- จำนวนโพสต์: 1751
- ขอบคุณที่รับ: 3825
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กอบัว เขียน: อ้างอิงคำถามจาก bestbam
3.ในชั้นศาลสถิตยุติธรรมผมยังทำอะไรได้บ้างผมได้อ่านข้อกฏหมายตามบทความเวปไซด์ผมเจออยู่ 1 บทความว่า ถ้าทางโจทย์ฟ้องร้องนับเวลาจากวันที่ลูกหนี้ไม่ชำระจนถึงวันฟ้องศาลต้องไม่เกิน 2 ปี ถ้าเกิน ถือว่าเป็นโมฆะ ผมเข้าใจถูกต้องหรือเปล่าครับ
ตอบ คุณหมายถึงอายุความในการฟ้องร้องคดีแพ่งใช่ไหมค่ะ คุณไปอ่านในนี้
เคสของคุณเขาฟ้องในอายุความแน่นอนค่ะ บัตรเครดิตอายุความไม่เกิน 2 ปี นับจากวันที่ผิดนัดชำระครั้งสุดท้าย จนถึงวันที่ฟ้อง
คุณไปศึกษาได้จากกระทู้นี้
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=813&Itemid=29 อายุความในการฟ้องร้อง คดีแพ่ง (หนี้เงิน)
และถ้ามีเวลาลองเข้าไปในห้องรู้ทันกฎหมายหนี้ เพื่อหาความรู้เพิ่มเติมนะคะ
เป็นหนี้ก็ต้องชดใช้ ลองติดต่อไปทางเจ้าหนี้ และขอผ่อนเป็นงวดๆ ในราคาที่เหมาะสม และคุณไหว เป็นกำลังใจให้ค่ะ
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
bestbam เขียน: เรียนถามท่านผู้รู้ช่วยแนะนำทางสว่างให้ที คือผมมีปัญหาเรื่องบัตรเครดิตนะครับ ผมทำงานอยู่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งประมาณปี พ.ศ. 2543 ได้มีโอกาสได้ใช้บัตรเครดิตแบงค์ต่างชาติแบงค์หนึ่งโดยผมได้วงเงิน 100000 บาท (ผมใช้วงเงินของเขา ไป จำนวน 80000 บาท) แรกก็ปฏิบัติตามเงื่อนไขของแบงค์ได้ดีแต่สักระยะหนึ่งผมเริ่มมีปัญหาด้านการเงินประมาณปี พ.ศ. 2545 ก็มาโดนแบงค์ฟ้อง ในตอนที่แบงค์ฟ้องผมไม่ได้พักอยู่ที่บ้านตามทะเบียนบ้านก็เลยไม่ได้รับหมายศาลและก็ไม่รู้ด้วยว่าแบงค์ฟ้องมารู้อีกทีหนึ่งก็ก็ฟ้องเรียบร้อยไปแล้วศาลก็เลยตัดสินตามที่โจทย์เสนอไปทุกอย่างโดยตัดสินว่า ผมเป็นหนี้พร้อมดอกเบี้ยเป็นเงิน 135000 บาทให้ชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 18 ต่อปี นับจากวันตัดสินจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จสิ้น ตัดสินปี 46 ปัจจุบันนี้ทางแบงค์ และสำนักงานบังคับคดีผู้ผดุงคุณธรรมก็เลยส่งหนังสือมาขออายัติเงินเดือน ผมเหนื่อยใจเป็นอย่างมากพยายามขอติดต่อกับทางแบงค์เพื่อขอลดหย่อนเรื่องดอกเบี้ยบ้างและจะขอชำระเป็นเงินก้อนก็ไม่คุยกับทางแบงค์ต้องผ่านสำนักกฏหมายผู้รับผิดชอบ ผมขอเรียนถามท่านผู้รู้เป็นข้อ ๆ นะครับ
1.การส่งหมายของประเทศบ้านเราเนี่ยไม่จำเป็นต้องจำเลยรู้เรื่องก็ฟ้องร้องตัดสินกันได้เลยและศาลก็ตัดสินตามที่โจทย์เป็นผู้สร้างเรื่องขึ้นมาผมไม่อยากคิดเลยว่าผู้บริสุทธิ์บ้านประเทศไทยจะโดน.....เล่นงานไปเท่าไรแล้ว
