือเลือกให้ดีมองให้ทะลุ นี้คือ สิ่งที่แก้วจ๋า
พยายามจะบอกคุณค่ะ ไม่ได้ต้องการคำขอบคุณใดๆ เลย เพราะถ้าคุณได้สิ่งที่ดีกลับ
ไปให้คุณแม่คุณ เรามีความสุขกับคุณด้วยค่ะ