เลือกโครงการบ้านอย่างไร ไม่ช้ำใจไปจนตาย

เลือกโครงการบ้านอย่างไร ไม่ช้ำใจไปจนตาย


สำหรับโครงการบ้านในปัจจุบันมีมากมายหลายโครงการให้เราได้เลือกตัดสินใจกันแทบไม่ถูกเลยทีเดียว แถมยังมีโปรโมชั่นดีๆ ให้เหล่าคนรักบ้านได้เลือกสรรกันอีกด้วย เพราะบ้านนั้นถือเป็นโครงการในฝันของใครหลายๆ คนที่ใฝ่ฝันอยากจะมีบ้านสักหลังเพื่อครอบครัว เรียกว่าเป็นการสร้างความภาคภูมิใจรูปแบบหนึ่งก็ว่าได้
แล้วโครงการบ้านต่างๆ ที่มาพร้อมโปรโมชั่นโดนใจนี้มันจะดีจริงหรือไม่ และคุ้มค่ากับการลงทุนครั้งนี้หรือเปล่า จึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องหาข้อมูลดีๆ มานั่งศึกษาถึงรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ในโครงการบ้านกันให้ดีเสียก่อน เพราะหากพลาดไปเลือกซื้อบ้านกับโครงการที่มีดีแค่เพียงโปรโมชั่นแล้วล่ะก็ นอกจากจะต้องมานั่งเสียใจในภายหลังแล้ว ยังต้องกล้ำกลืนฝืนทนกันไปตลอดชีวิตกันเลยทีเดียวนะคะ

ก่อนจ่ายเงินก้อนกับโครงการบ้านต้องดูอะไรบ้าง
- ต้องดูวิวทิวทัศน์รอบๆ บริเวณบ้านของโครงการบ้านแต่ละแห่ง เพราะหากบรรยากาศรอบๆ บ้าน รวมทั้งในบ้านดีแล้วล่ะก็ จะทำให้เรารู้สึกถึงความร่มรื่นเจริญหูเจริญตา มองไปทางไหนก็สดชื่น กับวิวสวยๆ บรรยากาศดีๆ เป็นใครจะไม่ชอบล่ะคะจริงมั้ย

- คำนึงถึงทิศทางลมและแดดในการเลือกซื้อบ้านของโครงการบ้านแต่ละที่เป็นสำคัญ เพราะหากเลือกทิศทางถูกแล้วล่ะก็ บ้านเราก็จะมีลมเย็นๆ พัดผ่านเข้ามาตลอด ทำให้บ้านไม่ร้อนอบอ้าวนั่นเอง ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักจะเลือกทิศใต้กับทิศเหนือเป็นหลัก เพราะสองทิศนี้เป็นทิศที่มีลมพัดผ่านทำให้บรรยากาศร่มรื่นไม่ร้อนค่ะ

- คำนึงถึงซอยและทางเข้าบ้าน ควรดูว่าโครงการบ้านที่เรากำลังตัดสินใจเลือกนั้นติดถนนหลักหรือไม่ ส่วนใหญ่บ้านที่อยู่ช่วงต้นซอยจะสามารถเพิ่มมูลค่าแก่ตัวบ้านได้มากกว่า หรือหากเป็นซอยตันหลายคนอาจชอบเพราะรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัว ผู้คนไม่พลุกพล่าน แต่อาจไม่สะดวกในการขับรถเข้า-ออกนะคะ หรือหากมีฝุ่นฟุ้งกระจายเมื่อเจอกับซอยตันก็ไม่สามารถระบายฝุ่นเหล่านั้นออกไปได้ รวมทั้งคำนึงถึงทางสามแพร่งตามหลักฮวงจุ้ยด้วย ตลอดจนสะพานลอย หรือทางด่วน เป็นต้น

- ควรดูเพื่อนบ้านของเราให้ดีด้วย เพราะหากได้เพื่อนบ้านที่ดีก็จะทำให้ชีวิตของเราอยู่ได้อย่างสงบและปลอดภัยนะคะ


เคล็ดลับการตรวจสอบก่อนเลือกโครงการบ้าน
- ควรดูว่าที่ดินนั้นได้รับอนุญาตให้ทำการจัดสรรจริงๆ หรือไม่ เพราะโดยทั่วไปหากเป็นโครงการบ้านที่จัดสรรขึ้นโดยปกติย่อมต้องมีไว้เพื่อจำหน่ายตั้งแต่ 10 แปลงขึ้นไปอยู่แล้ว ซึ่งกฎหมายได้กำหนดให้ทำการยื่นขออนุญาตในการจัดสรรที่ดิน ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.การจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 ซึ่งเป็นการบังคับให้ผู้ประกอบการโครงการบ้านต่างๆ ต้องจัดระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ให้ดี ทั้งระบบประปา, ไฟฟ้า, ท่อระบายน้ำ หรือถนนหนทางต่างๆ เป็นต้น โดยผู้ซื้อได้มีสิทธิ์ขอดูใบอนุญาตนี้จากโครงการบ้านต่างๆ ได้

- ควรดูว่าโครงการบ้านที่เราเล็งไว้นี้ได้รับอนุญาตให้มีการปลูกสร้างอาคารหรือไม่ ซึ่งจำเป็นต้องดูให้ละเอียดว่าตรงกับแบบแปลนที่ได้ทำสัญญาไว้หรือไม่ด้วย ยิ่งในผู้ประกอบการโครงการบ้านบางรายที่มีการแยกทำสัญญาขายที่ดิน รวมทั้งสัญญาว่าจ้างในการปลูกสร้างอาคารไว้เป็นคนละฉบับกัน เราจึงต้องขอดูเพื่อความแน่ใจในการเลือกโครงการบ้านทุกครั้งนะคะ

- เราควรดูว่าผู้ประกอบการโครงการบ้านที่เราจะเลือกซื้อนั้นมีความน่าเชื่อถือมากหรือน้อยเพียงใด โดยอาจสอบถามได้จากผู้ที่อยู่อาศัยในโครงการบ้านเก่าๆ มาแล้ว หรืออาจเข้าไปตรวจสอบบัญชีดำที่รายชื่อผู้ประกอบการโครงการบ้านถูกขึ้นบัญชีไว้กับทางสำนักคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคก็ได้ค่ะ

- ควรดูว่าขนาดและผังของโครงการบ้านนั้นมีความเหมาะสมกับสภาพการอยู่อาศัยหรือไม่ โดยสามารถเช็กได้เพราะในปัจจุบันทางคณะกรรมการควบคุมการจัดสรรที่ดินได้มีการกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำในเรื่องสาธารณูปโภคและสาธารณูปการไว้อยู่แล้วในที่ดินจัดสรรของแต่ละโครงการบ้าน และสำหรับการวางผังเราก็ต้องพิจารณาตามที่ผู้ประกอบการได้ยื่นขออนุญาตมา เราจึงต้องมีการตรวจสอบดูว่าผังนั้นเหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัยหรือไม่ และดูถึงความแออัดด้วยว่าแออัดเกินไปหรือเปล่านะคะ

- ดูว่าพื้นที่ของโครงการบ้านนั้นๆ จะมีน้ำท่วมขังได้หรือไม่ หรือมีการปรับระดับให้สูงกว่าถนนสาธารณะนอกโครงการหรือเปล่า โดยเราอาจสังเกตได้จากตัวรั้วบ้านเดิมหรือเสาไฟฟ้าในโครงการบ้านนั้นๆ ซึ่งหากพื้นที่ของโครงการบ้านนั้นเคยมีประวัติน้ำท่วมขังส่วนใหญ่จะปรากฏเป็นรอยคราบน้ำหรือตะไคร่น้ำทิ้งไว้ตามผนังรั้วบ้านหรือเสาไฟฟ้าให้เห็นอย่างชัดเจน

- สำรวจตัวเราและครอบครัวว่ามีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนกับค่าส่วนกลางที่เราต้องเสียในแต่ละปีกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในโครงการบ้าน อาทิ สระว่ายน้ำ หรือสโมสร เป็นต้น เพราะสิ่งเหล่านี้ที่มาอำนวยความสะดวกให้เรามักจะบวกค่าต้นทุนบ้านเพิ่มเข้าไปด้วย

- สอบถามวิธีในการผ่อนชำระว่าเหมาะสมกับระดับรายได้ของเราหรือไม่ และควรรู้ว่าการเลือกผ่อนสินเชื่อในที่อยู่อาศัยกับธนาคารหรือสถาบันการเงินต่างๆ ดอกเบี้ยเป็นอย่างไร เพราะบางที่ดอกเบี้ยจะคงที่ ในขณะที่บางแห่งดอกเบี้ยอาจลอยตัว เราจึงตรวจเช็กให้ดีก่อนว่าธนาคารหรือสถาบันการเงินไหนมีอัตราดอกเบี้ยเป็นอย่างไร เหมาะกับอาชีพของเราหรือไม่ และเราจะสามารถผ่อนชำระได้ตลอดไปหรือเปล่า รวมทั้งสอบถามถึงเงื่อนไขที่จะเกิดขึ้นในภายหลังด้วย

- ดูถึงภาระผูกพันต่อที่ดินหรือโครงการบ้านที่มีต่อธนาคารหรือสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งโดยมากผู้ประกอบการจะทำการขอสินเชื่อมาทำโครงการบ้าน ซึ่งมีการนำที่ดินที่จะมาทำโครงการบ้านเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันนั้น เราก็ต้องแน่ใจว่าหากถึงเวลาที่ต้องโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินภาระผูกพันนี้จะยังอยู่หรือปลดจำนองได้เลยทันที

- ควรดูในเรื่องของการจดภาระจำยอมของถนนที่จะเข้า-ออกในโครงการบ้านด้วย ถ้าจะให้ดีเราควรเลือกโครงการบ้านที่อยู่ติดกับถนนสาธารณะ ซึ่งมีหลายโครงการเลยทีเดียวที่อยู่ติดกับถนนสาธารณะ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการโครงการบ้านต้องขอจดภาระจำยอมขอผ่านทางจากเจ้าของรายอื่นด้วย โดยหากมีเงื่อนไขหรือมีระยะเวลาก็อาจทำให้เกิดปัญหาขึ้นในภายหลัง

- ดูถึงระบบการบริการสาธารณูปโภคของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นระบบประปา หรือไฟฟ้า รวมทั้งการจัดเก็บขยะด้วย เนื่องจากในปัจจุบันมีโครงการบ้านหลายโครงการที่อยู่นอกเขตของการประปาหรือการไฟฟ้า
- ดูว่าพื้นที่รอบๆ โครงการบ้านมีโรงงานที่ทำงานช่วงดึกหรือไม่ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงจากปัญหาที่จะตามมาในภายหลัง

- ควรดูว่าโครงการบ้านนั้นอยู่ใกล้กับเมรุวัด หรือศาสนสถานหรือไม่ เพราะนอกจากกลิ่นควันจากเมรุที่ไม่พึงประสงค์แล้ว ยังมีผู้คนพลุกพล่านในช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆ อีกด้วย

- ควรศึกษาดูว่าการระบายน้ำในโครงการบ้านนั้นๆ จะระบายน้ำออกไปทางใด

- มองถึงปัญหาในอนาคต เช่น หากเราจำเป็นต้องเดินทางในช่วงกลางคืน ถนนหนทางเป็นอย่างไร หรือรถโดยสารสาธารณะมีหรือไม่ รวมทั้งมีพื้นที่รกร้างหรือเปลี่ยวมากน้อยแค่ไหน

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับการเลือกซื้อบ้านจากโครงการบ้านต่างๆ คงพอทราบเทคนิคกันบ้างแล้วนะคะ ทั้งนี้ เพื่อความชัวร์ลองไปทำการศึกษาจากข้อมูลหลายๆ ด้านก่อนเลือกโครงการบ้านก็ดีนะคะ ไม่ว่าจะเสิร์จข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต หรือสอบถามผู้ที่เคยซื้อโครงการบ้านต่างๆ ไป หรือผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญ ก็จะทำให้เราได้ความรู้ในการเลือกโครงการบ้านมากขึ้นค่ะ

หนี้เดิมยังใช้ไม่หมดเลย แล้วจะซื้อบ้านใหม่ไปให้โดนยึดเหรอครับ