- จำนวนโพสต์: 1950
- ขอบคุณที่รับ: 1502
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
thanatphong เขียน: 2.ขอปรึกษาครับ ผมเริ่มหยุดกลางมีค มา 4 ใบ แล้วครับ สงสัย 3 เรื่อง ดังนี้ครับ
2.1 SCB CREDIT เป็นแบงค์ที่เงินเดือนโอนเข้า หยุดไม่ได้ (ตามที่อ่านมา) ถูกต้องมั้ยครับ แล้วควรปิดไปเลยเป็นใบแรก หรือจ่ายเลี้ยงขั้นต่ำไว้เพื่อเก็บเงินครับ
thanatphong เขียน: 2.2 K.BANK เป็นธนาคารที่ผมผ่อนบ้านอยู่ หยุดแล้วจะมีผลกระทบกับบ้านมั้ยครับ จะไปเจรจา HAIR CUT หรือผ่อนขั้นบันได หรือขึ้นศาลได้ไม่ยึดไปเลยใช่มั้ยครับ
thanatphong เขียน: 2.3 ธนชาติ เป็นธนาคารที่ติดผ่อนรถอยู่ด้วย จะมีปัญหายึดรถมั้ยครับ
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
thanatphong เขียน: สวัสดีครับทุกท่าน ต้องบอกเหมือนหลายๆ ท่าน ว่าเวปนี้ช่วยให้เห็นทางสว่างจริงๆ มีทางปลดหนี้ได้และเปลี่ยนชีวิตไปเลย ผมอ่านไปพอสมควร เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ซื้อหนังสือมาอ่านด้วยครับ มีกำลังใจขึ้นเยอะ
อยากขอคำชี้แนะจากกรรมการ ผู้รู้และเพื่อนๆ ด้วยครับ
1.หนี้
1.1 ส่วนที่ 1 บ้านและรถ ผมจะไม่หยุดจ่าย
1.2 ส่วนที่ 2 จะหยุดจ่าย
UOB CASH : 120,000
K.BANK CREDIT : 200,000
TANACHAT CREDIT : 130,000
UOB CREDIT : 130,000
CENTRAL CREDIT : 65,000
CIMB CASH : 64,000
CENTRAL CASH : 67,000
AEON CREDIT : 60,000
SCB CREDIT : 160,000
POWER BUY : 100,000
รวม 1,096,000
2.ขอปรึกษาครับ ผมเริ่มหยุดกลางมีค มา 4 ใบ แล้วครับ สงสัย 3 เรื่อง ดังนี้ครับ
2.1 SCB CREDIT เป็นแบงค์ที่เงินเดือนโอนเข้า หยุดไม่ได้ (ตามที่อ่านมา) ถูกต้องมั้ยครับ แล้วควรปิดไปเลยเป็นใบแรก หรือจ่ายเลี้ยงขั้นต่ำไว้เพื่อเก็บเงินครับ
2.2 K.BANK เป็นธนาคารที่ผมผ่อนบ้านอยู่ หยุดแล้วจะมีผลกระทบกับบ้านมั้ยครับ จะไปเจรจา HAIR CUT หรือผ่อนขั้นบันได หรือขึ้นศาลได้ไม่ยึดไปเลยใช่มั้ยครับ
2.3 ธนชาติ เป็นธนาคารที่ติดผ่อนรถอยู่ด้วย จะมีปัญหายึดรถมั้ยครับ
ขอขอบคุณล่วงหน้านะครับ แล้วหากเริ่มมีทวงจะมาอัพเดทให้เพื่อนๆ ฟังครับ เตรียมใจสู้ศึกตามแนวทางของชมรมแล้วครับ
ปล. ผมลงชื่อฟังสัมมนาไว้ 29 เมษา แต่ที่นั่งเต็ม ท่านประธานซึ่งผมโทรไปปรึกษามา บอกให้ลองเป็นสำรองไว้ก่อน หรือตีตั๋วยืน อยากไปฟังจะได้กระจ่าง เพื่อนๆ มาใหม่ลองดูนะครับ และวันอาทิตย์ว่างๆ กะว่าจะแวะไปปรึกษาที่สวนลุมดูครับ
เป็นกำลังใจให้ทุกท่านด้วยนะครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
thanatphong เขียน: หายไปนานหลังจากเริ่มหยุดเดือนมีค อยากเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ ว่าไม่ต้องกังวลเลยครับ เข้มแข็งไว้จะผ่านมาได้ เค้าก็ได้แค่โทรมาทวง มีบ้างพูดยียวนกวนประสาท แต่ไม่เกินรับมือหรอกครับ
