โดนซิตตี้แบงค์ฟ้อง ไปศาลขอลดยอด แต่ศาลไม่ลดยอดใดๆให้เลย

เมื่อวันที่ 28 มี.ค.55 ไปศาลมาค่ะ City bank ฟ้องจากบัญชีรีไลฟ์ 57,700 บาท นัดเวลา 08.00 น.
ไปถึงทนายก็รีบเข้ามาพูดให้เรายอมความ โดยเขาจะให้ผ่อน 12 งวด งวดละไม่ต่ำกว่า 3000 บาท ดิฉันก็ยืนยันจะขอพบศาลก่อน แล้วทนายก็บอกว่า งั้นให้ศาลพิจารณาคดีไปเลย ก็จะโดนเรียกให้จ่ายทั้งจำนวน ดิฉันก็หวั่นใจ ว่าจะโดนให้จ่ายทั้งก่อนหรือเปล่า จนได้พบศาล ศาลพูดมาไม่ต่างจากทนายพูดเลย ไม่ลดให้สักบาทและ ให้เลือกเอาว่าจะสู้คดี หรือ ยอมความ ถ้าสู้ก็ต้องเขียนคำให้การ แต่ทนายไม่ยอมบอกว่านัดรอบ 2 แล้ว และจะให้ศาลพิจารณาคดีเลย ศาลบอกดิฉันว่าถ้าให้พิจารณา ก็ว่าไปตามเอกสารทางฝ่ายโจทย์ เราแพ้อยู่ดีและต้องเสียค่าทนายให้เขาด้วย ตอนนั้น อยากร้องไห้มาก อยากขอร้องให้ลดยอดให้ศาลก็บอกว่าต้องมีคำให้การถึงจะพิจารณาให้ได้ แถมบอกคดีแบบนี้เยอะมากอีกต่างหาก เศร้ามาก สุดท้ายก็ต้องทำยอมความในจำนวนหนี้ทั้งก้อน และผ่อนจ่าย 12 งวดเอา งวดแรก จ่ายวันที่ 29 มี.ค. 55 แต่จ่ายไม่ได้เพราะเงินเดือนยังไม่ออก รู้แบบนี้ไม่เสียเวลาไปศาลก็ดี เสียดายค่าใช้จ่ายไปศาล ค่ารถ ไป-กลับ เฮ้อ เศร้า

คุณกำลังก้าวล่วงวิจารณ์คำพิพากษาศาลนะค่ะ ท่านไม่เกี่ยวอะไร
กับการต่อรองหนี้ของคุณค่ะ ท่านทำตามกฎหมาย จะมาลำเอียง
เข้าข้างใครได้ไง ถ้าจะร้องขอความเป็นธรรม คุณต้องเขียนคำให้
การชี้แจงท่าน เป็นหลักฐาน ไม่ใช่ปากเปล่า ท่านก็ช่วยนำทาง
คุณแล้ว คุณไม่เลือกเอง

ทำไมไม่หาข้อมูลหรือโทรสายด่วนก่อนไปศาล กอดหมายศาลตั้ง
นานจนถึงนัด 2 คุณทำอะไรหรือเปล่า เพื่อช่วยตัวเองนะ หรือนั่ง
มองหมายศาลอย่างเดียวหรือค่ะ ที่นี่เขามีข้อมูลให้อ่านเรื่องไปศาล
และการเตรียมตัวไปศาล ก็มีให้ดูเป็นตัวอย่าง คุณทำตัวคุณเอง
แล้วจะโทษคนอื่นได้ไงค่ะ ถูกต้องหรือค่ะ

โปรดใช้สติก่อนตั้งกระทู้ที่หมิ่นเหม่แบบนี้นะค่ะ

รู้จักเวปนี้นานหรือยัง

ถ้ายัง เอานี่ไปอ่านก่อน

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=179&Itemid=29

ถ้ารู้จักมาก่อนแล้ว หรือรู้จักที่นี่มานานแล้ว

ก็ให้กลับไปอ่าน link ข้างบนที่ให้ไป อีก 3 รอบเป็นอย่างน้อย

ศาลท่านคงต้องให้ความยุติธรรมทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ครับ

อ่านที่เขาเอาลิงก์มาแปะแล้วกันนะครับ

ณ จุดนี้ ก็แก้ไขปัญหากันไปก่อนนะครับ

เรื่องลดยอดหนี้่เราต้องต่อรองกับเจ้าหนี้เอง ไม่ใช่อำนาจศาล

ไปศาลนะไปตกลงกับเจ้าหนี้โดยตรง ที่เขาให้ไป ไปเพื่อความยุติธรรมเจ้าหนี้และลูกหนี้ และที่ทุกคนไปมาก็ได้ความยุติธรรมเรื่องดอกเบี้ยกันทุกคน อยากได้ส่วนลดมากๆต้องไปที่นี้อย่างเดียว ถูก แล้ว ถูก ต่อให้เจ้าของร้านล้มละลายไปเลยก็ได้

ประธานชมรมฯ พี่นกกระจอกเทศ ได้อธิบายขั้นตอนการพิจารณาของศาลไว้ละเอียด และบอกหลายครั้งแล้วว่า การลดยอดหนี้ให้กับจำเลยนั้น จะทำให้ศาลเข้าข่ายลำเอียง ศาลต้องผดุงความยุติธรรมให้ทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้
คุณไปอ่านคำอธิบายของพี่นกกระจอกเทศได้ในกระทู้นี้
www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=2&id=969
นกกระจอกเทศ wrote:
จริงๆแล้ว ศาลท่านจะมีหน้าที่เพียงแค่พิพากษา ว่าคุณจะต้องจ่ายหนี้คืนให้กับโจทก์หรือเจ้าหนี้ เป็นเงินเท่าไหร่? จึงจะเป็นธรรมตามกฏหมาย...เท่านั้น

ท่านจะไม่มีหน้าที่โดยตรงในการไกล่เกลี่ย หรือออกคำสั่งให้ผ่อนจ่ายหนี้ได้หรือไม่? ผ่อนเท่าไหร่? และผ่อนอย่างไร? เพราะอาจเสี่ยงต่อการถูกมองได้ว่า ศาลลำเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง...ดังนั้น ส่วนมากท่านจะไม่พิจารณาในเรื่องการผ่อนชำระ ด้วยตัวของท่านเองหรอกนะครับ ยกเว้นคุณกับทนายโจทก์จะตกลงกันได้เองต่อหน้าศาล หรือไม่งั้นคุณก็ต้องภาวนา ขอให้ได้เจอกับศาลที่ใจดีมากๆ และท่านเข้าข้างช่วยคุณแบบสุดๆ ท่านอาจจะลงมาช่วยพิจารณา ในเรื่องการขอผ่อนของคุณให้...ก็เป็นไปได้...ก็คงต้องไปรอลุ้นกันต่อไปในชั้นศาลเอาเองนะครับ
และการสั่งอายัติใดๆนั้น...ก็ไม่ใช่หน้าที่ของศาล...แต่เป็นหน้าที่ของกรมบังคับคดี ศาลมีหน้าที่เพียงแค่พิพากษาว่า คุณจะต้องชำระหนี้คืนให้โจทก์ เป็นจำนวนกี่บาท? จึงจะถูกต้องตามกฏหมาย...เท่านั้น

ศาลท่านมีหน้าที่เพียงแค่พิพากษา และตัดสินคดีเท่านั้น...ศาลท่านไม่มีอำนาจหรือหน้าที่ในเรื่อง การสั่งอายัติเงินเดือนหรืออายัติทรัพย์ใดๆ...การขั้นตอนการอายัติต่างๆ เป็นหน้าที่ของกรมบังคับคดีแต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวกับศาล

การไปขึ้นศาล มีอยู่ 2 แนวทาง...ดังนี้

1. ไปศาลเพื่อไปต่อสู้คดี เพื่อให้รู้ผล แพ้-ชนะ คดี กันไปข้างหนึ่ง ระหว่างเจ้าหนี้กับเรา ซึ่งแนวทางนี้ จะต้องเขียน คำให้การในการต่อสู้คดี โดยใช้แบบฟอร์มของศาล ๑๑(ก.) และเขียนคำให้การต่อสู้เป็นภาษากฏหมาย ซึ่งถ้าเขียนเองไม่เป็น ก็ต้องจ้างทนายช่วยเขียนให้
2. ไปศาลเพื่อหวังเพียงแค่ไปไกล่เกลี่ย หรือไปขอร้องขอความเมตตากรุณาจากศาล เพื่อขอให้ท่านช่วยตัดลดมูลหนี้บางอย่างลงมาให้บ้าง...เช่น ดอกเบี้ย , ค่าล่าช้า , ค่าทวงถาม , ค่าธรรมเนียมต่างๆ รวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมศาล และค่าทนายโจทก์ด้วย ซึ่งจะได้ลดมากหรือลดน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับความเมตตาจากท่าน (ต้องไปวัดดวงเอาเอง) แต่สำหรับ หนี้เงินต้น นั้น ศาลท่านไม่สามารถช่วยปรับลดให้ได้ (ตามข้อกฏหมาย)...ฉะนั้นอย่าไปขอท่านในส่วนนี้เป็นอันขาด