2.ด้วยเรื่องของผมทั้งหมดนี้มีทางออกให้ผมได้บ้างไหมผมเป็นหนี้ไม่เคยคิดหนี้ปัจจุยันก็เหลือที่ต้องชำระก็คือบัตรเครดิตบัตรนี้บัตรเดียวเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยตามเหตุผลก็ดีใจแล้วลำพังแค่ต้นอย่างเดียวผมยังมีปัญหาในการชำระแล้วจะมาคิดดอกเบี้ยกันโหดอีกหรือ
3.ในชั้นศาลสถิตยุติธรรมผมยังทำอะไรได้บ้างผมได้อ่านข้อกฏหมายตามบทความเวปไซด์ผมเจออยู่ 1 บทความว่า ถ้าทางโจทย์ฟ้องร้องนับเวลาจากวันที่ลูกหนี้ไม่ชำระจนถึงวันฟ้องศาลต้องไม่เกิน 2 ปี ถ้าเกิน ถือว่าเป็นโมฆะ ผมเข้าใจถูกต้องหรือเปล่าครับ บันทึกการเข้า
bestbam เขียน: จากคำถามข้างต้นถ้าผมเองไม่รู้เรื่องหมายศาลหรือไม่ได้รับหมายศาลจะทำอย่างไรได้บ้างเพราะแม้แต่หมายบังคับคดีที่ว่าจะอายัติเงินเดือนผมก็ยังไม่ได้รับทางฝ่ายบุคคลโทรมาแจ้งต่างหากไปที่สำนักงานบังคับคดีเขาบอกว่าส่งจดหมายไปแล้วตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ. 55 วันนี้วันที่20 ก.พ. 55 ยังไม่ถึงผมเลยตอนนี้ผมอยู่ ด้วยครับเป็นไปไม่ได้ที่ส่งมาที่บ้าน
เคสของผม จริง ๆวันนี้ผมไม่มีทางแก้ไขแล้วพยายามขอปิดบัญชีก้ลดดอกเบี้ยให้นิดหน่อยผ่อนชำระก็ไม่ได้จะอายัติอย่างเดียว
ทำไมทางเจ้าหนี้หรือสำนักงานบังคับคดี ถึงไม่ปฏิบัติตามที่ศาลสั่งทันที กลับปล่อยทิ้งระยะเวลามายาวนาน มากกว่า 5 ปี และก็คิดดอกเบี้ยผม ตอนนี้ ที่ผมติดใจก็คือดอกเบี้ยนับจากที่ศาลตัดสิน ผมไม่เคยหนี้ทำงานอยู่ที่เดิม โทรมาก็คุยขอชำระ ขอผ่อน แต่ทางสำนักงานกฏหมายที่ติดตามพยายามไม่ไห้ผ่อนตัดปิดบัญชีก็ไม่ลด คุณคิดดูว่าศาลตัดสินให้ผมชำระ 135000 บาท ตอนนี้ 250000 บาทแล้ว จากผมใช้วงเงินเขา ประมาณ 8 หมื่น บาท เซ้งที่สุดตอนนี้ รู้อย่างนี้น่าจะเรียนกฏหมาย
bestbam เขียน: คุณครับ ผมไม่เคยเปลี่ยน ที่ อยู่นะครับ เบอร์โทรศัพท์ไม่เคยเปลี่ยน ทำงานทีเดิมตลอด ครับ เงินเดือนผ่านธนาคารตลอดครับดูแล้วทางฝ่ายโจทย์ไม่มีทำอะไรผิดพลาด ผมเป็นหนี้ต้องมใข้อยู่แล้วครับเพราะคิดจะใข้นี้แหละที่โทรติตต่อขอลด ขอปิดแม้จะกู้สวัสดิการปิดคือผมไม่ได้จะเบี้ยวหนี้นะครับ
กรูณาเรื่องอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ศาลตัดสินจนถึงวันนี้ต่างหากครับ และที่ว่าสำนักงานบังคับคดีส่งสำนาหนังสือไม่ถึงผมเพราะผมเปลี่ยนที่อยู่เลิกคิดได้เลยครับ ผมอยู่บ้านตามทะเบียนบ้านมา 40 ปี แล้วครับ
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