ผมสงสัยเนื่องจากเท่าที่อ่านเวลาได้หมายศาลก็ให้ไปต่อสู้ หรือขอความเมตตาจากศาล ศาลก็จะสั่งให้ใช้หนี้เท่านั้นเท่านี้ ด้วยดอกเบี้ยเท่านั้นเท่านี้ แล้วเราจึงไปตกลงผ่อนผันกับเจ้าหนี้เอา (ถ้าไม่มีปิด)
แล้วถ้าเจ้าหนี้ยื่นข้อเสนอให้ประนอมหนี้ด้วยดอก 13% เป็นขั้นบันได 2,500/2,700/2,900 รวม 48 งวด แล้วปิดงวดสุดท้าย ถ้าไม่มีก็ประนอมส่วนที่เหลือต่อ หรือหากมีก่อนก็จ่ายเกินได้ หรือมีเงินก้ินก็ปิดขอส่วนลดได้
แบบนี้ก็มีค่าเท่ากันกับรอให้ศาลสั่งหรือไม่ หรือควรไปจบที่ศาลครับ
ถ้าไปศาลควรต้องต่อสู้ว่าเค้าเก็บดอกเกินกำหนด หรือยอมรับขอความเมตตาจากศาลเลยครับ
ขอคำแนะนำหน่อยครับ ขอบพระคุณมากครับ
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
เจ้าหนี้มันไม่ยอมให้ผ่อนต่อหรอกครับ ถ้าหากศาลพิพากษาแล้วthanatphong เขียน: ผมสงสัยเนื่องจากเท่าที่อ่านเวลาได้หมายศาลก็ให้ไปต่อสู้ หรือขอความเมตตาจากศาล ศาลก็จะสั่งให้ใช้หนี้เท่านั้นเท่านี้ ด้วยดอกเบี้ยเท่านั้นเท่านี้
แล้วเราจึงไปตกลงผ่อนผันกับเจ้าหนี้เอา (ถ้าไม่มีปิด)
ผมไม่เคยพูดว่า สามารถผ่อนได้นานถึง 48 งวด(4ปี)...ลองไปอ่านใหม่ให้ดีๆthanatphong เขียน: แล้วถ้าเจ้าหนี้ยื่นข้อเสนอให้ประนอมหนี้ด้วยดอก 13% เป็นขั้นบันได 2,500/2,700/2,900 รวม 48 งวด แล้วปิดงวดสุดท้าย
อ้างอิงข้อมูลจาก2. ไปศาลเพื่อการไกล่เกลี่ย ประนีประนอมยอมความกับทนายโจทก์ เช่น ถูกหมายฟ้องให้ชดใช้หนี้เป็นจำนวนเงิน xx,xxx บาท แต่ฝ่ายจำเลยยังไม่มีเงินก้อนที่จะสามารถชำระหนี้ให้ได้ในตอนนี้ จึงขอไกล่เกลี่ยกับทนายโจทก์ว่า อยากจะขอผ่อนต่อนับจากนี้เป็นต้นไป ซึ่งเงื่อนไขที่จะสามารถตกลงกันได้บนชั้นศาลนี้ ทางฝ่ายโจทก์มักจะไม่ยอมให้ผ่อนต่อในระยะเวลายาวๆอีกต่อไป ส่วนมากก็จะบังคับให้ผ่อนให้หมดภายในระยะเวลา 1 ถึง 2 ปี (แต่บางรายอาจขอได้นานสูงสุดถึง 3 ปี) โดยในช่วงที่ผ่อนอยู่นี้ โจทก์อาจขอคิดดอกเบี้ยในระหว่างที่ผ่อนนี้ด้วย ซึ่งก็ต้องมาพูดคุยตกลงกันอีกว่า จะยอมให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างผ่อนที่เท่าไหร่? ก็จะมีตั้งแต่ 15% , 13% , 10%...หรือบางรายอาจขอได้ 0%(ไม่คิดดอกเบี้ยในระหว่างที่ผ่อน ก็มี) ทั้งนี้ก็แล้วแต่ฝีปากและเทคนิคในการเจรจาต่อรองของแต่ละราย
ก็เคยบอกไปแล้วไงครับว่า Hair cut สามารถทำได้ตลอดชีพthanatphong เขียน: ถ้าไม่มีก็ประนอมส่วนที่เหลือต่อ หรือหากมีก่อนก็จ่ายเกินได้ หรือมีเงินก้ินก็ปิดขอส่วนลดได้
อ้างอิงข้อมูลจากHair-cut สามารถทำได้ตลอด
ทุกช่วงเวลาหลังจากที่"หนี้"ของเรา"เน่า"แล้ว ...ไม่ว่าจะเป็น
- ก่อนได้รับหมายฟ้อง (แต่ต้องหยุดจ่ายนานๆ หลายๆเดือนซะก่อนนะครับ)
- ได้รับหมายฟ้องแล้ว แต่ยังไม่ถึงวันที่ต้องไปขึ้นศาล
- ขึ้นศาลแล้ว แต่ยังอยู่ในระยะเวลาระหว่างการต่อสู้คดี โดยรอขึ้นศาลอีกครั้งในนัดหน้านัด หรือนัดต่อไป (ศาลยังไม่ได้พิพากษา)
- ถูกศาลพิพากษาแล้ว และอยู่ในระหว่าง รอการจ่ายชำระหนี้คืนตามคำพิพากษา
- ถูกศาลพิพากษาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้จ่ายชำระหนี้คืน จนกระทั่งถูกอายัดเงินเดือน หรือถูกอายัดทรัพย์สินอยู่ในขณะนี้
เห็นไหมล่ะครับ ว่า Hair-cut สามารถทำได้ตลอดชีพจริงๆ
thanatphong เขียน: แบบนี้ก็มีค่าเท่ากันกับรอให้ศาลสั่งหรือไม่
วิธีในแนวทางที่ 3.นี้ เมื่อศาลพิพากษาไปแล้ว ลูกหนี้ก็ยังสามารถใช้วิธีการ"หักคอจ่าย"ต่อไปอีกได้(หรือจะยื่นอุทธรณ์ก็ได้) เพราะลูกหนี้ยินดีให้ศาลพิพากษาไปเอง ตามดุลยพินิจของผู้พิพากษา2. ไปศาลเพื่อการไกล่เกลี่ย ประนีประนอมยอมความกับทนายโจทก์
เมื่อได้ข้อตกลงอันเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายแล้ว ก็ทำการร่างสัญญาที่ตกลงกันเอาไว้ ลงในแบบฟอร์ม“สัญญาประนีประนอมยอมความ”(ตราครุฑ ๒๙) พร้อมกับเซ็นต์ลงนาม ชื่อโจทก์ , ชื่อจำเลย และชื่อของผู้พิพากษาอีก 2 ท่าน(ในฐานะเป็นพยาน)
โดยที่ตัวของลูกหนี้ จะต้องมีความมั่นใจเป็นอย่างสูงว่า หากเซ็นต์ชื่อลงในสัญญาแล้ว จะต้องปฎิบัติให้ได้ตามข้อตกลงในสัญญา
และถ้าหากลูกหนี้ไม่สามารถปฎิบัติได้ตามสัญญา ทางฝ่ายโจทก์สามารถยื่นเรื่องผ่านไปที่“กรมบังคับคดี”ได้เลย โดยไม่ต้องฟ้องซ้ำอีกแล้ว และจำเลยก็ไม่สามารถอุทธรณ์ได้ด้วย เพราะถือว่าจำเลยได้ทำการ“ตระบัดสัตย์”ต่อศาลไปแล้ว
3. ไปศาลเพื่อร้องขอความเมตตากรุณาจากศาล โดยขอให้ท่านช่วยตัดลดมูลหนี้บางอย่างลงมาให้บ้าง...เช่น ดอกเบี้ย , ค่าล่าช้า , ค่าทวงถาม , ค่าธรรมเนียมต่างๆ รวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมศาล และค่าทนายโจทก์ด้วย ซึ่งจะได้ลดมากหรือลดน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับความเมตตาจากท่าน (ต้องไปวัดดวงเอาเอง) แต่สำหรับ หนี้เงินต้น นั้น ศาลท่านไม่สามารถช่วยปรับลดให้ได้ (ตามข้อกฏหมาย)...ฉะนั้นอย่าไปขอท่านในส่วนนี้เป็นอันขาด
อ้าว???...หากมีหมายศาลฟ้องมาแล้ว ถ้าไม่จบที่ศาล แล้วจะไปจบที่โรงแรมไหนล่ะครับ?thanatphong เขียน: หรือควรไปจบที่ศาลครับ
คุณก็ต้องไปพิจารณาเอาเองครับ ว่าจะใช้แนวทางไหนที่คุณเห็นว่าเหมาะสมกับตัวคุณเอง...แนวทางที่ 1. หรือ 2. หรือ 3.thanatphong เขียน: ถ้าไปศาลควรต้องต่อสู้ว่าเค้าเก็บดอกเกินกำหนด หรือยอมรับขอความเมตตาจากศาลเลยครับ
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา