หมายศาล KTC วันที่ 29 พฤษภาคม 2555

ดีใจด้วยครับ

ใบนี้ผมคงรอหมายศาลเช่นกัน

ดีใจด้วยนะคะ ผ่านไปได้ด้วยดี

ของ TukTik ศาลนัดแรกวันที่ 3 ก.ค.55 (Citibank) ก็มีเครียดบ้างนิดหน่อย อาศัยอ่านเรื่องราว + ความรู้ในชมรมฯ เยอะๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด

หากเป็นอย่างไร จะขอมาแชร์ประสบการณ์นะคะ

เป็นกำลังใจให้กับทุกท่านคะ ^_^

สวัสดีครับ...ผมเคยโดน KTC ฟ้องเช่นกันยอด 120000 จากเงินต้นบัตรเงินสด 30000 บัตรเครดิต 55000
ที่เหลือดอกเบี้ยทั้งนั้น ไปศาลครั้งแรกไม่รู้อะไรทั้งนั้น ทนายให้เอกสารมาอ่านให้ผ่อน 2000 /36 เดือน เซนต์ยินยอม
ซะงั้น ผ่อนไป 2 เดือน โทรไปขอปิดยอดเงิน KTC ให้ปิดยอดที่ 95000 ลดมากกว่าก็ไม่ให้ ผมเบื่อขี้เกียจคุย เลยปิด
มีประวัติติดบูโร ทำอะไรก็ลำบาก เป็นบทเรียนฝังใจตลอดไม่เป็นหนี้แล้ว

แสดงความดีใจกับคุณ nuttyjung สำเร็จแล้วค่ะ

ส่วนของ jibcy กำลังรอขึ้นศาลนัดแรกค่ะ ของ KTC เข้ามาอ่านจะได้เป็นแนวทางค่ะ

ขอบคุณมากน่ะค่ะ ^_^

สรุปของนัตก็จบแบบนี้เริ่มส่งเงินงวดแรก 5 กค 2555
เดือนที่ 1-12 เดือนละ 1500 บาท แบ่งเป็นบัตรละ 500
เดือนที่ 13-24 เดือนละ 2500 บาท แบ่งเป็นบัตรใบละ 1000 (2ใบ) เงินกู้ 500
เดือนที่ 25-36 เดือนละ 3500 บาท แบ่งเป็นบัตรใบละ 1500 ใบที่ 2 1000 และ เงินกู้ 1000



ขอถามนิดนะคะ ยอดที่ทำเป็น 130,000 หรือ 90,000คะ
ขอโทษที่ถามนะคะ พอดีเป็นสมาชิกใหม่ค่ะ ขอศ฿กษาด้วยคะค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกระทู้นะค่ะ คืองี้ค่ะ ยอดปิด 130,000 แต่ถ้าคุณคิดเงินมันจะอยู่ที่ 90,000 อีก 40,000 เนี่ย คือที่เราจะจ่ายคือขั้นต่ำ แต่ถ้ามีเราก็โปะมันภายใน 36 งวดเนี่ยแหละค่ะ ยังไงก็ต้องจ่าย 130,000 ค่ะ มีใครอธิบายได้ดีกว่านัตไมค่ะ ขอเป็นวิทยาทานหน่อยค่ะ

ขยายความให้ครับ

ต้องจ่ายทั้งหมด 130000

กำหนดให้จ่ายน้อยที่สุดคือ

เดือนที่ 1-12 เดือนละ 1500 บาท แบ่งเป็นบัตรละ 500
เดือนที่ 13-24 เดือนละ 2500 บาท แบ่งเป็นบัตรใบละ 1000 (2ใบ) เงินกู้ 500
เดือนที่ 25-36 เดือนละ 3500 บาท แบ่งเป็นบัตรใบละ 1500 ใบที่ 2 1000 และ เงินกู้ 1000