bestbam เขียน: คือผมโดนศาลตัดสิน ปี 2549 ศาลตัดสินให้ผมชำระหนี้ตามเงินต้นที่เจ้าหนี้ฟ้อง และให้ชำระดอกเบี้ย ร้อยละ 18 ต่อปี จนกว่าจะชำระหรี้เสริ๗สิ้น จริง เงินต้น
90000 บาทจนถึง วันปัจจุบันปี 2555 เจ้าหนี้ และสำนักงานบังคับคดี ส่งหนังสืออายัติเงินเดือน ไปแล้ว 50000 กว่าบาท คือผมผิดที่ไม่ได้ไปศาล นั้นแหละครับ
ทำไมเจ้าหนี้และสำนักงานบังคับคดีไม่ไม่ส่งหนังสืออายัติเงินเดือนทันที หลังจากศาลตัดสิน ซึ่งผมเอง ทำงานที่เดิม เบอร์โทร ก็เบอร์เดิมบ้านเดิมไม่มี่อะไร
เปลี่ยนแปลง แม้โทรศัพท์เข้ามาก็คุยตลอดขอชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย พอควร ทั้งขอตัดชำระทังหมด ขอผ่อนชำระ ไม่ยอให้เลย
จากวันที่ศาลตัดสิน จนถึงปัจจุบัน ผมต้องจ่ายดอกเบี้ยให้เขาอีก 117000 พร้อมเงินต้น 130000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 247000 บาท ผมเป็นหนี้ บัตร
ที่นำไปใช้จริง 90000 บาท โหดไหมครับ และผมจะหาความเป็นธรรมจากไหนได้ครับ มีทนายสักคนไหมครับช่วยด้วย บัตร hsbc ผมพร้อมจะจ้างทนาย
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
bestbam เขียน: คือผมโดนศาลตัดสิน ปี 2549 ศาลตัดสินให้ผมชำระหนี้ตามเงินต้นที่เจ้าหนี้ฟ้อง และให้ชำระดอกเบี้ย ร้อยละ 18 ต่อปี จนกว่าจะชำระหรี้เสริ๗สิ้น จริง เงินต้น
90000 บาทจนถึง วันปัจจุบันปี 2555 เจ้าหนี้ และสำนักงานบังคับคดี ส่งหนังสืออายัติเงินเดือน ไปแล้ว 50000 กว่าบาท คือผมผิดที่ไม่ได้ไปศาล นั้นแหละครับ
ทำไมเจ้าหนี้และสำนักงานบังคับคดีไม่ไม่ส่งหนังสืออายัติเงินเดือนทันที หลังจากศาลตัดสิน ซึ่งผมเอง ทำงานที่เดิม เบอร์โทร ก็เบอร์เดิมบ้านเดิมไม่มี่อะไร
เปลี่ยนแปลง แม้โทรศัพท์เข้ามาก็คุยตลอดขอชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย พอควร ทั้งขอตัดชำระทังหมด ขอผ่อนชำระ ไม่ยอให้เลย
จากวันที่ศาลตัดสิน จนถึงปัจจุบัน ผมต้องจ่ายดอกเบี้ยให้เขาอีก 117000 พร้อมเงินต้น 130000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 247000 บาท ผมเป็นหนี้ บัตร
ที่นำไปใช้จริง 90000 บาท โหดไหมครับ และผมจะหาความเป็นธรรมจากไหนได้ครับ มีทนายสักคนไหมครับช่วยด้วย บัตร hsbc ผมพร้อมจะจ้างทนาย
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
bestbam เขียน: ก็ผมปรึกษาว่าควรจะมีทางออกอย่างไร ก็พยายามบอกในสิ่งที่โดนไม่ได้พูดเพื่อจะเอาชนะใดๆ ในกระทู้แค่เพียง
ร้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องดอกเบี้ย หลังคำพิพากษาจนถึงปัจจุบัน เท่าทีรับคำตอบจากผู้รู้ทั้งหลาย
ก็ไม่มีทางออกจริง ๆ ครับเพราะท่านทั้งหลายก็ไม่ได้แนะนำอะไรนอกจากอธิบายให้ปฏิบัติตามเท่านั้นเอง ต้องขอโทษที่ลงท้ายเรื่องจ้างทนายเพียง แต่ผมต้องการผู้รู้กฏหมาย และช่วยแนะนำหาทางออกให้ก็เท่านั้น
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
สรุปว่า...ในปี พ.ศ.2545 คุณไม่ได้อยู่ที่บ้านตามทะเบียนบ้าน ก็เลยไม่รู้ว่ามีหมายศาลฟ้องส่งมาผมทำงานอยู่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งประมาณปี พ.ศ. 2543 ได้มีโอกาสได้ใช้บัตรเครดิตแบงค์ต่างชาติแบงค์หนึ่งโดยผมได้วงเงิน 100000 บาท (ผมใช้วงเงินของเขา ไป จำนวน 80000 บาท) แรกก็ปฏิบัติตามเงื่อนไขของแบงค์ได้ดีแต่สักระยะหนึ่งผมเริ่มมีปัญหาด้านการเงินประมาณปี พ.ศ. 2545 ก็มาโดนแบงค์ฟ้อง ในตอนที่แบงค์ฟ้องผมไม่ได้พักอยู่ที่บ้านตามทะเบียนบ้านก็เลยไม่ได้รับหมายศาล และก็ไม่รู้ด้วยว่าแบงค์ฟ้องมารู้อีกทีหนึ่งก็ก็ฟ้องเรียบร้อยไปแล้ว
ศาลตัดสินปี 46...ก็แสดงว่าคุณรู้แล้วว่าถูกศาลตัดสินในปี 2546ศาลก็เลยตัดสินตามที่โจทย์เสนอไปทุกอย่างโดยตัดสินว่า ผมเป็นหนี้พร้อมดอกเบี้ยเป็นเงิน 135000 บาทให้ชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 18 ต่อปี นับจากวันตัดสินจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จสิ้น ตัดสินปี 46
เรื่องนี้ผมเคยตอบไปแล้วนะครับ ว่ามันเป็นกำลังเล่นมุข"โยนลูก" ทางเจ้าหนี้ตัวจริงมันไม่ยอมเจรจาคุยด้วยหรอกครับ รายละเอียดอยู่ในกระทู้นี้ปัจจุบันนี้ทางแบงค์ และสำนักงานบังคับคดีผู้ผดุงคุณธรรมก็เลยส่งหนังสือมาขออายัติเงินเดือน ผมเหนื่อยใจเป็นอย่างมากพยายามขอติดต่อกับทางแบงค์เพื่อขอลดหย่อนเรื่องดอกเบี้ยบ้างและจะขอชำระเป็นเงินก้อนก็ไม่คุยกับทางแบงค์ต้องผ่านสำนักกฏหมายผู้รับผิดชอบ
ก็กฏหมายมันเขียนเอาไว้ชัดเจนอยู่แล้วนี่ครับ ผมก็เคยอธิบายไปแล้ว...อยู่ในกระทู้นี้ไง1.การส่งหมายของประเทศบ้านเราเนี่ยไม่จำเป็นต้องจำเลยรู้เรื่องก็ฟ้องร้องตัดสินกันได้เลยและศาลก็ตัดสินตามที่โจทย์เป็นผู้สร้างเรื่องขึ้นมา
ก็โดนเล่นงานเหมือนคุณแบบนี้ไปหลายรายแล้วล่ะครับ(สำหรับผู้ที่อ้างว่า“ไม่ได้รับหมายศาล”)ผมไม่อยากคิดเลยว่าผู้บริสุทธิ์บ้านประเทศไทยจะโดน.....เล่นงานไปเท่าไรแล้ว
ถ้าจะว่ากันตามตัวบทกฏหมายจริงๆแล้วล่ะก็...คงต้องตอบว่า“ไม่มีทาง”แล้วล่ะครับ เพราะเรื่องของคุณมันได้ถูกปล่อยให้เนิ่นนานมาจนถึงปลายทางของขั้นตอนกฏหมายแล้ว2.ด้วยเรื่องของผมทั้งหมดนี้มีทางออกให้ผมได้บ้างไหม
ดอกเบี้ย ณ.ปัจจุบัน มันก็ต้องคิดตามที่ศาลพิพากษานั่นแหละครับ คุณจะมาโอดครวญว่าโหดเกินไป ผมคงคล้อยตามไปด้วยไม่ได้หรอก เพราะศาลได้พิพากษาไปแล้ว ก็ในตอนที่คุณหยุดจ่ายหนี้เมื่อปี 2545 คุณไม่ได้ตามเรื่องเองนี่ครับ ว่าเรื่องมันไปถึงไหนแล้ว จะได้ขึ้นศาลไปสู้คดีให้“ดอกเบี้ย”มันเป็นโมฆะไปเลยตั้งแต่ต้นผมเป็นหนี้ไม่เคยคิดหนีปัจจุยันก็เหลือที่ต้องชำระก็คือบัตรเครดิตบัตรนี้บัตรเดียวเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยตามเหตุผลก็ดีใจแล้วลำพังแค่ต้นอย่างเดียวผมยังมีปัญหาในการชำระแล้วจะมาคิดดอกเบี้ยกันโหดอีกหรือ
เวปไหนล่ะครับ?...ชื่อเวปไซด์อะไร?...ช่วยเอาทำเป็น Link ลงให้ดูหน่อยได้ไหม?3.ในชั้นศาลสถิตยุติธรรมผมยังทำอะไรได้บ้างผมได้อ่านข้อกฏหมายตามบทความเวปไซด์ผมเจออยู่ 1 บทความว่า ถ้าทางโจทย์ฟ้องร้องนับเวลาจากวันที่ลูกหนี้ไม่ชำระจนถึงวันฟ้องศาลต้องไม่เกิน 2 ปี ถ้าเกิน ถือว่าเป็นโมฆะ ผมเข้าใจถูกต้องหรือเปล่าครับ
ถ้ารู้ตัวว่ายังติดหนี้เขาอยู่ แล้วไม่ได้จ่ายหนี้เขามานานแล้ว ก็ควรตรวจเช็ค“การเดินหมาย” ที่ศาลในภูมิลำเนาของตัวเองด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทางฝ่ายเจ้าหนี้เพียงอย่างเดียวจากคำถามข้างต้นถ้าผมเองไม่รู้เรื่องหมายศาลหรือไม่ได้รับหมายศาลจะทำอย่างไรได้บ้าง
หมายบังคับที่ส่งไปยังที่ทำงาน มันเป็นเพียงแค่หมาย“อายัดเงินเดือน”นะครับ...ไม่ใช่หมายอายัดทรัพย์(หมายยึดทรัพย์)เพราะแม้แต่หมายบังคับคดีที่ว่าจะอายัติเงินเดือนผมก็ยังไม่ได้รับทางฝ่ายบุคคลโทรมาแจ้งต่างหาก
ถ้ามีหมายบังคับส่งไปที่บ้านคุณ มันจะเป็นหมายยึดทรัพย์นะครับ ไม่ใช่หมาย“อายัดเงินเดือน”ไปที่สำนักงานบังคับคดีเขาบอกว่าส่งจดหมายไปแล้วตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ. 55 วันนี้วันที่20 ก.พ. 55 ยังไม่ถึงผมเลยตอนนี้ผมอยู่ ด้วยครับเป็นไปไม่ได้ที่ส่งมาที่บ้าน
ถ้าคุณจะปิดบัญชีแบบ Hair cut ก็สามารถทำได้นะครับ แต่ส่วนลดอาจจะไม่ได้มากนัก เพราะทางเจ้าหนี้มันถือว่าได้เปรียบคุณในทางกฏหมายทุกประตูแล้ว...ว่าแต่...คุณมีเงินไปจ่ายปิดบัญชีแบบ“ก้อนเดียว”หรือเปล่าล่ะ?เคสของผม จริง ๆวันนี้ผมไม่มีทางแก้ไขแล้วพยายามขอปิดบัญชีก้ลดดอกเบี้ยให้นิดหน่อยผ่อนชำระก็ไม่ได้จะอายัติอย่างเดียว
คำถามนี้ผมได้ตอบไปแล้วนะครับว่าทำไมทางเจ้าหนี้หรือสำนักงานบังคับคดี ถึงไม่ปฏิบัติตามที่ศาลสั่งทันที กลับปล่อยทิ้งระยะเวลามายาวนาน มากกว่า 5 ปี
เรื่องขอผ่อนต่อหลังจากที่ศาลตัดสินแล้ว ไม่เคยมีเจ้าหนี้รายไหนมันยินยอมให้ลูกหนี้ สามารถผ่อนต่อได้อีกในระยะยาวๆหรอกครับ...ขอย้ำ...ไม่เคยมีเลยสักรายและก็คิดดอกเบี้ยผม ตอนนี้ ที่ผมติดใจก็คือดอกเบี้ยนับจากที่ศาลตัดสิน ผมไม่เคยหนี้ทำงานอยู่ที่เดิม โทรมาก็คุยขอชำระ ขอผ่อน แต่ทางสำนักงานกฏหมายที่ติดตามพยายามไม่ไห้ผ่อนตัดปิดบัญชีก็ไม่ลด
เฉพาะแค่ดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว ที่คุณไม่ได้จ่ายมาตั้ง 8-9 ปี ก็ตกประมาณแสนกว่าบาทแล้วนะครับคุณคิดดูว่าศาลตัดสินให้ผมชำระ 135000 บาท ตอนนี้ 250000 บาทแล้ว
คุณอย่าไปคิดแค่เพียงว่า คุณไปเอาเงินเขามา 80,000 บาทแค่นั้นสิครับ...แล้วดอกเบี้ยที่คุณไปเอาเงินเขามา 80,000 บาทล่ะ...คุณไม่คิดบ้างหรือครับ?จากผมใช้วงเงินเขา ประมาณ 8 หมื่น บาท
จะเรียนตอนนี้ก็ยังทันนี่ครับ ไม่มีใครสายเกินเรียนหรอกเซ้งที่สุดตอนนี้ รู้อย่างนี้น่าจะเรียนกฏหมาย
อันนี้ผมไม่ทราบข้อเท็จจริงหรอกครับ เพราะผมไม่ใช่เจ้าหนี้ของคุณคุณครับ ผมไม่เคยเปลี่ยน ที่ อยู่นะครับ เบอร์โทรศัพท์ไม่เคยเปลี่ยน ทำงานทีเดิมตลอด ครับ เงินเดือนผ่านธนาคารตลอดครับ
ดูแล้วก็น่าจะเป็นเช่นนั้นแหละครับ เพราะเขาฟ้องคุณตามขั้นตอนของกฏหมายทุกประการดูแล้วทางฝ่ายโจทย์ไม่มีทำอะไรผิดพลาด
ดีแล้วครับ ที่คุณคิดเช่นนี้ผมเป็นหนี้ต้องใข้อยู่แล้วครับ
เพราะคิดจะใข้นี้แหละที่โทรติตต่อขอลด ขอปิดแม้จะกู้สวัสดิการปิดคือผมไม่ได้จะเบี้ยวหนี้นะครับ
ศาลเป็นผู้พิพากษาเรื่องดอกเบี้ยเองนะครับ...แล้วจะให้ใครมากรุณาเรื่องดอกเบี้ยอีก?กรูณาเรื่องอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ศาลตัดสินจนถึงวันนี้ต่างหากครับ
อ้าวววว!!!...แล้วในตอนแรกที่คุณบอกว่าและที่ว่าสำนักงานบังคับคดีส่งสำนาหนังสือไม่ถึงผมเพราะผมเปลี่ยนที่อยู่เลิกคิดได้เลยครับ ผมอยู่บ้านตามทะเบียนบ้านมา 40 ปี แล้วครับ
เอาอีกแล้ว...ตอนแรกบอกว่าตัดสินปี 46คือผมโดนศาลตัดสิน ปี 2549
นี่ก็อีกเหมือนกัน ตอนแรกก็บอกว่าเป็นหนี้เงินต้น 80,000 บาทศาลตัดสินให้ผมชำระหนี้ตามเงินต้นที่เจ้าหนี้ฟ้อง และให้ชำระดอกเบี้ย ร้อยละ 18 ต่อปี จนกว่าจะชำระหรี้เสริ๗สิ้น จริง เงินต้น 90000 บาท
เฮ้อ...ค่อยยังชั่วจนถึง วันปัจจุบันปี 2555
ไหนคุณบอกว่า“ตอนนี้ 250000 บาทแล้ว”…แล้วทำไมเจ้าหนี้มันถึงส่งเรื่องมาอายัดเงินเดือนแค่ 50,000 บาทเองล่ะครับ...ยิ่ง“งง”เข้าไปใหญ่เจ้าหนี้ และสำนักงานบังคับคดี ส่งหนังสืออายัติเงินเดือน ไปแล้ว 50000 กว่าบาท
เริ่มยอมรับความจริงได้แล้วใช่ไหมครับ?คือผมผิดที่ไม่ได้ไปศาล นั้นแหละครับ
เฮ้อ...คนที่เป็นหนี้ส่วนใหญ่(แทบจะทุกคน) ไม่มีใครต้องการให้เจ้าหนี้รีบทำการอายัดเงินเดือน หรือรีบยึดทรัพย์โดยรวดเร็วทันด่วน แบบคุณเลยสักรายทำไมเจ้าหนี้และสำนักงานบังคับคดีไม่ไม่ส่งหนังสืออายัติเงินเดือนทันที หลังจากศาลตัดสิน
งั้นก็คงจะมีแต่ตัวเลขในคำถามของคุณมั๊งครับ ที่เปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อยๆซึ่งผมเอง ทำงานที่เดิม เบอร์โทร ก็เบอร์เดิมบ้านเดิมไม่มี่อะไรเปลี่ยนแปลง
คำถามเดิมๆ...งั้นผมก็ขอตอบแบบเดิมๆนะครับแม้โทรศัพท์เข้ามาก็คุยตลอดขอชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย พอควร ทั้งขอตัดชำระทังหมด ขอผ่อนชำระ ไม่ยอให้เลย
มันเป็นดอกเบี้ยในระหว่างหลายปีที่ผ่านมา(ซึ่งคุณไม่ได้จ่ายเขาเลย) ก็ประมาณนั้นแหละครับจากวันที่ศาลตัดสิน จนถึงปัจจุบัน ผมต้องจ่ายดอกเบี้ยให้เขาอีก 117000
อีกแล้ว!!!...ตอนแรกบอกว่าศาลสั่งให้จ่าย 135,000 บาท...ตอนนี้กลายเป็น 130,000 บาทอีกแล้วพร้อมเงินต้น 130000 บาท
นี่ก็อีก...ตอนแรกบอกว่า 250,000 บาทรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 247000 บาท
คุณเอาเงินเขามาตั้ง 90,000 บาท โดยไม่เคยใช้หนี้ +ดอกเบี้ย คืนให้เขาเลยสักบาท ตลอด 8-9 ปีที่ผ่านมา...โหดไหมครับ?ผมเป็นหนี้ บัตร ที่นำไปใช้จริง 90000 บาท โหดไหมครับ
สามารถหาความเป็นธรรมได้จาก“การยอมรับความจริง” และ “ความไม่เห็นแก่ตัว” ครับและผมจะหาความเป็นธรรมจากไหนได้ครับ
ทนายความมีอยู่เยอะแยะเลย เห็นไหมครับ ที่เปิดเป็นสำนักงานทนายความ อยู่ตามย่านชุมชน , ตามริมถนน และตาม ตรอก ซอก ซอย นั่นแหละครับมีทนายสักคนไหมครับช่วยด้วย บัตร hsbc ผมพร้อมจะจ้างทนาย
ผมก็ตอบไปแล้วนะครับว่าก็ผมปรึกษาว่าควรจะมีทางออกอย่างไร
ในนี้ก็มีสมาชิกที่โดนแบบคุณเยอะครับ แต่เขาก็“ยอมรับได้” เพราะเขาเข้าใจดีว่า มันเป็นความผิดพลาดของเขาเอง ที่ดันเป็นหนี้แล้วไม่ยอมติดตามในเรื่องหนี้สินของตนเองก็พยายามบอกในสิ่งที่โดนไม่ได้พูดเพื่อจะเอาชนะใดๆ ในกระทู้
ก็คงต้องขอตอบคำเดิมนะครับว่าแค่เพียงร้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องดอกเบี้ย หลังคำพิพากษาจนถึงปัจจุบัน
สำหรับคำถามนี้ หลายๆคนก็ได้ตอบให้คุณรู้แล้วนะครับเท่าทีรับคำตอบจากผู้รู้ทั้งหลาย ก็ไม่มีทางออกจริง ๆ ครับ
จะแนะนำอะไรได้อีกล่ะครับ ก็ทุกอย่างมันถึงปลายทางของกระบวนการทางกฏหมายหมดแล้วนี่ครับเพราะท่านทั้งหลายก็ไม่ได้แนะนำอะไรนอกจากอธิบายให้ปฏิบัติตามเท่านั้นเอง
ถ้าคุณต้องการจะหา“ทางออก”เพียงแค่อย่างเดียว ไม่ต้องไปหาจ้างทนายหรือผู้รู้กฏหมายที่ไหนหรอกครับต้องขอโทษที่ลงท้ายเรื่องจ้างทนายเพียง แต่ผมต้องการผู้รู้กฏหมาย และช่วยแนะนำหาทางออกให้ก็เท่านั้น
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา