เรื่องเล่าของ พี่กรีนนี่

12 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา - 12 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #347 โดย 0834368962
ขอเริ่มต้นจากผู้อาวุโสของชมรมก่อน เพื่อเป็นกำลังใจและเป็นความรู้ให้กับ "ชาวยิ้มสู้หนี้"
เริ่มจากพี่ Greeny พี่กรีนนี่
ย้อนรอย..ทุกคดีที่ไปศาล /รายงานสถานะหนี้

คดีแรกเมื่อ 4 ปีที่แล้ว

ทหารไทย คดีแรกของผม

คำฟ้องของทหารไทย แบบ ย่อๆ เป็นอย่างนี้

…จำเลยผิดสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี โจทก์บังคับจำเลยให้ชำระหนี้เงิน 86,xxx บาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 18 ต่อปี ของต้นเงิน 75,xxx บาท นับแต่ถัดจากวันฟ้อง…

คำให้การของผม ย่อเหมือนกัน

…ธนาคารมีการคิดดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด (15%) ฉะนั้นโจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยกับจำเลย เนื่องจากเป็นดอกเบี้ยที่ผิดกฎหมาย ตกเป็นโมฆะ ยอดเงินที่ชำระไปแล้วทั้งหมดให้นำไปหักเงินต้น เหลือยอดที่จำเลยต้องชำระแก่โจทก์ 3x,xxx บาท ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความขอให้เป็นพับ…

ดีใจนะที่คำให้การออกมาได้แบบนี้ ไม่ใช่ดีใจที่ต้องจ่ายน้อยลง มันเป็นความแปลกใจมากกว่า ณ ตอนนั้นคิดในใจว่า ถ้าไม่ได้มาปรึกษาหารือ หรือได้แนวความคิดแก้หนี้ด้วยกฎหมายจากคุณอาไพโรจน์ เราก็คงไม่ได้รู้ว่า จำเลยสามารถยื่นคำให้การแย้งโจทก์ได้ เพราะไม่เคยรู้กฎหมายพวกนี้เลย ปกติเราจะชินกับการเห็นยอดหนี้ที่ต้องชำระในใบแจ้งหนี้ แล้วเราก็โอเคตามนั้น พอได้รู้ได้เห็นก็หวังเหมือนกัน ไม่ผิดอะไรนี่ ทำตามกฎหมายทุกอย่าง คิดว่ายังไงก็ต้องได้จ่ายตามที่ยื่นคำให้การนี่แหละ

แต่…คุณอาบอกว่าทั้งนี้ทั้งนั้น ศาลแต่ละท่านก็มีแนวทางของตัวเอง ดุลยพินิจ การวินิจฉัยข้อกฎหมายอาจแตกต่างกันไปได้ เรื่องยื่นคำให้การก็เป็นสิทธิของเราที่จะชี้แจง แต่คำตัดสินเป็นของท่าน และอีกด้าน ท่านก็ต้องดูคำฟ้องและหลักฐานของโจทก์ด้วย ผลจะออกมายังไง ต้องยอมรับ เพราะยังไงเสีย ลูกหนี้ ก็ต้องใช้หนี้ ซึ่ง ...ผมเข้าใจ และยอมรับ

พอถึงวันนัด เดือน สิงหา 48

ตื่นเต้นนิดหน่อย แต่ไม่มาก เพราะเคยเข้าไปแล้วตอนไปคัดสำเนาคำฟ้อง แถมมีเพื่อนรุ่นก่อตั้ง นามแฝง “กำลังเครียด” อาสาไปเป็นเพื่อนด้วย (มีชื่ออยู่ในคณะกรรมการ… ตอนนี้หายเครียดเรื่องหนี้แล้ว) เอกสารที่นำไปด้วยก็คือ

1. คำให้การ
2. บัญชีพยาน
3. ใบแต่งตั้งทนาย
4. คำร้องขอเลื่อนนัด (อาทนายติดว่าความที่อื่นพอดี)

ไปถึงศาลก็เข้าไปดูที่กระดานประกาศนัดคดี ว่าคดีผมอยู่ห้องไหน(บัลลังก์ไหน) ชั้นไหน เสร็จแล้วไปที่การเงินก่อน จ่ายค่าธรรมเนียม สำหรับใบแต่งทนายและคำร้อง อย่างละ 20 รวมเป็น 40 บาท ใบเสร็จค่าธรรมเนียมจะมีส่วนที่ต้องให้ศาลด้วย ก็เย็บติดไปกับชุดเอกสาร ส่วนของจำเลยผมก็เก็บไว้เอง แล้วเดินไปที่ห้องพิจารณา นำเอกสารทั้งหมด (ต้นฉบับ 1 ชุด สำเนา 2 ชุด)ไปยื่นกับเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ในห้องพิจารณา บอกว่ามาคดีของทหารไทย ให้เขาประทับตราลงรับเอกสารในสำเนาชุดที่ต้องเก็บไว้เอง เอากลับไปให้อาทนาย ต้นฉบับกับสำเนาที่เหลือ หน้าบัลลังก์จะนำไปให้ศาล และโจทก์

