เล่าประสบการณ์ไปศาลยุคปัจจุบัน ด้วยบัตรเครดิตและบัตรสินเชื่อรวมกัน 12 ใบ เป็นหนี้เฉพาะเง

ต้องขอบคุณเว้ปนี้ล่วงหน้า ทำให้มีชีวิตจนวันนี้ได้ ก่อนหน้านี้พอจ่ายไม่ไหวและหนี้สินพอกพูน ตัั้งใจว่าจะผูกคอตาย/โดดตึก เพราะที่ทำงานมีคนโดดตึกล่อย และเตรียมร่ำลาพ่อแม่ไว้แล้ว

เป็นหนี้เพราะเล่นแชร์กับเพื่อนที่ทำงาน ทำงาน ณ รพ.แห่งหนึ่ง อยู่เวรไม่ได้กลับบ้านมาร่วม ๆ ปี บ้าหาเงิน สุดท้ายก็มาพลาดท่า กดเงินสด ๆ ไปเล่นแชร์เปียไม่เคยได้ ส่งไปร่วม 4 แสนบาท ท้าวแชร์หนี แต่เวรกรรมตามทัน หนีไปโคราชกับสามีไม่ครบ 7 วัน สามีเป็นโรคหัวใจวาย ลูกชายรู้ข่าวรับไม่ได้ว่าแม่โกงแร์ลูกชายก็หนีออกจากบ้านพาเมียกับลูกออกไปด้วย

เรียงตามลำดับความเคี่ยว (เข็ญ) มาก ไป น้อย วงเงินในแต่ละบัตรเป็นดังนี้
- KTC บัตรเครดิต 2 บัตร แต่วงเงินรวม 50,000
- Citibank 90,000
- First Choice 40,000
- Central 40,000
- Krungsri 42,000
- Homepro 35,000
- Kasikorn 48,000
- AIA 30,000
- ธนชาติ 30,000
- AEON 95000 ** เห็นมีแต่คนบนด่าว่าเคี่ยว พูดจาไม่ดี แรก ๆ โทรมาพูดจากวนมาก 2-3 รอบ เถียงกับคนทวงจนเครียดเวลาโทรมาไม่เคยรับโทรศัพท์อีกเลยประมาณปีครึ่ง แล้วก็ส่งจดหมายมาว่าเราเป็นหนี้ 95000 นะ ขอให้ปิดที่ 72000 พูดง่ายมาก ๆ ถ้าเป็นที่อื่นคงบวกดอกเบี้ยยอดหนี้คงพุ่งไปที่ 1.6 แสนบาท เราขอต่อเค้าให้ได้ 71,140 บาท **

เข้าเรื่องตอนไปศาล
เจ้าแรกที่ฟ้องคือ First Choice ประมาณ 1 ปี โทรมาเตือนที่ทำงานว่าจะฟ้องแล้ว เราก็เชิญค่ะอยากไปคุยที่ศาลค่ะ เป็นไงเป็นกัน เพราะเราเข้ามาอ่านในนี้ไว้เยอะคิดว่าตัวเองมีข้อมูลแม่นแล้ว และก็ให้คุณอาไพโรจน์เขียนคำให้การให้

แต่ไม่เป็นเหมือนที่คิดไว้เลย ศาลนัดเวลา 9.00 น. มีคดีบัตรเครดิตอีก 3 คดี และคดีอื่น ๆ อีก ทนายมา ประมาณ 9.30 น. ผู้พิพากษามาตอน 10.40 น. พระเจ้า! นัดไว้ 9.00 น. ครั้งแรกไปก็ขอเลื่อนนัดศาล ไม่ได้คุยไรกับศาลท่านเลย นัด 2 มาถึงจะได้คุยเรายื่นคำให้การของเราท่านไม่อ่านคำให้การของเราเลยอ่านแต่สำนวนฟ้องของโจทก์ แล้วเริ่มต้นที่เราก็อ้างเหตุผลเรื่องอัตราดอกเบี้ยไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ศาลแย้งกลับว่าเค้าเป็นสถาบันการเงินอยู่ภายใต้ธ.แห่งประเทศไทยย่อมคิดดอกเบี้ยตามที่ธ.แห่งประเทศไทยกำหนดได้ เราถามกลับว่า ธ.แห่งประเทศไทยออกแค่หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข แต่ไม่มีหน้าที่ออกกฎหมายนะ ศาลท่านก็ตอบว่าไม่รู้สิแล้วแต่แนวทางของผู้พิพากษาแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราก็อ้าว ถามกลับไปว่าจะเอาเงินเบี้ยปรับและดอกเบี้ยที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายมาคิดกับลูกหนี้ได้ด้วยเหรอ ศาลตอบว่ายังไงก็ให้เป็นไปตามที่ ธ.แห่งประเทศไทยกำหนด ศาลไม่มีอำนาจตัดสินเป็นอย่างอื่น เราก็อ้าวอีกนึกในใจศาลไม่มีอำนาจตัดสินแล้วใครจะมีอำนาจตัดสินล่ะเนี่ย (แอบใจฝ่ออยู่เหมือนกันเราเถียงเยอะ แต่เราพูดความจริง)

ขึ้นศาลกับเจ้าหนี้รายที่สอง
เป็นบัตร KTC เคี่ยวมาก ๆ ขอจ่ายปิดยอดงวดเดียวเงินต้นไม่ลดสักบาทแถมคิดดอกเบี้ยย้อนหลังแบบเต็มเหนี่ยวคิดค่าทนายความ คิดค่าเบี้ยปรับ เลื่อนนัดมาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 เงินต้น 52000 เบ็ดเสร็จ 70000 เจ้านี้มีเงินไม่พอปิดก็เลยต้องทำยอม ในสัญญายอมเนี่ยทนายขี้โกงมาก ๆ เลย บอกว่าเรารป็นหนี้ 3 บัตร รวมทั้งหมดเป็นเงินต้น 70000 บาท เราก็ถามทนาย KTC ว่าตกลงเราเป็นหนี้เท่าไหร่ เค้าตอบว่า 59000 เราก็ถามกลับว่าเราเคยคุยกับเจ้าหน้าที่ KTC เค้าบอกเป็นแค่ 52000 นะ เค้าก็เลยไปดูสำนวนฟ้อง ปรากฎว่าเขียนผิดจริง ๆ เราก็เลยให้เค้าแก้จากยอดเงินต้น 70000 เป็น 52000 แล้วทนายให้เราเซ็นต์ชื่อและบอกให้เรากลับบ้าน โทรถามคุณอาไพโรจน์แนะว่าอย่าเพิ่งกลับให้ท่านลงนามก่อน พอถึงท่านเรียกชื่อเราเราก็เอาสัญญายอมความให้ดูบ่อกโจทก์คิดเงินต้นดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยเกินความเป็นจริง ยอดต้นแค่ 52000 แต่ให้เราทำสัญญาเป็นยอดต้น 70000 ศษลท่านก็ตอบว่าไม่เข้าใจว่าหมายความว่ายังไง เราก็งง งงตรงที่ว่าเค้างงอะไร ก็เค้าเขียนผิดอ่ะ ดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยไปอีก แทนที่ศาลจะตำหนิหรือว่าให้โจทก์แก้ไข ศาลกลับให้เราออกไปคุยตกลงกันนอกห้องว่าเป็นยังไง เราก็โทรหาอาไพโรจน์ว่าเอาไงดี ช่วงระหว่างที่โทรศัพท์อยู่สักพักทนายก็เรียกเข้าไปในห้อง เราก็บอกว่าเดี๋ยวเราเข้าไป แค่แป๊บเดียวศาลท่านหายไปจากบัลลังก์เลย เรางงมาก ๆ ไหนให้เราออกไปคุยข้างนอกแล้วทำไมจะไปไม่บอกหนีหายไปเลย เราก็กลับไปถามเสมียนว่าสรุปว่าไง เสมียนตอบคุณเซ็นยินยอมสัญญาประนอมหนี้ไปแล้ว แต่ตอบตอบว่าเรายังติดใจในเรื่องสัญญาอยู่ และศาลก็ให้เราออกไปคุยข้างนอกทำไมไปแบบนี้ เสมียนก็ไม่ตอบและเดินจากไป

ทิ้งความสงสัยให้เราเป็นอย่างมากว่าเดี๋ยวนี้เป็นกันขนาดนี้แล้วหรือ

ติดตามนะคะ หลังจากนั้นแล้ว ยังไงต่อ ไงก็ต้องสู้ๆนะคะ

รออ่านอย่างใจจดจ่อ ว่างแล้วมาอัพเดตหน่อยนะคะ เรามีนัดไปศาลเดือนมิถุนายน ของบัตรเทสโก้ พรีเมียร์ค่ะ สู้ๆนะคะ