เป็นหนี้บัตรเครดิตโดนบังคับคดีอายัดบ้าน

ดิฉันร่วมกับพี่สาวกู้เงินซื้อบ้านโดยพี่สาวมีชื่อเป็นผู้กู้ร่วมและมีชื่อเจ้าเป็นเจ้าบ้านในทะเบียนบ้านหลังนี้ ส่วนดิฉันมีชื่ออยู่ทะเบียนบ้านอีกหลังนึงซึ่งใช้ทำเป็นสถานประกอบกิจการแต่ภายหลังโดนโกงทำหใ้เป็นหนี้มากมายทั้งหนี้การค้าและหนี้บัตรเครดิตหลายธนาคารและหลายใบ ซึ่งจะมีการฟ้องร้องหรือไม่ดิฉันไม่ทราบเพราะว่าไม่ได้อยู่ที่บ้านดังกล่าวมา 8 ปีแล้ว จนกระทั่งวันนึงมีหมายมาปิดที่หน้าบ้านหลังที่กู้ร่วมกับพี่สาวว่าศาลพิพากษาให้อายัดบ้านดังกล่าวเนื่องจากดิฉันเป็นหนี้ซิติี้แบงค์อยู่แปดแสนบาท(ไม่รวมดอกเบี้ย) ซึ่งดิฉันไม่ทราบจริงๆว่ายอดหนี้จริงๆเท่าไหร่และไม่ได้ไปศาลเนื่องจากเอกสารส่งไปที่บ้านหลังที่ไม่มีคนอยู่ ต่อมามีคนอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของซิตี้แบงค์โทรหาพี่สาวดิฉัน(ไม่รู้ได้เบอร์จากไหน)เนื่องจากติดต่อดิฉันไม่ได้ ให้ทำการชำระหนี้แทนโดยโทรมาหลายครั้งและแจ้งว่าลดราคาให้เหลือสองแสนบาท ถ้าช้าบ้านอาจถูกขายทอดตลาดเพราะประกาศขายทอดตลาดกำลังจะออกมา บ้านหลังนี้ราคาประเมินอยู่ที่หนึ่งล้านเก้าแสนบาท แต่ดิฉันเป็นหนี้ธนาคารกสิกรไทยเหลืออยู่สามล้านบาท ทางซิตี้แบงค์แจ้งว่าถ้าขายทอดตลาดแล้วมีเงินไม่พอใช้หนี้กสิกร พี่สาวดิฉันต้องชดใช้หนี้ที่เหลือให้กับกสิกร ซึ่งพี่สาวกลุ้มใจมากเพราะเป็นข้าราชการครูเงินก็ไม่มากนักอายุก็ห้าสิบสามแล้ว กลัวจะเป็นหนี้โดยที่เค้าไม่มีส่วนร่วมด้วย รบกวนช่วยแนะนำหนทางและวิธีการที่ดิฉันสามารถรักษาบ้านหลังนี้ได้ ถ้าจะจ่ายหนึ่งแสนบาทคิดว่าซิตี้แบงค์จะยอมมั้ยคะ เพราะดิฉันไม่มีเงินเลยต้องไปยืมคนอื่นมาเพื่อไม่ให้พี่สาวเดือดร้อน อีกทั้งยังต้องเสียเงินค่าไถ่ถอนอายัดอีก 3.5%ของราคาประเมินอีก และยังมีอีกหลายธนาคารที่ฟ้องมาและยังไม่ฟ้องอีกหลายราย(โดยแวะไปที่บ้านเดิมเห็นมีหมายฟ้องอยู่หลายธนาคารและมีหนังสือทวงถามอีกหลายราย )โปรดตอบให้ดิฉันคลายทุกข์ด้วย (หมายศาลอายัดบ้านวันที่ 26/4/54 ดิฉันยังไม่เคยติดต่อไปที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเลยเพราะไม่รู้จะพูดยังไงค่ะ)

อ่านอยู่หลายรอบ...น่าเห็นใจมากครับ...

หนี้ของซิตี้แบงค์ แปดแสน กับหนี้กสิกรอีก สามล้าน...และก็ฟ้องแล้วอีกหลายเจ้า

เรื่องบ้านถ้าเป็นผม คงต้องทำใจแล้วล่ะครับ ถ้าตอนนี้ยังไม่มีเงินเลย

ส่วนที่บอกว่ากลัวพี่สาวจะเป็นหนี้โดยไม่รู้ตัว พี่สาวเป็นคนค้ำประกันหรือเปล่าครับ

ถ้าไม่ใช่ ก็เป็นแค่คำขู่ของซิตี้แบงค์ครับ เพราะยังไงเขาก็อยากได้เงินก้อนมากกว่ายึดบ้าน

เลยพูดให้กลัวจนต้องรีบหาเงินมาให้ตามที่เขาเสนอ.....

ลองโทร ฮอทไลน์ สายด่วน หาเทพกรรมการดูดีกว่าครับ อาจได้คำแนะนำที่ดีกว่านี้

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_content&view=article&id=70:hotline-new&catid=4:2008-12-16-19-39-10&Itemid=21

กอบัวขอเพิ่มเติมประเด็นที่ถาม สักนิดนะคะ

ดิฉันร่วมกับพี่สาวกู้เงินซื้อบ้านโดยพี่สาวมีชื่อเป็นผู้กู้ร่วมและมีชื่อเป็นเจ้าบ้านในทะเบียนบ้านหลังนี้

ตอบ เมื่อมีการฟ้องร้องจากซิตี้ เพื่อเรียกหนี้บัตรคืน(แปดแสนบาท และจะลดหนี้ให้เหลือสองแสนบาท)
หากคุณไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา คุณละเลย เจ้าหนี้จะส่งเรื่องไปกรมบังคับคดี และทำการสืบทรัพย์(โดยจพง.บังคับคดี) ว่าคุณมีทรัพย์อะไรบ้าง และตามอายัดทรัพย์นั้น
ในกรณีของคุณ พี่สาวคุณกู้ร่วมด้วย ทรัพย์จะถูกขายทอดตลาด ขายได้เท่าไหร่ จะชดใช้หนี้ให้เจ้าหนี้ตัวจริง หรือเจ้าหนี้ปุริมสิทธิ์คือ ธ.กสิกรไทย เหลือจากใช้หนี้กสิกร จึงจะแบ่งเงินที่เหลือเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งคืนให้พี่สาวคุณ อีกส่วนเป็นของคุณเจ้าหนี้จะยึดเพื่อมาใช้หนี้
แต่หากหนี้มากเกินกว่าราคาที่ขายได้ คุณและพี่สาวต้องชดใช้ส่วนต่างนั้นคนละครึ่งเช่นกัน ไม่มีทางหลบเลี่ยง นอกจากหาเงินมาชดใช้หนี้เขาซ่ะ
คุณ june มาถามเอาตอนปลายทางแล้ว เราช่วยอะไรไม่ได้หรอกค่ะ มันจะเหมือนเราชี้ช่อง แล้วเอาขาข้างหนึ่งแหย่เข้าไปในคุก
เป็นหนี้เราต้องชดใช้ ไม่ใช่เอาเงินเขามา แล้วปล่อยเรื่องล่วงเลยจนถึงขั้นบังคับคดี จริงๆ หากคุณไม่ทิ้งปัญหาไว้นาน ก็ยังพอมีทางออกที่ดีแนะนำได้ แต่คุณไม่ใส่ใจ จะอ้างว่าโดนโกง หรือไม่ได้อยู่บ้านหลังนั้น อ้างไม่ขึ้นค่ะ
ผลย่อมเกิดจากเหตุที่ตนกระทำ
กฎหมายที่พอจะปลอบประโลมใจได้คือ พี่สาวคุณเป็นข้าราชการอายัดเงินเดือนไม่ได้ค่ะ แต่หากมูลหนี้นั้นเกินหนึ่งล้านบาทในรายเดียว ฟ้องล้มละลาย ออกจากงานได้
สิ่งที่พอทำได้คือ ทำให้ซิตี้พอใจ หาเงินชดใช้หนี้ จะผ่อน หรืออะไรก็ได้ (ถ้าไม่มีเงินก้อน)
เรื่องนี้กอบัวไม่อยากแนะนำเบื้องลึกมาก เพราะมันชี้ช่อง คุณลองโทรไปหากรรมการ หรือไปปรึกษาคุณอาทั้งสามท่านที่สวนลุม ตามลิงค์นี้นะคะ
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=720&Itemid=29 กิจกรรมให้คำปรึกษานอกสถานที่ของชมรมทุกวันอาทิตย์ที่สวนลุม