พบกับทนายของทหารไทย พอรู้ว่าผมยื่นคำให้การ ก็รีบบอกว่าธนาคารมีข้อเสนอมาด้วย
ลดยอดหนี้เหลือ 84,000 ผ่อนไม่มีดอกเบี้ย งวดละไม่ต่ำกว่า 2,000 ให้จบใน 24 งวด
(84,000/24 จะเท่ากับ 3500 ต่อเดือน)
หากผิดนัดชำระ จะคิดดอกเบี้ย 15%

ผมไม่รับ ยืนยันตามเหตุผลในคำให้การ วันนี้ไม่มีทนาย สุดท้ายศาลยอมให้เลื่อน ดูวันว่างของอาทนาย ได้เลื่อนไปเดือน พ.ย.48

“นัดพร้อมเพื่อทำยอม หรือสืบพยานโจทก์ หรือพิจารณาต่อเนื่อง” ได้เวลามา 3 เดือน

ถึงนัด 2 ผมไม่ได้ไป อาทนายไปจัดการให้ ไม่ทำยอมตามที่โจทก์เสนอให้ผ่อน ศาลจึงนัดเข้าพิจารณาคดีต่อเนื่อง นัดสืบพยานในเดือน พ.ย.49 ผมได้เวลามาอีก 1 ปีเต็ม

ในนัดที่สุดท้าย หลังจากยืดเวลาข้ามปี คำพิพากษาออกมาว่า

…ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 76,xxx บาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อปี ของเงินต้น 74,xxx บาท ……..จนกว่าจะชำระเสร็จ การหักให้ชำระดอกเบี้ยก่อน กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 600 บาท

สังเกตได้ว่า …ผู้พิพากษาท่านนี้ ไม่เห็นด้วยกับคำให้การที่ผมเตรียมไปแม้แต่น้อย

แต่ผมไม่ได้ชำระตามคำพิพากษาหรอก

ผมชำระที่ 35,000 บาท โดยการทำ hair cut กับสนง.กฎหมายตัวแทนที่ได้รับมอบหมายจาก ธ.ทหารไทย ในปลายปี 49 นั่นเลย การชำระก็ชำระที่สาขาของธนาคารทหารไทย เจ้าหนี้ตัวจริง ต่อมาสนง. ตัวแทน ได้ออกหนังสือรับรองการชำระหนี้มาให้เรียบร้อย

...........................................


วิธีชำระหนี้แบบนี้ มันเป็นทางออกที่ใช้ได้จริง หลังการหมุนเงินได้จบลง
เพราะไม่มีใครให้หมุนอีกแล้ว
ถึงจะดึงจะดันจะฉุดจะลากยังไง ก็ไม่พ้น
ต้องมาแนวนี้ จึงจะมีแรงต่อสู้ มีหวังว่าจะหมดหนี้
ถ้ารู้แล้วไม่ทำ ยังไงก็เครียด ยังไงก็เสียหาย

เจ้าหนี้ได้รับการชำระหนี้ไปตามส่วน กฎหมายที่มีก็คอยควบคุมอยู่แล้ว
ชำระหนี้ไปตามที่จัดสรรให้เขาได้
ใช้รายได้ที่เรามี ใช้ส่วนที่เราเก็บตอนหยุดชำระ เพื่อใช้ชำระหนี้
หรืออันไหนได้ตกลงจะผ่อนกัน ก็จัดการไป
อันไหนจังหวะพอดีก็แฮร์คัทไปเลย

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
12 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา - 12 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #348 โดย 0834368962
คดีที่ 2 วีซ่า บ.บัตรกรุงศรีฯ

ตั้งแต่เริ่มหยุดแรกๆ ก็ติดตามกันเอง
ต่อมา ใช้ สนง.กม. วิชั่น คอนซัลแตนท์ ตามอยู่พักนึง ผมก็ยืนยันตามเดิมว่ายังชำระไม่ได้ ขอให้รอไปก่อน ก็ส่งกลับให้กรุงศรีตามเองอีกครั้ง เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ ก็ยังไม่พร้อมที่จะตกลงอะไร
สุดท้ายมาจบที่ ยูพี สนง.งานนี้ก็สุดยอดพอตัวทีเดียว
ถึงเวลา ทางทนายยูพีก็ส่งเรื่องฟ้อง ยอดเงินที่ฟ้อง 6 หมื่นกว่าบาท

ผมยื่นคำให้การต่อสู้คดี ถึงแม้ว่าจะเป็นบัตรเครดิตก็เถอะ เพื่อให้ได้เวลาในการเก็บเงินเพิ่ม
ศาลนัดพิจารณาคดีต่อเนื่องข้ามปี คล้ายๆ กับของทหารไทย
ฟ้องกันปี 48 มานัดสืบพยานอีกทีปี 49
ท้ายที่สุด ทางสนง. กม. โทรมาให้ส่วนลด เหลือ 2 หมื่นแปดพันถ้วน
ปิดจบในปลายปี 49 โดยชำระเข้าบัญชีของบัตรกรุงศรี ที่ ธ.กรุงศรีอยุธยา

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
12 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #349 โดย 0834368962
หลังจากปิดหนี้กรุงศรีไปแล้ว ทางยูพี ก็ทำเรื่องถอนฟ้องให้
ตามเรื่องอยู่พักนึง ขอคำยืนยันว่าไปถอนฟ้องให้แล้วจริงหรือเปล่า เขาก็ยืนยัน
เลยไปเช็คหมายเลขคดีด้วยตัวเอง ในเวบไซด์ของศาล ก็เจอ หมายเลขคดีแดงออกมาแล้ว
ได้ข้อมูลว่า “ถอนฟ้อง จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ค่าขึ้นศาลเป็นพับ”

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
12 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #350 โดย 0834368962
คดีที่ 3 ซิติแบงค์ รีไรท์

กลางปี 49 สนง.กม.โทรมาติดต่อให้ชำระหนี้สินเชื่อรีไรท์
บอกว่า ศาลพิพากษาแล้ว จะชำระยังไง
ผมถาม ฟ้องแล้วหรือครับ ผมรออยู่นานแล้ว ทำไมไม่เห็นได้หมายศาลเลย
แน่ใจหรือว่าตัดสินแล้ว
เขายืนยัน ผมถามว่าที่ศาลไหน เขาก็ไม่บอก
ถามว่าทำไม่ไม่เห็นมีหมายศาล เขาบอก ไม่รู้
ผมบอกงั้นโอเค ตอนนี้ขอให้รอไปก่อนนะครับ คงยังตกลงอะไรไม่ได้
เพร่าตอนนี้ก็ใช้หนี้นอกระบบอยู่ ยังไม่หมด
ยังไม่มีพอชำระให้ได้ช่วงนี้
แล้วค่อยติดต่อมาใหม่นะ

ผมลางานไปตรวจสอบ เดิมเข้าใจว่าที่ศาลเดิมที่เคยโดนฟ้อง (ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าซิติแบงค์จะฟ้องคดีรีไรท์ที่ศาลแขวงพระนครใต้) ไปหาข้อมูลก็ไม่เจอ จึงคิดว่าต้องที่พระนครใต้แน่เลย ก็ไปต่อที่นั่น สอบถามกับประชาสัมพันธ์ศาล ไม่มีเลขคดีมาเพราะไม่รู้ ก็ใช้ชื่อตรวจสอบ แล้วก็ต้องประหลาดใจ

ศาลพิพากษายกฟ้อง

เจ้าหน้าที่หญิงที่เช็คข้อมูลให้บอกผมว่า คดีของผมศาลได้ตัดสินแล้ว แต่พิพากษายกฟ้อง คุณไม่ต้องชำระหนี้แล้วนะคะ ผมตะลึง เป็นไปได้ไง เขาแอบฟ้องผมแท้ๆ หมายศาลก็ไม่ได้ วันนัดก็ไม่รู้ จนตัดสินไปเรียบร้อย แล้วผมไม่ต้องชำระเนี่ยนะ

ผมบอกขอบคุณครับ แล้วผมจะไปดูสำนวนคดีได้ที่ไหน
เธอจดหมายเลขคดีให้ทั้งดำ ทั้งแดง แล้วบอกว่าให้ไปขอดูที่แผนกเก็บสำนวนแดง
จนผมได้เอกสารทั้งหมดมาอ่าน เลยได้รู้ว่า

ฟ้องตั้งแต่ปลายปี 48 หลังจากคดีกรุงศรีไม่นาน
ศาลนัดสืบโจทก์-จำเลย ช่วง ต้นปี 49
พออีก 1 เดือนหลังนัดสืบ ก็นัดฟังคำพิพากษา (เร็วทีเดียว)
พิพากษาออกมา “ยกฟ้อง”

ใจความที่เป็นประเด็น คือ ศาลท่านเห็นว่า ... โจทก์นำเอาค่าธรรมเนียมกับยอดหนี้ยกมาของเดือนก่อนๆ ที่มีการคิดดอกเบี้ยไว้แล้วมารวมเป็นยอดฟ้อง เป็นการคิดดอกเบี้ยทบต้น ไม่ถูกต้อง ไม่สมควร...

ทางทนายซิติแบงค์พยายามอุทรณ์ต่อศาล
เพราะคดีความหลังตัดสิน ศาลเปิดโอกาสให้อุทรณ์ได้ภายใน 30 วันหลังพิพากษา
(โดยทั่วไป จำเลยโดนศาลตัดสิน ไม่มีใครอุทรณ์อยู่แล้วเพราะเป็นหนี้จริง ส่วนโจทก์พอเกิดกรณีแบบนี้ คงพยายามขออุทรณ์ไว้ก่อน)

แต่ต่อมาโจทก์ก็ไม่ได้ทำอะไร จนใกล้หมดระยะเวลา ก็มาทำเรื่องยืดอายุอุทรณ์ออกไปอีก 30 วัน

จนวันที่ผมไปเช็คข้อมูล เลยวันที่ขอยืดอายุไปแล้ว ก็ไม่มีอะไรเพิ่มเติมจากโจทก์อีก

เสร็จแล้วก็กลับ รอดูว่า สนง.แห่งนั้นจะโทรมาว่ายังไง ตอนนี้ผมรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว
(ผมไม่ขอเล่าวีรกรรมของสำนักงานแห่งนี้ ...ตอนตามหนี้ให้ซิตินั้น สุดยอดมาก)

กลับถึงบ้าน จัดอันดับในตารางการชำระหนี้ เอาซิติแบงค์ไปไว้ท้ายสุด

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
12 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา - 12 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #351 โดย 0834368962
คดีที่ 4 ธนาคารแสตนดาร์ตชาร์เตอร์

ผิดสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้

ช่วงนั้นยังหาทางออกไม่ได้ ไม่มีแนวคิด ก็เลยยินดีและเต็มใจไปทำสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เพราะดูแล้ว 2 บัญชี ไม่ไหวแล้วครับ เป็นบัตรวีซ่า และ วงเงินพิเศษส่วนบุคคล (ตอนนั้นไม่เคยนึกเลย ว่ายังมีบัญชีอื่นอีก สนแต่ปัญหาเฉพาะหน้า 2 ตัวนี้อย่างเดียว) ก็ไปตามที่ทางแสตนดาร์ตแนะนำ ทำสัญญากันที่สำนักงานใหญ่แสตนดาร์ต แถวสาธร ธนาคารยอมให้ผ่อนนานมาก ส่งที่ 5 ปี 60 งวด คิดอัตราดอกเบี้ย 12% ต่อปี เห็นไหมว่าสัญญาใหม่คิดต่ำกว่า 15% อีก หมากที่วางไว้ของธนาคารนั้นแน่มาก คนที่คิดจะลดปัญหาเฉพาะหน้า ลืมมองถึงความจริงแบบผม คิดไม่ทัน

และแล้วความมั่นใจว่าไหว การคิดแต่ปัญหาตรงหน้า หรือ ไม่ได้คิด มันก็มีผลออกมา ส่งไปไม่ถึงปี พ่ายแพ้ต้องหยุดจ่าย


จนถึงกลางปี 49 หมายศาลก็มาถึง
ยอดฟ้องเป็นเงิน 2 แสนกว่าบาท นัดเดือน กันยายน 49 เป็นยอดหนี้ที่มากกว่าใครเพื่อน

“นัดพิจารณาเพื่อการไกล่เกลี่ย ให้การแก้ข้อหาแห่งคดีและสืบพยาน”

พอได้หมายศาลมาผมก็เอาไปให้คุณอาที่ปรึกษาชมรมดู ท่านก็เสียดาย ที่ผมไปทำประนอมหนี้เปลี่ยนสัญญาไปเสียแล้ว แต่ก็ทำเรื่องจนได้คำให้การมาชุดนึง แล้วนำไปยื่นกับศาลในวันนัด

โดนยำเละ ...ศาลกับโจทก์ คนละไม้คนละมือ

วันนัดก็ไปยื่นคำให้การเหมือนคดีก่อนๆ ถึงจะไม่มีเรื่องดอกเบี้ยให้โต้แย้ง ก็ยังมีประเด็นอื่น ที่พอจะนำมาแย้งโจทก์ได้ ถึงช่วงที่ศาลเรียกคดีผมไปพิจารณาก็เป็นอย่างนี้ครับ (ไม่ขอเล่าทั้งหมดนะ ขอตัดมาแต่คำที่ลืมไม่ลง)

นี่คือคำพูดของศาลที่ท่านพูดกับผม

“เป็นหนี้เขาจริงหรือเปล่า” ......(ผม..ครับ)
“ยื่นคำให้การ คิดดีแล้วหรือที่จะสู้คดี ก็เป็นหนี้เขาจริงนี่” ......(ผม..ขอยืนยันตามคำให้การครับ)
“เมื่อไหร่จะคิดได้เสียที” ......(ผม - เงียบ)
“ทนายจำเลยไม่ว่างใช่มั้ย จำเลยไปหาทนายคนใหม่มาแทน” ......(ผม - เงียบ)

ระหว่างยืนต่อหน้าศาล ก็มีอื่นๆ อีกมากมาย ล้วนแต่ทำให้หน้าชา

นี่คือคำพูดของทนายโจทก์

“อย่าให้เลื่อนเลยครับ จำเลยรับแล้วว่าเป็นหนี้จริง” ......(ผม - มองหน้าทนายโจทก์)


นี่คือคำพูดของศาลที่ท่านพูดกับทนายโจทก์

“ทนายโจทก์ ไปนัดวันมา เอาให้เร็วที่สุด” ......(ผม - อึ้ง)
“แล้วเขาจะได้คิดได้เสียที” ......(ผม - อึ้ง)


พอแค่นี้นะสำหรับคดีแสตนดาร์ต ถ้าเล่าทั้งหมด เรื่องคงจะยาวที่สุดเลยนะคิดว่า แต่ไม่เอาดีกว่า เขียนแล้วอดคิดถึงหน้าศาลท่านนี้ขึ้นมาอีกไม่ได้...

