ค่าทนายความตกเป็นพับ

ตอนไปขึ้นศาล พี่อีกคนเซ็นยอมกับทนายแล้วเราตาดีเหลือบไปเห็นอยู่ข้อนึง ในใบที่ให้พี่เขาเซ็นว่า
ค่าทนายความตกเป็นพับ หมายความว่าอะไรค่ะยังหาข้อมูลไม่เจอรบกวนท่านผู้รู้ช่วยตอบหน่อยค่ะ

ค่าทนายความตกเป็นพับ แปลว่าจำเลย(ตัวเรา)ไม่ต้องจ่ายค่าศาลละอื่นๆๆครับ(ความหมายหน้าจะมากกว่านี้นะครับรอกรรมการมาตอบอีกที)

คุณAnakinคุณ chaowalert ขอบคุณนะคะ

แนวทางที่สาม ไม่มี ตกงาน ถังแตก ไม่มีวันนี้เลย
ให้ศาลพิพากษาไปเลยค่ะ แล้วไปรอรับคำพิพากษาที่บ้าน ประมาณ 15-30 วัน(แล้วแต่ความชุกชุม)
จากนั้นค่อยไป "หักคอจ่าย"
แต่วิธีหักคอเนี้ย บางสถาบันไม่รับ
การหักคอจ่าย ให้เอายอดหนี้ที่ศาลพิพากษาทั้งหมด รวมดอกเบี้ย รวมค่าธรรมเนียมต่างๆ ทั้งหมด
แล้วหารด้วย 60 จะเป็นยอดที่เหมาะสมในการจ่ายคืนเจ้าหนี้ในแต่ละเดือน
คุณจะต้องจ่ายคืนเจ้าหนี้ในยอดนั้น อย่าเกินวันดิว ห้ามน้อยกว่านี้ เพื่อป้องกันการบังคับคดีจากเจ้าหนี้
ที่ว่าหารด้วย 60 นี่มาจากอะไรค่ะ
ใช่%หรือเปล่าคะรบกวนช่วยตอบทีค่ะ

บัวคุ๊น...คุ้น กับคำพูดที่คุณปลาพยูนเอามาถาม...
คำถามที่คุณถามมา มันมีที่ไปที่มา บอกแค่ว่า มันเป็นจำนวนปี 5 ปี (12 เดือน X 5 = 60)
บัวขอไม่ตอบหน้าบอร์ด เมล์ถามก็ไม่ได้ค่ะ ไม่ตอบ
คำตอบตรงนี้ มันต้องอธิบายที่มา และผลที่จะเกิด รวมไปถึงวิธีแก้ หากเจ้าหนี้ไม่ยอมรับ
ไม่ใช่แค่ลูกหนี้ที่เข้ามาอ่านบอร์ดของเรา มีเจ้าหนี้ที่เขาติดตามความเคลื่อนไหวของเราด้วย
มีหลายๆคำตอบ เจ้าหนี้อ่าน แล้วเขาไปแก้กฎหมาย ไปจูบปากกับธปท. แก้เกมส์เราคืน
ถ้าตอบหน้าบอร์ดได้ ชมรมฯคงไม่จัดมีตติ้ง จัดสัมนาอบรมนอกรอบกันหรอกค่ะ อิ...อิ...

เกือบลืม กับคำถามบนกระทู้
"ค่าทนายความตกเป็นพับ" พูดให้เข้าใจง่ายๆคือ ลูกหนี้หรือจำเลย ไม่ต้องจ่ายค่าทนายฝ่ายโจทก์นั่นเอง
ไอ้คำขู่ของทนาย ของพวกสำนักงานทวงหนี้ทั้งหลายที่ชอบขู่ว่า หยุดจ่ายบัตรต้องเสียค่าทนายหลายพัน หลายหมื่น มันไม่แน่เสมอไป
และนี่คือข้อดีของการไปศาล เพราะแค่ไปศาล ศาลจะเห็นถึงเจตนาของเราเลยว่า "เราไม่หนีหนี้"
ศาลจะมองเห็นเจตนาตรงนี้ และพิพากษาให้ "ค่าทนายความตกเป็นพับ"
อาจจะลดดอกเบี้ยให้ ยังไงๆ ก็ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดคือ ไม่เกิน 15% ต่อปี ต่ำสุดก็ไม่ต่ำกว่า 7.5
ไปศาลไม่น่ากลัว...เน๊อะ...(แต่ไม่อยากไป)