แต่สามารถจ่ายเกินยอดที่กำหนดนี้ได้ จ่ายเยอะก็หมดเร็ว

แต่หากไม่มีเงินจริงๆ ก็ต้องจ่ายตามที่กำหนดให้ได้

จ่ายน้อยกว่านี้จะผิดสัญญา สามารถนำเรื่องไปบังคับคดีได้ทันที


เมื่อครบกำหนด 3 ปี ต้องชำระหนี้ส่วนที่เหลือทันที

จ่ายไปแล้วเท่าไหร่ก็เอา 130000 มาหักออก

เช่น จ่ายตามที่กำหนดจะได้ 90000 เอามาลบกัน

40000 คือหนี้ที่เหลืออยู่ หากมีเงินก้อน ก็สามารถโปะได้เลย

แต่บางทีก็ยังสามารถเจรจาขอส่วนลดได้อีกหากมีเงินก้อนพอปิดจริงๆ

สวัสดีค่ะ คุณ นัตตี้ พี่เข้ามายินดีกับคุณนัตตี้ด้วยค่ะ ของพี่เองก็ใกล้คลอดแล้วค่ะ (หมายศาล)

เตรียมรับมือเต็มที่ คงใกล้จะต้องไปขอคำปรึกษากับคุณอาอีกครั้ง ที่สวนลุมในเร็ววันนี้แน่นอน

ให้หมดหนี้ไว ๆ นะคะ

จริงๆแล้วหลักในการจ่ายหลังมีคำพิพากษา เจ้าหนี้จะนำไปตัดยอดบัญชีกับบัตรที่มียอดน้อยก่อนค่ะ
แล้วจึงตามด้วยบัตรต่อๆไป
ฉะนั้นการแฮร์คัทจึงสามารถทำได้ตลอด แล้วแต่ว่าเราพอใจที่จะจ่ายบัตรใบไหน
แต่ในความเป็นจริง มีเงินก็ต้องจ่ายบัตรยอดน้อยก่อน แล้วค่อยทะยอยจ่ายบัตรยอดมากๆตามไป
บัวอยากให้กำลังใจสำหรับสมาชิกทุกๆคน แม้ว่าจะผ่านกระบวนการพิจารณา การพิพากษาไปแล้ว
แต่กระบวนการใช้หนี้ของเราก็ไม่บีบคั้นจนเกินไป เราสามารถไกล่เกลี่ยผ่อนได้ หรือแม้แต่หักคอจ่ายได้(ไปหารายละเอียดอ่านเพิ่มเติม)
เก็บเงินส่วนหนึ่งสำหรับแฮร์คัทในวันข้างหน้าด้วย
อย่าลืมว่าเราเอาเงินเขามาจริง แต่การใช้คืนอย่าให้เดือดร้อนคนในครอบครัว
แค่ได้หยุดหมุนเงิน และได้มีชีวิตกลับมาอีกครั้งก็ดีสำหรับเราชาวหนี้...
ยิ้มสู้หนี้ต่อไปค่ะ...

ปล.ดีใจกับคุณนัทด้วยค่ะ เหลืออีกไม่กี่ใบ สู้ต่อไปนะคะ

ขอบคุณแอนนี่ครับ

ผมลืมดอกเบี้ยไปซะได้

คดีหมายเลขดำที่ ผบ 1121/2555
ศาลแขวงสมุทรปราการ
วันที่ 1 มิถุนายน 2555
เรื่อง ผิดสัญญาบัตรเครดิต บัตรสินเชื่อบุคคล
ข้าพเจ้า โจทก์ และ จำเลย

ขอทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลมีข้อความตามที่กล่าวต่อไปนี้
ข้อ 1 จำเลยยอมรับว่าเป็นหนี้โจทก์ตามคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องจริงและจำเลยมีหน้าที่ที่จะต้องชำระหนี้คืนแก่โจทก์ ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ ทุกประการ
ข้อ 2 จำเลยตกลงชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 130,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน (บัตรเครดิต) จำนวน 59,575.86 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินต้น(สินชื่อส่วนบุคคล) จำนวน 25,971.92 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง(ฟ้องวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2555) เป็นต้นไป จนกว่าจำเลยจะชำระหนี้เสร็จแก่โจทย์เสร็จสิ้น
ข้อ 3 ในการชำระหนี้ตามข้อ 2 จำเลยตกลงผ่อนชำระให้แก่โจทก์ ณ ที่ทำการของโจทก์เป็นรายเดือนงวด ๆ ละเดือนติดต่อกันไปทุกเดือน โดยชำระไม่เกินทุกวันที่ 5 ของเดือนๆ ดังนี้
- บัตรเครดิต เดือนที่ 1-12 เดือนละ ไม่ต่ำกว่า 1000 บาท
- บัตรเครดิต เดือนที่ 13-24 เดือนละ ไม่ต่ำกว่า 2500
- บัตรเครดิต เดือนที่ 25-36 เดือนละ ไม่ต่ำกว่า 2500
-บัตรสินเชื่อส่วนบุคคล เดือน 1-12 เดือนละ ไม่ต่ำกว่า 500
- บัตรสินเชื่อส่วนบุคคล เดือน 13-24 เดือนละ ไม่ต่ำกว่า 500
- บัตรสินเชื่อส่วนบุคคล เดือน 25-36 เดือนละ ไม่ต่ำกว่า 500
โดยจำเลยตกลงชำระเงินงวดแรกในวันที่ 5 กรกฎาคม 2555 และตกลงชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความนี้ให้เสร็จสิ้นภายใน 36 เดือน นับตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 2555
ข้อ 4 หากจำเลยผิดนัดชำระหนี้เดือนใดเดือนหนึ่งหรืองวดใดงวดหนึ่งหรือชำระไม่ครบถ้วน จำเลยให้ถือว่าผิดนัดชำระหนี้ทั้งหมด ยินยอมให้โจทย์บังคับคดีได้ทันทีจากยอดหนี้ตามทุนทรัพย์ฟ้อง โดยหักจำนวนเงินที่จำเลยชำระไว้แล้ว (ถ้ามี) ออกก่อน พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินคงเหลือที่ค้างชำระทั้งหมด (แต่ไม่เกินต้นเงิน บัตรเครดิต 59,575.86 บาท ไม่เกินต้นเงินบัตรสินเชื่อส่วนบุคคล 25,971.92 บาท ) นับแต่วยันผิดนัดเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์
ข้อ 5 โจทก์และจำเลยตกลงยอมตามข้อ 1 ถึง 4 ไม่ติดใจว่ากล่าวคดีต่อไป โจทก์และจำเลยตกลงให้ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนที่ศาลไม่สั่งคืนและค่าทนายความให้ตกเป็นพับไป



เนี่ยค่ะ ของนัตเต็มๆๆ
เอาเบอร์โทรเจ้าหน้าที่ศูนย์ประนอมหนี้ KTC มาฝากค่ะ
02-631-3742 พัชรี
02-631-3639 เลอสรร
02-631-3638 นัฐพงษ์

สามารถโทรไปถามได้ว่าตอนนี้หนี้ของท่านอยู่ในส่วนไหนแล้ว


มีเรื่องอยากขอคำแนะนำค่ะ คือ
1. ถ้านัตส่งตามขั้นบันไดไปเรื่อย ๆ แล้วเก็บเงินเพื่อทำ h/r หรือ
2. นัดส่งครั้งละมากกว่าขั้นต่ำไปเรื่อย ๆ อย่างไหนดีกว่ากันค่ะ

รบกวนด้วยค่ะ และขอบคุณทุกท่านที่เขามาให้ความคิดเห็นนะค่ะ

เนี่ยค่ะ ของนัตเต็มๆๆ
เอาเบอร์โทรเจ้าหน้าที่ศูนย์ประนอมหนี้ KTC มาฝากค่ะ
02-631-3742 พัชรี
02-631-3639 เลอสรร
02-631-3638 นัฐพงษ์

สามารถโทรไปถามได้ว่าตอนนี้หนี้ของท่านอยู่ในส่วนไหนแล้ว


มีเรื่องอยากขอคำแนะนำค่ะ คือ
1. ถ้านัตส่งตามขั้นบันไดไปเรื่อย ๆ แล้วเก็บเงินเพื่อทำ h/r หรือ
2. นัดส่งครั้งละมากกว่าขั้นต่ำไปเรื่อย ๆ อย่างไหนดีกว่ากันค่ะ


จริงแล้วจะเบอร์โทรของใครเราไม่สนใจ กรุณาไม่ต้องลงเบอร์โทรของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง มันจะเป็นการละเมิดสิทธิ์ผู้อื่นครับ ชมรมเราเป็นสาธารณะใครจะเข้ามาอ่านมาดูหรือสมัครสมาชิกก็ได้

ผมคิดว่าที่ขอแนะนำนั้น คุณคิดถูกแล้ว ดีทั้งสองข้อ
ห้องเรื่องเล่าห้ามถามปัญหาเรื่องหนี้

ขอบคุณค่ะ Anakin
ตอนได้โบนัสนัตคงได้ปิดก่อนกำหนดทีละใบ ขอบคุณมากเลยนะค่ะสำหรับการเอาใจใส่ ของสมาชิกค่ะ

ขอบคุณ คุณ Anakin ด้วยอีกคนค่ะ ที่ทำตารางนี้ขึ้นมา เอขออนุญาติเอาไปศึกษาสำหรับเครสตัวเองด้วยนะค่ะ คุณ Nuttty ดีจังค่ะได้ลดตั้ง 7.5 % แถมยังได้ส่วนลดจากยอดฟ้องอีดด้วย เอได้เลื่อนนัดศาลไปอีก 1 เดือนเพื่อไปต่อรองกับทาง KTC ค่ะ อยากได้แบบนี้บ้างจัง เดี๋ยวจะให้น้องบัญชีทำตารางคำนวลแบบนี้บ้างจะได้ไม่พลาดตอนจบจะได้ไม่ต้องจ่ายหนัก ขอบคุณทุกคนนะค่ะ

nuttyjung เขียน: คดีหมายเลขดำที่ ผบ 1121/2555
ศาลแขวงสมุทรปราการ
วันที่ 1 มิถุนายน 2555
เรื่อง ผิดสัญญาบัตรเครดิต บัตรสินเชื่อบุคคล
ข้าพเจ้า โจทก์ และ จำเลย

ขอทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลมีข้อความตามที่กล่าวต่อไปนี้
ข้อ 1 จำเลยยอมรับว่าเป็นหนี้โจทก์ตามคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องจริงและจำเลยมีหน้าที่ที่จะต้องชำระหนี้คืนแก่โจทก์ ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ ทุกประการ
ข้อ 2 จำเลยตกลงชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 130,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน (บัตรเครดิต) จำนวน 59,575.86 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินต้น(สินชื่อส่วนบุคคล) จำนวน 25,971.92 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง(ฟ้องวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2555) เป็นต้นไป จนกว่าจำเลยจะชำระหนี้เสร็จแก่โจทย์เสร็จสิ้น
ข้อ 3 ในการชำระหนี้ตามข้อ 2 จำเลยตกลงผ่อนชำระให้แก่โจทก์ ณ ที่ทำการของโจทก์เป็นรายเดือนงวด ๆ ละเดือนติดต่อกันไปทุกเดือน โดยชำระไม่เกินทุกวันที่ 5 ของเดือนๆ ดังนี้
- บัตรเครดิต เดือนที่ 1-12 เดือนละ ไม่ต่ำกว่า 1000 บาท
- บัตรเครดิต เดือนที่ 13-24 เดือนละ ไม่ต่ำกว่า 2500
- บัตรเครดิต เดือนที่ 25-36 เดือนละ ไม่ต่ำกว่า 2500
-บัตรสินเชื่อส่วนบุคคล เดือน 1-12 เดือนละ ไม่ต่ำกว่า 500
- บัตรสินเชื่อส่วนบุคคล เดือน 13-24 เดือนละ ไม่ต่ำกว่า 500
- บัตรสินเชื่อส่วนบุคคล เดือน 25-36 เดือนละ ไม่ต่ำกว่า 500
โดยจำเลยตกลงชำระเงินงวดแรกในวันที่ 5 กรกฎาคม 2555 และตกลงชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความนี้ให้เสร็จสิ้นภายใน 36 เดือน นับตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 2555
ข้อ 4 หากจำเลยผิดนัดชำระหนี้เดือนใดเดือนหนึ่งหรืองวดใดงวดหนึ่งหรือชำระไม่ครบถ้วน จำเลยให้ถือว่าผิดนัดชำระหนี้ทั้งหมด ยินยอมให้โจทย์บังคับคดีได้ทันทีจากยอดหนี้ตามทุนทรัพย์ฟ้อง โดยหักจำนวนเงินที่จำเลยชำระไว้แล้ว (ถ้ามี) ออกก่อน พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินคงเหลือที่ค้างชำระทั้งหมด (แต่ไม่เกินต้นเงิน บัตรเครดิต 59,575.86 บาท ไม่เกินต้นเงินบัตรสินเชื่อส่วนบุคคล 25,971.92 บาท ) นับแต่วยันผิดนัดเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์
ข้อ 5 โจทก์และจำเลยตกลงยอมตามข้อ 1 ถึง 4 ไม่ติดใจว่ากล่าวคดีต่อไป โจทก์และจำเลยตกลงให้ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนที่ศาลไม่สั่งคืนและค่าทนายความให้ตกเป็นพับไป

มีเรื่องอยากขอคำแนะนำค่ะ คือ
1. ถ้านัตส่งตามขั้นบันไดไปเรื่อย ๆ แล้วเก็บเงินเพื่อทำ h/r หรือ
2. นัดส่งครั้งละมากกว่าขั้นต่ำไปเรื่อย ๆ อย่างไหนดีกว่ากันค่ะ

รบกวนด้วยค่ะ และขอบคุณทุกท่านที่เขามาให้ความคิดเห็นนะค่ะ

ทีหลัง กรุณาไม่ใส่เบอร์ส่วนตัวบุคคลอื่นนะค่ะ เพราะคนดูแลบัญชีของคุณ
อาจไม่ใช่คนดูแลบัญชีของคนอื่นเขา และเสี่ยงต่อการฟ้องชมรม ถ้ามีคน
โทรไปรบกวนเขาเหล่านั้นค่ะ เพราะได้เบอร์จากเราค่ะ เรารู้ว่า คุณเจตนาดีค่ะ

เรื่อง การชำระเงิน โปรดเข้าใจว่า ทุกงวดที่จ่ายไป คุณเสียดอกเบี้ยด้วยนะ
เช่น ขั้นต่ำ 1000 บาท คิดเป็นดอกเบี้ยประมาณ 400 บาทค่ะ สำหรับบัตรเครดิต
ส่วนสินเชื่อ ดอกเบี้ย ประมาณเดือนละ 200 บาท ค่ะ และถ้าจ่าย
ขั้นต่ำไปเรื่อยๆ ทั้ง 2 ใบ เมื่อถึงงวดที่ 36 คุณต้องจ่ายที่เหลืออีกประมาณ
60000 กว่าบาทค่ะ ถ้ามีเงินมากพอ ก็จ่ายมากกว่าขั้นต่ำที่กำหนดค่ะ
ย่อมดีกว่า เงินต้นหมดเร็วกว่า ดอกเบี้ยไม่กินไปมากค่ะ แต่ขึ้นอยู่กับศักยภาพของ
คุณค่ะ

ส่วนหนี้ KTC อย่าชะล่าใจว่า จะได้ส่วนลดมาก หรือขอ H/C ได้เมื่อมีเงินมาปิด
ณ วันนี้ ยังเขี้ยวเท่าเดิมค่ะ คือ ไม่มีนโยบายลดนอกจากตัดดอกเบี้ยให้ เพราะ
เราได้ทำสัญญายอมความกับเขาไปแล้วค่ะ เขาไม่สนใจจะลด ในเมื่อเขาสามารถ
รอได้แล้วได้เต็มๆ

ดีใจด้วย ที่ต่อรองได้ตัวเลขที่เบา ๆ กระเป๋า สำหรับตัวเองค่ะ

เจอกับตัวเอง กุ้มใจสุดๆๆ โดนปิดหมายให้ชำระหนี้
ไม่รู้จะต่อรองได้หรือเปล่า พวกเล่นดอกเบี้ยร้อยละ 12 ต่อปี... เท่าตัวของยอดหนี้ กุ้มๆๆ
คงไม่มีใครอยากโดนอายัดเงินเดือนหรอกน่ะ เจ้านาย

ขอคำแนะนำ ดีๆๆ หน่อยได้มั้ยครับ ...เผื่อจะมีทางออกที่ดี