ขอแบ่งปันประสบการณ์ในการปิดหนี้และเป็นกำลังให้ทุกคนหลุดพ้นจากหนี้ค่ะ

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณชมรมคนเป็นหนี้ที่ให้ความรู้และวิธีการปิดหนี้โดยไม่ได้แนะนำให้ทุกคนหนีหนี้ แต่แนะนำให้ถอยไปตั้งหลัก และจ่ายเมื่อเราพร้อม ต้องขอบอกก่อนว่าโดยส่วนตัวดิฉันเป็นคนที่ไม่หวงหนี้นะคะ ถ้ามีจะรีบจ่ายทุกครั้ง และจะรู้สึกอายมากๆถ้าหากถูกบัตรเครดิตโทรมาทวง แต่ด้วยปัญหาหนี้ที่พอกพูนมานาน มันเลยกลายเป็นปัญหาเงินช๊อต เอาหนี้ใบนี้มาปิดหนี้ใบนั้น จนหมุนเงินไม่ทัน สุดท้ายตัดสินใจพักหนี้เอาไว้ก่อน  โดยยึดสโลแกน ไม่มี ไม่หนี และจะจ่ายเมื่อพร้อมค่ะ เราเริ่มพักหนี้คือหยุดจ่ายทั้งหมดในเดือนกันยา2559
ด้วยภาระหนี้บัตรเครดิตรวมทั้งสิ้น5 ใบยอดกว่า300000บาท โดยคำนวณเป็นตัวเล็กกลมๆดังนี้
ยูเมะ80000
อิอ้อน60000
เฟริสช้อย66000
บัตรกดเงินสดกรุงศรี 60000
กสิกร40000
โดยในครั้งนี้เราเลือกเก็บไว้1บัตรเผื่อเวลาฉุกเฉิน เลยตัดสินใจเก็บบัตรกสิกรไว้เพราะยอดหนี้ไม่มากนัก แต่ตามหลักของการปิดหนี้ควรทิ้งให้หมดทุกบัตร
เดือนแรกที่เริ่มหยุดหนี้ ยอมรับว่าเครียดมากเจอทวงทุกๆ2ชม. โดยเจ้าแรกที่มีความพยายามมากที่สุดคือยูเมะค่ะ จ่ายช้าเลยกำหนดแค่1วันก็เริ่มมีพนักงานโทรมาทวงแล้วค่ะ เราก็รับสายปกตินะ บอกเขาตรงๆว่าไม่มีขอจ่ายเดือนหน้า  พนักงานก็ตื้อขอร้องให้เราจ่าย แต่เราใจแข็งค่ะฟังพนักงานว่านล้อมนิ่งๆ ไม่โต้ตอบ นางโทรทุกวันบางวันเราก็รับ บางวันเราก็ไม่รับ แต่ดีหน่อยที่เราไม่ได้ให้เบอร์บุคคลอื่นไว้กรณีติดต่อฉุกเฉิน นางเลยไม่ได้ติดต่อไปหาคนรอบข้าง ส่วนเจ้าหนี้รายที่2ที่ตื้อหนักไม่แพ้กันคืออิออน เจ้าหนี้รายนี้จ้างบริษัททวงหนี้โทรมาทวงเลยจ้า พนักงานพูดจาไม่ค่อยดี ใช้น้ำเสียงขู่ตลอด พอเราบอกว่าไม่พร้อมจ่ายนางก็ขึ้นเสียงบอกว่า"คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ คุณเป็นหนี้คุณต้องจ่าย ลองพยายามหน่อยสิคะเราคิดว่าคุณทำได้ ลองยืมใครมาก่อนก็ได้ พอจ่ายเสร็จคุณก็กดออกมาใช้ได้อีก" นางพูดวนอยู่แบบนี้2-3รอบ เราโมโหเลยบอกไปว่า"คุณค่ะ! ถ้าฉันพูดแล้วคุณยังไม่เข้าใจ คุณจะโทรมาวันล่ะกี่ครั้งก็โทรมาเถอะคะ ถ้าว่างฉันจะรับแต่ถ้าไม่ว่างฉันก็อาจจะไม่ได้รับนะคะ ฉันไม่หนีแน่นอนค่ะ ถ้ามีเงินก้อนฉันจะปิดหนี้คุณแน่ๆค่ะ แต่ตอนนี้ยืนยันคำเดิมค่ะว่ายังไม่มีและขอไม่จ่ายตอนนี้นะคะ" หลังๆอิอ้อนโทรมาเราก็ไม่รับค่ะ
ส่วนอีก2เจ้าที่เหลือคือ เฟริสช้อย กับบัตรกดเงินสดกรุงศรี เจ้าหนี้2เจ้านี้คุยง่าย ไม่ตื้อ โทรมาครั้ง สองครั้ง พอบอกว่ายังไม่พร้อมจ่ายขอเลื่อนไปก่อน เขาก็ถามเหตุผลว่าทำไมและก็นัดวันจ่าย พนักงานก็รับเรื่องเลื่อนวันจ่ายพร้อมแจ้งดอกเบี้ยและค่าทวงถามให้ทราบแค่นั้นจบ  ในช่วง1เดือนแรกชีวิตก็วนอยู่อย่างนั้นค่ะ โทรถี่มากเราก็พูดประโยคเดิมๆคือยังไม่มีค่ะ ไม่พร้อมจ่ายค่ะ พอเริ่มเข้าสู่เดือนที่2 การทวงหนี้ก็ยังคงเข้มข้นเหมือนเดิมครองแซมป์นักทวงอันดับ1ก็ยังเป็นยูเมะเหมือนเดิม ทวงเช้ากลางวันเย็นตื้อแบบสุดๆ เรารับบ้างไม่รับบ้างแล้วแต่อารม ส่วนอิอ้อนเดือนที่2เริ่มรามปามโทรไปหาแม่เราค่ะ คืออันนี้เราโกรธมากไม่อยากให้แม่เครียด จึงพยายามรับสายนางวันละครั้งค่ะพนักงานก็แนะนำให้จ่ายหยอดทีละ500-1000 เพื่อเดินบัญชีแต่เรายังยืนยันคำเดิมค่ะว่ายังไม่มี  ส่วนบัตรกรุงศรียังนิ่งเหมือนเดิมนานๆโทรที ถามเราว่าสะดวกจ่ายมาวันไหน พอเราบอกว่ายังไม่พร้อมจ่ายเจ้าหน้าที่ก็ขู่ว่าจะส่งเรื่องตามกระบวนการและบัตรก็จะไม่สามารถใช้ได้อีก เราก็บอกรับทราบและยอมให้ดำเนินการในขั้นตอนต่อไปได้เลย พอเริ่มเดือนที่3 เป็นช่วงเดือนพฤษจิกายน ช่วงเวลาที่คนไทยทั้งประเทศโศกเศร้าเพราะเราสูญเสียในหลวง ร.9 สถาบันทวงหนี้ต่างๆหยุดทวงหนี้ไป1เดือน ช่วงนี้สบายหูมากเพราะไม่ต้องกังวนการรับสายของพนักงานทวงหนี้ค่ะ ช่วงเดือนนี้ละค่ะดิฉันพยายามหาข้อมูลเพื่อรับมือกับพนักงานทวงหนี้และหาข้อมูลเพื่อจะปิดหนี้ จนได้ไปรู้จักกับคมรมคนเป็นหนี้บัตร ดิฉันได้ความรู้เยอะมากจากเวปของชมรม มีแนวทางในการรับมือกับการทวงหนี้มากขึ้น พอเริ่มเข้าเดือนที่4 การทวงหนี้ก็กลับมาอีกครั้ง แต่รูปแบบการทวงหนี้ของแต่ละธนาคารเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย คือมีการเปลี่ยนพนักงานในการติดตามหนี้และการเจรจาของพนักงานเริ่มง้อเรามากขึ้น มีทั้งแนะนำและพยายามหาทางออกให้เรา ทุกธนาคารมีการเสนอให้ปรับโครงสร้างนี้เพื่อลดดอกเบี้ยและผ่อนขั้นต่ำของแต่ละเดือนน้อยลง แต่พอคำนวณแล้วก็ยังแพงอยู่ดีและข้อเสนอก็ยืดเวลาในการผ่อนนานถึง5ปีคิดๆดูยังไงก็ขาดทุน และโชคดีที่เราไปอ่านเจอในชมรมคนเป็นหนี้ได้แนะนำไว้ว่าห้ามทำสัญญานรกนี้เด็ดขาดเพราะมันเป็นการยืดภาระการเป็นหนี้และดอกเบี้ยแทบไม่ได้ลดเลย เราตัดสินใจปฎิเสธข้อเสนอนี้กับทุกธนาคารค่ะ แต่พอกลางเดือนก็เริมมีการเสนอให้ส่วนลดในการปิดหนี้ โดยเริ่มที่ยูเม๊ะให้ส่วนลดมากสูงสุด50% โดยยอดที่เสนอมาให้ปิดคือ47000บาท เจ้าหน้าที่แจ้งว่านี่คือยอด50%โดยคำนวณจากวันที่หยุดจ่ายจนถึงวันนี้ โดยเจ้าหน้าที่เสนอให้ผ่อนชำระเป็น6งวด เรายังรังเลและขอเวลาตัดสินใจ1อาทิตย์ ส่วนเจ้าหนี้รายที่2 อิออนก็ให้ส่วนลดเหมือนกันแต่ให้ไม่มากและให้จ่ายงวดเดียวด้วย หากแบ่งชำระก็ยังคงคิดดอกเบีย ดิฉันเลยตัดสินใจไม่รับข้อเสนอของอิออนค่ะ ส่วนเฟริสช้อยกับบัตรกดเงินสดกรุงศรียังเงียบค่ะ ไม่มีการเสนอสวนลดของการปิดหนี้ มีแต่แนะนำให้เข้าร่วมโครงการประนอมหนี้อย่างเดียว  1อาทิตย์ผ่านไปยูเมะได้โทรเข้ามาตามนัดเพื่อขอคำตอบจากดิฉัน ตอนนั้นดิฉันได้ตอบปฎิเสธไปค่ะ เพราะคำนวณดูแล้วยังไงก็ยังไม่สามารถชำระได้ จนกระทั่งเข้าสู่เดือนที่5 เป็นช่วงเดือนมกราคม ดิฉันก็แอบหวังในใจลึกๆว่าอาจจะมีข้อเสนอดีๆจากธนาคารเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้ลูกค้าที่ดีอย่างดิฉัน5555 และแล้วก็เป็นอย่างที่คิดคะ อิอ้อนให้ส่วนลดมากขึ้นเสนอให้ปิดที่38000 จากยอก6หมื่นกว่าบาท แต่มีเงื่อนไขว่าต้องจ่ายงวดเดียวเป็นก้อนซึ่งตอนนั้นยังไม่มีเงินปิดจริงๆเลยปฎิเสธไปค่ะ ส่วนบัตรกดเงินสดกรุงศรีกับบัตรเฟริสช้อยก็ยังเสนอให้เข้าร่วมโครงการประนอมหนี้ตามเดิมค่ะ ส่วนเจ้าหนี้รายใหญ่ยูเมะรอบนี้มาแบบลดกระหน่ำเลยจริงๆ โดยเสนอให้ดิฉันจ่ายยอดปิดบัญชีเข้ามาแค่17500 บาท จากยอดรวมดอกเบี้ยทั้งสิ้น 98000 บาท ตอนนั้นดิฉันถามพนักงานซ้ำแล้วซ้ำอีกนึกว่าฟังผิดแต่พนักงานก็ยืนยันคำเดิมคะว่ายอดปิดเท่านี้จริงๆ หากไม่รับข้อเสนอภายในวันนี้เดือนหน้าก็จะไม่มีโปรโมชั่นนี้แล้ว เราก็เลยต่อลองกับพนักงานว่าขอส่วนลดเพิ่มอีกได้มั้ยขอสัก15000 เจ้าหน้าที่ก็ไม่ให้ค่ะยืนยันว่านี้คือลดเยอะสุดเเล้ว เพราะเป็นโครงการพิเศษในปีใหม่ และลดให้มากสุดได้แค่17000 บาทถ้วนและเจ้าหน้าที่ก็ได้ให้ข้อเสนอเพิ่มโดยให้เราสามาถแบ่งชำระได้4งวดโดยไม่คิดดอกเบี้ยเพิ่ม แต่งวดแรกต้องจ่ายเข้ามา10500 บาทก่อน งวดที่สอง 2500 งวดที่สาม 2500 งวดสุดท้าย1500 เราเลยตัดสินใจรับข้อเสนอนี้แบบไม่รังเลเลยค่ะ และขอให้เจ้าหน้าที่ส่งเอกสารสัญญาการปิดนี้มาให้ โดยมีนัดชำระงวดแรกในวันที่25มกราคมที่จะถึงนี้ค่ะ นับว่าเป็นการตกลงที่พอใจมากๆค่ะสำหรับยูเมะ ส่วนอีก3บัตรที่เหลือต้องรอลุ้นกันต่อไปค่ะว่าจะมีขอเสนออะไรให้เพิ่มเติมบ้าง ยังไงก็จะมาอัพเดทให้รู้ข่าวเรื่อยๆนะคะ