ขอบคุณค่ะคุณกอบัว

เรื่องข้อมูลเอาเท่าที่พอจะเปิดเผยได้

ทำถูกต้องแล้วค่ะกันไว้ก่อนดีกว่า

เดี๋ยวจะหาโอกาสไปมิตติ้งสักครั้งค่ะ

แต่ตอนนี้จะขออ่านในชมรมไปเรื่อยๆ

ก่อนค่ะของดียังมีอีกเพียบสถานะการณ์หนี้ของปลาพยูน

ในตอนนี้ขอใช้คำสุดฮิต ว่ายังเอาอยู่ค่ะ

ขอเล่นมุขไว้ขำๆนิดนึงช่วยขำหน่อยนะคะพี่น้อง5555

กรณีที่ถูกบังคับคดีหักเงินเดือน30%

เอกสารใบเสร็จส่งเบี้ยประกันชีวิตที่ทำไว้เมื่อหลายปีมาแล้ว

ทุกวันนี้ยังส่งอยู่ค่ะ สามารถนำไปยื่นขอส่วนลดกับกองบังคับคดี

ร่วมกับเอกสารแสดงภาระค่าใช้จ่ายได้หรือเปล่าคะ

ปลาพยูน เขียน: กรณีที่ถูกบังคับคดีหักเงินเดือน30%

เอกสารใบเสร็จส่งเบี้ยประกันชีวิตที่ทำไว้เมื่อหลายปีมาแล้ว

ทุกวันนี้ยังส่งอยู่ค่ะ สามารถนำไปยื่นขอส่วนลดกับกองบังคับคดี

ร่วมกับเอกสารแสดงภาระค่าใช้จ่ายได้หรือเปล่าคะ

หลังจากลูกหนี้ได้รับหนังสือแจ้งอายัดเงินเดือนจากกรมบังคับคดีแล้วปรากฏว่ายอดหนี้ที่เจ้าหนี้ขออายัดไม่ตรงกับยอดหนี้จริง(มักจะมากกว่าเสมอ) คือหนี้อายัดเกินจริง ลูกหนี้สามารถยื่นคัดค้านการอายัดเงินเดือนได้ นอกจากนี้หากลูกหนี้มีภาระที่ต้องดูแลมากเช่น พ่อ-แม่มีโรคประจำตัวต้องมีค่าใช้จ่ายในการรักษา ลูกหนี้สามารถทำเรื่องขอลดเงินอายัด โดยระบุรายละเอียด เหตุผลและความจำเป็นในการขอลดเงินอายัดและหากจะให้การขอลดเงินอายัดมีน้ำหนักมากขึ้นควรแสดงหลักฐานที่เป็นเอกสารที่เชื่อถือได้ การขอลดเงินอายัดให้ลูกหนี้ระบุไปเลยว่าต้องการขอลดเงินอายัดให้เหลือจ่ายเดือนละเท่าไหร่ ระบุตัวเลขที่แน่นอนไปเลย ส่วนมากการขอลดเงินอายัดมักจะได้ผล(ประมาณ 40-50 เปอร์เซ็นต์)

เมื่อลูกหนี้ได้ส่วนลดจากการอายัดเงินเดือนแล้ว หนังสือส่วนลดจะถูกส่งไปให้เจ้าหนี้ ซึ่งเจ้าหนี้สามารถคัดค้านได้ภายใน 7 วัน แต่ส่วนใหญ่แล้วเจ้าหนี้จะปล่อยผ่านโดยไม่คัดค้านเนื่องจากว่า ยังไงเจ้าหนี้ก็ได้เงินคืนอยู่แล้วจากการอายัดเงินเดือนของลูกหนี้ การขอลดเงินอายัดลูกหนี้สามารถยื่นเรื่องได้ที่ กองอายัดเงินเดือน กรมบังคับคดี ที่เจ้าหนี้ไปยื่นฟ้องไว้ แต่หากลูกหนี้มีเงินก้อนก็ควรต่อรองกับเจ้าหนี้ ขอจ่ายชำระหนี้ปิดบัญชีแบบมีส่วนลด(Hair-cut) น่าจะดีกว่า เพราะเจ้าหนี้มักจะชอบเงินก้อนมากกว่าตามเก็บเบี้ยหัวแตก.......มันเสียเวลา.