ขอบคุณ คุณกอบัวสำหรับคำแนะนำ ดิฉันเอาเงินเค้ามาใช้ไม่เคยคิดไม่จ่าย แต่ภาระมันมากมาย ดิฉันคนทำธุรกิจถูกโกงเป็นเงินหลายสิบล้าน(ไม่ใช่เป็นข้ออ้างแต่มันเป็นความจริงที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นเพราะความใจอ่อนและประมาทของเราเอง) หนีเจ้าหนี้การค้าที่มาทวงถามและขู่กรรโชกเกือบเอาชีวิตไม่รอด ไม่ใช่ไม่ใส่ใจปล่อยให้คดีมาถึงปลายเหตุแล้วถึงมาร้องขอให้ช่วย เพราะไม่มีที่ปรึกษาจึงมาขอคำแนะนำเผื่อมีหนทางที่เคลียร์กันได้ดี เงินที่ติดหนี้บัตรทั้งหลายก็นำมาใช้หมุนเวียนในธุรกิจ(ก่อนจะหนีไป)ไม่ใช่เอาเงินไปจับจ่ายซื้อของใช้สวยๆงามๆ ปัญหาที่เกิดทำให้ไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังที่ทำธุรกิจและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านหลังนี้หมายฟ้องอะไรต่างๆของดิฉันก็มาที่นี่ จึงไม่ทราบว่ามีการฟ้องร้องถึงไหนและอย่างไร อีกทั้งตั้งแต่เกิดปัญหาในธุรกิจ พี่สาวก็ต้องรับภาระส่งบ้านให้แทนโดยขอผ่อนผันกับกสิกรขอส่งขั้นต่ำสุด ดิฉันไม่เคยมีความคิดที่จะโกงใคร เพราะเคยถูกโกงรู้ดีว่าความรู้สึกเป็นยังไง ปัญหาของดิฉันคงเป็นปัญหาที่ไม่น่าช่วยอะไรก็ไม่เป็นไรค่ะ อย่างน้อยดิฉันก็ได้ระบายออกมาบ้าง ขอบคุณมากนะคะสำหรับทุกๆคำแนะนำ.

ปล.เผอิญมีคนแนะนำให้เข้ามาเวปนี้ดูเผื่อมีคำแนะนำดีๆได้ จึงได้ลองเข้ามาเพราะจะได้ประมวลข้อมูลกับเวปอื่นที่ได้เข้าไปขอความช่วยเหลือเพื่อรวบรวมเป็นข้อมูลเก็บไว้ค่ะ.

ขอบคุณที่กลับมาเล่าความเป็นไปอีกครั้ง
คุณ june บัวเป็นกรรมการตรงนี้มานานพอสมควร รับสาย Hotline ก็เยอะ เจอมาแล้วทุกเคส
บัวบอกเจตนาก่อนว่า ไม่ได้ซ้ำเติม แต่...คุณทำธุรกิจแล้วมันผิดพลาด ยิ่งต้องระมัดระวังเรื่องหนี้สินเป็นพิเศษ ทำธุรกิจการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย สำคัญ
ยืมเงินเขามา เขาก็ต้องคิดดอก คิดกำไร แล้วเราต้องคืนเขา
คุณนิ่งเฉย บ้านที่ตัวเองเคยให้ชื่อตอนทำบัตร บัานที่มีชื่อเป็นเจ้าบ้าน เขาก็ต้องส่งหมายศาลไปที่นั่น
"หมายศาลจะถูกส่งไปตามชื่อที่เราอยู่ในทะเบียนบ้าน"
แต่คุณอ้างว่าไม่ได้รับ ศาลไม่รับฟังค่ะ ถึงจะเห็นใจคุณแค่ไหน ศาลก็ต้องให้ความยุติธรรมกับเจ้าหนี้
เพราะถึงที่สุดแล้ว เมื่อเรื่องไปถึงขั้นการบังคับคดี ก็จะมีกฎหมายการอายัดทรัพย์ที่ทำให้ลูกหนี้มีชีวิตอยู่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า "มีทุกอย่างเหมือนเดิม"
คำถามของคุณมันเป็นปลายทาง แก้ไขทางไหนมันก็เหมือนมัดไม่หลุด มีแต่ต้องยอมรับ และทำให้ดีที่สุด
ไม่ได้หมายให้ปล่อยมันไป แต่ "ทำให้ดีที่สุด" เท่าที่เราจะทำได้
แต่อย่าเอามันมากลุ้มจนทำให้เราเครียด วิตกกังวล
มองไปยังคนที่เขาหนี้สินมากกว่าเรา แขนขาไม่ครบ เป็นโรคร้าย แล้วมองหาข้อดีของเรา เพื่อความฝันในวันข้างหน้า
เราล้มวันนี้ ใช่ว่าเราจะล้มตลอดไป...
บัวเอง เคยผ่านชีวิตหนี้ 12 ล้านบาท ฟันฝ่ามาทุกอย่างกับคุณแม่ ตื่นตีสาม นอนเที่ยงคืน
เรียนไปทำงานไป คนอื่นปิดเทอมอาจจะได้เรียน Summer หรือไปโน้นนี้ บัวทำงานใช้หนี้ค่ะ
แม่เคยคิดฆ่าตัวตายหนีหนี้ บัวต้องคอยเฝ้าแม่ กลางคืนคอยจ้อง กลัวแม่ผูกคอตาย
วันนี้...บัวเริ่มต้นชีวิตใหม่ กับวันที่หมดหนี้ มีลูกๆ 4 คนเป็นกำลังใจ มีแม่เป็นพระประจำบ้าน
สู้นะคะ...ทำให้ดีที่สุด...แค่ไหน แค่นั้น...ไม่ใช่คุณคนเดียวที่เป็นแบบนี้...