ไม่ว่าคุณจะเลือกแนวทางใดก็ตาม...หลังจากที่ศาลท่านพิพากษาตัดสินไปแล้ว ถ้ายังคงเหลือหนี้ที่จะต้องชำระตามคำพิพากษา แต่คุณยังไม่มีเงินจ่ายชำระตามนั้น...ก็จะเข้าสู่กระบวนการอายัติใดๆของกรมบังคับคดีต่อไป กระบวนการของศาลก็ถือว่าเป็นอันสิ้นสุดลงแล้วครับ ไม่เกี่ยวข้องกับศาลอีกต่อไป
...............

ไปอ่านแนวทางการไปศาลครั้งที่สอง ที่คุณเก่ง familyMan และพี่นกกระจอกเทศ อธิบายไว้อย่างละเอียดในนี้
www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=2&id=2082

กอบัวชอบกระทู้นี้ เป็นคำแนะนำของสมาชิก “คุณเก่งกล้า” ที่มีวิธีจัดสรรรายรับรายจ่ายตัวเอง แบบยอมรับชะตากรรมแต่ “ยิ้มสู้หนี้” ด้วยการ “อายัดเงินเดือนตัวเอง” อยู่แบบคนเป็นหนี้ได้อย่างกล้าหาญ
www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=2&id=4057
.............
เราเป็นหนี้เราก็ต้องใช้ชีวิตแบบคนเป็นหนี้ นอกจากประหยัด อดออม อดทน อดกลั้นในหลายๆอย่าง คุณก็ต้องหาความรู้จากเว็บบอร์ดแห่งนี้อย่างสม่ำเสมอ และพยายามหาแนวทางที่ถูกต้องในการแก้ไขปัญหาหนี้ควบคู่ไปด้วย
คุณต้องยอมรับว่า คุณสร้างหนี้ด้วยตัวคุณเอง จะเกิดจากเหตุปัจจัยใดๆก็ตาม มันผ่านมาแล้ว เราต้องสู้ชีวิตต่อไป
การผ่านการพิพากษาของศาล คิดไปอีกอย่าง มันก็อยู่ในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกฎหมาย ดีกว่าอยู่ในวังเวรจ่ายแต่ดอก ต้นหาไม่เจอแบบที่แล้วๆมา
อย่าไปจมอยู่กลับสิ่งที่ทำร้ายใจของตนเอง ลุกขึ้นสู้ต่อไปนะคะ เพราะถ้าคุณยอมแพ้ คุณจะร้องไห้คนเดียว แต่ถ้าคุณลุกขึ้นสู้ พวกเราทุกคนจะเป็นกำลังใจให้...สู้ๆค่ะ

5 5 5 5 !!!


เรา Copy ไว้หมดแล้ว เพราะขี้เกียจพิมพ์เอง

Amporn เขียน:

เมื่อวันที่ 28 มี.ค.55 ไปศาลมาค่ะ City bank ฟ้องจากบัญชีรีไลฟ์ 57,700 บาท นัดเวลา 08.00 น.
ไปถึงทนายก็รีบเข้ามาพูดให้เรายอมความ โดยเขาจะให้ผ่อน 12 งวด งวดละไม่ต่ำกว่า 3000 บาท ดิฉันก็ยืนยันจะขอพบศาลก่อน แล้วทนายก็บอกว่า งั้นให้ศาลพิจารณาคดีไปเลย ก็จะโดนเรียกให้จ่ายทั้งจำนวน ดิฉันก็หวั่นใจ ว่าจะโดนให้จ่ายทั้งก่อนหรือเปล่า จนได้พบศาล ศาลพูดมาไม่ต่างจากทนายพูดเลย ไม่ลดให้สักบาทและ ให้เลือกเอาว่าจะสู้คดี หรือ ยอมความ ถ้าสู้ก็ต้องเขียนคำให้การ แต่ทนายไม่ยอมบอกว่านัดรอบ 2 แล้ว และจะให้ศาลพิจารณาคดีเลย ศาลบอกดิฉันว่าถ้าให้พิจารณา ก็ว่าไปตามเอกสารทางฝ่ายโจทย์ เราแพ้อยู่ดีและต้องเสียค่าทนายให้เขาด้วย ตอนนั้น อยากร้องไห้มาก อยากขอร้องให้ลดยอดให้ศาลก็บอกว่าต้องมีคำให้การถึงจะพิจารณาให้ได้ แถมบอกคดีแบบนี้เยอะมากอีกต่างหาก เศร้ามาก สุดท้ายก็ต้องทำยอมความในจำนวนหนี้ทั้งก้อน และผ่อนจ่าย 12 งวดเอา งวดแรก จ่ายวันที่ 29 มี.ค. 55 แต่จ่ายไม่ได้เพราะเงินเดือนยังไม่ออก รู้แบบนี้ไม่เสียเวลาไปศาลก็ดี เสียดายค่าใช้จ่ายไปศาล ค่ารถ ไป-กลับ เฮ้อ เศร้า

คุยกับทนายไม่รู้เรื่อง โทรไปหาคนดูแลบัญชีเราค่ะ โทรไปที่แบงค์โดยตรง ทนายเขาตัดสินใจแทนแบงค์ไม่ได้นะคะ ดิฉันโดน Advance ฟ้องก็คุยกับเจ้าหน้าที่แบงค์ที่ดูแลบัญชีเราโดยตรงเลยค่ะ ตื้อเข้าไว้ค่ะ บอกปัญหาเขาไป มีพูดหนัก พูดเบาบ้าง ตามสถานการณ์ ดิฉันโดนเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่รับรู้ปัญหาของดิฉัน ดิฉันเลยถามกลับว่าคุณเป็นตัวแทนแบงค์แล้วพูดจาแบบนี้อะนะ ดิฉันเป็นลูกหนี้ยังมีมารยาทติดต่อมาเพราะอยากจ่าย แต่คุณกับไม่คนละครึ่งทางกัน แล้วเรื่องมันจะจบได้ไง ถ้าดิฉันลาออกจากงาน ตามบังคับคดีไม่ได้ ทรัพย์สินไม่มีให้ยึด คุณจะเอาแบบนั้นเหรอคะ ตอนนี้ดิฉันมีงานทำ อยากจ่าย แต่แค่อยากให้คุณช่วยเรื่องส่วนลดที่เป็นธรรมกันบ้าง ช่วยเหลือกันบ้าง ก็เท่านี้เอง ดิฉันบ่นๆ เขาก็หาว่าดิฉันขู่เขา ดิฉันบอกว่าไม่ได้ขู่ แต่พูดให้คุณคิด มีเหตุผล อะไรที่ช่วยกันได้ก็ช่วยกันบ้าง ถ้ามีเงินก้อนมากมายให้คุณ ดิฉันจะหยุดจ่ายเพื่อไรกัน ดิฉันไม่ไหวจริงๆ เขาให้ส่วนลดมาค่ะ แต่ต้องเป็นเงินก้อนครั้งเดียว ดิฉันบอกว่าโบนัสออกกลางปี ขอผ่อนแล้วกัน เขาบอกว่าถ้าผ่อนจะอีกยอดหนึ่ง เพิ่มมา 6000 ดิฉันก็โวยวายว่าไม่ไหว โมโห อารมณ์เสียใส่เขาหนักอยู่ เขาก็โมโห ก็วางหูจากกัน สักพักดิฉันมานั่งคิด งั้นต่อมันจาก 6000 เหลือ 3000 แล้วขอผ่อนขั้นต่ำที่เขารับได้ โทรกลับไปใหม่ เล่าแผนทางการเงินให้เขาฟังว่ายอดที่คุณต้องการมันจบที่ ก.ค. แน่นอน แต่ขอลดหน่อยให้อีก 3000 ช่วยหน่อยค่ะ เขาบอกว่าจะรับเรื่องไปพิจารณา ไม่เกินสิบนาทีเขาก็โทรมา บอกว่าแบงค์ยอม ที่นี้ดิฉันก็ขอบคุณกันยกใหญ่ พูดจากันดีจากหลังมือเป็นหน้ามือเลยค่ะ การเจรจาอยู่ที่แต่ละคนจริงๆค่ะ ลองดูนะคะ

คุยกับทนายไม่รู้เรื่อง โทรไปหาคนดูแลบัญชีเราค่ะ โทรไปที่แบงค์โดยตรง ทนายเขาตัดสินใจแทนแบงค์ไม่ได้นะคะ ดิฉันโดน Advance ฟ้องก็คุยกับเจ้าหน้าที่แบงค์ที่ดูแลบัญชีเราโดยตรงเลยค่ะ ตื้อเข้าไว้ค่ะ บอกปัญหาเขาไป มีพูดหนัก พูดเบาบ้าง ตามสถานการณ์ ดิฉันโดนเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่รับรู้ปัญหาของดิฉัน ดิฉันเลยถามกลับว่าคุณเป็นตัวแทนแบงค์แล้วพูดจาแบบนี้อะนะ ดิฉันเป็นลูกหนี้ยังมีมารยาทติดต่อมาเพราะอยากจ่าย แต่คุณกับไม่คนละครึ่งทางกัน แล้วเรื่องมันจะจบได้ไง ถ้าดิฉันลาออกจากงาน ตามบังคับคดีไม่ได้ ทรัพย์สินไม่มีให้ยึด คุณจะเอาแบบนั้นเหรอคะ ตอนนี้ดิฉันมีงานทำ อยากจ่าย แต่แค่อยากให้คุณช่วยเรื่องส่วนลดที่เป็นธรรมกันบ้าง ช่วยเหลือกันบ้าง ก็เท่านี้เอง ดิฉันบ่นๆ เขาก็หาว่าดิฉันขู่เขา ดิฉันบอกว่าไม่ได้ขู่ แต่พูดให้คุณคิด มีเหตุผล อะไรที่ช่วยกันได้ก็ช่วยกันบ้าง ถ้ามีเงินก้อนมากมายให้คุณ ดิฉันจะหยุดจ่ายเพื่อไรกัน ดิฉันไม่ไหวจริงๆ เขาให้ส่วนลดมาค่ะ แต่ต้องเป็นเงินก้อนครั้งเดียว ดิฉันบอกว่าโบนัสออกกลางปี ขอผ่อนแล้วกัน เขาบอกว่าถ้าผ่อนจะอีกยอดหนึ่ง เพิ่มมา 6000 ดิฉันก็โวยวายว่าไม่ไหว โมโห อารมณ์เสียใส่เขาหนักอยู่ เขาก็โมโห ก็วางหูจากกัน สักพักดิฉันมานั่งคิด งั้นต่อมันจาก 6000 เหลือ 3000 แล้วขอผ่อนขั้นต่ำที่เขารับได้ โทรกลับไปใหม่ เล่าแผนทางการเงินให้เขาฟังว่ายอดที่คุณต้องการมันจบที่ ก.ค. แน่นอน แต่ขอลดหน่อยให้อีก 3000 ช่วยหน่อยค่ะ เขาบอกว่าจะรับเรื่องไปพิจารณา ไม่เกินสิบนาทีเขาก็โทรมา บอกว่าแบงค์ยอม ที่นี้ดิฉันก็ขอบคุณกันยกใหญ่ พูดจากันดีจากหลังมือเป็นหน้ามือเลยค่ะ การเจรจาอยู่ที่แต่ละคนจริงๆค่ะ ลองดูนะคะ[/quote]

คุณnat1001 มีความอดทนสูงจังค่ะ ตั้งแต่เป็นหนี้คุณวานซ์มา จนตอนนี้ฟ้องดิฉันไปเรียบร้อยแล้ว ยังไม่เคยมีสิทธิ์ต่อรองอะไรกับเค้าสักทีค่ะ เขาบอกเท่านี้ ก็เท่านี้ ไปจนจบการสนทนา ก็เลยต้องไปคุยกันต่อที่ศาล แย่จังค่ะ ....

wikanmar เขียน: คุยกับทนายไม่รู้เรื่อง โทรไปหาคนดูแลบัญชีเราค่ะ โทรไปที่แบงค์โดยตรง ทนายเขาตัดสินใจแทนแบงค์ไม่ได้นะคะ ดิฉันโดน Advance ฟ้องก็คุยกับเจ้าหน้าที่แบงค์ที่ดูแลบัญชีเราโดยตรงเลยค่ะ ตื้อเข้าไว้ค่ะ บอกปัญหาเขาไป มีพูดหนัก พูดเบาบ้าง ตามสถานการณ์ ดิฉันโดนเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่รับรู้ปัญหาของดิฉัน ดิฉันเลยถามกลับว่าคุณเป็นตัวแทนแบงค์แล้วพูดจาแบบนี้อะนะ ดิฉันเป็นลูกหนี้ยังมีมารยาทติดต่อมาเพราะอยากจ่าย แต่คุณกับไม่คนละครึ่งทางกัน แล้วเรื่องมันจะจบได้ไง ถ้าดิฉันลาออกจากงาน ตามบังคับคดีไม่ได้ ทรัพย์สินไม่มีให้ยึด คุณจะเอาแบบนั้นเหรอคะ ตอนนี้ดิฉันมีงานทำ อยากจ่าย แต่แค่อยากให้คุณช่วยเรื่องส่วนลดที่เป็นธรรมกันบ้าง ช่วยเหลือกันบ้าง ก็เท่านี้เอง ดิฉันบ่นๆ เขาก็หาว่าดิฉันขู่เขา ดิฉันบอกว่าไม่ได้ขู่ แต่พูดให้คุณคิด มีเหตุผล อะไรที่ช่วยกันได้ก็ช่วยกันบ้าง ถ้ามีเงินก้อนมากมายให้คุณ ดิฉันจะหยุดจ่ายเพื่อไรกัน ดิฉันไม่ไหวจริงๆ เขาให้ส่วนลดมาค่ะ แต่ต้องเป็นเงินก้อนครั้งเดียว ดิฉันบอกว่าโบนัสออกกลางปี ขอผ่อนแล้วกัน เขาบอกว่าถ้าผ่อนจะอีกยอดหนึ่ง เพิ่มมา 6000 ดิฉันก็โวยวายว่าไม่ไหว โมโห อารมณ์เสียใส่เขาหนักอยู่ เขาก็โมโห ก็วางหูจากกัน สักพักดิฉันมานั่งคิด งั้นต่อมันจาก 6000 เหลือ 3000 แล้วขอผ่อนขั้นต่ำที่เขารับได้ โทรกลับไปใหม่ เล่าแผนทางการเงินให้เขาฟังว่ายอดที่คุณต้องการมันจบที่ ก.ค. แน่นอน แต่ขอลดหน่อยให้อีก 3000 ช่วยหน่อยค่ะ เขาบอกว่าจะรับเรื่องไปพิจารณา ไม่เกินสิบนาทีเขาก็โทรมา บอกว่าแบงค์ยอม ที่นี้ดิฉันก็ขอบคุณกันยกใหญ่ พูดจากันดีจากหลังมือเป็นหน้ามือเลยค่ะ การเจรจาอยู่ที่แต่ละคนจริงๆค่ะ ลองดูนะคะ

คุณnat1001 มีความอดทนสูงจังค่ะ ตั้งแต่เป็นหนี้คุณวานซ์มา จนตอนนี้ฟ้องดิฉันไปเรียบร้อยแล้ว ยังไม่เคยมีสิทธิ์ต่อรองอะไรกับเค้าสักทีค่ะ เขาบอกเท่านี้ ก็เท่านี้ ไปจนจบการสนทนา ก็เลยต้องไปคุยกันต่อที่ศาล แย่จังค่ะ ....
[/quote]

อย่างที่บอกค่ะต้องตื้อ แต่ตื้อกับเจ้าหน้าที่ธนาคารนะคะ ทนายเขาตัดสินใจอะไรไม่ได้อะค่ะ เขาแค่มาเป็นตัวแทนที่ศาล เจ้าหน้าที่เขาก็มีกลเม็ดของเขา เราก็ต้องมีวิธีการต่อรองของเราค่ะ ใช้เหตุผลกับเขาเยอะๆ ถ้าเขาแรง เราก็แรง พอวางหู ก็ตื้อต่อ เอาให้เขาแบบว่าเห้อ คนละครึ่งทางก็ยังดีอะไรแบบนี้อะค่ะ แต่อย่างที่บอกเลยถ้ามีเงินก้อนในมือจะเสียงดังมากๆค่ะ แต่ถ้าไปขอเขาผ่อนก็ต้องตื้อให้มากที่สุดค่ะ สู้ๆกันต่อไปนะคะ ดิฉันก็ยังอีกหลายเจ้าเลยค่ะ

จริงด้วยค่ะ ... ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก
สู้ๆค่ะ

เจ้าของกระทู้ สู้ๆ ด้วยนะคะ

แฮร์คัตทำได้ตลอดชีพ ....ไม่ว่าจะก่อนขึ้นศาล ขึ้นศาลแล้ว ยอมความหน้าศาลหรือแม้กระทั่งโดนอายัด ทำได้ตลอด....ข้อสำคัญ
มีเงินอยู่ในมือพร้อมแล้ว อย่าไปเครียดซีเรียส
ทุกอย่างเมื่อสติมา ปัญญาเกิด หนี้หมดอย่างถูกวิธี เป็นกำลังใจให้ สู้ๆๆ พี่อัง สวยประหาร

Cheer up นะคะ

เข้ามาซึมซับข้อมูลเหมือนกัน ยอดของ citi พอๆ กันเลยค่ะ แต่ของตาลเพิ่งปิดไปตุลาคมปีที่แล้ว

เจอเจ้าหน้าที่พูดดีค่ะ ต่อรองได้จากยอด 57+++ ลดลงมาที่ 28,000 ใช้วิชามารสุดๆๆ เหมือนกัน

ยังมีอีก 1 เจ้า ก็เป็นไทแล้วววว

...เป็นกำลังใจซึ่งกันและกันนะคะ...

ตอนนี้ดิฉันไม่ได้จ่ายให้กับซิตตี้แบงค์ตามกำหนด ขาดไป 2 งวด กะว่าสิ้นเดือนก็จะจ่ายเข้าไปตามปรกติเพราะเดือนนี้จ่ายไม่ไหว โดนตัวแทนของทางซิตตี้แบงค์โทรมาบอกจะยกเลิกสัญญาตามที่เคยตกลงตอนไปไกล่เกลียที่ศาล จะให้เราหาเงินมาจ่ายยอดฟ้อง 57000 จ่ายไป 2 งวด เหลือ 51000 เค้าให้จ่ายทั้งหมด ไม่มีปัญญาจ่ายจะทำยังไงดีคะ เขาบอกว่าจะดำเนินการอายัดเงินเดือนเลยอยากรู้ว่าเขาจะใช้เวลาในการดำเนินการเรื่องอายัดนานไหม เผื่อมีเวลาตั้งตัว หาเงินมาใช้หนี้เขาทันก่อนอายัดเงินเดือนค่ะ วานผู้รู้ช่วยให้คำตอบที ไม่รู้จะทำไงแล้วค่ะเครียดมาก ยังมีหนี้อีกหลายที่แต่ยังไม่มีการฟ้อง คงจะมีมาเร็วๆนี้แน่เลย เริ่มกลัวการไปศาลแล้วค่ะ ไปกับไม่ไปก็คงเหมือนเดิม

Amporn เขียน: ตอนนี้ดิฉันไม่ได้จ่ายให้กับซิตตี้แบงค์ตามกำหนด ขาดไป 2 งวด กะว่าสิ้นเดือนก็จะจ่ายเข้าไปตามปรกติเพราะเดือนนี้จ่ายไม่ไหว โดนตัวแทนของทางซิตตี้แบงค์โทรมาบอกจะยกเลิกสัญญาตามที่เคยตกลงตอนไปไกล่เกลียที่ศาล จะให้เราหาเงินมาจ่ายยอดฟ้อง 57000 จ่ายไป 2 งวด เหลือ 51000 เค้าให้จ่ายทั้งหมด ไม่มีปัญญาจ่ายจะทำยังไงดีคะ เขาบอกว่าจะดำเนินการอายัดเงินเดือนเลยอยากรู้ว่าเขาจะใช้เวลาในการดำเนินการเรื่องอายัดนานไหม เผื่อมีเวลาตั้งตัว หาเงินมาใช้หนี้เขาทันก่อนอายัดเงินเดือนค่ะ วานผู้รู้ช่วยให้คำตอบที ไม่รู้จะทำไงแล้วค่ะเครียดมาก ยังมีหนี้อีกหลายที่แต่ยังไม่มีการฟ้อง คงจะมีมาเร็วๆนี้แน่เลย เริ่มกลัวการไปศาลแล้วค่ะ ไปกับไม่ไปก็คงเหมือนเดิม

การอายัดเงินเดือนเป็นการใช้หนี้คืนอย่างหนึ่งเหมือนกัน
ไม่น่ากลัว หรือน่ากังวลอะไร ...แต่ว่าไม่มีกำหนดตายตัวจะ
โดนอายัดวันนี้พรุ่งนี้ บางคน 7 ปีถึงโดนอายัดก็มี..
พี่อังหลังยอมความจ่ายหน้าศาลเพียง 1 เดือน โดนอายัดเงินเดือน
แต่ก็ไม่ตกใจอะไร...ก็ดีเหมือนกันจะได้หมดหนี้..เพราะว่า
ได้ฝึกการกิน การใช้ การอยู่ใหม่ มาก่อนหน้านี้แล้ว ...สิ้นปีนี้
หมดกับเจ้าแรกแล้ว...เท่ากับจ่ายหนี้คืนเจ้าหนี้ไป 3 เจ้า
หลังจากแฮร์คัตได้ 2 เจ้า...
ข้อดีของการอายัดคืออายัดได้ทีละเจ้า เราสามารถนำสูติบัตรบุตร
(หากว่ามีบุตร) ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าบ้าน ฯลฯ ไปทำการขอส่วนลดจากกรมบังคับคดีได้

ทุกอย่างเมื่อสติมา ปัญญาเกิด หนี้หมดอย่างถูกวิธี การอายัดก็เป็นการใช้หนี้
และหมดหนี้ได้อย่างถูกวิธี พี่อัง สวยประหาร[/size][/color]

ขอบคุณค่ะ

Amporn เขียน: ตอนนี้ดิฉันไม่ได้จ่ายให้กับซิตตี้แบงค์ตามกำหนด ขาดไป 2 งวด กะว่าสิ้นเดือนก็จะจ่ายเข้าไปตามปรกติเพราะเดือนนี้จ่ายไม่ไหว โดนตัวแทนของทางซิตตี้แบงค์โทรมาบอกจะยกเลิกสัญญาตามที่เคยตกลงตอนไปไกล่เกลียที่ศาล จะให้เราหาเงินมาจ่ายยอดฟ้อง 57000 จ่ายไป 2 งวด เหลือ 51000 เค้าให้จ่ายทั้งหมด ไม่มีปัญญาจ่ายจะทำยังไงดีคะ เขาบอกว่าจะดำเนินการอายัดเงินเดือนเลยอยากรู้ว่าเขาจะใช้เวลาในการดำเนินการเรื่องอายัดนานไหม เผื่อมีเวลาตั้งตัว หาเงินมาใช้หนี้เขาทันก่อนอายัดเงินเดือนค่ะ วานผู้รู้ช่วยให้คำตอบที ไม่รู้จะทำไงแล้วค่ะเครียดมาก ยังมีหนี้อีกหลายที่แต่ยังไม่มีการฟ้อง คงจะมีมาเร็วๆนี้แน่เลย เริ่มกลัวการไปศาลแล้วค่ะ ไปกับไม่ไปก็คงเหมือนเดิม

ถามจริงๆ ได้เข้ามาค้นคว้าหาความรู้บ้างไหม

หรือมีปัญหาที ก็เข้ามาโพสที

มีหนี้หลายตัว ประนอมหนี้หน้าศาลไป ยังจ่ายไม่ทัน

หากเจ้าต่อไปฟ้อง อีกสองเจ้า จะเอาที่ไหนไปจ่าย

แถมกลัวการอายัดเงินเดือน กลัวการไปศาล

ก็เพราะคุณ รู้จักเวปนี้มาตั้งนาน แต่ไม่หมั่นศึกษาหาความรู้

ไม่ประเมินหนี้ตัวเอง ไม่ทำบัญชีรายรับรายจ่าย เพื่อประเมินกำลัง

แล้ววางแผนในการปลดหนี้

อบรมก็มี เคยสนใจจะเข้าร่วมบ้างไหม แนะนำให้เข้าอบรมด่วน



ตั้งสติ การเอาแต่กลัวสิ่งที่มาจากความคิดตัวเอง ไม่เกิดประโยชน์

รอให้เหตุการมันเกิดจนสาย แล้วค่อยมาตั้งกระทู้ ใครมันจะไปช่วยได้

บางคนเขาไม่เข้าใจเขาก็กล้าที่จะถาม ซ้ำ ๆ เพื่อ ให้ตัวเองรอด

อ่านไม่รู้เรื่อง อ่านไม่เข้าใจ ก็ถามให้ได้จนตัวเองเข้าใจ ถึงจะถูกดุบ้าง

เขาก็ยังพยายามเพื่อตัวเอง


ขอให้คุณตั้งใจศึกษาหาความรู้ในกระทู้ปักหมุดให้มากกว่านี้ เพื่อตัวคุณเอง

ไม่เข้าใจก็มาถาม ไม่ใช่รอจนปัญหามันสุกงอมได้ที่แล้วค่อยมาถาม

การถูกอายัดเงินเดือนนั้นก็เป็นทางออกสำหรับหลายๆคน ที่ตัวเปล่า ที่มีหนี้หลายเจ้า

และเห็นว่าเก็บเงินไม่ทันแน่ๆ เขาก็ใช้วิธีนี้กันเยอะ

แล้วที่กลัวอายัดเงินเดือนนั้น รู้ไหม เขาอายัดเท่าไหร่ ถึงกลัวน่ะ

ตอบมาก่อน

ไม่น้อยกว่า 30%