วันนัดสืบ ใน 1 เดือนต่อมา เร็วทันใจศาลท่านมาก ทั้งๆ ที่คดีอื่นที่ศาลแขวงแห่งเดียวกัน ได้เลื่อนไปถึง 1 ปี

ผมไม่ได้ไปตามนัด แต่ให้คุณอาไปแทน แต่เดิมท่านมีนัดที่อื่น ต้องแทรกคิวให้ผมก่อน จนคุณอาเห็นว่า คำให้การที่ทำไปนั้น ประเด็นมันอ่อน ศาลไม่เห็นด้วยแน่ เลยคุยกับผม คงออกมาในรูปตกลงให้ศาลตัดสินไปตามยอม เดี๋ยวจะดูว่าโจทก์จะยอมลดยอดให้บ้างไหม ทำใจนะ ไม่มีประเด็นแข็งๆ ไปสู้กับสัญญาใหม่ที่ดอกเบี้ยแค่ 12%

สุดท้าย ธนาคารลดหนี้ที่ต้องชำระหลังจากฟ้องลง 1 หมื่น ให้ผ่อน 3 ปีไม่มีดอกเบี้ย ตอนนี้ผ่อนมาแล้ว 1 ปี มีข้อแม้ว่า ห้ามผิดนัดผ่อนชำระแม้แต่งวดเดียว ไม่งั้นทางธนาคารจะกลับมาคิดดอกเบี้ยต่อ

สะบักสะบอมตอนเจอกับศาลนัดแรก แต่แลกมาซึ่งประสบการณ์ที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

ไปศาล เราคาดหวังได้นะ แต่ก็ต้องเผื่อว่า อาจไม่ได้อย่างใจหวังเสียทั้งหมด บางครั้งต้องทำใจ อดทน อดกลั้น และปล่อยวางด้วย ที่เน้นย้ำเลย คือ สัญญาใหม่หลังปรับโครงสร้างหนี้ ดอกเบี้ยต่ำกว่าหรือเท่ากับ 15% จำเลยจะไม่มีประเด็นที่แข็งพอในคำให้การ และ ถึงแม้ว่า ธปท. จะกำหนดอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม ไม่เกิน 28% ต่อปีก็ตาม ในทางกฎหมายนั้น ศาลส่วนใหญ่มักจะเห็นกฎหมายเรื่องดอกเบี้ย 15% สำคัญกว่าประกาศ ของ ธปท. นอกเสียจากไปเจอศาลที่ใช้ประกาศ ธปท. เป็นหลัก ก็ถือว่า เป็นความเห็นของศาล เราก้าวล่วงไม่ได้นะครับ

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
12 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #352 โดย 0834368962
บัตรกรุงไทย (คดีที่ 5 ล่าสุด)

หลังจากได้เลื่อนคดีมาแบบไม่ได้ตั้งใจ (กระทู้ 7745)

http://old.consumerthai.org/compliant_board1/view.php?id=7745

ถึงวันนัดแล้วครับ ไปดูที่กระดานนัดคู่ความช่วงเช้า พอรู้ว่าห้องไหนก็เดินขึ้นไป ถึงห้องไม่พบเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ มีแต่ทนายความนั่งจัดเอกสารอยู่ 2 คน อีก 3 คนเป็นจำเลย ผมเข้าไปนั่งรอ จนผ่านไปครู่นึงเห็น จนท. ยังไม่มาก็เลยลุกออกไปนอกห้อง เดินดูบรรยากาศห้องอื่นๆ ว่าเป็นไงกันบ้าง

ผู้คนพลุกพล่าน ในห้องอื่นมีคนนั่งบ้างยืนบ้างรอศาล ตามทางเดินก็เต็มไปหมด เห็นมีทนายยืนคุยกับจำเลย หลายต่อหลายกลุ่ม ส่วนใหญ่น่าจะเป็นคดีประเภทบัตรเครดิตและเงินกู้นี่แหละ เพราะได้ยินพูดว่าจะผ่อนกันเท่าไร ยังไง เดินไปสุดทางที่มีห้องพิจารณาอยู่ทั้งซ้าย-ขวา จนสุดทางเดิน ก็วกกลับมาที่ห้องพิจารณาของตัวเอง

จนท. ยังไม่เข้ามา ก็นั่งลงแล้วมองโน่นนี่ไปเรื่อย ตรงที่นั่งอยู่ก็ได้ยินเพื่อนร่วมชะตากรรมกำลังคุยกันอยู่ข้างหลัง เป็นสองสาวท่าทางเพิ่งจะมาพบกันที่นี่ พูดกันเบาๆ คุ้นๆ เกี่ยวกับการหยุดชำระ การฟ้อง การเลื่อนคดี ก็ฟัง ยังไม่ทันได้คุยด้วย จนท. หน้าบัลลังก์ก็เข้ามาพอดี เลยเข้าไปรายงานตัวว่ามาคดีของบัตรกรุงไทย เธอก็บอกว่าทนายมาแล้ว ก็ถามว่า ทนายกรุงไทยอยู่หรือเปล่า ปรากฏว่าทนายสองคนนั่นไม่ใช่ เธอเลยบอกให้ผมนั่งรอ

เจอเพื่อนสมาชิกชมรม

เดินกลับมานั่งเห็นจำเลยที่คุยกันเมื่อกี้ นั่งอยู่คนเดียว อีกคนไม่รู้ไปไหน เลยเข้าไปนั่งม้านั่งยาวตัวเดียวกัน แล้วถามว่า น้องมาคดีอะไร เธอบอกว่า กสิกรไทย คุยไปคุยมาปรากฎว่า เป็นเพื่อนสมชิกชมรมฯ นี่เอง เธอเคยยื่นคำให้การในคดีก่อนหน้าโดยความช่วยเหลือของที่ปรึกษาชมรมฯ ส่วนกสิกรนี่มายอมความ รับเงื่อนไขที่โจทก์เสนอ น้องเขาให้ศาลตัดสินไปตามยอม ส่วนผมบอกน้องเธอว่า คงมาประนอมเหมือนกันเพราะดูแล้วดอกเบี้ยก็ไม่ได้สูงอะไรมาก และลองมาแบบไม่ยื่นคำให้การ เดี๋ยวจะคุยเรื่องการผ่อนกับโจทก์ น้องเขาก็บอกต่อรองเยอะๆ นะพี่ ผมก็ครับ จะลองดู

ยอดหนี้มีปัญหา

รอจน 10 โมงกว่า ทนายกรุงไทยก็เข้ามา ได้คุยกัน เขาถามว่าจะเอายังไง ผมบอกว่าอยากจะผ่อน แต่ขอให้ช่วยลดยอดให้หน่อยและผ่อนส่งแต่ต้นจะได้มั้ย ทนายบอกว่าทางกรุงไทยให้ข้อเสนอมาบอกว่าส่งต้นอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีดอกเบี้ยหลังจากตัดสินด้วย แต่คิดแค่ 10% ต่อปีเท่านั้น

ถึงตอนนี้ศาลท่านก็เข้ามาในห้อง ทุกคนยืนทำความเคารพ ท่านนั่งบัลลังก์พิจารณา ทุกคนก็นั่งลง ศาลเริ่มเรียกคดีไปคุย ผมกับทนายโจทก์ก็คุยกันเบาๆ ต่อ เพราะยังไม่จบ ผมขอจ่ายแบบขั้นบันได ปีแรกน้อยหน่อย แล้วค่อยๆ เพิ่ม เพราะตอนนี้ผ่อนเจ้าอื่นอยู่ สรุป เขาให้ผ่อน 3 ปี ยอดรวม แสนกว่าๆ ไม่รวมดอกเบี้ย (ผมนึกในใจ ยอดตามฟ้องมันแค่ 8 หมื่นนี่นา) ปีแรก เริ่มที่ 1500 ปีสุดท้ายประมาณ 5000 ผมบอก ตามคำฟ้องที่ผมถือมามันยอด 8 หมื่นกว่าเองนี่ ทำไมกลายเป็นแสนกว่าล่ะ ทนายบอกก็เป็นยอดบัตรหลักบัตรเสริมรวมกัน ตามที่เขียนไว้ในคำฟ้องนี่ไงครับ แล้วก็บวกเลขให้ดู ผมก็ ครับ...ครับ (ผมอ่านคำฟ้องมาแล้ว ไม่ใช่เป็นแสนแน่นอน)

ได้เลื่อนนัดอีกครั้ง

ตอนนี้ทนายกรุงไทยนึกอะไรขึ้นมาได้ บอกผมว่า การทำยอมต้องทำพร้อมกันทั้งบัตรหลักบัตรเสริม หรือบัตรหลักที่เป็นจำเลยที่ 1 มาคนเดียวก็ได้ แต่ให้บัตรเสริม ที่เป็นจำเลยที่ 2 มอบอำนาจมา จึงจะทำยอมได้ ผมเลยบอกเอางั้นก็เลื่อนไปอีกนัดก็แล้วกัน ผมจะพาจำเลยที่ 2 (แฟนผมเอง) มาด้วย ทนายโจทก์โอเค ต้องเลื่อน เดี๋ยวแจ้งกับศาล

ถึงคิวแล้ว ศาลท่านก็เรียก ทั้งทนายโจทก์ และผมไปยืนอยู่เบื้องหน้าท่าน ท่านก็ถามว่าตกลงกันได้มั้ย ทนายโจทก์บอกว่า ตกลงธนาคารจะให้ผ่อน แต่ขอเลื่อนนัดเพื่อมาทำยอม เนื่องจากวันนี้จำเลยที่ 2 ไม่มา ท่านก็ถามว่ายอดเท่าไหร่ที่จะทำยอมกัน ทนายบอกยอดแสนกว่า ศาลท่านดูตัวเลขในคำฟ้อง แล้วบอกทนายโจทก์ว่า แค่ 8 หมื่นกว่านี่ ทำไมไปเก็บเขาเป็นแสน ทำเสียงดุ ทนายโจทก์ก็รีบอธิบาย ว่าของบัตรหลักเท่าไหร่ บัตรเสริมเท่าไหร่ ซึ่งผมเข้าใจแล้วว่าทนายโจทก์ผิด เพราะมูลฟ้องและเงินที่เรียกร้องจากจำเลยที่ 1 มันมีตัวเงินของบัตรเสริมอยู่ในนั้นแล้ว แต่ทนายนำยอดของจำเลยที่ 2 ซึ่งนับแยกไว้ต่างหาก มารวมอีก ทำให้มันซ้ำซ้อน ผมจึงขออนุญาตท่านให้ผมชี้แจง ผมบอกท่านว่าเท่าที่ผมจำได้จากคำฟ้องยอดรวมจะต้องเป็น 8 หมื่น ไม่ใช่แสนกว่า ตามที่ทนายโจทก์แจ้ง แต่ผมพูดได้ไม่มาก…

ศาลให้คำแนะนำ ใจดีมาก พูดนิ่มๆ

ท่านขัดผมเสียก่อน และบอกผมว่า ...สิ่งใดก็ตามที่จำเลยเห็นว่าไม่ถูกต้อง จำเลยมาพูดปากเปล่าแบบนี้ศาลนำมาพิจารณาไม่ได้ จะต้องทำคำให้การแจ้งกับศาลให้ชัดเจน ศาลยินดีเสมอ และหากคิดว่าโจทก์ไม่ถูกต้องก็ขอต่อสู้คดีได้ ศาลไม่ได้ปิดโอกาสลูกหนี้เลย แต่ต้องไปคิดพิจารณาให้ดีๆ เพราะธนาคารก็มีหลักฐานเอกสาร มีอัตราดอกเบี้ยต่างๆ บอกไว้ชัดเจน และธนาคารก็สามารถเรียกเก็บทุกอย่าง โดยใช้ประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นข้อปฎิบัติ แบบที่ได้แนบสำเนาประกาศมาในคำฟ้อง ก็ลองไตร่ตรองดู นัดหน้า ถ้าหากคิดว่ายอดหนี้ไม่ถูกต้อง หรือมีอะไรที่คิดว่าจะสู้คดีกับโจทก์ ก็ให้เตรียมมาให้พร้อม ศาลยินดีที่จะพิจารณาพยานบุคคล หรือจะเป็นพยานเอกสารก็ได้ และคงต้องไปแต่งตั้งทนายมาด้วย ซึ่งจำเลยก็คงมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก ก็คิดดูให้ดี หรือจะมาทำยอมกันในนัดหน้าก็ได้ ถ้าสามารถตกลงกับโจทก์ได้... ผมเลยเรียนท่านว่า จะไปคิดดู และจะลองคุยกับทนายโจทก์อีกครั้งว่ายอดเท่าไรกันแน่ เสร็จแล้วศาลท่านก็ให้โจทก์ จำเลยนัดวันกับ จนท. หน้าบัลลังก์ ก็ได้วันนัดใหม่ ในอีก 2 เดือนข้างหน้า

เสร็จแล้วก็กลับมานั่งที่ม้านั่งยาว คุยกับน้องสมาชิกชมรม ว่าเข้าเวบน่ะใช้นามแฝงอะไร น้องเขาบอกว่าเข้าไปอ่านอย่างเดียว ไม่ได้เขียนแสดงความเห็นอะไร แล้วน้องเขาก็ถามนามแฝงผม ผมบอก เอาไว้คุยกันทีหลังนะ ก็ขอเบอร์โทรไว้ บอกว่า แล้วพี่จะโทรไปคุยด้วย...

ผมได้ข้อพิสูจน์ในการไม่ยื่นคำให้การในครั้งนี้ โดยพยายามพูดปากเปล่า ผลก็เป็นอย่างที่เล่ามา ผมจึงขอยืนยันกับทุกคนที่จะไปศาลอีกสักครั้งว่า...อยากจะชี้แจงเรื่องอะไรในคดี ต้องทำเป็นเอกสารยื่นเป็นคำให้การให้ชัดเจนเท่านั้น ศาลจึงจะรับฟัง นำไปพิจารณาให้เราได้ เพราะเป็นสิทธิของเรา ตามข้อกำหนดของกฎหมายแพ่ง

ผมมาทำยอม เป็นหนี้ต้องใช้ ถึงเวลาก็ต้องใช้คืน บางคดีที่ปิดด้วยการ hair cut นั่นก็คือความลงตัว แต่คดีไหนเกิดรวบรวมเงินไม่ทัน ก็ต้องผ่อนไปตามยอม จัดให้เจ้าหนี้ไป ตามที่ตั้งเป้าไว้ล่วงหน้าแบบเรารับได้ เพราะดูแล้ว ยอดรวมที่ต้องผ่อนต่อเดือน ยังไม่เกิน 30% ซึ่งผมพยายามเดินแนวทางนี้ ผมจำได้ว่าแนวความคิดเรื่องการใช้คืนมันเปลี่ยนไปจากเดิม ที่เคยคิดจะให้อายัดเงินเดือน 30% ไปเลย แต่ตอนนี้ผมเลือกในแบบที่เหมาะกว่าแทน
[/color]

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
12 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #353 โดย 0834368962
หลังจากได้เลื่อนมาอีก 2 เดือน พอถึงธันวาคม 2550 ถึงกำหนดไปศาล จึงพากันไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับ ktc ไปกันสองคนกับแฟน
เพราะต้องไปเซนต์ชื่อจำเลย 1 และ 2 ซึ่งเป็นบัตรหลักและบัตรเสริม

(หมายเหตุ: สืบเนื่องจากสมัยนั้นยังต้องรับผิดชอบด้วยกันทั้งบัตรหลักบัตรเสริม
ไม่เหมือนสมัยนี้ เพราะบัตรเครดิตที่ออกหลังจาก 1 เมษายน ปี 2547 บัตรหลักรับผิดชอบหนี้สินแต่เพียงผู้เดียว)




สัญญาประนีประนอมยอมความ

ระหว่าง บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โจทก์

นาย ........ ที่ 1 นาง ............ ที่ 2 (หมายถึง จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2)

เรื่อง ผิดสัญญาบัตรเครดิต

ข้าพเจ้า โจทก์และจำเลยทั้งสอง ขอทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลมีข้อความ
ดังที่จะกล่าวต่อไปนี้

ข้อ 1 จำเลยทั้งสองตกลงร่วมกันชำระหนี้แก่โจทก์จำนวนทั้งสิ้น 7x,xxx บาท พร้อมดอกเบี้ย
อัตราร้อยละ 10 ต่อปี ของเงินต้น 6x,xxx บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ
(ฟ้อง มีนาคม 2550)

ข้อ 2 จำเลยที่ 2 ตกลงชำระหนี้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ยอดหนี้ตามข้อ 1 เพียงจำนวน 4x,xxx
พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 10 ต่อปี ของเงินต้น 3x,xxx นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะ
ชำระเสร็จ

ข้อ 3 ในการชำระหนี้ของจำเลยทั้งสอง ตกลงผ่อนชำระเป็นรายเดือนๆ ละไม่น้อยกว่า 2 พันบาท
โดยตกลงผ่อนงวดแรกภายใน วันที่ xx เดือนกุมภาพันธ์ 2551 และงวดต่อไปทุกวันที่ 5 ของเดือนถัดไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ทั้งนี้จะต้องไม่เกิน 36 งวด

ข้อ 4 หากจำเลยผิดนัดไม่ว่างวดใดงวดหนึ่ง ให้ถือว่าจำเลยผิดนัดชำระหนี้ในส่วนที่เหลือ ยินยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันที


ข้อ 5 ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความที่ศาลไม่สั่งคืน ให้ตกเป็นพับ

ข้อ 6 โจทก์และจำเลยทั้งสองยินยอม ตามความในข้อ 1 ถึงข้อ 5


ข้าพเจ้าได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญ

..............................โจทก์

..............................จำเลย


คู่่ความได้ลงชื่อต่อหน้าข้าพเจ้า

..............................ผู้พิพากษา

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
12 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา - 12 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #354 โดย 0834368962
สรุปยอดหนี้ในระบบ ณ เดือนพฤษภาคม 2552



จะเห็นว่ายอดหนี้ยังคงค้างอยู่ค่อนข้างมากกว่าน้องๆ หลายคนที่เกือบหมดหนี้กันแล้ว หรือหมดหนี้ไปแล้ว อันเนื่องมาจากสาเหตุและตัวแปรหลายต่อหลายประการ
ซึ่งคิดว่าคงมีบางคน ที่อาจจะอยู่ในอาการเดียวกันกับผม ที่คิดว่าหนี้ของตัวเองนั้น
ลดลงไม่ได้ดั่งใจเลย[/color]

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
12 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #355 โดย 0834368962
รายงานหนี้ที่ยังคงเหลือ ณ วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม 2553



...ยังไม่จบ [/color]

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.788 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena